ตอนที่ 330 โจมตี พบศัตรู ฟันให้ขาด
เหวสิ้นหวัง
เมื่อเย่ว์หยางมายืนอยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าเต่ามังกรอีกครั้งผู้ที่มาพร้อมกับเขาอยู่ข้างๆ เขาไม่ใช่เย่ว์ปิงและอี้หนาน แต่กลับเป็นนางเซียนหงส์ฟ้าแทน
เห็นได้ชัดว่าเต่ามังกรชราจำนางเซียนหงส์ฟ้าได้
นางเซียนหงส์ฟ้าก็จำเขาได้เช่นกัน แต่นางไม่ทักทายเขา เหมือนกับว่าไม่เห็นอยู่ในสายตานาง เย่ว์หยางรู้สึกว่าต้องมีอะไรบางอย่างระหว่างนางเซียนหงส์ฟ้าและเต่ามังกรชรา บางทีพวกเขาอาจเคยต่อสู้กันในหอทงเทียนระดับสูง ในกรณีนี้ พวกเขาไม่ใช่สหายกันแน่นอน
เต่ามังกรเฒ่าถามด้วยน้ำเสียงชราภาพ
“พ่อหนุ่ม! เจ้าตัดสินใจบุกวังเทพจักรพรรดิอวี้หรือ?”
เย่ว์หยางเพียงแต่เหลือกตาเป็นคำตอบ
ถ้าเขาไม่ตัดสินใจบุกวังเทพจักรพรรดิอวี้ เขาจะมาที่อย่างนี้ทำไม? แน่นอนว่าเขายังคงได้ยินเต่ามังกรเฒ่ากังวลถึงเขา แม้ด้วยความช่วยเหลือของนางเซียนหงส์ฟ้า เต่ามังกรเฒ่านี้ก็ยังคิดว่าเขายังมีความสามารถไม่พอ มันเตือนเขาไม่ให้ประมาท ดังนั้นจึงให้โอกาสเขากลับไป ดูเหมือนว่าแค่นางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังไม่พอ
อย่างไรก็ตาม ยิ่งยากมากขึ้นเท่าไหร่ เย่ว์หยางก็ยิ่งสนใจวังเทพจักรพรรดิอวี้มากยิ่งขึ้น สิ่งเดียวที่เย่ว์หยางไม่กลัวก็คือการสู้ ถ้าศัตรูแข็งแกร่งเกินไป อย่างมากเขาจะทำตามที่เย่ว์หวี่พูด ซ่อนตัวในโลกคัมภีร์ ฟื้นฟูพลังเมื่อบาดเจ็บ จากนั้นค่อยออกมาสู้ใหม่
ถ้าชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย พี่น้องหงส์เพลิงและกิเลนสาวจะช่วยเขาแน่นอน
ด้วยการต่อสู้นี้ เขาน่าจะเข้าสู่ขอบเขตใหม่ของปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่หกได้ เขาจะฉวยโอกาสดังกล่าวในการต่อสู้นั้นได้อย่างไร?
แสงสีดำแว่บขึ้น
เต่ามังกรชราอาบแสงสีดำเต็มที่ ร่างเต่าค่อยๆ เปลี่ยนรูปช้าๆ
หลังจากผ่านไปนาน ก็เปลี่ยนรูปเป็นชายชรามีกระดองเต่าอยู่ด้านหลัง อย่างไรก็ตามเขาดูไม่เหมือนเฒ่าเต่าสะท้านฟ้า เขาดูไม่มีพลังแต่อย่างใด กลับดูอ่อนแอและเหนื่อยอ่อน เหมือนกับว่าเขาแก่มากจนใกล้จะตาย เต่ามังกรเฒ่ากลายร่างเป็นบุรุษชรามีเครายาวและผมขาวโพลน หน้าของเขามีแต่รอยตกกระ แม้แต่ร่างกายยังเปล่งกลิ่นอายของคนใกล้จะตาย
“ไปกันเถอะ!”
ผู้เฒ่าเต่ามังกรใช้ไม้เท้าหัวมังกรพยุงตัวเอง ขณะที่เขาค่อยๆ เดินตัวสั่นงันงกเดินนำทาง
“ท่านคงไม่สู้ร่วมกับเราใช่ไหม? เย่ว์หยางพูดไม่ออก ถ้าผู้เฒ่านี้ต้องการบุกวังเทพจักรพรรดิอวี้ได้วยกัน เขาจะมิเป็นตัวถ่วงหรอกหรือ?”
“ข้าจะพยายามช่วยอย่างดีที่สุดในโถงวิหารแรก พวกเจ้าคงต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวพวกเจ้าเองในอีกสองโถงวิหารที่เหลือ”
ผู้เฒ่าเต่ามังกรพึมพำ แม้ว่าตลอดทั้งร่างของเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่ดูเหมือนเขายังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เต่ามังกรใช้มือเขียนวงเวทอักษรรูนลึกลับที่ก้อนหินขนาดยักษ์
ขณะเดียวกัน เขาหมุนมันตลอดเวลาด้วยพลังภายในของเขา
วงเวทอักษรรูนเปล่งแสงสว่าง และประตูเทเลพอร์ตที่ดูแปลกประหลาดปรากฏอยู่ข้างหน้าเย่ว์หยาง
มีผนึกวงเวทอักษรรูนอยู่บนประตูเทเลพอร์ต คนภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้ แต่มันสามารถเปิดจากด้านในได้ ผู้เฒ่าเต่ามังกรเบียดร่างที่อ่อนล้าของเขาเข้าไปในประตูเทเลพอร์ตทีละก้าวทีละก้าว ก่อนที่จะเทเลพอร์ตหายไปในที่สุด
เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าตามเขาไปอย่างรวดเร็ว เบื้องหลังความมืดมิดของประตูเทเลพอร์ต เย่ว์หยางพบว่าตัวเองอยู่ภายในโลกมืด
เป็นลานมืดมิด มีแต่ความนิ่งเงียบสงัดอยู่ทุกที่
ด้วยทักษะเนตรราตรีของเขา เย่ว์หยางสามารถเห็นว่าในระยะไกลนั้น มีเสาอยู่ไม่กี่ต้นที่สูงเสียดฟ้า เสานั้นสูงใหญ่มากเกินกว่าจะจินตนาการ เสาทุกต้นอย่างน้อยมีรัศมีเป็นร้อยเมตร นอกจากหอทงเทียน เย่ว์หยางไม่เคยเห็นเสาที่ใหญ่กว่านี้มาก่อน ยิ่งกว่านั้น เสาเหล่านี้เป็นเสาทรงกลม
มีความกว้างขนาดเท่ากับส่วนสูงจากบนถึงพื้น เห็นได้ชัดว่าเสาเหล่านี้ถูกมนุษย์สร้างขึ้น ในท้องฟ้า มีเกาะมหึมาแห่งหนึ่งมีเสาสี่ต้นค้ำอยู่ มันดูเหมือนเกาะลอยฟ้า แต่เย่ว์หยางตระหนักว่าเกาะนี้ใหญ่กว่าสวนลอยฟ้าของเจ้าเมืองโล่วฮัวอย่างน้อยสิบเท่า
ด้านบนของภูเขาน้อย มีถนนสายหนึ่งดูเหมือนบันไดสวรรค์ คดไม่มาเหมือนงูคดเคี้ยวตรงไปบนเกาะลอยฟ้า
นั่นคือทางผ่านเพียงสายเดียว
“นี่คือวังดั้งเดิมของจักรพรรดิอวี้ มีทั้งหมดสามระดับ และสูงราวๆ หนึ่งกิโลเมตร เพื่อใช้ผนึกนักรบของแดนสวรรค์ จักรพรรดิอวี้เปลี่ยนสถานที่ซึ่งสง่างามที่สุด, งดงามที่สุดในโลกให้เป็นสุสานของศัตรูของเขา”
ผู้เฒ่าเต่ามังกรถอนหายใจด้วยความภูมิใจ แต่ก็เศร้าเล็กน้อยในที่สุด เหมือนกับว่าการกลับมาที่นี่ทำให้เขาได้ความทรงจำมากมาย
“ศัตรูกำลังรออยู่ที่นั่นหรือ?”
เย่ว์หยางไม่มีเวลารบกวนช่วงเวลาที่ซาบซึ้งของผู้เฒ่าเต่ามังกร เขาต้องการให้ความสำคัญกับความเคลื่อนไหวของศัตรู
“จำนวนแผ่นผลึกที่แตกหักข้างนอก จะแสดงให้เห็นถึงจำนวนศัตรูที่เป็นอิสระจากผนึกนิทราของพวกเขา”
ผู้เฒ่าเต่ามังกรไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนั้น เย่ว์หยางสามารถคาดการณ์ได้ โชคดีที่จำนวนแผ่นผนึกที่แตกเสียหายไม่มากนัก มีอยู่ราวๆ 20 ตราบใดที่เขาไม่โดนวิญญาณนักรบแดนสวรรค์รุมเล่นงานกะทันหัน เขาคงมีโอกาสที่จะผ่านไปได้ เย่ว์หยางคาดว่าสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์น่าจะดิ้นรนจนเป็นอิสระจากผนึกได้ แต่พวกเขายังคงได้รับผลกระทบจากผนึกของจักรพรรดิอวี้ จึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกและติดอยู่ในระดับสาม
“ศึกครั้งนี้คงจะหนัก...”
นางเซียนหงส์ฟ้าพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้ารู้สึกไม่ดีเลย มีวิญญาณอย่างน้อยครึ่งหนึ่งตื่นจากหลับใหลแล้ว ไม่ใช่จำนวนเดียวกันกับแผ่นป้ายผนึกที่ถูกทำลาย”
“ฮ่าฮ่า, มีเหตุผลสำหรับเรื่องนั้น ก็เพื่อปกปิดไว้จากโลกภายนอก เรายังคงหลอกล่อว่าโดนผนึกต่อไป ดูอาคันตุกะของเราสิ มีตาแก่คนหนึ่งและไก่อ่อนอีกสอง!”
จู่ๆ ก็มีเสียงลอยมาจากบนเกาะในท้องฟ้า
จากนั้น มีร่างสามร่างเปล่งแสงสีทองลอยตัวลงมายืนอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง, นางเซียนหงส์ฟ้าและผู้เฒ่าเต่ามังกร
ผู้นำของพวกเขาคือมนุษย์วิหคปีกยาวและผมสีทองเหมือนแผงขนสิงโต เขาสวมเครื่องประดับศีรษะดูสง่างามมาก เขาสวมชุดเกราะเงินและมีดาบมีค่าห้อยอยู่ที่เข็มขัดทองคำของเขา ส่วนอีกสองคนแตกต่างจากคนแรก เขาดูเหมือนมนุษย์ แต่เขามีเขาและมีปีกเหมือนค้างคาว
เมื่อเขาอ้าปาก ก็มองเห็นฟันแหลมคมมองดูน่ากลัว ส่วนอีกคนหนึ่งไม่มีเขาบนหัว แต่สวมหมวกคล้ายกระดองเต่าทอง แขนของเขาหนาเต็มไปด้วยมัดกล้าม เหมือนกับหมี และเขามีกรงเล็บที่คมเหมือนกับตะขอ หน้าและร่างของเขาปกคลุมไปด้วยลายจุดสีทองคล้ายๆ ลายของเสือดาว มีแม้กระทั่งหางยาวบนก้นของเขาซึ่งปัดไปมาไม่หยุดหย่อน
เย่ว์หยางสับสนทันทีเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขาถูกผนึกมาหกพันปีไม่ใช่หรือ?
แม้ว่าพวกเขาไม่ได้แก่ตาย แต่พวกเขาจะไม่ตายเพราะอดอาหารหรอกหรือ?
เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้าเห็นพวกมัน สีหน้าของนางเปลี่ยนทันที นางแสดงประกายตามุ่งร้าย เหมือนกับว่านางกำลังมองคนที่ไร้ยางอายที่สุดในโลก คำพูดที่นางพูดกับพวกเขาก็ยังไร้น้ำใจ
“พวกเจ้าเลวยิ่งกว่าเดรัจฉานเสียอีก”
ไม้เท้าในมือผู้เฒ่าเต่ามังกรสั่น ขณะที่เขามองดูด้วยอารมณ์ทั้งโกรธและเศร้ายามเผชิญอยู่ในสถานการณ์แปลกประหลาดนี้
“เกิดอะไรขึ้น? คนพวกนี้มีร่างเนื้อได้อย่างไร? พวกเขาน่าจะเป็นวิญญาณไม่ใช่หรือ?”
เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจริงๆ สิ่งที่เขาเตรียมก็คือเตรียมตัวสู้กับวิญญาณและดวงจิต ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่สามารถใช้ได้ ศัตรูของพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่วิญญาณเท่านั้น พวกมันอาศัยสัตว์อสูรเพื่อให้อยู่รอด พวกมันใม่ใช่ซอมบี้หรือผีอมตะที่นอนมาเป็นพันปี
“เด็กน้อย เจ้าคิดว่าข้าเป็นวิญญาณอย่างนั้นหรือ? ดูข้าให้ดีสิ ส่วนไหนของข้าที่ดูเหมือนวิญญาณ?”
มีศัตรูอีกสามปรากฏอยู่ในท้องฟ้า
ศัตรูทั้งสามนี้เป็นสตรีทั้งหมด พวกนางไม่สวมอะไรเลย และลักษณะพวกนางก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
คนซ้ายมีเท้าเป็นม้า มีเขาแกะและหางสิงโต คนกลางมีเกล็ดปลาทั้งตัว มีปีกนกและกรงเล็บแมว ขณะที่คนขวามีเขาด้วง หูกระต่ายและลำตัวเป็นงู
ใช่ว่าเย่ว์หยางไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดมาก่อน แต่เขาไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่ดูแปลกอย่างนั้นจริงๆ เมื่อเขามองเห็นศัตรูเหล่านี้ผู้ดูเหมือนสัตว์ประหลาดผสมมนุษย์ เขาตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องแบบไหนกันนี่ถึงได้มีความคิดที่น่ากลัวสร้างสัตว์ลูกผสมแปลกประหลาดอย่างนี้ออกมาได้?
นางเซียนหงส์ฟ้าดูเหมือนจะรู้เหตุผล
คิ้วดำของนางขมวดเล็กน้อยขณะที่นางพูดเย็นชาว่า “เศษสวะ”
พอได้ยินคำของนางศัตรูทั้งสามที่ดูเหมือนสตรีแต่เพียงภายนอกเหมือนกับถูกเอาไฟเผาหาง พวกโกรธจนกรีดร้องออกมา
“อ๊า.. ข้าเกลียดนังแพศยาอย่างเจ้า เจ้ามันสมควรตายที่สุด นังแพศยา! เราจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!”
“นังลูกหมา! ไม่ว่าเจ้าจะดูสวยแค่ไหน เจ้าก็ยังเป็นลูกหมาที่รองรับอารมณ์ทุกคน!”
“กินนังนี่ก่อนแล้วค่อยถ่มเนื้อนางทิ้ง...”
ในบรรดาคำด่าทอ สัตว์ประหลาดสตรีคนสุดท้ายเสนอความคิด
เกี่ยวกับคำด่าทอด้วยความโกรธของศัตรู ดูเหมือนนางเซียนหงส์ฟ้าไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย นางด่ากลับด้วยความดูแคลน
“นังพวกขยะ พวกเจ้าไม่มีค่าพอให้ข้าฆ่าเจ้าด้วยซ้ำ พวกเจ้าควรจะซาบซึ้งกราบกรานข้าที่อุตส่าห์มองดูเนื้อหนังชั้นต่ำของพวกเจ้าเมื่อครู่ที่ผ่านมา”
สัตว์ประหลาดสาวทั้งสามถึงกับคลั่งและบุกจู่โจมเข้ามาทันที
ไม่ต้องรอให้นางเซียนหงส์ฟ้าเคลื่อนไหว เย่ว์หยางตัดสินใจโจมตีพวกนางก่อน เพื่อที่ว่าจะได้แสดงฝีมือต่อหน้านางเซียนหงส์ฟ้า แน่นอนนี่คือกลยุทธโจมตีที่พวกเขาวางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว นางเซียนหงส์ฟ้าต้องสงวนพลังของนางไว้ เพราะนางอาจต้องสู้กับหัวหน้าตัวสุดท้าย สองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ นั่นจะเป็นเวลาที่นางต้องทุ่มเทพลังทั้งหมด
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ทั้งสอง คงสั่งให้พวกลูกน้องเหล่านี้มาทดสอบพลังของพวกเขา
สำหรับนักรบแดนสวรรค์เหล่านี้ถูกผนึกมานานกว่าหกพันปี พวกเขามีความเข้าใจระดับหนึ่งแน่นอน ถ้ามีใครบางคนเข้ามาโจมตีพวกเขา พวกเขามั่นใจว่ามีพลังเพียงพอจะทำเช่นนั้นได้
ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังถูกผนึกภายในผนึกของจักรพรรดิอวี้ ไม่สามารถไปจากโถงวิหารชั้นที่สามได้สำเร็จ
ถ้าพวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ พวกเขาคงวางกำลังซุ่มโจมตีที่ทางออกแล้ว เพื่อที่ว่าจะได้ทำอันตรายศัตรูได้มาก
ความจริงที่ว่า พวกเขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขากำลังลองทดสอบความแข็งแกร่งของผู้บุกเข้ามาก่อน ประการที่สอง ยังเป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
เย่ว์หยางชักดาบจันทร์เสี้ยวออกมาและกวัดแกว่งในอากาศปล่อยความเย็นออกมา
เขาไม่สนว่าสตรีพวกนี้กลายเป็นสัตว์ประหลาดได้อย่างไร เย่ว์หยางไม่เคยเห็นใจศัตรูของเขา และไม่เคยให้ความปราณีศัตรู สำหรับศัตรูของเขา คะแนนความเมตตาของเขาเป็นศูนย์
สัตว์ประหลาดสาวทั้งสามดูเหมือนจะไม่กลัวความเย็น พวกนางแค่บินถอยออกไปเล็กน้อย
จากนั้นพวกนางก็เริ่มโจมตี
ปากของพวกนางก็เริ่มพ่นคำด่าทอใส่เย่ว์หยาง
“เด็กน้อย! เจ้าไม่มีทางเอาชนะเราได้ อย่าประมาทโจมตีใส่เราเหมือนคนโง่หน่อยเลย ทำไมเจ้าถึงไม่มาร่วมกับเราเล่า? พี่สาวจะทำให้เจ้ารู้สึกสะดวกสบาย รับรองได้ว่าเราจะทำได้ดีกว่านังแพศยาข้างๆ เจ้านั่นเสียอีก”
หนึ่งในสัตว์ประหลาดสาวที่มีเขาด้วง หูกระตายและตัวเป็นงูเปิดต้นขาอย่างไม่รู้สึกอาย และฉีดสายน้ำเหม็นเข้าใส่เย่ว์หยาง
ตัวประหลาดบุรุษทั้งสามในท้องฟ้าคอยสังเกตสถานะของเต่ามังกรชรา ทันใดนั้นเอง หน้าของพวกเขาก็แสดงสีหน้าทำนองว่าเจ้าเด็กนี่ตายแน่
เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าซ่อนความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาไว้ ทำให้พวกเขาดูเหมือนไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด นอกจากสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้มีพลังพอที่จะเห็นทักษะที่ซ่อนเร้นของพวกเขา นักรบแดนสวรรค์ธรรมดาจะไม่รู้ว่านางเซียนหงส์ฟ้าเป็นนักรบปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ที่น่ากลัว แน่นอนว่าพวกเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเย่ว์หยางผู้มีทักษะแฝงเร้นลวงก็ยังเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่แทบไม่ได้อ่อนแอกว่านางเซียนหงส์ฟ้าเลย
การครอบครองทักษะลวง แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ทั้งสองก็ไม่สามารถมองเห็นความสามารถที่แท้จริงของเย่ว์หยาง
ตัวประหลาดบุรุษและตัวประหลาดสตรีเข้าใจผิดกันหมดว่าเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้ายังอยู่ในระดับเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิด พวกเขาคิดว่าผู้เฒ่าเต่ามังกรที่พวกเขาคุ้นเคยเป็นศัตรูแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขา
เมื่อตัวประหลาดสตรีทั้งสามล้อมเย่ว์หยาง ตัวประหลาดบุรุษทั้งสามคิดกันหมดว่าแค่พวกนางก็เพียงพอจะฆ่าบุรุษหนุ่มอย่างเย่ว์หยางได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเย่ว์หยางซ่อนความสามารถของเขาไว้ พอเขาตวัดดาบจันทร์เสี้ยวด้วยท่าดาบที่หนึ่ง ศัตรูทั้งหมดเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
ไม่น่าแปลกใจว่าตัวประหลาดสตรีที่มีเขาด้วง หูกระต่าย ท่อนล่างเป็นงูที่หยิ่งยโสจะฉีดน้ำปัสสาวะใส่เย่ว์หยาง พวกนางทั้งหมดคิดว่าเย่ว์หยางกลายเป็นเหยื่อที่ติดกับของพวกนางแล้ว สายน้ำที่เหม็นพุ่งออกมากระจายออกคล้ายใยแมงมุมกลายเป็นกรงกักเย่ว์หยางไว้ตรงกลาง
เย่ว์หยางไม่รู้ว่านั่นคือทักษะอะไร แต่มันก็แปลกมาก
น่าเสียดายที่ศัตรูของพวกนางคือเย่ว์หยาง
“ท่าแรก ผ่าภูผาและสายน้ำ!”
เปลวเพลิงม่วงล้อมรอบตัวเย่ว์หยางและลุกโชนขึ้นไปในท้องฟ้า ขณะที่เย่ว์หยางตวัดดาบวิเศษฮุยจิน
ภายใต้เพลิงม่วงที่ทรงพลังของเย่ว์หยาง กรงใยแมงมุมไหม้จนไม่เหลืออะไร ดาบฮุยจินของเขายังเปลี่ยนเป็นเพลิงสีม่วงรูปมังกรพุ่งเข้าใส่ตัวประหลาดสตรีที่ฉีดน้ำปัสสาวะเหมือนกับว่ามันมีชีวิต ด้วยความเร็วกว่านางถึงสิบเท่า ตัวประหลาดสตรีนั้นกรีดร้องอย่างทรมานขณะที่ร่างท่อนล่างเหลือแต่เถ้าถ่าน สองขาของนางร่วงลงพื้น ขณะที่ร่างท่อนบนหลบหนีออกมาด้วยความตกใจ
อย่างไรก็ตาม ในท้องฟ้า เย่ว์หยางตวัดดาบฟันด้วยท่าผ่าภูผาและสายน้ำรอนางอย่างเงียบงัน
นางถูกฟันขาดครึ่ง!
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=350