ตอนที่แล้วตอนที่ 304 ยอดไม้ตายพิชิตใจสาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 306 โบราณสถาน วังวารี

ตอนที่ 305 ยกระดับอาวุธ หลอกล่อภูตสาวควันไฟ


เหล็กอุกาบาตบริสุทธิ์ที่กลั่นมาจากศพของจ้าวอัคนีเย่ว์หยางใช้สร้างเสาโทเท่มไปเกือบทั้งหมด

ส่วนที่เหลือถูกนำมาใช้สร้างดาบโค้ง

ดาบโค้งอาวุธระดับทองแดงไม่สามารถทนพลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางได้ แม้แต่ดาบฮุยจินที่ยกระดับไปเป็นอาวุธระดับทองแล้ว ก็ยังต้องยกระดับให้มากขึ้นอีก มิฉะนั้นเย่ว์หยางจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด เนื่องจากไม่มีอาวุธไว้ใช้สู้ศึก แน่นอนว่าเขาสามารถใช้มีดทองฆ่ามังกร แต่นางพญากระหายเลือดฝึกฝนมาทางลอบสังหารและในการต่อสู้ นางจำเป็นต้องได้มีดดีๆ มากกว่าเขา

ตอนนี้เย่ว์หยางเชี่ยวชาญอักษรรูนมากยิ่งขึ้นแล้ว บวกกับมีวัสดุดีและมีฝีมือในการใช้เพลิงอมฤต เขาสามารถสร้างอาวุธที่เหมาะสมกับความต้องการของเขาเองได้ดีกว่า

หลังจากเพิ่มโลหะอัคนีเงาและเหล็กอุกกาบาตบริสุทธิ์ เอามาหลอมดาบโค้งใหม่ คุณภาพของมันกลายเป็นอาวุธระดับเงิน

ลักษณะของดาบโค้งในตอนนี้ จะมองดูคล้ายกับดาบฮุยจิน

อย่างไรก็ตาม มันใหญ่และหนักกว่า

เย่ว์หยางยังคงบรรจุผลึกเวทหลายชิ้นไว้ในดาบโค้งเล่มใหม่ ยิ่งกว่านั้น เขายังใช้เพลิงอมฤตสลักอักษรรูนโบราณอย่างพิถีพิถัน “แข็งแกร่งตลอดกาล” และอักษรรูนสวรรค์ “เยือกแข็ง” “คมกล้า” หลังจากพยายามอย่างหนักเพื่อสลักอักษรรูนนานถึงสามวันสามคืน ดาบโค้งใหม่ก็เพิ่มคุณภาพยกระดับขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นอาวุธระดับทอง มันมีความสามารถทนต่อการโจมตีหรือป้องกันนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเย่ว์หยางได้

เนื่องจากดาบโค้งมีระดับคุณภาพที่สูงขึ้น เย่ว์หยางจึงตั้งชื่อว่า “ซ่างเสียนเย่ว์”

สำหรับดาบวิเศษฮุยจิน เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องเพิ่มเติมอะไรมากนัก มีแก่นหลอมเหลวของจ้าวอัคคีและผลึกมังกรปีศาจอยู่ข้างในแล้ว มันยังสามารถยกระดับได้ต่อไปตราบเที่พวกมันยังดูดกลืนพลังไฟและความมืดได้ หลังจากต่อสู้มานับไม่ถ้วน แก่นเวททั้งสองดูดกลืนพลังมาได้มากมาย เย่ว์หยางให้ดาบฮุยจินดูดซับพลังผนึกเวทของมังกรบินแม็กม่าและหัวใจปีศาจของขุนพลปีศาจ ทำให้มันวิวัฒนาการมากยิ่งขึ้น เย่ว์หยางยังต้องการให้มันดูดซับพลังจากมุกปีศาจที่เขาได้รับมาหลังจากฆ่าอสุรกายดำ มุกปีศาจมีอำนาจทำลายล้างรุนแรงมากเป็นแน่ อาจเพิ่มระดับให้ดาบวิเศษฮุยจินได้มากขึ้นหลังจากที่ดูดกลืนพลัง

แต่น่าเสียดายที่แก่นหลอมเหลวของจ้าวอัคคีและผลึกมังกรปีศาจกลัวมุกปีศาจนี้

แม้จนบัดนี้ แก่นเวททั้งสองก็ยังต่อต้านมุกปีศาจ

เย่ว์หยางกังวลว่าแก่นหลอมเหลวของจ้าวอัคคีและผลึกมังกรปีศาจ แก่นเวททั้งสองมีระดับต่ำกว่ารับรู้ว่าจะถูกทำลาย เมื่อเขาใส่มุกปีศาจลงไป เขาสงสัยว่าอสุรกายดำไม่ได้ตายจริง แต่มันซ่อนตัวอยู่ในมุกปีศาจ

ดังนั้น เย่ว์หยางทำได้แต่เพียงระงับการผสานพลังมุกปีศาจไว้ก่อน

เย่ว์หยางได้ยกระดับดาบฮุยจินนานแล้ว ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนดาบโค้งเป็นดาบซ่างเสียนเย่ว์

ตอนแรก เย่ว์หยางไม่กล้าใช้เพลิงอมฤตกับดาบวิเศษฮุยจินโดยตรง เพลิงอมฤตนั้นมีทักษะเผาผลาญได้ทุกอย่างในโลก ดาบวิเศษฮุยจินคงจะทนเพลิงอมฤตไม่ได้แน่ เขาเลือกใช้เพลิงอมฤตเทียมที่ไหม้อยู่บนศีรษะของเมดูซาศิลามาใช้แทน หลังจากแก่นหลอมเหลวของจ้าวอัคคีรับความร้อนของเพลิงอมฤตเทียม มันกลายเป็นแก่นเพลิงของจ้าวอัคคี ความสามารถในพลังเพลิงของมันบริสุทธิ์มากขึ้น แต่ขณะที่ผลึกมังกรปีศาจมิได้แข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับแก่นเพลิงของจ้าวอัคคี ดาบวิเศษฮุยจินจึงไม่สามารถยกระดับเป็นแพลตตินัมได้

เมื่อตอนที่เย่ว์หยางไล่ตามตวนมู่หลงเฉิง เขาเทเลพอร์ตเข้าไปในวังปีศาจ

เมื่อเขาทำลายรูปสลักจ้าวปีศาจขนาดยักษ์ได้ เย่ว์หยางได้ผลึกเวทยักษ์มาด้วย

ผลึกเวทนี้อาจจะเป็นแก่นปีศาจที่มีคุณภาพระดับสูงที่กลั่นมาเป็นเวลาหลายร้อยปี เอามาใช้ป้องกันรูปสลักจ้าวปีศาจ

ด้วยพลังจากแก่นเวทยักษ์ ในที่สุดผลึกมังกรปีศาจก็ได้รับพลังเพิ่มขึ้นจนเพียงพอ

เมื่อดาบวิเศษฮุยจินยกระดับเป็นอาวุธชั้นแพลตตินัมแล้ว เย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตของเขาชำระแก่นเปลวเพลิงจ้าวอัคคีอย่างระมัดระวังอีกครั้ง ในที่สุดสำนึกชั่วร้ายในแก่นเปลวเพลิงของจ้าวอัคคีก็ถูกทำลายเกือบสิ้นเชิง แต่เพราะเย่ว์หยางพยายามควบคุมสำนึกชั่วร้าย จึงถูกเก็บรักษาไว้ครึ่งหนึ่ง แก่นเพลิงจ้าวอัคคีเกือบถูกทำลาย แต่มันก็ยกระดับกลายเป็นแก่นเพลิงแท้จ้าวอัคคี ซึ่งมีความสามารถสร้างเปลวเพลิงที่เหมือนเพลิงอมฤต ตอนนี้ดาบวิเศษฮุยจินมีพลังมากกว่ามีดทองฆ่ามังกรซึ่งดูดซับพลังงานมืดและพลังชั่วร้ายของจ้าวปีศาจเสียเอีก

เย่ว์หยางสลักอักษรรูนสวรรค์ลงบนดาบวิเศษฮุยจินที่ยกระดับแล้ว, เช่น “ดูดเลือด” และ “พลังดูด” สำหรับอักษรรูนโบราณ เย่ว์หยางรู้สึกว่าดาบวิเศษฮุยจินน่าจะยกระดับได้สูงถึงระดับเพชร ดังนั้นเขาตัดสินใจไม่ใช่คำว่า “แข็งแกร่งตลอดกาล” ไว้ก่อน

ยิ่งกว่านั้น บางทีอาจจะมีอักษรรูนโบราณที่ดีกว่าคำว่า “แข็งแกร่งตลอดกาล” ในอนาคตแน่ เย่ว์หยางไม่ต้องการปรับแก้ทิศทางพัฒนาเติบโตของดาบวิเศษฮุยจิน

ดาบวิเศษฮุยจินระดับแพลตตินัมมีวิญญาณชั้นดีสองดวงสิงอยู่

ในโลกนี้ บรรดาระดับอาวุธที่แน่นอนก็คือ อาวุธศักดิ์สิทธิ์มีลักษณะที่ไม่ธรรมดา ยิ่งกว่านั้น มันยังเป็นของที่ไม่ซ้ำกัน มีเพียงเย่ว์หยางสามารถใช้มันได้ ถ้าเป็นคนอื่นใช้ ก็จะถูกวิญญาณสองดวงในดาบฮุยจินครอบงำได้ อักษรรูนสวรรค์ “ดูดเลือด” และ “ทักษะดูด” อาจถูกใช้ต่อต้านคนที่ถือดาบแทนก็ได้

มีเพียงเย่ว์หยางเท่านั้นที่ใช้มันได้

และมีเพียงเย่ว์หยางถึงจะสามารถนำพลังที่น่ากลัวภายในอาวุธออกมาใช้ได้

“เป็นดาบวิเศษที่น่ากลัวนะ ไม่น่าจะเรียกว่า”อาวุธศักดิ์สิทธิ์“เลย มันเหมาะจะเรียกว่าอาวุธปีศาจมากกว่า!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนประเมินพลังที่เพิ่มขึ้นของดาบฮุยจินในทำนองนั้น

“ดาบฮุยจินนี้น่าจะเพิ่มระดับเป็นอาวุธชั้นเพชรได้ในอนาคต ถึงตอนนั้น เจ้าสามารถเพิ่มเหล็กอุกกาบาตบริสุทธิ์และหัวใจจักรพรรดิอัคนีจากร่างของจ้าวอัคนีและสลักอักษรรูนลงไป หรือ แม้แต่อักษรรูนดึกดำบรรพ์ก็ยังได้ ข้าคิดว่า มันอาจกลายเป็นอาวุธในตำนานในอนาคตก็ได้!” เสวี่ยอู๋เสียยังคิดวว่าดาบฮุยจินยังเพิ่มศักยภาพได้อีกมาก

ดาบซ่างเสียนเย่ว์ไม่มีพลังวิญญาณใดๆ และไม่สามารถดูดกลืนพลังงานได้ ดูเหมือนไม่ว่าเย่ว์หยางจะพยายามทำซ้ำอย่างไร มันก็ไม่สามารถพัฒนาได้มากนัก

ระดับแพลตตินัมเป็นขีดจำกัดสำหรับดาบซ่างเสียนเย่ว์

แต่ดาบฮุยจินแตกต่างออกไป ศักยภาพของมันพอๆ กับอสูรอย่างฮุยไท่หลาง มันไม่มีขีดจำกัด

ฮุยไท่หลางดูดซับพลังเพลิง, โลหะและความมืดมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจพวกปีศาจได้ให้พลังงานแก่มันไม่สิ้นสุด มันอาจได้รับพลังจากทหารปีศาจ, ขุนพลปีศาจ, แม่ทัพปีศาจ, แม่ทัพใหญ่ปีศาจ, จ้าวปีศาจ ถ้าฮุยไท่หลางยังคงกินอยู่อย่างนี้ มันจะพัฒนาต่อเนื่องกันไป ศักยภาพของมันจะมากขึ้นไม่มีขีดจำกัด ถ้าเย่ว์หยางสามารถฆ่าเผ่าปีศาจบูรพาได้มากขึ้นอีกในอนาคต เม็ดพลังของปีศาจบูรพาจะเป็นยาชูกำลังชั้นดีให้ฮุยไท่หลาง

เมื่อเทียบกับฮุยไท่หลางที่สามารถต่อสู้ได้ด้วยตัวมันเองกินผลึกเวทและวิวัฒนาการได้เอง แต่ดาบฮุยจินไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มากนัก ดังนั้น ความเร็วในการวิวัฒนาการย่อมช้ามากแน่นอน

ที่สำคัญที่สุด แม้ว่าจะมีวิญญาณสองดวงอยู่ภายในดาบ แต่ดวงวิญญาณทั้งสองเหลืออยู่แต่เพียงสำนึกเท่านั้น และดวงวิญญาณทั้งสองก็ต่อสู้กันเองอย่างแผ่วเบา

ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าดาบวิเศษฮุยจินจะรู้มากเพียงใด แต่ก็ไม่แสนรู้เท่าฮุยไท่หลาง

ดาบฮุยจินไม่อาจเทียบได้กับฮุยไท่หลางและอสูรอื่นๆ มันสามารถเป็นได้เพียงจ้าวแห่งอาวุธเท่านั้น แต่นั่นเป็นเพียงว่ามันไม่จำเป็นต้องสู้ เทียบกับหนังสือโบราณของเสวี่ยอู๋เสียที่ยังมีวิญญาณเหลืออยู่ก็ยังสามารถยกระดับได้ต่อไป

หลังจากเย่ว์หยางทำอาวุธเสร็จ เขาตั้งใจจะพาเย่ว์ปิงและอี้หนานไปเหวสิ้นหวังเพื่อตามหาเต่ามังกรที่ได้รับบาดเจ็บตามคำของจักรพรรดินีราตรี

เขาจำเป็นต้องหามุกเต่าดำ หนึ่งในสี่มุกที่จักรพรรดินีราตรีขอให้เขาหา

แต่ก่อนจะทำเช่นนั้น เย่ว์หยางตัดสินใจไปลักพาตัวภูตสาวควันไฟเสียก่อน

เห็นได้ชัดว่านางเป็นอสูรภูตพิทักษ์ของเขา นางต้องการจะอยู่ในมิติประลองของนางเอง นี่ไม่ควรเป็นเช่นนี้อีกต่อไป

ภูตควันไฟแต่เดิมทีนางก็คือหญิงสาวทรงโตผู้ทำงานในร้านเหล้า หลังจากเสียชีวิต นางก็สูญเสียความทรงจำ เหลือแต่เพียงเศษเสี้ยวสำนึกเล็กๆ อยู่เท่านั้น

เย่ว์หยางพาเย่ว์ปิงและคนอื่นๆ ไปเยี่ยมนาง 2-3 ครั้ง แต่เขาตระหนักว่านางจำเขาได้มากที่สุด นางไม่สามารถจำอะไรจากอดีตได้เลยแม้แต่น้อย บางทีเพราะนางกลายเป็นอสูร นางจึงไม่มีความคิดถึงตัวตนเดิมของนางอีกต่อไป

หลังจากไม่ได้พบนางชั่วระยะเวลาหนึ่ง ภูตควันไฟยกระดับจากอสูรเงินระดับ 1 เป็นอสูรเงินระดับ 3

ดูเหมือนภูเขาไฟและแมกม่าของถูเฉิงและขวงจั่นที่ซ่อนเอาไว้ กลายเป็นแหล่งอาหารที่ดีสำหรับนาง ตอนนี้ควันของนางหนาขึ้น และความร้อนของไฟก็ร้อนมากขึ้น เมื่อนางแปลงกาย นางจะมีลักษณะที่ดูเหมือนมนุษย์มาก ตอนแรกนางไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ กับการมาถึงของเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม หลังจากนางพยายามรู้สึกถึงแย่ว์หยางอย่างระมัดระวัง นางจึงจำได้ว่าเป็นเย่ว์หยาง และทำให้นางร่าเริงยินดี ร่างควันของนางลอยขึ้นในอากาศ สร้างรอยแนวยาว เปลวเพลิงลุกโหมทุกที่ นางพุ่งเข้าหาเย่ว์หยาง

“ข้ามีผลึกเวทมาฝาก เจ้าจะต้องชอบแน่ๆ”

เย่ว์หยางล้วงผลึกเวทของอสูรทรายที่ถูกกลั่นด้วยเพลิงอมฤต

อสูรทรายก็คือจ้าวพายุ อสูรทองระดับ 8

ภูตควันไฟมองดูผลึกเวทเหมือนกับเด็กน้อยมองดูขนมหวาน

ตราบใดที่นางดูดกลืนผลึกเวทของอสูรทองระดับ 8 ก็จะสามารถวิวัฒนาการเป็นอสูรชั้นทอง อาจจะวิวัฒนาการเป็นอสูรแพลตตินัมก็เป็นได้ ผลึกเวทนี้ อย่าว่าแต่ภูตควันไฟเลย แม้แต่นางพญากระหายเลือดก็ยังต้องการแทบแย่ อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางรู้สึกว่ามันจะดีกว่าถ้าให้ภูตควันไฟดูดกลืน ในที่สุด เขาเลือกที่จะให้แก่นอสูรสายธาตุจำเพาะชิ้นนี้กับภูตควันไฟ เย่ว์หยางไม่ได้พูดถึงมันเพียงผิวเผิน แต่เขาขอบคุณหญิงสาวร้านเหล้าที่ช่วยไว้ก่อนนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาซาบซึ้งกับความจริงที่ว่านางและสหายของนางสละชีวิตพวกนางช่วยแม่สี่ไว้

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถช่วยหญิงสาวร้านเหล้าทำให้นางกลับมาเป็นปกติดังเดิม เย่ว์หยางก็ยังหวังว่านางจะวิวัฒนาการไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนางก็จะมีชีวิตใหม่มีภูมิปัญญาใหม่

ภูตควันไฟตื่นเต้นมากเมื่อเห็นผลึกเวท และต้องการจะกลืนกินทั้งหมดทันที

นางไม่มีข้อจำกัดแบบมนุษย์ นางเพียงมีปฏิกิริยาไปตามสัญชาตญาณของนางเท่านั้น

“เจ้าต้องการใช่ไหม?”

เย่ว์หยางล่อภูตควันไฟอย่างเจ้าเล่ห์ เหมือนกับวิธีที่โจรจะลักพาตัวเด็กผู้หญิง เขาชูแก่นของจ้าวพายุล่ออยู่ด้านหน้าภูตควันไฟ แล้วกระซิบว่า

“ตามข้ามา เข้าใจไหม?”

เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์เงินออกมา ตอนนี้กลายเป็นคัมภีร์เงินขั้นสูงแล้วหลังจากสู้ศึกมาหลายครั้ง เขาส่งสัญญาณให้ภูตควันไฟยอมรับการอัญเชิญของเขา

หลังจากคัมภีร์ของเขายกระดับจากการต่อสู้ ทักษะแฝงเร้นของเย่ว์หยางก็ยกระดับไปด้วย

ความจริงสิ่งที่เย่ว์หยางหวังมากที่สุดก็คือปีศาจดอกหนามกลายเป็นอสูรพิทักษ์ของเขาไปด้วย หรือทักษะใหม่สำหรับโคเงา, นางพญากระหายเลือดและอสูรอื่นๆ น่าเสียดายที่ความปรารถนาของเย่ว์หยางยังไม่สำเร็จ มีแต่ทักษะแฝงเร้น “ลวง” และ “คนคู่” ที่ยกระดับ พลังญาณทิพย์ระดับห้าของเขาก็ยังไม่ยกระดับ เกี่ยวกับการยกระดับทักษะคนคู่ของเขา เย่ว์หยางได้ทักษะสงบจิตเพิ่มขึ้นมาอีก เขาสามารถปลดปล่อยอสูรของเขาจากความรู้สึกที่เป็นลบได้

ตอนนี้เย่ว์หยางใช้ทักษะสงบจิต เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะนำอสูรของเขาภูตควันไฟที่ลดความระมัดระวังลงและลบความรู้สึกที่เป็นศัตรูออกไป

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลจากการหลอกล่อด้วยด้วยแก่นเวทจ้าวพายุหรือเพราะทักษะสงบจิต เมื่อภูตควันไฟรับแก่นเวทจ้าวพายุแล้ว นางยังตอบรับการเรียกหาของเย่ว์หยางด้วย นางเปลี่ยนเป็นเกลียวควันแล้วเข้าไปอยู่ในคัมภีร์ นี่เป็นครั้งแรกที่นางยอมเชื่อฟังคำสั่งของเย่ว์หยาง

พอเห็นว่าเย่ว์หยางประสบความสำเร็จในการเรียกภูตควันไฟแล้ว เย่ว์ปิงและอี้หนานซึ่งจับตาดูอยู่เงียบๆ เกรงว่าจะทำให้ภูตควันไฟตกใจ ก็ส่งเสียงตื่นเต้นร่าเริงยินดีทันที

ตราบใดที่ภูตควันไฟย่อยสลายแก่นจ้าวพายุได้ นางก็จะกลายเป็นสาวควันไฟอสูรระดับทองในการเรียกออกมาครั้งต่อไป เย่ว์หยางยังไม่มีอสูรสายธาตุเฉพาะ ดังนั้นภูตควันไฟจึงเติมเต็มที่ว่างได้สมบูรณ์ หลังจากรับภูตควันไฟมาแล้ว เย่ว์หยางพาเย่ว์ปิงและอี้หนานไปเหวสิ้นหวัง และกลับมาที่ค่ายซึ่งเคยถูกพวกวังมารปิดล้อมในครั้งนั้น เย่ว์หยางตั้งใจใช้ที่นี่เป็นฐานพักก่อนที่พวกเขาจะเดินทางลึกเข้าไปในเหวสิ้นหวังเพื่อค้นหาเต่ามังกรผู้บาดเจ็บ

การมาเหวสิ้นหวังครั้งที่สองนี้ ไม่เพียงเพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้น แม้แต่เย่ว์ปิงก็มีความก้าวหน้าพัฒนาขนานใหญ่ด้วย

ทั้งสามคนไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของนักผจญภัยคนอื่นๆ พวกเขาเอาแต่เดินมุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว

เย่ว์ปิงเรียกนักรบพฤกษาของนางออกมาแล้วขึ้นไปนั่งบนไหล่มันพร้อมกับพี่ชายของนาง ขณะที่พวกเขาบ่ายหน้าเข้าใจกลางเหวสิ้นหวัง ตามปกติอี้ หนานไม่เคยเรียกเพกาซัสบินของนาง แต่กลับนั่งอยู่ข้างๆ เย่ว์หยางแทน แขนทั้งสองของนางโอบเย่ว์หยางไว้เหมือนกับเย่ว์ปิง นางนั่งอยู่ตรงนั้นขณะคุยกับเย่ว์ปิง

ความสัมพันธ์ของอี้หนานกับเย่ว์หยางก้าวหน้าไปมาก แต่อี้หนานก็ยังเขินอายเล็กน้อยยามอยู่ต่อหน้าเสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม อยู่ต่อหน้าเย่ว์ปิงนางถือว่าตัวนางเองว่ากลายเป็นพี่สะใภ้ของเย่ว์ปิงแล้ว

“ขุนพลพฤกษาอสูรเงินระดับ 5 ใช่ไหมนี่?”

ทหารนายกองคนหนึ่งซึ่งรู้จักทีมงานเขาดีจ้องมองนักรบพฤกษาขนาดยักษ์เดินตึกตักห่างออกไป อย่างมึนงง

“พาหนะ..”

เย่ว์หยางกำลังคิดถึงพาหนะมาตลอดทาง สาวกิเลนคงจะไม่ยอมเป็นพาหนะของเขาแน่นอน มิฉะนั้นทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ เขาจะชักชวนเกลี้ยกล่อมผู้ไม่มีบ้านให้กลับไปได้อย่างไร? นี่เป็นปัญหาจริงๆ

ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=325

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด