ตอนที่แล้วตอนที่ 325 ตำหนักหุ่นและสมบัติลับทั้ง 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 327 เป้าหมาย..ต้องได้โล่วฮัว

ตอนที่ 326 ภูตอัจฉริยะเย่ว์กง


การเข้าไปในตำหนักชั้นในไม่ง่ายเหมือนกับตำหนักชั้นนอก

จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ว่าท่านเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเสียก่อน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาจมีทายาทตระกูลเย่ว์บางคนเคยเข้ามาถึงเขตตำหนักรอบนอกมาก่อน แต่เย่ว์หยางมั่นใจว่าไม่เคยมีใครเข้าตำหนักชั้นในก่อนเขา สมบัติทั้งสามไม่เคยปรากฏขึ้นในโลกมาก่อน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าภูตอัจฉริยะเย่ว์กงได้สร้างมันสำเร็จแล้ว เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ของเขาออกมาและถ่ายพลังปราณก่อกำเนิดของเขาลงในอักษรรูนสวรรค์ที่ทางเข้าของตำหนักชั้นใน

ในทันใดนั้น แสงสว่างจากแก้วผลึกเป็นประกายยืนยันสถานะการตรวจสอบพลังถูกต้อง และเริ่มกลไกเปิดประตูเข้าตำหนักชั้นในทันที

ทางเดินภายในตำหนักเป็นแท่นหินลอยได้

เมื่อเย่ว์หยางก้าวไปบนแท่นลอยอย่างนุ่มนวล แผ่นหินบนแท่นหินเลื่อนลงช้าๆ หลังจากลงมาได้ราวๆ ร้อยเมตร ห้องโถงตำหนักแห่งใหม่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง

มีเครื่องมืออุปกรณ์หลายประเภทกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้องโถง ตรงกลางมีเสาแก้วผลึกที่เย่ว์หยางคุ้นเคย มันสูงราวสิบเมตรและเต็มไปได้วยพลังงาน ผลึกอักษรรูนสวรรค์บนยอดเสาค่อยๆ เรืองแสงสีขาวช้าๆ

นี่คือเสาผลึกที่คล้ายคลึงกับเสาแก้วผลึกเทเลพอร์ตที่เย่ว์หยางเคยเห็นที่หอทงเทียน และยังคงคล้ายกับเสาแก้วผลึกที่ใช้ผนึกสาวกิเลนในวังปีศาจอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เสาแก้วผลึกนี้ ไม่เหมือนกับเสาทั้งสองดังว่ามานี้

เย่ว์หยางตระหนักว่าพลังงานในเสาแก้วผลึกไม่ใช่ทั้งพลังเทเลพอร์ต ไม่ใช่พลังผนึก แต่กลับคล้ายพลังของแก่นพลังงานของผลึกเวทมากกว่า สิ่งที่สร้างความสับสนให้เย่ว์หยางมากที่สุดก็คือเสาแก้วผลึกนี้ขาดชิ้นส่วนสำคัญไป เหมือนกับว่ามีคนตัดไปใช้เป็นอาวุธ อาจเป็นไปได้ว่าภูตอัจฉริยะเย่ว์กงคงใช้ชิ้นส่วนแก้วผลึกนี้เป็นแก่นผลึกของอสูรหุ่น?

เย่ว์หยางเคยต่อสู้มาในวังปีศาจมาก่อนรู้ดีว่าเสาแก้วผลึกแข็งขนาดไหน

แม้แต่ลำแสงของจ้าวปีศาจหรือพลังระเบิดของกิเลนสาวขณะที่นางดิ้นรนเพื่อเป็นอิสระก็ยังไม่สามารถสร้างความเสียหายให้มันได้เลย

ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงตัดเสาแก้วผลึกนี้ได้อย่างไร?

ยิ่งกว่านั้น อสูรหุ่นไม่จำต้องเพิ่มพลังเคลื่อนไหว ตราบใดที่มีคนจัดเรียงอักษรรูนแคระได้ถูกต้อง ก็สามารถสร้างอสูรหุ่นศิลาระดับต่ำได้ง่ายๆ ความจริงที่ว่าเย่ว์กงจำเป็นต้องใช้เสาแก้วผลึกเพื่อเพิ่มพลังเคลื่อนไหว นั่นเป็นเครื่องจักรชนิดใดกันแน่?

ทันใดนั้น หนูเบญจธาตุค้นสมบัติวิ่งผ่านเย่ว์หยางและตรงไปที่เสาแก้วผลึก

เอ๊ะ?

คัมภีร์ของเย่ว์หยางก็เปิดหน้าขึ้นมาเองทันที

ที่หน้าของหนูเบญจธาตุค้นสมบัติ มีแถวหนังสือปรากฏขึ้น

“พบแหล่งพลังงาน ให้เติมพลังงาน..”

หนูเบญจธาตุค้นสมบัติทุกตัวเข้าไปใกล้รูในเสาแก้วผลึก พวกมันเอาหางแตะบนแถวอักษรรูนสวรรค์ที่ฐานเสาแก้วผลึก แสงสว่างของพลังงานเปล่งออกมาและไหลเข้าไปตามหางของมันเข้าสู่ร่างของมันเป็นระลอกๆ ขณะเดียวกัน ร่างของหนูเบญจธาตุค้นสมบัติจากเดิมเปลี่ยนสภาพเป็นโปร่งแสงเป็นประกาย เหมือนกับว่าพวกมันเปลี่ยนเป็นแก้วผลึกไปด้วยเช่นกัน เย่ว์หยางสับสนมาก หุ่นอสูรไม่สามารถยกระดับได้ แต่หนูเบญจธาตุค้นสมบัติเหล่านี้ถูกสร้างโดยเย่ว์กง สามารถยกระดับได้โดยอัตโนมัติหรือ?

เป็นไปได้ไหมว่าเสาแก้วผลึกนี้กับรูที่เห็นคือหนึ่งในสามสมบัติลับ?

หนูน้อยทั้งห้าตัวอาจจำเป็นต้องใช้เวลาจึงจะเติมพลังงานเสร็จ

เย่ว์หยางตัดสินใจมองหาสมบัติลับอื่นๆ ก่อน

ตำหนักหุ่นใหญ่โตมาก เพดานทรงโดมและเสาเรียงรายสร้างไว้หลายแถวแบ่งพื้นที่ออกจากกัน แต่ละพื้นที่เต็มไปด้วยอสูรแตกต่างกัน อสูรเหล่านี้เป็นหุ่นทรงมนุษย์และอสูรสัตว์ร้ายที่มีทรงแบบมนุษย์ มีแม้กระทั่งอสูรจักรกลที่เป็นรูปสัตว์ประหลาด

ตรงนี้ เป็นเพียงอสูรหุ่นศิลายักษ์ที่ยังไม่ได้ติดตั้งพลังงานขับเคลื่อน

ภายในตำหนักหุ่นเต็มไปด้วยหุ่นเหล็กชนิดต่างๆ รูปแบบต่างๆ

ขณะที่เย่ว์หยางมาถึงหุ่นทหารพายุ อสูรเงินระดับ 5 ตัวหนึ่ง เย่ว์หยางหยิบขวดที่วางอยู่ตรงขาของมัน จากนั้นเขาค่อยๆ เทลูกแก้วผลึกเรียบในขวดออกมา ลูกแก้วนั้นมีขนาดเท่าลูกปิงปองอุดมไปด้วยพลังงาน ลูกแก้วผลึกจารึกอักษรรูนโบราณว่า “อินทรีเวหา” เย่ว์หยางทดลองวางลูกแก้วอินทรีเวหาในช่องตรงหน้าผากของทหารวายุ

ตาของตุ๊กตากลเปล่งแสงสีฟ้าทันที ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามันถูกปลุกจากนิทรา

ตาของมันเปล่งแสงสีฟ้าขณะที่มันฉายตรงมาที่ร่างเย่ว์หยาง

ด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า ทหารวายุชักดาบยาวที่เอวออกฟันใส่เย่ว์หยาง โชคดีที่เย่ว์หยางเตรียมพร้อมไว้แล้วเมื่อเห็นนัยน์ตาของมันเริ่มเปล่งแสง เขาหายตัวทันทีและบินขึ้นไปในท้องฟ้า หลบการโจมตีของทหารวายุได้

จากนั้นทหารวายุโดดสองครั้งและพยายามโจมตีใส่เย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม พอเห็นว่ามันไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ มันเปลี่ยนรูปร่างของมันทันที

เย่ว์หยางตะลึงงันบ้างแล้ว

อะไรกันนี่? ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน เขาสร้างหุ่นเหล็กที่สามารถแปลงร่างได้ ทหารวายุแปลงร่างเป็นหุ่นอินทรีเวหาอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระพือปีกยักษ์ทะยานขึ้นไปในท้องฟ้าทันทีตะกุยกรงเล็บใส่ร่างเย่ว์หยาง ถ้าเป็นคนอื่น เห็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดและเจอการโจมตีแบบนี้ เขาคงตายไปแล้ว อสูรหุ่นชั้นเงินระดับ 5 ยังจะคุกคามเย่ว์หยางได้อีกหรือ? แม้ว่ามันจะเปลี่ยนรูปได้ก็ตาม เย่ว์หยางก็จัดการมันได้ในท่าเดียว

เย่ว์หยางหลบการโจมตีอย่างชำนาญ และในทันทีที่เขาเคลื่อนไหว เขาเอื้อมมือไปดึงลูกแก้วที่ฝังอยู่บนหน้าผากของอินทรีเวหาออกมา

หุ่นอินทรีเวหาร่วงตกลงพื้นและกลับคืนสู่ลักษณะทหารวายุอย่างเดิมทันที

แสงสีฟ้าที่นัยน์ตาของมันหายไปกลายเป็นเงียบสงบอีกครั้ง

แน่นอนว่ามันไม่ได้ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมอีกต่อไป มันกลับตั้งอยู่ที่มุมด้านหนึ่งของห้องโถงของตำหนัก ห่างจากตำแหน่งเดิมสิบเมตร ถ้าเย่ว์หยางไม่เห็นด้วยตาตนเอง เขาคงไม่เชื่อว่าเย่ว์กงสามารถสร้างหุ่นเหล็กที่แปลงร่างได้อย่างผิดธรรมดานี้ จุดอ่อนประการเดียวก็คือยังควบคุมไม่ได้ มันไม่สามารถจำแนกมิตรหรือศัตรูได้ นี่ค่อนข้างจะเป็นปัญหา จะดีแค่ไหนถ้ามีวิธีควบคุมอสูรจักรกลนี้ได้

เย่ว์หยางค้นดูผ่านห้องโถงตำหนักเป็นเวลานานก่อนที่ในที่สุดจะพบปลอกแขนที่มีช่องใส่ลูกแก้วผลึกได้

นี่คืออุปกรณ์แยกความแตกต่างแน่ เมื่อเย่ว์หยางลองสวมมันและพยายามเปิดใช้งานทหารวายุอีกครั้ง เป็นไปตามคาด มันไม่ได้พยายามเข้าโจมตีเขาอีก เย่ว์หยางพยายามนำทหารวายุให้ทำตามความต้องการของเขา และมันเดินกลับไปที่ตำแหน่งเดิมอย่างว่าง่าย

มันไม่ได้ต่อต้านแม้เมื่อเย่ว์หยางดึงแก้วผลึกออกมาอีกครั้ง

“โห...ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเย่ว์กงจะคลี่คลายปัญหาการควบคุมหุ่นที่แปลงร่างนี้ได้จริงๆ”

เย่ว์หยางนับถือเย่ว์กงอย่างสุดซึ้ง เขาได้ลองสร้างอสูรหุ่นมาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงรู้ว่ามันสร้างยากแค่ไหน สามารถสร้างอสูรหุ่นที่สามารถเคลื่อนไหวได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่งานสร้างสรรของเย่ว์กงไม่เพียงแต่ใช้ทักษะต่อสู้ได้เท่านั้น แต่พวกมันยังสามารถเปลี่ยนร่างและปรับตัวให้เข้ากับสภาพสมรภูมิได้ เทียบกับเย่ว์หยางผู้เข้ามาต่อยอดความรู้ทั้งหมด เย่ว์กงก็ยังมีวิธีหาความรู้ได้มากกว่า แม้ว่าเย่ว์หยางจะได้รับตกทอดความรู้ของมารดาสหายผู้น่าสงสารและศึกษาคู่มืออสูรหุ่นที่เย่ว์กงเหลือไว้ให้ แต่เรื่องสร้างอสูรหุ่น เขามิอาจเทียบกับเย่ว์กงได้เลย

ในโถงใหญ่ มีขวดอยู่ที่ขาของอสูรหุ่นทุกตัว ขวดเหล่านั้นใช้เก็บแก่นพลังของพวกมัน

อสูรหุ่นชั้นเงินระดับ 5 เหมือนกับทหารวายุที่มีช่องว่างที่หน้าผาก

อสูรเงินระดับ 6 และสูงกว่านั้นจะมีช่องใส่แก่นพลังในหัวใจของพวกมัน เพื่อที่ว่าแก่นพลังของพวกมันจะได้ไม่เปิดออกให้เห็น อสูรหุ่นชั้นทองระดับ 5 และต่ำลงมา ตัวอย่างเช่น หุ่นแมมม็อธทองมีช่องใส่แก่นพลังอยู่ในกะโหลกของพวกมัน ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สามารถหยุดได้ เว้นแต่กะโหลกของมันจะถูกบดเปิดออก ยิ่งกว่านั้นกะโหลกของอสูรหุ่นยังมีพลังป้องกันสูงสุด อสูรหุ่นชั้นทองระดับ 5 และที่เหนือกว่า เช่นไตตันทอง อสูรยักษ์เหล่านี้จะมีช่องแก่นพลังสองช่องคือที่หัวใจและกะโหลกโดยเฉพาะ ถ้าแก่นอื่นถูกทำลายมันก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้

สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือหุ่นไตตันเหล่านี้ ถ้าพวกมันสูญเสียแขนขา ก็ยังสามารถเปลี่ยนหัวให้เป็นแขนได้

ทันทีที่พวกมันสูญเสียพลังต่อสู้ พวกมันจะเริ่มกระบวนการฟื้นพลังโดยอัตโนมัติ

ถ้าพวกมันยังมีอวัยวะเหลืออยู่ พวกมันสามารถเปลี่ยนและใช้ได้ทันที ถ้าพวกมั้นไม่มีอวัยวะเหลืออยู่เลย พวกมันสามารถแลกโดยทำลายอวัยวะของพวกๆ มัน

เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจการออกแบบของภูตอัจฉริยะเย่ว์กงเลยแม้แต่น้อย เขาออกแบบให้อสูรหุ่นทำเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?

มันเป็นประดิษฐกรรมที่เกิดจากปัญญาระดับสูงจริงๆ

เขาเป็นภูตอัจฉริยะแน่นอน ท่านผู้นั้นเป็นคนพิเศษจริงๆ ไม่จำเป็นต้องมีการพิสูจน์เลย

“เวลาของข้าเหลืออยู่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม การค้นคว้าของข้าเพิ่งอยู่ในขั้นเริ่มต้น ข้าปรารถนาจริงๆ ว่าจะมีชีวิตได้อีกร้อยปี, แม้แต่สิบปีก็ยังดีเช่นกัน น่าเสียดายที่ร่างของข้าใกล้ถึงขีดจำกัดเสียแล้ว อักษรรูนสวรรค์เป็นความรู้ที่ดีจริงๆ ได้เรียนรู้ศึกษามันทำให้ข้าเหมือนเป็นเด็กหัดเดินที่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ทุกวัน ความรู้สึกแบบนี้ย่อมดีที่สุด... น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับใครๆ ได้ ไม่มีใครที่ข้าสามารถแบ่งปันความรู้ได้เลย อักษรรูนสวรรค์พอรวมกันก็ให้ความรู้สึกเหมือนภาษามนุษย์ แต่มันซับซ้อนและสมบูรณ์แบบมากกว่า เหมือนกับบทกวีของมนุษย์ ไม่สิ เหมือนกับวิธีอัญเชิญมากกว่า มันเป็นเคล็ดการอัญเชิญพิเศษอย่างหนึ่งจริงๆ ตราบเท่าที่มีคนสามารถเรียนรู้เคล็ดการอัญเชิญนี้ เขาจะสามารถแก้ปัญหาการจัดเรียงที่ว่ายากนี้ได้โดยง่าย การค้นคว้าของข้าเพิ่งเริ่มต้นขึ้น พระเจ้ามอบสมองให้ข้าไว้คิด แต่พระองค์กลับไม่ให้ชีวิตที่ยืนยาวแก่ข้า เฮ้อ..ทั้งหมดเป็นบัญชาสวรรค์แท้ๆ..”

“คู่มืออสูรหุ่นที่แท้จริงหรือ?”

เย่ว์หยางตระหนักว่าสมบัติที่เย่ว์กงทิ้งไว้ให้ก็คือคู่มืออสูรหุ่นที่คล้ายกับที่เย่ว์หยางเก็บไว้ในแหวนลิช

เมื่อเขาเปิดดูคู่มืออสูรหุ่นเล่มนี้ เขาก็รู้ได้ว่าความรู้ที่บันทึกไว้ภายในซับซ้อนมากจนทำให้เขาตาลาย

เทียบกับคู่มืออสูรหุ่นที่เขาเก็บไว้ในแหวนเหมือนเป็นหนังสือเรียนเด็กชั้นประถมศึกษา

ภายในคู่มืออสูรหุ่นฉบับแท้ ไม่มีความรู้พื้นฐานแม้แต่น้อย ทุกอย่างที่บันทึกไว้เป็นผลงานที่ตกผลึกจากการค้นคว้าของภูตอัจฉริยะเย่ว์กงแล้ว มีการค้นคว้าและกระบวนการสร้างอสูรหุ่นทุกตัว การจัดเรียงอักษรรูน การกระจายพลังงาน, แบบการแปลงร่าง, ความสามารถในการต่อสู้ ทักษะต่อสู้ ฯลฯ เย่ว์หยางตื่นต้นเมื่อได้อ่าน ด้วยคู่มืออสูรหุ่นเล่มนี้ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลวลว่าจะขาดแคลนอสูรหุ่นเลย

ภายในคู่มืออสูรหุ่น เย่ว์กงบันทึกความเสียใจของเขาไว้ในตอนท้าย

“ในชั่วชีวิตของข้า ข้าได้สร้างอสูรหุ่นมานับไม่ถ้วน แต่ไม่มีตัวใดเป็นผลผลิตที่ประสบความสำเร็จเลย แต่ละตัวก็มีข้อเสียที่แตกต่างกัน พวกมันทั้งหมดเป็นผลผลิตที่ล้มเหลวในบางแง่มุม ข้าต้องการสร้างอสูรหุ่นที่สมบูรณ์แบบ ถ้าข้ามีเวลาอีกสิบปีหรือแม้แต่สามปี ข้าคงสามารถย่างก้าวได้อีกไม่กี่ก้าวให้ห่างจากความเสียใจนี้เพิ่มขึ้น ตอนนี้ ข้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ข้าจะไม่มีทางได้พักอย่างสงบ ถ้าลูกหลานของข้าในภายหน้าได้เห็นหนังสือนี้ ข้าหวังว่าเจ้าสามารถดำเนินการค้นคว้าที่ข้าได้เริ่มไว้ต่อไปและสร้างอสูรหุ่นที่สมบูรณ์แบบ ข้าได้แต่หวังว่าในอีกพันปีข้างหน้าหรือหมื่นปี รุ่นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์จะปรากฏตัวขึ้นและทำความปรารถนาของข้าให้สำเร็จ สร้างหุ่นอสูรที่สามารถพูดได้, เรียนและมีอารมณ์ความรู้สึกได้ ถ้าเจ้าสามารถสร้างหุ่นอสูรคล้ายมนุษย์เช่นนี้ได้ จงนำมันมาที่โลงแก้วของข้า และบอกข่าวดีที่น่าชื่นใจนี้กับข้า ข้าจะยังยิ้มได้ แม้อยู่ในปรภพ..”

หลังจากอ่านข้อความนี้แล้ว เย่ว์หยางพึมพำกับตัวเองเป็นเวลานาน

ในที่สุดเขาก็พยักหน้าช้าๆ

“แม้ข้าคิดว่าความปรารถนาเช่นนั้นของท่านเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ แต่ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะทำให้ได้”

ก่อนที่จะเก็บคู่มืออสูรหุ่นไว้ในแหวนลิช เย่ว์หยางพบแผนภาพอักษรรูนที่เด่นตา ถ้าคนไม่มีความสามารถเข้าใจภาษารูนสวรรค์ พวกเขาจะไม่รู้วิธีใช้เลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางรู้จักอักษรรูนสวรรค์นี้ และความหมายของมันก็คือ “ประตูลับ” เมื่อเย่ว์หยางพบว่ามันมีอยู่ หัวใจของเขาถึงกับเต้นรัว เป็นไปได้ไหมว่ายังมีประตูลับอีกแห่ง?

เย่ว์หยางกดมือลงบนอักษรรูนสวรรค์และถ่ายปราณก่อกำเนิดลงไป

อักษรรูนสวรรค์เปล่งแสงและขณะเดียวกัน ด้านหลังเสาแก้วผลึก บนผนังมีประตูลับปรากฏออกมาทันที มันเปิดออกและแสดงให้เห็นว่ามีห้องลับอยู่ข้างใน

นอกจากเสาผลึกพลังงานและคู่มืออสูรหุ่นแล้ว สมบัติชิ้นที่สามอยู่ภายในห้องลับ

เมื่อเย่ว์หยางเข้าไปในห้องลับและเห็นสมบัติชิ้นที่สามอย่างชัดเจน เขาตกใจจนพูดไม่ออก

จากนั้นเย่ว์หยางถึงกับสาบานแสดงความนับถืออย่างที่เขาไม่เคยมีมาก่อน

“ผู้อาวุโสเย่ว์กง ข้าขอกลับคำพูดที่เพิ่งพูดออกไป ความปรารถนาของท่าน ข้าจะทำให้สำเร็จแทนท่านอย่างแน่นอน ข้าจะไม่แค่ลองเท่านั้น แต่จะทำให้สำเร็จได้แน่นอน ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาพันปีหรือหมื่นปี ข้าจะช่วย ข้าตระหนักถึงปณิธานของท่านได้แล้ว!”

พอออกมาจากตำหนักหุ่น เย่ว์หยางกลับไปยังสวนดอกไม้น้อย เมื่อเขาเล่าให้สาวๆ ฟังถึงเรื่องที่ได้เจอมา เขาบอกพวกนางเรื่องเสาผลึกพลังงานและคู่มืออสูรหุ่นของจริง

อย่างไรก็ตาม เขาไม่พูดถึงสมบัติชิ้นที่สามกับพวกนาง

สาวๆ ไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนั้น

พวกนางรู้ว่าถ้าพวกนางต้องการรู้ เขาจะบอกพวกนางจนได้

ความปรารถนาของภูตอัจฉริยะเย่ว์กงเกี่ยวข้องกับสมบัติชิ้นที่สาม นี่คือความลับของเย่ว์กง เย่ว์หยางต้องปกป้องความลับแทนเขา

จนกว่าจะทำให้ความปรารถนาของเย่ว์กงให้เป็นจริง

หลังจากเขาสำรวจตำหนักหุ่นเสร็จแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นความรู้และประสบการณ์หรือสภาวะจิตของเขา มีเพิ่มมากขึ้น เขาสามารถรู้สึกได้เลือนลางว่าจะสามารถบรรลุปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ 6 ในไม่ช้านี้

เขาอาจจะทำได้ก่อนบุกเข้าวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ได้หรือไม่?

เย่ว์หยางหวังเป็นอย่างดีที่สุด ทุกๆ ความแข็งแกร่งที่เขาได้รับเพิ่มจะยิ่งเพิ่มโอกาสชนะให้เขามากขึ้น

ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=346

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด