ตอนที่ 339 จุดอ่อน?
เย่ว์หยางหันไปดู เขาพบว่าคนที่เข้ามาใกล้เขาก็คือแองเจิ้ล ตัวประหลาดที่เป็นผู้นำ
ตอนนี้ เขาไม่มีพลังเหมือนแต่ก่อน
แองเจิ้ลปรากฏตัวในสภาพที่น่าสมเพช หลังของเขาได้รับความเสียหายเหลือขนปีกอยู่เพียงไม่กี่เส้น ผมสีทองไหม้เกรียมและหน้าซึ่งเคยดูยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยรอยแผลน่ากลัว การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดก็คือระดับของเขาตกลงไป ความแข็งแกร่งของเขาเดิมทีเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งตกลงมาจากระดับปราณก่อกำเนิดมาก เทียบจากมาตรฐานของมนุษย์ ปัจจุบันแองเจิลเท่ากับนักสู้ระดับ 7
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือน เจ้าผู้นี้ถึงกับกลายเป็นเช่นนี้
เมื่อเย่ว์หยางเห็นเขา เขาไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เนื่องจากผู้มาถึงเป็นศัตรูคนหนึ่ง เย่ว์หยางยกมือตั้งท่าไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 หรือนักสู้ระดับ 7 เย่ว์หยางก็ฆ่าได้โดยไม่คำนึงถึงระดับ
“อย่าฆ่าข้าเลย... ข้า, ข้าชื่อแองเจิ้ล ข้าเพิ่งจะฟื้นคืนความทรงจำได้ เชื่อข้าเถอะ ข้อมูลข้าจะเป็นประโยชน์กับเจ้า...”
หัวหน้าตัวประหลาดแองเจิ้ลแนะนำตัวเอง
หลังจากนั้น เขาลอบบอกความลับบางอย่างที่ทำให้เย่ว์หยางถึงกับสะท้านใจ
ข้อมูลของแองเจิ้ลน่าประหลาดมากเกินไป
เย่ว์หยางทำเป็นเหมือนไม่แยแส ทว่าใจของเขาลอบตกใจหนัก
สำหรับข้อมูลของแองเจิ้ลมาได้ถูกเวลามาก ด้วยข้อมูลนี้เขาสามารถเปลี่ยนใจเป็นอดทนร่วมมือกับหมิงรี่ฮ่าวไปก่อน
ความปรารถนาของตัวประหลาดแองเจิ้ลก็คือพึ่งพาเย่ว์หยาง ศัตรูผู้นี้ ที่เคยต่อสู้กันมาก่อน
ตอนนี้ไม่มีการรับประกันความปลอดภัยชีวิตให้เขา
ในที่สุด มดอย่างเขาก็เป็นได้เพียงแต่เสียสละเพื่อให้สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์ได้ร่างที่แท้จริงกลับคืนมา
ด้วยนิสัยของแองเจิ้ล เขาไม่ต้องการตกเป็นเครื่องบูชายัญ เหนืออื่นใดทั้งหมด เขาฟื้นคืนความทรงจำได้แล้ว เขาอยากกลับไปแดนสวรรค์ อย่างไรก็ตาม นอกจากเย่ว์หยางที่เป็นศัตรูแล้ว เขาไม่มีทางเลือกที่สอง
ตัวประหลาดแองเจิ้ลแอบขอความช่วยเหลือก็เหมือนกับจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนและกับดักศัตรู
อย่างไรก็ตาม หัวใจของเย่ว์หยางมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างลึกลับ เขารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นจริงทั้งหมด สัมผัสที่หกที่ลึกลับนี้เดิมทีก่อนนั้นเขาก็มีอยู่ แต่ยังอ่อนมาก แต่หลังจากผ่านประสบการณ์ดับแล้วเกิดใหม่ สัมผัสที่หกที่ลึกลับนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ผลก็คือ แม้ว่าเขาจะไม่มีทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ แต่สัมผัสที่หกที่ลึกลับนี้ สามารถระบุได้ว่าคำของแองเจิ้ลเป็นจริงอย่างมิต้องสงสัย
ไม่มีทางเลือกอื่น แองเจิ้ลเคลื่อนไหวเพื่อขอความช่วยเหลือก่อนที่จะต่อสู้กัน
เพราะภายในวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ เขาเป็นเหมือนกุ้งตัวน้อย อย่าว่าแต่ปลาใหญ่เลย แม้แต่ปลาน้อยก็ยังกินเขาได้
ถ้าแองเจิ้ลต้องการปกป้องตนเอง เขาต้องเลือกเอาระหว่างศูนย์กลางอำนาจ อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับวิธีที่เขาเลือก เขาอาจจะต้องตายในที่สุด แองเจิ้ลต้องการอยู่รอด ขณะที่ผลของการตัดสินใจคงไม่มีใครจินตนาการได้ออก
เขาเลือกพึ่งพาศัตรูอย่างเย่ว์หยาง
พอไม่มีทางเลือกอื่น วิธีคิดเช่นนี้ถือว่ากล้าหาญมากและยังฉลาดพออีกด้วย
เรื่องที่แองเจิ้ลลอบขอความช่วยเหลือ เย่ว์หยางไม่ได้สงสัยว่าเขาจะซ่อนเร้นปิดบังอะไรมากนัก ทั้งนี้เพราะความต้องการของแองเจิ้ลก็เพื่ออยู่รอดและกลับไปแดนสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลข่าวที่เขายื่นเป็นข้อเสนอบางอย่างให้เย่ว์หยางเป็นสิ่งจำเป็นในตอนนี้จริงๆ ถ้าแม้เป็นกรณีที่เจ้านี่เป็นไส้ศึกที่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองส่งมา เย่ว์หยางก็ไม่ใส่ใจ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่แองเจิ้ลจะประสบความสำเร็จ และเขาคงไม่ยอมเชื่อแองเจิ้ลแน่นอน
ก็แค่หมากตาหนึ่ง!
นี่คือวิธีที่เย่ว์หยางปฏิบัติต่อแองเจิ้ล!
“ถ้าสถานการณ์เป็นดังที่เจ้าพูด อย่างนั้นข้าจะเชื่อเจ้าในตอนนี้ก่อน จากข้อมูลของเจ้า ทำให้ข้าเตรียมแผนได้หลายแผน เจ้าควรจะกลับไปก่อนและสงบใจรอข่าวจากข้า!”
เย่ว์หยางพึมพำเบาๆ เย่ว์หยางไม่ได้เพิกเฉยต่อความคงอยู่ของตัวประหลาดแองเจิ้ลเพียงเพราะเขามีพลังตกลงไปจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 เป็นนักสู้ระดับ 7 ภายในวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ แองเจิ้ลไม่ใช่ตัวเล่นสำคัญแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสถานะของเขาจะต่ำต้อยเพียงใด แต่เขาก็ยังมีประโยชน์ แม้ว่าเขาจะยังไม่มีประโยชน์ในตอนนี้ก็ตาม หลังจากเย่ว์หยางก้าวเข้าสู่แดนสวรรค์ บางทีเขาอาจจะกลายเป็นหมากชั้นดีก็ได้
จากมุมมองของเย่ว์หยาง จะดีที่สุดถ้าเขาสามารถใช้แองเจิ้ลในสภาพยอดเยี่ยมที่สุด
พอกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ เย่ว์หยางเล่าเรื่องของหมิงรี่ฮ่าวและคำพูดของแองเจิ้ลให้สาวๆ ฟัง ตอนแรกสาวๆ ก็ตกใจและไม่เชื่อถือ แต่ในที่สุด องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็หัวเราะลั่นอย่างสบายใจ
พอได้ยินเช่นนี้ เจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงส่ายศีรษะต่อไป
“ดูเหมือนว่าแดนสวรรค์และทวีปมังกรทะยานจะเต็มไปด้วยสงครามคล้ายกันทุกที่ นี่คือข่าวดีจริงๆ ข้าเห็นด้วยกับการร่วมมือกับหมิงรี่ฮ่าวเพื่อผนึกสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ไว้ก่อน สำหรับเรื่องอื่น เราค่อยๆ ปรึกษากันได้ ต่อเมื่อคทาเทพและผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ ตกอยู่ในเงื้อมมือ เราค่อยอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงปรบมืออีก
“อย่างนั้นเกี่ยวกับข้อมูลของแองเจิ้ล เราก็สามารถวางใจได้ ยังดีที่สถานการณ์ไม่เกินกว่าที่เราคาดมากเกินไป!”
เสวี่ยอู๋เสียไตร่ตรองเล็กน้อยในที่สุดก็พยักหน้าเห็นด้วย
นางเซียนหงส์ฟ้ากลับตรงกันข้าม ไม่มีการคัดค้านแต่อย่างใด นางทำตัวเหมือนหุ่นยนต์
ถ้าเป็นเรื่องอื่น นางเซียนหงส์ฟ้าจะร่วมอยู่ในแผนแน่นอน อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในโลกคัมภีร์ ดูเหมือนนางจะไม่ได้ให้ความเห็นแต่อย่างใดและแข่งความโดดเด่นกับคนอื่น นางยังคงนั่งอยู่เงียบๆ
เกี่ยวกับข้อมูลของแองเจิ้ล เย่ว์หยางและสาวๆ ปรับปรุงแผนการของพวกเขา
ตอนนี้ เรื่องร่วมมือกับหมิงรี่ฮ่าว ที่เป็นเหมือนเสือกินคนนั้น เย่ว์หยางมีความมั่นใจมากขึ้น
วันต่อมา เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าก็มาปรากฏตัวในวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ เมื่อหมิงรี่ฮ่าวพบพวกเขา เขามองดูนางเซียนหงส์ฟ้าด้วยความประหลาดใจ เขารู้สึกว่านางแข็งแกร่งขึ้น แต่ระดับนักสู้ของนางกลับลดลง นี่สร้างความประหลาดใจให้เขา เขาคาดว่านางต้องได้รับบาดเจ็บหนักและเพิ่งฟื้นคืนจากระดับนักสู้ที่ลดลง ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้ เขาระงับความสงสัยในใจและอธิบายให้เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าฟัง
“ในวิหารที่สาม มีพื้นที่ผนึกเล็ก พื้นที่ปิดผนึกก็คือสถานที่ซึ่งจักรพรรดิอวี้นอนพักอยู่ชั่วนิรันดร์และยังเป็นที่ซึ่งสองผู้ยิ่งใหญ่ถูกผนึกไว้ด้วย นอกจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 สองคนเทวทูตสายลมและเทวทูตสายฟ้า ก็ยังมีหวงซา นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 สามารถเข้าไปในพื้นที่ผนึกนั้นได้ ข้าจะลองเข้าไปดูและช่วยเรื่องทำพลีของคทาและผนึกของจักรพรรดิอวี้ นี่จะทำให้ผนึกพวกเขาทำงานใหม่อีกครั้ง เพราะเหตุนี้ ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ทั้งสองถึงได้สั่งให้เทวทูตสายลมและเทวทูตสายฟ้าให้เข้ามาห้ามข้าไม่ให้ทำพลี ตอนนั้นพวกเจ้าต้องรีบฆ่าหวงซาแล้วรีบมาช่วยข้า”
เย่ว์หยางพยักหน้า แสดงว่าเขาเข้าใจ จากนั้นเขาถามต่อ
“พวกเขามีจุดอ่อนตรงไหน?”
หมิงรี่ฮ่าวลดเสียงลง
“จุดอ่อนของหวงซาก็คือน้ำ นอกจากน้ำแล้วไม่มีอะไรอื่นฆ่าเขาได้ เทวทูตสายลมและเทวทูตสายฟ้ามีจุดอ่อนแต่ไม่ชัดเจน ร่างของพวกเขาเปลี่ยนแปลงได้จะบาดเจ็บได้ก็ต้องจู่โจมใส่แก่นกลางของพวกเขา แก่นกลางของพวกเขาจะโคจรอยู่ในร่างกายพวกเขาต่อเนื่องโดยระบุตำแหน่งที่แน่นอนไม่ได้ การโจมตีใส่แก่นกลางของพวกเขาทำได้ยากมาก...”
พอได้ยินเช่นนี้ นางเซียนหงส์ฟ้าแค่นเสียง
“ถ้าข้าจะเลือกคู่ต่อสู้ ข้าจะเลือกพวกเขาเอง แต่ไม่ใช่เจ้า”
หมิงรี่ฮ่าวมีสีหน้าแปรเปลี่ยน ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดตรงไปตรงมาว่า
“ข้าเข้าใจถึงความระแวงที่เจ้ามีต่อข้า ถ้าเป็นข้า ข้าก็จะไม่เชื่อใจศัตรูของข้าได้ง่ายนัก อย่างไรก็ตาม เราต้องร่วมมือกันในสภาพการณ์ปัจจุบันนี้ มิฉะนั้น เราก็จะลดการเสียสละที่จะช่วยให้ศัตรูหนีไป ถ้าพวกเจ้าต้องการรู้จุดอ่อนของข้า ข้าไม่กลัวที่จะบอกพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าเป็นพันธมิตรของข้า อย่างน้อยที่สุดเราก็เป็นพันธมิตรกันในปัจจุบัน คุณลักษณะพลังของข้าก็คือแสง ในที่ซึ่งมีแสงพวกเจ้าจะไม่สามารถฆ่าข้าได้เลย ในที่มืดมิดอย่างวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ พลังของข้าจะอ่อนแอลงมาก พลังดั้งเดิมของข้าจะเป็นพลังชั้นเทพระดับ 3 พลังเทพระดับ 3 นี้เป็นวิธีจัดลำดับในแดนสวรรค์ ในทวีปมังกรทะยาน พวกเจ้าจะเรียกว่า ปราณก่อกำเนิดขั้นสุดยอดระดับ 3 การจัดลำดับทั้งสองอย่างความจริงเป็นเรื่องเดียวกัน”
ในใจของเย่ว์หยาง ปรากฏร่องรอยความเข้าใจ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เข้าใจภาพใหญ่
หมิงรี่ฮ่าวเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้แสง เขามีพลังรุนแรงพอๆ กับดวงอาทิตย์และไม่ถูกฆ่าตายในที่ๆ มีแสง ถ้าเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นผู้เก่งกาจคนอื่นๆ อย่างอสุรกายดำที่ซ่อนตัวอยู่ในมุกลึกลับ เจ้าบัดซบนั่นต้องมีคุณสมบัติมืดแน่ เขาคงเป็นยอดฝีมือจากแดนสวรรค์ผู้ถูกผนึกไว้ในร่างของด้วงหยกขาว
ยอดฝีมือจากแดนสวรรค์เหล่านี้แข็งแกร่งกันมากทุกตน อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้เป็นอมตะ ก็แค่ว่ามนุษย์ยังไม่ค้นพบวิธีฆ่าพวกเขา
ถ้าคุณสมบัติมืดถูกใช้กับหมิงรี่ฮ่าวหรือคุณสมบัติแสงถูกใช้กับอสุรกายดำ พวกเขาจะแพ้ได้อย่างไร?
สำหรับเหตุผลเดียวกันนี้ ถ้าน้ำถูกกับหวงซา ถ้า “สุญญากาศ” ถูกใช้กับเทวทูตสายลม ถ้าฉนวนถูกใช้กับเทวทูตสายฟ้า พวกเขาจะแพ้ได้อย่างไร? สำหรับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ทั้งสอง เย่ว์หยางรู้สึกว่า เขาไม่มีความคิดโจมตีพวกนั้นชั่วคราว เกี่ยวกับคทาและผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ซึ่งผนึกพวกเขาไว้ที่นี่ ก็ดีพออยู่แล้ว
“เราจะใช้พลังทั้งหมดรุมสังหารฮวงซา ท่านให้เวลาเรามากแค่ไหน?”
“อย่างมากครึ่งชั่วโมง ถ้าใช้เวลามากกว่านั้น ข้าก็จะถูกผนึกข้างในไปด้วย ถ้าปราศจากนาง สองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์จะออกมาข้างนอกได้ ถึงตอนนั้นชีวิตของพวกเราก็คงถูกจัดการ”
หมิงรี่ฮ่าว มองเย่ว์หยางอย่างจริงจัง
“ภายในยี่สิบนาที เจ้าต้องฆ่าหวงซาและผู้ช่วยของเขาให้ได้ หลังจากนั้นภายในสิบนาที ให้ทำลายเสาเทพแห่งจักรพรรดิอวี้ในวิหารที่สองเพื่อปล่อยน้องสาวข้า หมิงเย่ว์กวง เสาเทพของจักรพรรดิอวี้ แม้ว่าจะไม่ใช่อาวุธเทพ แต่อาจกล่าวได้ว่ามันถูกใช้โดยจักรพรรดิอวี้ เขาใช้มันฝึกวิทยายุทธตั้งแต่เด็ก มันแข็งแกร่งและทนทานมาก”
“ท่านกำลังบอกว่าเราต้องทำลายเสาด้วยหรือ?”
พอได้ยินเช่นนี้เย่ว์หยางถึงกับมึนงง เสาทั้งหมดเหล่านี้หนาเป็นร้อยเมตร พวกเขาจะทำลายได้อย่างไร?
“มันไม่ใช่เสาหลัก ภายในโถงวิหาร มีเสาสำหรับฝึกพิเศษรวมเก้าต้น น้องสาวข้าเดิมทีเตรียมไว้ผนึกจักรพรรดิอวี้ไว้ภายใน อย่างไรก็ตาม พอเห็นพระมเหสีและพระธิดาของจักรพรรดิอวี้เสี่ยงชีวิตปกป้องเขา นางไม่สามารถหักใจทำได้และยกเลิกการผนึกของนาง อักษรรูนสวรรค์ในผนึกจึงสะท้อนกลับมาผนึกนางไว้ข้างใน”
หมิงรี่ฮ่าวไม่รอให้เย่ว์หยางพูด เขารีบเปลี่ยนร่างเป็นแสงพุ่งหายไปในท้องฟ้า
ก่อนที่จะหายไป เขาทำมือส่งสัญญาณ
“เริ่มโจมตีทันที”
ทันใดนั้นยอดฝีมือแดนสวรรค์หลายสิบคนบินตรงมาหาพวกเขาเหมือนกับดาวตก
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ใช่ศัตรูของเย่ว์หยาง พวกเขาได้แต่ล้อมเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้า และทำท่าเหมือนเข้าโจมตี... หลังจากผ่านไปชั่วขณะ เสียงโกรธคำรามเหมือนฟ้าร้องดังมาจากโถงวิหารที่สาม เสียงคำรามสั่นสะท้านวิหารเทพแห่งจักรพรรดิอวี้อย่างต่อเนื่อง
มียอดฝีมือแดนสวรรค์หลายสิบตนจากโถงวิหารที่สองและวิหารที่สามบินอยู่ด้านบน
บางพวกก็มีรูปร่าง ขณะที่บางพวกก็เป็นร่างวิญญาณ ทุกตัวตนแตกต่างกัน ตัวที่เป็นหัวหน้าจะอยู่ในร่างสีเงินเรืองแสง มีปีกน้ำเงินสองคู่อยู่ที่ด้านหลัง ในมือของเขามีดาบรูปทรงประหลาด เขาชี้มาที่ซาฟี่ตวาดใส่เขาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ซาฟี่, จู่โจมศัตรูเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะถือว่าพวกเจ้าที่มาจากนิกายสุริยันจันทราทรยศแดนสวรรค์ และจะประหารพวกเจ้าทุกคน!”
“หนีกั่ว, เจ้าสั่งข้าก็ไม่มีประโยชน์หรอก ข้าแค่ฟังคำสั่งจากท่านหมิงรี่ฮ่าว ถ้าเจ้าอยากจะร้องเรียน เชิญไปหาท่านหมิงรี่ฮ่าวและบอกเขาเอง!”
ซาฟี่โค้งคำนับอย่างมีมารยาทและสุภาพขณะยิ้มเล็กน้อย
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จงตายซะเถอะ!”
คนที่ชื่อหนีกั่วมีปีกปีศาจสีน้ำเงิน สั่งให้ยอดฝีมือแดนสวรรค์สิบกว่านายเข้าโจมตี
“ถ้าเจ้าต้องการสู้ เราจะร่วมสนองพวกเจ้าจนถึงที่สุด!”
ซาฟี่โบกมือแล้วทุกคนก็บินขึ้นโจมตีตอบโต้
มีเพียงเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้ายังคงยืนดูอยู่ตรงที่เดิมเหมือนกับมองดูการแสดงดีๆ สักอย่าง
ไม่มีใครเข้าใจเป็นเวลานาน
เย่ว์หยางอยากจะลงไม้ลงมือฆ่าสักเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นางเซียนหงส์ฟ้ายื่นมือฉุดลากเขาไปที่วิหารที่สาม เพื่อตามหาตัวหวงซา แม้ว่าหวงซาจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ต่ำกว่านางเซียนหงส์ฟ้าเล็กน้อย แต่การฆ่าเขาภายในเวลายี่สิบนาทียังคงเป็นเรื่องยากมาก เว้นแต่จุดอ่อนของเขาตกเป็นเป้าหมายโจมตี
น้ำสามารถใช้ยับยั้งหวงซาได้ แต่คำถามคือจะต้องใช้น้ำมากแค่ไหนถึงจะพอ
น้ำแก้วหนึ่ง?
น้ำถังหนึ่ง?
หรือจำเป็นต้องได้น้ำทั้งแม่น้ำหรือทั้งทะเลสาบ?
ก่อนที่นางเซียนหงส์ฟ้าและเย่ว์หยางจะทันได้เข้าไปในโถงวิหารที่สาม ทันใดนั้นพวกเขาพบว่าไม่ใช่แค่เพียงหวงซาเท่านั้น แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 เทวทูตสายฟ้าก็ยืนรอพวกเขาอยู่ที่หน้าประตู ..... พอเห็นเช่นนี้ เย่ว์หยางรู้สึกปากแห้งขึ้นมาทันใด
แม้จะไม่ได้คิดแต่ก็สามารถเข้าใจได้ว่าแผนของหมิงรี่ฮ่าวคงรั่วไหลแน่ อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่อาจทราบผู้ทรยศอยู่ดี
ภายในยี่สิบนาที พวกเขาจะโค่นล้มนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 เทวทูตสายฟ้าและนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ฮวงซาได้อย่างไร?
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=359