ตอนที่ 301 ปรุงยาเพิ่มพลังยุทธ
ศึกตระกูลเย่ว์สั่นสะท้านไปทั้งโลก
ก่อนนั้นเย่ว์ชิวตัวปลอมทรงพลังเกินกว่าใครจะเปรียบได้ บางคนสงสัยว่าเขาเป็นตัวปลอม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นแตกต่างกัน พวกเขาไม่เห็นว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะพอใจอยู่ดี
มันเป็นศึกระหว่างนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนเดียวกับทีมนักสู้ปราณก่อกำเนิดหลายคน ยิ่งกว่านั้นทุกคนก็เห็นกับตาว่าเย่ว์ชิวได้รับการสนับสนุนโดยอาณาจักรสือจิน, นิกายพันปีศาจ, นิกายบรรพตขจีและแม้แต่นิกายเจดีย์ราชสีห์ ทุกคนเชื่อว่าเย่ว์หยางจะพลาดท่าและเย่ว์ชิวตัวปลอมจะยึดตระกูลเย่ว์ได้ทั้งหมด
การกระทำของเย่ว์หยางผู้นำน้องสาวกลับมาปราสาทตระกูลเย่ว์เป็นครั้งที่สอง ถูกหลายๆ คนมองว่าเป็นการกระทำที่บ้าบิ่นที่สุดที่เขาเคยกระทำ
เขาคือคนหนุ่มอัจฉริยะ เป็นความหวังในอนาคตของตระกูลเย่ว์
แต่เนื่องจากความใจร้อนของคนหนุ่ม ไม่สามารถจะอดทนอยู่เงียบๆ ได้ เขาจึงเดินเข้าหาความตายเอง
เขาคงจะหายไปตลอดกาล
นั่นคือสิ่งที่ทุกคนในโลกคิดกัน
แต่แล้วก็เกินความคาดหมายของพวกเขา ผลสุดท้ายของการต่อสู้ทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนนัยน์ตาแทบปะทุด้วยความตกใจ เย่ว์ชิวตัวปลอมผู้มีพลังและได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ องค์กร แม้แต่แดนอเวจี ก็ยังพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ คุณชายสามตัวปลอมถูกอสูรของคุณชายสามตัวจริงจับกิน นักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกหลายคนผู้ช่วยเย่ว์ชิวตัวปลอม ได้แก่พวกพันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิดเจ็ดดาวเช่น เหยากวง, ไคหยางและเทียนฉวนต่างก็ล้มตาย ณ ถนนขึ้นปราสาทตระกูลเย่ว์ พวกเขาทั้งหมดถูกคุณชายสามตระกูลเย่ว์ฆ่า ความไม่ธรรมดาของเขาเกินกว่าที่ทุกคนจะจินตนาการได้ แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวปีศาจ ฉือเหลียว องครักษ์พิทักษ์ฟ้า หม่าซ่าง, หนิวกั้วและเสนาบดีกรมวังโหลวเว่ยต่างก็พ่ายแพ้กันหมดด้วยความช่วยเหลือของเซียนนักพรตและบัณฑิตวัยกลางคน
นิกายบรรพตขจีที่เข้าโจมตีตระกูลเย่ว์กับคนของพวกเขาทั้งหมดถูกกำจัดเรียบ
ไม่มียอดฝีมือในนิกายเหลือรอดอยู่เลย
คนแรก รองประมุขนิกายว่านฉีซิ่วหลิงถูกคุณชายสามตระกูลเย่ว์ฆ่าในมิติประลอง และออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ประมุขนิกายตวนมู่หลงเฉิงผู้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้มีชื่อเสียงในหอทงเทียนก็พ่ายแพ้ย่อยยับและพยายามหลบหนี แต่คุณชายสามตระกูลเย่ว์ยังไล่ตามเขาเข้าไปในแดนอเวจีและฆ่าเขาได้สำเร็จ
แม้แต่ซุ่นเทียน จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยผู้ทรงพลังได้รับการนับถือจากผู้เยาว์ทั้งหลายตั้งแต่เก้าร้อยปีก่อนเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งจื่อเว่ยในหอทงเทียนชั้นที่เจ็ด ถึงกับหนีหางจุกก้นในที่สุด
ทุกคนไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ ถึงความแข็งแกร่งของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่เอาชนะคู่ต่อสู้ผู้แข็งแกร่งได้มากมายหลายคน
สิ่งที่บ้าที่สุดก็คือเจ้าเด็กนั่น มีอายุเพียงยี่สิบปี
ถ้าเป็นคนอื่นสามารถกลายเป็นนักสู้ระดับ 6 ตอนอายุยี่สิบปี ทุกคนก็ยกย่องเขาว่าเป็นอัจฉริยะในรอบหลายร้อยปีถึงจะมีมาครั้งหนึ่ง
เทียบกับเขาแล้ว พวกเขาไม่คู่ควรจะหิ้วรองเท้าให้เย่ว์หยางด้วยซ้ำ
คุณชายสามตระกูลเย่ว์สามารถฆ่าตวนมู่หลงเฉิง ประมุขนิกายบรรพตขจี นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 เมื่อตอนที่เขาอายุเพียงยี่สิบปี ยิ่งกว่านั้นเขายังกลับมาได้หลังจากเข้าไปในแดนอเวจี นับเป็นความเจริญรุ่งเรืองในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติโดยแท้
ขณะที่องครักษ์พิทักษ์ฟ้าทั้งสองของพวกเขาตายในการต่อสู้ อาณาจักรสือจินที่วางแผนบุกต้าเซี่ยด้วยทหารของพวกเขาตัดสินใจถอนกำลังทหารสองหมื่นนายกลับ
พวกเขาเปลี่ยนกลยุทธ์จากรุกเป็นรับแทน ทหารประจำการของพวกเขาอยู่ห่างจากชายแดนสองกิโลเมตรเพราะกลัวอาณาจักรต้าเซี่ยบุก
ก่อนหน้านั้นทูตของสือจินผู้ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรขอให้รัชทายาทแห่งต้าเซี่ยยอมจำนนโดยมอบองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมาเป็นนางสนมขององค์ชายสือจินได้ถูกขับไล่ออกจากอาณาจักรต้าเซี่ย ทันทีที่ศึกตระกูลเย่ว์จบลง องค์ชายรองผู้มีความรู้มากกว่า เขาสั่งให้ขุนศึกจับเจ้าผู้นี้ หลังจากโบยเขาอย่างหนักแล้วให้เปลื้องเสื้อผ้าเขาแล้วแขวนเขาไว้บนกำแพงวังต้าเซี่ย ประจานให้ประชาชนได้เห็น แม้ว่ารัชทายาทแห่งต้าเซี่ยจะไม่มีอำนาจในการออกคำสั่งประกาศสงครามกับอาณาจักรสือจิน แต่รัชทายาท, องค์ชายรอง, และองค์ชายอื่นๆ ผู้กำลังทะเลาะแย่งชิงบัลลังก์ต่างก็ประกาศว่าอาณาจักรสือจินทำให้ชื่อเสียงของพระน้องนางของพวกเขามัวหมอง
หลังจากนั้น อาณาจักรสือจินก็ส่งทูตอื่นมาขอความเมตตาและขออภัย
อย่างไรก็ตาม พวกองค์ชายประกาศอีกครั้งหนึ่งที่ว่าทูตได้สมรู้ร่วมคิดกับพวกปีศาจแดนอเวจี และว่าพวกเขาไม่ได้ถูกจักรพรรดิแห่งสือจินส่งมา ทูตนั้นถูกส่งมาเพื่อสร้างความขัดแย้งระหว่างอาณาจักร
รัชทายาทแห่งต้าเซี่ยและบรรดาองค์ชายอื่นๆ ไม่ยอมรับคำอธิบายของทูตแห่งอาณาจักรสือจินแม้แต่น้อย แต่กลับประกาศว่าจะเอาเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
ก่อนที่จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้จะกลับมาและจัดการเรื่องราวทั้งหมด รัชทายาทที่ยังไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์และองค์ชายอื่นๆ ไม่มีอำนาจเคลื่อนกองกำลังของพวกเขา ยิ่งกว่านั้นมีการจลาจลและก่อกบฏในอาณาจักรต้าเซี่ยและโจรร้ายเริ่มอาละวาด ผู้คนเดือดร้อนเป็นจำนวนมากต้องการให้เหตุการณ์สงบลงอย่างเร่งด่วน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ต้าเซี่ยจะส่งกองทหารของพวกเขาทำสงคราม อย่างไรก็ตาม แม้แต่คนตาบอดก็มองเห็นได้ว่าต้าเซี่ยและสือจินคงจะประกาศสงครามกันในไม่ช้า
นอกจากส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปร่วมแสดงความยินดีในชัยชนะของเย่ว์หยางแล้ว รัชทายาทแห่งต้าเซี่ยและองค์ชายอื่นๆ ก็ยังส่งรางวัลมาร่วมแสดงความชื่นชมของพวกเขา
มีการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างพวกเขา แม้แต่รัชทายาทแห่งต้าเซี่ยก็บัญชาให้ขุนพลนำกองกำลังส่วนตัวไปฆ่าโจรป่า ปราบกบฏและปลอบโยนพวกเจ้าเมือง โดยอาศัยอิทธิพลชัยชนะของเย่ว์หยางในปราสาทตระกูลเย่ว์
สำหรับตระกูลใหญ่ที่เหลือ พวกเขายังคงมาร่วมแสดงความยินดีกับเย่ว์หยาง
ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับการมาเยือนของพวกเขาก็คือเย่ว์หลิ่ง ลุงรองของเย่ว์หยาง เขาเพิ่งจะได้รับตำแหน่งรักษาการประมุขตระกูลเย่ว์คนใหม่
เย่ว์หยางไม่มีความสนใจแต่อย่างใดที่จะรับตำแหน่งรักษาการประมุขตระกูล ยิ่งกว่านั้นจะมิเหนื่อยแทบตายหรือ หากเขาต้องคุมสมาชิกของตระกูลเย่ว์บูรณะแผ่นดินที่ถูกทำลาย? เย่ว์หยางไม่ต้องการมีส่วนร่วมในงานนั้นและโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้เย่ว์หลิ่งลุงรองของเขาแทน แม้ว่าเย่ว์หลิ่งจะไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์พอๆ กับพี่ชายของเขาเย่ว์ซาน
ไม่มีพลังแข็งแกร่งพอๆ กับเย่ว์ชิวน้องสามของเขา และไม่ได้ฉลาดมองการณ์ไกลเหมือนกับเย่ว์หลิงน้องสี่ของเขา แต่เขามีข้อได้เปรียบที่มีความสามารถโดยเฉลี่ยทุกอย่าง เขามีความสามารถจัดการได้ทุกอย่าง ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ช่วยเย่ว์หยางระหว่างต่อสู้อาบเลือดในปราสาทตระกูลเย่ว์ แต่เขาก็ไม่ได้ช่วยเย่ว์ชิวตัวปลอม เขาได้แต่ทุกข์ทรมานอยู่เงียบๆ ขณะมองดูชื่อเสียงตระกูลเย่ว์ถูกทำให้มัวหมอง ดังนั้นเขาจึงโดดเด่นมากในบางแง่มุม
ฉะนั้น มีเพียงผู้อาวุโสสองคนที่ยังมีชีวิตอยู่และยินดียอมให้เย่ว์หลิ่งรั้งตำแหน่งรักษาการประมุขตระกูลจนกว่าประมุขตระกูลเย่ว์ไห่จะกลับมา
เย่ว์หลิ่งไม่เคยคาดคิดมาก่อนแม้แต่ในความฝันว่าตำแหน่งที่เขาหวังจะได้เป็นเสมอมา ตำแหน่งประมุขตระกูลจะตกมาในเงื้อมมือของเขาในที่สุด.. ก่อนนั้น มีเย่ว์ชิวผู้แข็งแกร่งและเย่ว์ซานพี่ชายของเขาอยู่ก่อนหน้าเขา จากนั้นก็ยังมีเย่ว์ถิงที่กำลังได้รับการฝึกฝนให้เป็นประมุขตระกูลคนต่อไป บิดาของเขาชราภาพแล้ว
แต่สุขภาพยังดีอยู่ พี่ชายของเขาก็ยังยอดเยี่ยมและหลานของเขาก็โตวันโตคืน.. เย่ว์หลิ่งคิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางได้เป็นรักษาการประมุขตระกูลแน่แท้ อย่าว่าเย่ว์ไห่บิดาของเขาที่เป็นประมุขตระกูลเลย แม้แต่ทั้งตระกูลเย่ว์ ก็ยังหวังว่าพวกเขาสามารถเป็นประมุขตระกูลในอนาคตได้ ตราบใดที่เย่ว์หยางเห็นด้วย ก็ไม่มีใครในโลกจะคัดค้านเรื่องที่เขาได้เป็นประมุขตระกูล
เขาได้รับมอบตำแหน่งรักษาการประมุขตระกูลมาโดยไม่คาดคิด
เย่ว์หยางทำเช่นนั้น แม้ว่าเย่ว์หลิ่งจะมิได้สนับสนุนเขาในก่อนหน้านั้น
ลุงรองเย่ว์หลิ่งทั้งรู้สึกผิดและปลาบปลื้มใจในขณะเดียวกัน เมื่อเย่ว์หยางพยายามตามหาเขา ถามเขาว่าต้องการจะเป็นรักษาการประมุขตระกูลและนำคนในตระกูลบูรณะฟื้นฟูบ้านไหม เย่ว์หลิ่งพูดไม่ออกชั่วครู่ เขาเกือบคิดว่าฟังผิดไป
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอ แต่กลับยอมรับทันทีโดยไม่ลังเลใจ
เย่ว์หลิ่งมุ่งมั่นเพื่อเป็นรักษาการณ์ประมุขตระกูลที่ดีและเป็นผู้นำคนในตระกูลจนกว่าบิดาของเขาจะกลับมาจากเงื้อมมือเผ่าปีศาจบูรพา เขาจะฟื้นฟูปราสาทตระกูลเย่ว์จากซากปรักหักพัง
เย่ว์หยางหลานชายของเขาผู้นี้ เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปแล้ว อนาคตของเขาจะต้องอยู่ในหอทงเทียน ดังนั้น เขาจึงไม่หวงแหนตำแหน่งประมุขตระกูล นั่นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่มีความสามารถในการกำกับดูแลกิจการใดๆ ได้ แต่ทุกคืน ลุงรองเย่ว์หลิ่งจะรายงานความคืบหน้าในการทำงานของเขา แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่มีเวลาพบเขาก็ตาม เขาก็จะสรุปรายงานไม่กี่จุดและรายงานให้เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงและขอให้พวกนางส่งรายงานให้เย่ว์หยางทราบด้วย
หลังจากศึกครั้งนี้ มีความเปลี่ยนแปลงระหว่างสมาชิกตระกูลที่มิอาจปฏิเสธได้ พวกเขาสามัคคีกันมากยิ่งขึ้น
คนในตระกูลจากครอบครัวสาขา หรือพวกที่มีสกุลต่างกันก็จะไม่ได้รับการยกย่องหรือกดขี่ประหนึ่งว่าพวกเขามีสถานะต่ำต้อยกว่าเหมือนครั้งก่อน ภายใต้การนำของหลินเหมี่ยวและหลินเหล่ย พวกเขาได้เลื่อนให้เป็นนักสู้ประจำตระกูล พวกเขาเป็นกันเองมากขึ้นในการมีส่วนร่วมบูรณะบ้านเรือนของพวกเขา
ตระกูลเย่ว์ที่มีเงินสำรองมามากแต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้น ตระกูลใหญ่, รัชทายาทแห่งต้าเซี่ยและกลุ่มองค์ชายมอบทรัพย์สินมีค่าหลายรายการและยังส่งคนงานมาร่วมช่วยบูรณะบ้านเรือนด้วย นี่เป็นความหวังว่าปราสาทตระกูลเย่ว์จะได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น แม้ว่ายังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ด้วยผลกระทบของเหตุการณ์ทำให้ใช้เวลาไม่นานเกินไปก่อนที่จะสร้างปราสาทตระกูลเย่ว์ขึ้นมาใหม่ ให้รุ่งเรือง น่าเกรงขามกว่าที่เคยเป็น
“สาวกิเลน! ช่วยดูยาเม็ดนี้หน่อย ข้าปรุงถูกวิธีหรือเปล่า?”
เย่ว์หยางทำตัวเป็นนักเรียนที่ดี กระหายใคร่จะเรียนรู้
“เจ้าโง่, ตอนนี้เจ้ายังใช้เพลิงอมฤตไม่ได้, เพลิงอมฤตบริสุทธิ์มากเกินไป คุณสมบัติทางยาอาจเปลี่ยนไป เพลิงม่วงของเจ้าก็พอจะปรุงได้แล้ว จะดีที่สุดนะถ้าเจ้าใช้วารีแห่งชีวิตสักเล็กน้อย แต่ข้าไม่เคยลองมาก่อน”
สาวกิเลนสมองกลวงก็ยังสมองกลวงจริงๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องปรุงยา ต่อให้ร้อยเย่ว์หยางก็ยังเทียบนิ้วของนางไม่ได้
ก่อนหน้านั้น เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียปรึกษากันเรื่องปรุงยาเพิ่มวิทยายุทธและยาเม็ดเทพยุทธ พอดีสาวกิเลนผ่านมา และนางดูถูกพวกเขาเมื่อได้ยินพวกเขาคุยกัน
จู่ๆ นางก็โพล่งออกมาว่าทำยาเพิ่มพลังยุทธง่ายพอๆ กับทำลูกอมหวาน มีแต่ยาอมตะที่นางจะต้องปรุงอย่างจริงจัง
เมื่อนางพูดเช่นนั้น เย่ว์หยางคว้าตัวนางทันที
เย่ว์หยางขู่นางว่าจะตีก้นนางและไล่นางออกนอกปราสาท ถ้านางไม่สอนวิธีปรุงยาให้เขา หลังจากขู่ดรุณีหลงทาง และไม่มีที่ซึ่งเรียกว่าบ้านแล้ว ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม ด้วยพฤติกรรมนั้นเอง เย่ว์หยางจึงได้ครูมาฟรีๆ นางมีความรู้มากกว่านักปราชญ์ทั้งโลกรวมกันเสียอีก
ข้อเสียมีอยู่เพียงอย่างเดียวคือ ครูผู้นี้ไม่มีความอดทนเมื่อนางสอนลูกศิษย์ของนาง
สาวกิเลนชอบเสื้อผ้าโป๊ๆ ที่เย่ว์หยางคิดค้น ตัวอย่างเช่น ถุงน่องลายลูกไม้, ยกทรงและอื่นๆ
แม้แต่นางยังต้องการลองสวมชุดโป๊ที่มองทะลุได้ ชุดตาข่ายและอื่นๆ ชุดชั้นในแบบนั้นทำให้เด็กหญิงสาวต้องหน้าแดงซ่านทันทีที่เห็นมัน แต่ก็ทำให้พวกบุรุษลามกน้ำลายหกเมื่อมองเห็น เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ มารดาของสาวกิเลนปกป้องธิดาของนางมาก สาวกิเลนไม่สามารถเปลี่ยนชุดของนางได้ ทั้งนี้เป็นเพราะมารดาของสาวกิเลนสวมเกราะกิเลนในตำนานไว้บนตัวธิดารักของนาง
ไม่เพียงแต่คนอื่นเท่านั้น แม้แต่สาวกิเลนเองก็ไม่สามารถถอดมันออกจากร่างทั้งที่นางยังอยู่ในร่างมนุษย์ได้
เย่ว์หยางวุ่นมากในช่วงนี้ แม้ว่าเขามีความใฝ่ฝันจะทำชุดชั้นในที่แสนเซ็กซี่ แต่เขาก็ไม่สามารถไล่ตามฝันนั้นได้ในขณะนี้ เขาได้แต่วาดมันลงบนกระดาษเพื่อล่อใจสาวกิเลนให้มากที่สุด
มีงานปรุงยาเพิ่มพลังยุทธรอเย่ว์หยางอยู่ เขาจำเป็นต้องสร้างมันขึ้นมาเพื่อช่วยให้สาวๆ มีทักษะที่ก้าวหน้า, รวมทั้งเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ นอกจากนี้เขายังค้นคว้าอักษรรูนสวรรค์และอักษรรูนโบราณ เป็นการเตรียมตัวที่เขาจำเป็นต้องทำเพื่อตามหาดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพในอนาคต นอกจากนี้ยังมีภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายจากจักรดินีราตรี
รับมุกเต่าดำจากเต่ามังกรผู้ได้รับบาดเจ็บในเหวสิ้นหวัง จากนั้นเขาจำเป็นต้องรวบรวมมุกมังกรฟ้า, มุกพยัคฆ์ขาว มุกหงส์เพลิงและมุกเต่าดำด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีภารกิจโลกพฤกษาซึ่งเขาจำเป็นต้องทำให้สำเร็จเพื่อได้รับผลปัญญาและกิ่งพฤกษาชีวิต นั่นจะช่วยให้ขุนพลพฤกษาพันปีของเย่ว์ปิงยกระดับกลายเป็นพญาไม้หมื่นปี ขณะเดียวกัน เขาจะได้ตอบรับข้อตกลงที่ทำไว้กับจื่อจุนว่าจะส่งบรรณาการเป็นผลภูมิปัญญาทุกปี
นอกจากนี้เขายังต้องสำรวจหุบเขามรณะ
หุบเขามรณะเป็นพื้นที่ชายขอบของดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เย่ว์หยางได้รับแผนที่ขุมทรัพย์ลับมาจากวิหารแกะครั้งก่อน ต้องมีความลับบางอย่างภายในแผนที่ขุมทรัพย์แน่นอน
แน่นอนว่า ยังคงมีสมบัติเร้นลับที่นางพญากระหายเลือดพูดถึง เป็นสถานที่ซึ่งแม้แต่จ้าวอสูรทองจะยกระดับได้เมื่อมันเข้าไปในที่แห่งนั้น เป็นพื้นที่ซึ่งมีคุณภาพสูงมาก มารดาของนางพญากระหายเลือดยังต้องพยายามขึ้นไปที่หอทงเทียนชั้นสี่หรือแม้แต่ดินแดนที่สูงเหนือกว่า เพราะนางเข้าไปในสถานที่นั้น จู่ๆ เย่ว์หยางก็อยากจะเห็นมันด้วยตนเอง
ถ้าจะทำให้จ้าวอสูรทองวิวัฒนาการได้ อย่างนั้นก็ยังมีหวังสำหรับคิงคองปีศาจของเย่คงและมดทหารของพี่น้องตระกูลหลี่ที่จะได้ยกระดับและวิวัฒนาการต่อไป
เขายังคงต้องการเข้าไปในตำหนักหุ่น และดูมรดกที่มีค่าที่ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงทิ้งไว้ให้อนุชนรุ่นหลัง เย่ว์หยางต้องการศึกษาเรียนรู้พวกมัน จากนั้นจะออกแบบอสูรหุ่นใหม่ทั้งหมด
เขายังคงต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของแม่เฒ่าอู่เถิงและช่วยนางฟื้นฟูพลัง จากนั้นช่วยให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสำรวจบันไดสวรรค์ที่ลึกลับอีกด้วย
และจะเข้าไปในโลกภายในคัมภีร์ได้อย่างไร...
ค้นหาวิธีเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของอสูรทุกชนิดและขุดค้นศักยภาพและทักษะที่ซ่อนอยู่ในภายในของพวกมันออกมา
ฝึกทักษะตัวของเขาเอง เพื่อที่ว่าเขาจะได้แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย, ประมุขนิกายพันปีศาจและราชันย์จ้าวปีศาจและราชาลิช
มีเรื่องที่ชอบอีกมากมายหลายอย่าง รอให้เย่ว์หยางทำ มากถึงขนาดที่เขาคงทำไม่สำเร็จแม้จะแยกร่างได้ถึงสิบร่างก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าตระกูลเย่ว์จำเป็นต้องให้เขาช่วยอยู่รักษาขวัญกำลังใจของพวกเขา เย่ว์หยางคงเผ่นกลับบ้านในสวนน้อยและมีความสุขกับหญิงงามอู๋เหินไปแล้ว ตอนนี้เย่ว์หยางอยู่ที่ตระกูลเพื่อรักษาความหวังในตอนนี้ ทุกคนกลัวว่าคุณชายสามจะทอดทิ้ง พวกเขาจำเป็นต้องได้เห็นคุณชายสามผู้ห้าวหาญเดินเล่นอยู่ในที่ของพวกเขาทุกวันเพื่อความรู้สึกอุ่นใจ จากนั้นพวกเขาก็จะสามารถทุ่มเททำงานเต็มที่ได้
ดังนั้น เย่ว์หยางจึงต้องฝืนใจอยู่สักระยะหนึ่ง นอกจากเขาต้องวุ่นวายกับเรื่องของตัวเองแล้ว เขายังต้องให้กำลังใจคนในตระกูลผู้กำลังบูรณะบ้านถิ่นของพวกเขาทุกวันอีกด้วย
พวกเขาไม่ต้องการให้เย่ว์หยางทำอะไร ตราบใดที่เขายังอยู่ พวกเขาก็พึงพอใจแล้ว
ในสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถจากไปได้ การได้รู้เรื่องที่สาวกิเลนรู้วิธีปรุงยา ทำให้เย่ว์หยางตัดสินใจเรียนรู้จากนาง
เขาควรจะลืมเรื่องสร้างยาเม็ดอมตะในตอนนี้ไปก่อน แม้ว่าเขาจะรู้วิธีทำก็ตาม แต่เขาไม่มีวัตถุดิบในการทำ ปัจจุบันนี้ เย่ว์หยางต้องการผลิตยาเม็ดเพิ่มพลังยุทธที่นักรบทุกคนเคยปรารถนา แม้ว่าจะไม่ต่างกับการทำขนมหวานสำหรับสาวกิเลน แต่ยานี้ก็ปรุงขึ้นมาด้วยความพยายามอย่างหนักของเย่ว์หยาง
“แม่นางกิเลน! เจ้าคิดว่ายานี้คุณภาพใช้ได้หรือยัง? ถ้าข้าเพิ่มน้ำค้างเทพลงไปอีก จะดีขึ้นไหม?”
เย่ว์หยางเป็นนักเรียนที่เอาจริงเอาจังเมื่อเขาขอให้คนอื่นสอนเขา
“ไม่ว่ายังไง น้ำค้างเทพของเจ้าก็ยังไม่ดีพอเท่ากับน้ำดื่มบ้านข้าหรอก ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะเพิ่มทีละนิดๆ ทำไมเจ้าถึงต้องประหยัดมากนักเล่า? การประหยัดวัตถุดิบจะไม่ส่งผลสร้างเป็นยาที่ดีได้..เอาล่ะ ทำไมเจ้าถึงไม่เรียกชื่อข้าล่ะ?”
สาวกิเลนงงสับสน
“เจ้ามีชื่อด้วยหรือ?”
เย่ว์หยางยังไม่กล้าถามชื่อนาง
“แน่นอน มีสิ”
สาวกิเลนกระพริบตากลมโตมองดูเย่ว์หยางอย่างน่ารัก
“เจ้าไม่รู้หรือว่าเรา เผ่าพันธุ์อมตะ แต่ละคนมีชื่อเฉพาะเป็นของตนเอง?”
“เผ่าพันธุ์อมตะมีชื่อด้วยหรือ? อย่างนั้นเจ้าชื่ออะไร?”
เย่ว์หยางสงสัยเรื่องเผ่าอมตะตะวันออกมาก เขามักคิดว่านักพรตเฒ่าที่เตะเขามาทวีปมังกรทะยาน อาจจะเป็นผู้ที่ได้รับยกย่องในเผ่าพันธุ์อมตะก็ได้ ถ้านักพรตเฒ่าทรงพลังมาก ก็คงจะเป็นเรื่องยากหากเขาต้องการจะแก้แค้น อย่างไรก็ตาม ถ้าเขามีหลานสาวจริงๆ เย่ว์หยางก็คิดจะลักพาตัวให้ได้สักคน ถือเป็นการชดเชยให้เขา
“ท่านแม่บอกว่าคอของข้าละเอียดอ่อนเกินไป จึงไม่สมควรพูดมากเกินไป..”
สาวกิเลนก้มหน้าขณะนางตอบเย่ว์หยาง
นางต้องการจะกลับเข้าไปในคัมภีร์เทพฤทธิ์ แต่นางควบคุมพลังได้ไม่ดี จึงเผลอกระแทกเย่ว์หยางลงกับพื้นก่อนจะกลายร่างเป็นสายรุ้งลอยเข้าไปในตัวของเขา
เย่ว์หยางสงสัยจริงๆ ว่าสาวกิเลนคงจะจงใจทำ
เมื่อเขาคิดดูอีกครั้ง สาวกิเลนจะมีนิสัยสมองกลวง การที่นางจะเผลอกระแทกเขาลงกับพื้น ก็อาจเหมือนเคาะศีรษะนางเองตอนเดินเข้าบ้าน
เสวี่ยอู๋เสียมองดูเย่ว์หยางปรุงยาอยู่เงียบๆ นางยังคงฟังบทสนทนาของเขากับสาวกิเลนโดยไม่ถามอะไรเขา นางจะช่วยเขาเทน้ำค้างเทพหรือวารีชีวิต ไม่ว่าเมื่อไรก็ตามที่เย่ว์หยางต้องการ นางก็จะปรากฏตัว นางจะหายไปเมื่อเย่ว์หยางคร่ำเคร่งศึกษา แต่นางไม่รบกวนการแลกเปลี่ยนระหว่างเขากับสาวกิเลน
ในบรรดาหญิงสาว มีแต่นางที่ทำเช่นนั้นได้
เย่ว์หยางเห็นว่าส่วนผสมที่เขาทำยังไม่สำเร็จบนโต๊ะหกเล็กน้อย เมื่อสาวกิเลนสมองกลวงกระแทกใส่เขา
อย่างไรก็ตาม เสวี่ยอู๋เสียห้ามเขา
นางชี้ไปที่ส่วนผสมที่เริ่มเรืองแสงช้าๆ
“ไม่นะ, ดูก่อนสิ, เจ้าทำสำเร็จแล้ว
“นี่... เป็นไปไม่ได้, ข้าโชคดีขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เย่ว์หยางประหลาดใจเมื่อเห็นเช่นนั้น ยาที่ปรุงมาเป็นเวลานานในที่สุดก็เสร็จจนได้ เขาทำสำเร็จโดยผสมมันอย่างนั้นหรือ? ยิ่งกว่านั้น เขาสามารถรู้สึกได้ว่าพลังของยายังดีกว่าที่บันทึกไว้ในสารานุกรมยาเสียอีก มันแทบจะอยู่ในระดับเดียวกับยาเทพยุทธ
“ทำไมเจ้าไม่สงสัยว่าสาวกิเลนตั้งใจจะช่วยเราหรือ?”
เสวี่ยอู๋เสียมองดูเย่ว์หยาง
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=321