ตอนที่ 295 ทำลายรังไหมสู่ชีวิตใหม่
แคร้ง
รูปสลักหินจ้าวปีศาจไม่ขยับแม้แต่น้อย นอกจากรอยแตกเดิม ไม่มีแม้แต่รอยร้าวเพิ่มขึ้น
เย่ว์หยางพูดไม่ออก รูปสลักหินจ้าวปีศาจเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่ใช้ดาบทำลายให้แตกหักเป็นชิ้นได้ ถ้าใครเห็นเป็นแบบนี้ ก็แสดงว่าสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ถูกผนึกไว้ข้างในรูปสลักจ้าวปีศาจจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน ถ้ามันสามารถสร้างรอยร้าวได้เพียงขยับตัว? ถ้าไม่ใช่เพราะเสาแก้วผลึก สิ่งมีชีวิตลึกลับอาจทำลายรูปสลักจ้าวปีศาจได้หมดจากการนอนพลิกตัวเพียงคราเดียว เทียบกับเย่ว์หยางแล้วมันแข็งแกร่งระดับใดกันแน่?
ทหารยามปีศาจที่ได้ทราบข่าวตามมาทัน ในกลุ่มนั้นมีขุนพลปีศาจอยู่สองนาย
ตอนนี้ถือว่าไม่ฉลาดเลยหากจะอยู่นานต่อไป เขาควรจะรีบหนีไปให้เร็วก่อนที่จะยุ่งยากมากไปกว่านี้
เย่ว์หยางตัดสินใจใช้ทักษะสูงสุด
เขาเรียกวงจักรล้างโลกมาถือในมือ อักษรรูปโบราณและอักษรรูนสวรรค์เริ่มหมุนรายล้อมครอบคลุมตัวเขา เหมือนกับว่าเป็นทะเลอักษรรูน เย่ว์หยางขว้างวงจักรล้างโลกโจมตีใส่ตรงกลางรูปสลักของจ้าวปีศาจ
ทันใดนั้น รูปสลักจ้าวปีศาจครึ่งหนึ่งขาดล้มกระแทกกับพื้นดังสนั่น
ร่างของรูปสลักถูกทำลายและส่วนปีศาจที่สลักจากหินก็แตกหัก
เมื่อรูปสลักหินแตกหักเป็นเสี่ยง ชั่วแว่บเดียวพลังมหาศาลจากแก้วผลึกก็หลั่งไหลออกมาพร้อมกับแสงสว่างสวยงามสดใส พอสูญเสียการช่วยเหลือสนับสนุนจากผนึกเสาแก้วผลึก รูปสลักก็ไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้อีก เย่ว์หยางปลื้มใจ เขาบินไปอยู่เหนือตรงนั้นทันที ตั้งใจว่าจะเก็บพลังแก้วผลึกมหาศาลเก็บไว้เป็นของตน
คาดไม่ถึงเลยว่า ผนึกเสาแก้วบนพื้นจู่ๆ ก็เปล่งแสงปล่อยแสงขาวคล้ายตาข่าย รัศมีแสงนับพันปรากฏขึ้นและเคลื่อนไหวได้เหมือนมีชีวิต เหมือนกับแขนนุ่มนวลของหญิงสาวโอบกอดรวบรัดร่างของเย่ว์หยางไว้ มันยังฉุดเย่ว์หยางลงมาอย่างนุ่มนวลโดยไม่อาจหยุดยั้งได้ เหมือนกับว่าต้องการจะผนึกเย่ว์หยางไว้ด้วยเช่นกัน
เย่ว์หยางถึงกับตกตะลึง เขายังไม่ทันได้ช่วยสิ่งมีชีวิตลึกลับเลย ตรงกันข้าม เขากลับจะถูกผนึกตามไปด้วยหรือนี่? เย่ว์หยางรีบปล่อยวงจักรล้างโลกเพื่อทำลายผนึกแก้วผลึก ก่อนนั้นเย่ว์หยางคิดว่าจะตั้งใจเรียนรู้ผนึกเสาแก้วผลึก เขาคิดว่ามันจะช่วยให้เขาปลดปล่อยนางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกจากผนึกได้ในครั้งต่อไป เขาไม่เคยคิดว่าจะทำลายมันได้เร็วนัก แต่สถานการณ์ตอนนี้เสี่ยงอันตรายอย่างมาก ดังนั้นเย่ว์หยางไม่สนใจอะไรมากอีกต่อไป เขาจะทำลายผนึกเสาแก้วผลึกด้วยวงจักรล้างโลก
วงจักรล้างโลกที่ไม่เคยล้มเหลวในการปราบศัตรูของเขาโจมตีถูกผนึกเสาแก้วผลึก
อย่างไรก็ตาม กลับทำให้เย่ว์หยางผิดหวังสิ้นเชิง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฟันทำลายผนึกได้ มันกลับสะท้อนมาหาเย่ว์หยาง
และหายเข้าไปในร่างของเย่ว์หยางทันที
อาจเป็นได้หรือว่า การทำลายผนึกเสาแก้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้? เย่ว์หยางกำลังคิดเรื่องนี้เมื่ออักษรรูนโบราณและอักษรรูนสวรรค์บนผนึกเสาแก้วปรากฏขึ้นทันที แสงที่ทรงพลังสว่างเจิดจ้าเป็นพันเท่า ส่องสว่างไปทั่วทั้งลานหินอัคนี
เหล่าปีศาจที่เข้ามาโจมตีใส่เย่ว์หยางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อพวกมันอาบแสงสีขาว
ปีศาจที่อ่อนแอซึ่งอยู่ใกล้เสาแก้วผลึกมากที่สุดระเหยหายไปทันทีเหมือนกับว่าพวกมันโดนยิงด้วยแสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัว ปีศาจที่อยู่ห่างออกไปหน่อยก็มีร่างกายอวัยวะหลอมละลาย
ทำให้พวกมันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจนตาย พวกที่อยู่ไกลที่สุดและเป็นพวกแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดล้มลงเกลือกกลิ้งกับพื้น ยกเว้นขุนพลปีศาจสองตนที่หลบหนีขึ้นฟ้าได้ทัน แต่ร่างของพวกเขาก็มีควันออกมาจางๆ ขณะที่ทหารยามปีศาจทั้งหมดถูกกำจัดเรียบ
แม้แต่ปีศาจระดับต่ำที่อยู่ห่างออกไปก็เริ่มละลาย
แสงขาวรูปตาข่ายยังคงดึงเย่ว์หยางลงพื้น มันยังคงจับนางเซียนหงส์ฟ้าและเริ่มหุ้มตัวนางเซียนหงส์ฟ้าและเย่ว์หยางทั้งคู่ไว้ภายในเหมือนกับเป็นรังไหมยักษ์
อักษรรูนโบราณและรูนสวรรค์นับไม่ถ้วนเริ่มลอยขึ้นและร่วงลงช้าๆ ทีละอักขระลงบนร่างเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้า ร่างนางเซียนหงส์ฟ้ากลายเป็นโปร่งใสเล็กน้อย เหมือนกับว่านางกำลังจะถูกผนึก ในทางตรงกันข้าม อักษรรูนโบราณและรูนสวรรค์ไม่ส่งผลเป็นการผนึกต่อร่างกายเย่ว์หยาง
กลับกลายเป็นเหมือนคลื่นขนาดยักษ์เข้าไปในร่างของเย่ว์หยางและผสมผสานเข้ากับวงเวทอักษรรูนที่มีอยู่ในร่างของเขาอยู่แล้ว และทำลายวงเวทเดิมลงแล้วสร้างวงเวทอักษรรูนขึ้นใหม่
หลังจากอักษรรูนชุดใหม่เข้าไปในร่างของเย่ว์หยาง วงจักรล้างโลกก็พัฒนาเข้าสู่ระดับใหม่ทั้งหมด
อักษรรูนในร่างของเขากลับกลายเป็นหลากหลายและลึกซึ้งมากกว่าเดิม
เย่ว์หยางตกใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าอักษรรูนในร่างของเขาจะยกระดับได้ ยิ่งกว่านั้นความรุดหน้าครั้งนี้เป็นเพราะความจริงที่ว่าเขาเพิ่งได้รับอักษรรูนโบราณชุดใหม่
“พระเจ้า!”
เย่ว์หยางปลอดภัยแล้ว แต่เขาตระหนักว่าร่างของนางเซียนหงส์ฟ้าหายไปแล้ว
เขาไม่รู้วิธีหยุดกระบวนการผนึกในครั้งนี้ นางเซียนหงส์ฟ้าจะต้องพบจุดจบด้วยการถูกผนึกไว้ที่นี่อย่างนั้นหรือ?
ต้องมีสักทาง, ต้องมีแน่.. เย่ว์หยางบังคับตนเองให้สงบจิตใจลงและพยายามอย่างหนักเพื่อจะรู้สึกถึงพลังงานที่ไหลเวียนอยู่รอบตัวของเขา เขาต้องการทำลายผนึก ช่วยนางเซียนหงส์ฟ้าและสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ถูกผนึกไว้ในที่แห่งนี้ เห็นจะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่ามันถูกผนึกมานานเพียงใดแล้ว ขณะนี้ในท้องฟ้า แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันผู้เดือดดาลได้กลับมาแล้ว เขาคำรามเสียงลั่นขณะที่ขี่อยู่บนหลังของมังกรดำนรกของเขา
มังกรดำนรกรู้สึกกลัวแสงที่ส่องระยิบระยับอยู่บนพื้นล่างอย่างไม่มีเหตุผล
มันปฏิเสธจะร่อนลงพื้นขณะที่ร้องออกมาอย่างน่าสงสาร
แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขารู้ว่าพลังผนึกของผนึกเสาแก้วน่ากลัวขนาดไหน มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่นักรบผู้กร้าวแกร่งมากจากแดนอเวจีเอามาจากแดนสวรรค์มาไว้ที่นี่เมื่อหมื่นปีที่แล้ว เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะใช้มันเพื่อผนึกจื้อจุน น่าเสียดายที่แผนการนั้นไม่เคยได้ใช้เลย
ผนึกเสาแก้วกลายเป็นเครื่องมือที่ล้ำค่าชิ้นหนึ่งของวังปีศาจนี้ ได้รับตกทอดมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
เมื่อสามร้อยปีที่แล้ว ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธและแม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันยังอยู่ที่หอทงเทียนชั้น 7 เมื่อพวกเขาได้พบอสูรประหลาดได้รับบาดเจ็บ พวกเขาตื่นเต้นดีใจที่พบเหยื่อไม่คาดฝัน พวกเขาเชิญนักสู้ชาวปีศาจและพาจ้าวปีศาจมาหลายตนและแม่ทัพปีศาจอีก 10 ตนมาปราบอสูรประหลาด คิดไม่ถึงเลยว่าแม้อสูรประหลาดนั้นจะได้รับบาดเจ็บ
แต่มันก็สามารถฆ่าจ้าวปีศาจได้สองตนและแม่ทัพปีศาจอีกแปดตนในการต่อสู้ แม้แต่ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธเองก็ยังได้รับบาดเจ็บหนัก ยิ่งกว่านั้น พวกเขาก็ยังไม่สามารถปราบและจับมันได้ ในที่สุดแม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันก็ใช้ผนึกเสาแก้วทำการผนึกมันไว้แทน
ถ้าอสูรประหลาดนี้สามารถทำลายผนึกเป็นอิสระได้ ผลที่ตามมาคงมิอาจคาดคิด
“วังวนนิลกาฬ...”
แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันถูกบังคับให้ต้องใช้เครื่องกลป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในวังหลวง, วังวนนิลกาฬที่เก็บกักพลังของพระจันทร์ปีศาจและเลือดปีศาจมาเป็นเวลาหลายพันปี มันคือหนึ่งในสมบัติของคุกโลหิตแห่งแดนปีศาจ
เพียงแค่นั้นก็จะเหนือกว่าพลังแสงสว่างของผนึกเสาแก้วที่น่ากลัวได้
วังวนนิลกาฬในท้องฟ้าค่อยๆ เคลื่อนลงมาที่พื้นตามคำสั่งของแม่ทัพตู้หลัน
ในวังปีศาจทั้งหมด นอกจากราชันย์จ้าวปีศาจบารุธแล้ว แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันเป็นเพียงนักสู้ที่สามารถควบคุมวังวนนิลกาฬได้
นี่ไม่ใช่เรื่องของทักษะอัญเชิญ ไม่ใช่เรื่องการให้เกียรติและไว้วางใจ แต่ราชันย์จ้าวปีศาจไม่อนุญาตให้บุตรของตนเองควบคุมวังวนนิลกาฬ รวมทั้งรัชทายาทสืบบัลลังก์คนปัจจุบันแห่งวังปีศาจด้วย เขากลับมอบอำนาจควบคุมวังวนนิลกาฬให้กับเพื่อนที่เขาไว้วางใจที่สุดและเป็นสหายศึก แม่ทัพตู้หลัน
แม่ทัพปีศาจตู้หลันล้วงเอามุกปีศาจดำออกมาและปล่อยปราณปีศาจมหาศาลขณะที่เขาร่ายคาถารูนสวรรค์ต่อเนื่อง เพื่อควบคุมวังวนนิลกาฬให้ปราบแสงสีขาว
เริ่มเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างแสงสว่างกับความมืดมิด
ทั้งสองเป็นธาตุที่ข่มกันและกัน
พลังที่สองหลอมละลายด้านข้าง และปะทะกันและกันอย่างไม่ลดละ
วังวนนิลกาฬที่เก็บสะสมพลังความมืดมานานหลายพันปีอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า มันสามารถข่มพลังที่มาจากผนึกเสาแก้วและใช้พลังความมืดครอบคลุมท้องฟ้าเหนือวังปีศาจไว้
พออาบพลังงานความมืดของวังวนนิลกาฬ พลังของมังกรดำนรกก็เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า
ตอนนี้มันโฉบลงมาอย่างมั่นใจ พุ่งเข้าใส่แสงสีขาวข้างล่างและพ่นลมหายใจมังกรที่น่ากลัวเป็นสายยาว เป้าหมายของมันพื่อโจมตีใส่เย่ว์หยางผู้ถูกห่อหุ้มอยู่ในรังไหม
ทหารยามปีศาจ, ขุนพลปีศาจ, พ่อมดปีศาจเริ่มปรากฏตัวออกมาจากวังปีศาจมากขึ้น และสนับสนุนทาสปีศาจชั้นต่ำเป็นเครื่องบูชายัญวังวนนิลกาฬอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เลือดปีศาจเปลี่ยนเป็นพลังงาน ของวังวนนิลกาฬก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือกว่าพลังแสงสีขาวที่มาจากผนึกเสาแก้ว ทำให้ผนึกเสาแก้วกลับคืนสู่สภาพเดิม
ขณะนี้ในสนามรบโบราณ แม่ทัพปีศาจทั้งสามและตวนมู่หลงเฉิงได้ทราบข่าวแล้ว
พวกเขาละทิ้งแผนเดิมที่จะเข้าโจมตีทวีปมังกรทะยานและรีบกลับมาทันที
เทียบกับแผนบุกทวีปมังกรทะยานกับอสูรลึกลับที่ถูกผนึกภายในผนึกเสาแก้วในลานหินอัคนีย่อมสำคัญกว่ามาก แดนอเวจีทั้งหมดจะต้องเต็มไปด้วยภัยพิบัติ
คุกปีศาจแดนโลหิตเป็นสถานที่มีชื่อ เป็นถิ่นพำนักของราชันย์จ้าวปีศาจทั้งสามและจ้าวปีศาจทั้งหก
ตอนนี้ มีเพียงราชันย์จ้าวปีศาจเพียงสามและจ้าวปีศาจอีกหนึ่ง ไม่นับจำนวนแม่ทัพปีศาจที่ตายไป พวกเขาสูญเสียจ้าวปีศาจไปห้าคนแล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของอสูรศักดิ์สิทธิ์ลึกลับนั้น
แม้แต่นักรบชาวมนุษย์ก็ยังไม่สามารถฆ่าจ้าวปีศาจได้ถึงห้าตนในรอบพันปีมานี้ แล้วเจ้าอสูรศักดิ์สิทธิ์ลึกลับนี้ใช้เวลาวันเดียวฆ่าจ้าวปีศาจไปถึงห้าตน แล้วทำร้ายคนอื่นๆ บาดเจ็บอีกมาก แดนปีศาจทั้งหมดตกอยู่ในความกลัวเจ้าอสูรลึกลับตนนี้
ยิ่งกว่านั้น ตอนที่มันฆ่าจ้าวปีศาจทั้งหมดนั้น มันยังได้รับบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับบาดเจ็บมาก่อนและสู้กับพวกจ้าวปีศาจในสภาพที่สมบูรณ์ ผลร้ายที่ตามมาคงมิอาจคาดคิดได้
“เร็วเข้า! เจ้าเด็กเย่ว์หยางนั่นพยายามจะปล่อยอสูรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ด้วย รีบหยุดเขาเร็วเข้า! อย่าไว้ชีวิตเขา ไม่ว่าต้องทุ่มเทเช่นไรก็ตาม!”
เห็นได้ชัดว่าตวนมู่หลงเฉิงเป็นนักรบชาวมนุษย์ แต่เขากังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นในแดนอเวจีมาก น่าประหลาดจริงๆ ตวนมู่หลงเฉิงและสามแม่ทัพปีศาจปล่อยให้ทหารของพวกเขาทั้งหมดกลับไปยังวังปีศาจเร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาทำได้ จนมาถึงลานอัคนี
ในลานอัคนีแห่งนี้ แม่ทัพใหญ่ตู้หลันกำลังขี่มังกรดำนรกของเขาขณะโฉบลงมาจากท้องฟ้า ด้วยพลังของวังวนนิลกาฬ ลมหายใจมังกรที่น่ากลัวถูกพ่นออกมาใส่เย่ว์หยางผู้ยังติดอยู่ในรังไหมพลัง
อย่างไรก็ตาม ลมหายใจมังกรเลือนหายไปในท่ามกลางแสงขาวทันที เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เย่ว์หยางผู้ยังติดอยู่ภายในรังไหมปล่อยพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขาเต็มที่
เสียงเหมือนจะดังกึกก้องขณะที่เขาพยายามใช้กำลังออกมาจากรังไหม.. แม่ทัพปีศาจตู้หลันคิดว่าเย่ว์หยางคืออสูรลึกลับที่ต้องการจะทำลายรังไหมและผนึกหนีออกมา สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันทีขณะที่เขาเรียกดาวตกห้าลูกออกมาสร้างฝนอุกกาบาต และระดมพุ่งเข้าใส่เย่ว์หยางที่อยู่ในรังไหม
ดาวตกเปล่งแสงสีแดง มีเปลวเพลิงลุกโหมและยังเพิ่มพลังขณะที่มันผ่านวังวนนิลกาฬ มันกระแทกลงอย่างแรงผ่านพลังต้านทานแสงสีขาว แม้ว่าครึ่งหนึ่งจะหลอมละลายไปในแสงสีขาว แต่มันก็ยังมีอำนาจถล่มฟ้าทลายดิน มันกระแทกเข้ากับรังไหมทำให้เกิดแรงระเบิดขนานใหญ่
รังไหมมีพลังของผนึกชนิดหนึ่งซึ่งทนพลังโจมตีทั้งภายในและภายนอก
ไม่เพียงแต่ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เท่านั้น เย่ว์หยางพยายามทำลายมันโดยใช้พลังหยินหยางของเขาก็ยังไม่ได้
เมื่อดาวตกพุ่งกระแทกใส่รังไหม เกิดการสั่นสะเทือนหนัก แต่มีไม่มีรอยแตกร้าวที่รังไหมเลย
แม้วแต่เย่ว์หยางที่ติดอยู่ข้างในก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาถูกแรงอัดกระแทกสั่นสะเทือนจนมึนศีรษะและตาลาย
“ฮึ่มมมม!”
ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธมาถึงจนได้ ร่างของเขาสูงมากกว่าสิบห้าเมตรและมีเปลวเพลิงนรกลุกท่วม เขามาปรากฏตัวที่ลานหินอัคนี พอเห็นว่าผนึกเสาแก้วกำลังสั่นรุนแรงเพิ่มขึ้นคล้ายกับว่าจะแตกทำลายได้ทุกเมื่อและรูปสลักของเขาเองที่แตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น เขาถึงกับระเบิดความโกรธออกมาโดยมิอาจยับยั้งได้
เขาพุ่งเข้าไปที่กำแพงวังหลวง ใช้แขนยักษ์ของเขาหักยอดแหลมบนกำแพงปราสาทออกมา
เขาเงื้อมันขึ้นและขว้างไปที่รังไหมที่อยู่ห่างออกไป ด้วยพลังที่รุนแรงมากกว่าฝนดาวตกเพลิงทั้งห้าของแม่ทัพใหญ่ตู้หลันเสียอีก
ขณะที่รังไหมรับกระการกระแทกรุนแรงหนัก มันสั่นอย่างรุนแรงขณะที่แสงที่เปล่งออกมาเริ่มหรี่ลงเรื่อยๆ ดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะแตกเป็นชิ้น แม้ว่าเย่ว์หยางจะสั่นสะท้านรุนแรงจากแรงอัดกระแทกหนัก
พลังรังไหมที่ปกป้องเขาอยู่จู่ๆ ก็เผยให้เห็นรูใหญ่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขจริงๆ ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกมาจากรังไหมได้แล้ว คงจะดีที่สุดถ้าพวกเขาส่งพลังโจมตีอีก 2-3 ครั้งและทำลายผนึกข้างล่างนี้ได้ เย่ว์หยางหวังอย่างนั้น
แน่นอน แม้ว่าเขาจะสามารถจากไปได้ในตอนนี้ แต่เย่ว์หยางไม่มีแผนจะหนีออกไปทันที เขาไม่ต้องการกลายเป็นเป้าหมายของศัตรู
ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธคำรามลั่นราวกับสายฟ้าขณะที่เขาเพ่งสร้างลำแสงที่ทรงพลังอยู่ในมือของเขา คล้ายกับสิ่งที่จ้าวปีศาจฮาซินเคยใช้ยิงครั้งก่อน อย่างไรก็ตาม สีของมันแตกต่างกันเล็กน้อยและมันมีพลังมากกว่า
ลำแสงสีม่วงเข้มยิงใส่เย่ว์หยาง
หลังจากผ่านวังวนนิลกาฬ พลังของลำแสงของจ้าวปีศาจสีม่วงเข้มก็เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า มีอำนาจถล่มฟ้าทลายโลก
มันกระแทกอย่างรุนแรงใส่รังไหมที่แตกพังไปแล้ว
รังไหมแตกทำลายทันที ขณะที่พลังของมันส่วนใหญ่ใช้ต่อต้านแรงกระแทกของของลำแสงจ้าวปีศาจ เศษเม็ดกลมแสงนับไม่ถ้วนแตกกระจายไปทั่วสารทิศ ลำแสงจ้าวปีศาจสีม่วงเข้มทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นทันทีที่มันกระแทกใส่พื้น
ยกเว้นเย่ว์หยางที่ทำตรงกันข้าม เขาเรียกคัมภีร์ออกมาและปล่อยโล่ป้องกันคุ้มครองชีวิตน้อยๆ ของเขาเอาไว้
ล้อเล่นหรือเปล่า? เขาจะไปทนลำแสงโจมตีที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงได้อย่างไร?
ที่สำคัญที่สุด เย่ว์หยางคำนวณมุมเอาไว้แล้ว ก่อนที่ลำแสงจ้าวปีศาจจะถูกยิงออกเขาเตรียมโล่ป้องกันของเขาไว้ เพื่อที่ว่าลำแสงจะได้ถูกหักเหไปในทิศทางที่จะทำลายผนึกเสาแก้วที่อยู่บนพื้น เขารู้สึกว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอจะต่อสู้กับจ้าวปีศาจตามลำพัง นั่นคงเป็นเรื่องบ้าแน่ เขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ อย่างเช่นอสูรลึกลับนี้ผู้สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวในลานหินอัคนีนี้โดยแค่เพียงพลิกตัวเท่านั้น อย่างนั้นเขาจึงจะมีโอกาสสูงที่จะเอาชนะได้
พลังลำแสงจ้าวปีศาจน่ากลัวมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอทำลายผนึกได้
เย่ว์หยางถึงกับผิดหวัง
นี่มันผนึกบ้าอะไรกัน? ทำไมถึงได้ทำลายยากเย็นนัก?
เมื่อราชันย์จ้าวปีศาจบารุธและแม่ทัพใหญ่ตู้หลันเห็นว่ามีนักรบมนุษย์หนุ่มคนหนึ่งอยู่ในท่ามกลางระเบิด พวกเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเจ้าเด็กนี่คือต้นเหตุความยุ่งยาก
พวกเขาโกรธจัดและเตรียมบุกเข้ามาฆ่าเย่ว์หยาง พอกรงเล็บปีศาจของบารุธพุ่งเข้ามา.. เย่ว์หยางเชื่อว่ามันสามารถเจาะผ่านโล่พลังของได้ ก่อนหน้านี้ จ้าวปีศาจฮาซินเคยลองทำมาก่อน และเขาเกือบจะฆ่าเขาโดยใช้แค่เพียงนิ้วเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จ้าวปีศาจฮาซินติดอยู่ที่ประตูเทเลพอร์ตในตอนนั้น
เขาไม่สามารถเหยียดแขนออกมาได้ไกลพอ ด้วยพลังโซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลี เย่ว์หยางรอดพ้นการถูกฆ่ามาได้โดยโชคช่วย อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เขาไม่มีอะไรเลย ไม่มีประตูเทเลพอร์ตที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของจ้าวปีศาจ และเขายังอยู่ในรังของศัตรู ซึ่งเขาต้องสู้กับปีศาจนับไม่ถ้วนตามลำพัง ที่แย่ที่สุดก็คือนางเซียนหงส์ฟ้ากลับมาหายไปเสียได้ ดูเหมือนผนึกจะส่งผลต่อนางมาก ถ้าเขาหลบหนีไปจากที่นี่ นางจะต้องถูกผนึกไว้ที่นี่ตลอดชีวิตแน่..
ขณะนี้จิตใจของเย่ว์หยางยุ่งเหยิง
จะสู้ต่อหรือจะหนี?
ทำไมเขาจะต้องเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งทรงพลังเสมอนะ? เขาเพิ่งจะสู้กับจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย ซุ่นเทียนและยังเงาดำลึกลับที่เป็นได้ว่าคือประมุขนิกายพันปีศาจมาหยกๆ ตอนนี้เขายังเจอกับศัตรูที่ทรงพลังอีก ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธและแม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลัน เขาเพียงลำพังจะสู้ศึกครั้งนี้ได้อย่างไร
ครืนนนน
ทันใดนั้น พื้นใต้เท้าของเย่ว์หยางเริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง ปีศาจสัตว์ประหลาดที่อ่อนแอพากันล้มลงกับพื้นหมด ขณะที่ขุนพลปีศาจไม่สามารถยืนหยัดได้มั่นคง
ขณะที่ผนึกเสาแก้วสั่นไหว เสาบางส่วนเอียงและล้มลงกับพื้น ขณะที่บางส่วนจมลึกลงไปในพื้น วงเวทผนึกถูกสิ่งมีชีวิตลึกลับทำลาย มันเก็บพลังของตนเองไว้นานแล้ว แสงสีขาวฉายออกมาจากวงเวทผนึกขนาดใหญ่และมันแตกทำลายทันที รัศมีแสงขาวนับไม่ถ้วนเปลี่ยนเป็นลูกศรแสงยิงออกไปทั่วทุกทิศ
สังหารปีศาจสัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวทั้งหมด แม้แต่ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธและแม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันก็ต้องชะงักเท้า และต้องใช้มือป้องกันตนเองไว้ มังกรดำนรกพ่นลมมังกรและยับยั้งธนูแสงได้ 2-3 ดอก แต่ดอกหนึ่งพลาดมาถูกที่ท้องของมัน แม้วว่าจะมีพลังป้องกันร่างระดับอสูรชั้นเพชรระดับ 6 ก็ตาม แต่แรงเจาะที่รุนแรงก็ตัดผิวของมันสร้างบาดแผลจนเลือดออกบาดเจ็บหนักทันที
พื้นทั้งหมดสั่นสะเทือนรุนแรงจนวังปีศาจพลอยสั่นสะเทือนไปด้วย กำแพงวังค่อยๆ ถล่มลงกับพื้น
พื้นหินอัคนีปริแตกเปิดออก
ขาของรูปสลักจ้าวปีศาจระเบิดกระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษสะเก็ดหินปลิวว่อนด้วยพลังรุนแรงกระเด็นออกไปหลายกิโลเมตรจึงจะร่วงลงพื้น
หลุมขนาดยักษ์ปรากฏอยู่บนพื้นขณะที่ผนึกปราณปีศาจระเบิดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนกับน้ำพุ ไม่กี่วินาทีต่อมา รังไหมเรืองแสงก็ลอยออกมา มันมีขนาดใหญ่และแข็งแรงกว่าที่เย่ว์หยางเคยติดอยู่ภายในมาก่อน อย่างไรก็ตาม พื้นผิวของรังไหมที่ส่องแสงอยู่เริ่มลอกออกช้าๆ เหมือนกับว่าบางอย่างกำลังจะหลุดออกมาจากรังไหม
เมื่อเย่ว์หยางเห็นเช่นนี้ เขาไม่สนใจราชันย์จ้าวปีศาจอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำตอนนี้ก็คือช่วยสหายในอ้อมแขนผู้นี้ เขาใช้ความเร็วสูงสุดวิ่งเข้าไปที่นั่นและสร้างข่ายปราณกระบี่จากพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขาเพื่อช่วยทำลายรังไหมเรืองแสงนี้ ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธและแม่ทัพใหญ่ตูหลันก็วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อยับยั้งเย่ว์หยาง
กรงเล็บปีศาจยักษ์ทั้งสี่พุ่งเข้าใส่ร่างน้อยๆ ของเย่ว์หยางจากท้องฟ้า
ถ้ากรงเล็บนี้มาถึงตัวเย่ว์หยาง ร่างของเขาคงจะฉีกขาดเป็นชิ้นแน่
“ฆ่าหรือถูกฆ่า!”
เย่ว์หยางไม่มีเวลาเรียกวงจักรล้างโลก เขาสามารถใช้ได้เพียงเพลิงอมฤตยิงลงมาจากท้องฟ้า ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธและแม่ทัพใหญ่ตู้หลันต้องการฆ่าเขาหรือ?
อย่างนั้นก็ต้องชดใช้ราคาเดียวกัน
บารุธและตู้หลันทั้งคู่เป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ว่าเย่ว์หยางปล่อยลำแสงเพลิงอมฤตออกมา แต่พวกเขาถอยไม่ได้ กรงเล็บปีศาจที่น่ากลัวทั้งสี่โจมตีใส่เย่ว์หยางจากข้างหน้าและข้างหลัง ผ่านเพลิงอมฤตกระแทกใส่ร่างของเย่ว์หยาง ซี่โครงและกระดูกสันหลังของเย่ว์หยางแทบจะแหลกทันที และอวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายหนัก กรงเล็บแหลมคมของแม่ทัพปีศาจตู้หลันเพียงแค่กรีดอกของเย่ว์หยางเป็นแผลก่อนที่เขาจะดันมันออกไปด้วยโล่เพลิงอมฤต ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแทงร่างของเย่ว์หยางได้ กรงเล็กแหลมคมของราชันย์จ้าวปีศาจบารุธ กลับตรงกันข้าม มันทำลายโล่เพลิงอมฤตของเย่ว์หยางและแทงเข้ามาในตัวของเย่ว์หยาง เขายังแทงใส่ร่างนางเซียนหงส์ฟ้าที่กำลังจะเลือนหายไปด้วย
โชคดีที่เย่ว์หยางใช้โซ่ล่องหนยับยั้งได้หนึ่งในสิบวินาทีและใช้วิชาระบำดาบลับหลบการโจมตีป้องกันศีรษะและหัวใจ และอวัยวะสำคัญส่วนอื่นไว้ได้
หนึ่งในกรงเล็บของบารุธเจาะทะลุปอดของเย่ว์หยางผ่านไหล่ก่อนที่จะแทงเข้าร่างโปร่งแสงของนางเซียนหงส์ฟ้า
กรงเล็บแหลมคมอื่นของยังแทงเข้าที่ต้นขาขวาของเย่ว์หยางทะลุไปถูกขาของนางเซียนหงส์ฟ้า กรงเล็บอีกข้างแทงขาซ้ายเย่ว์หยางทะลุออกน่อง ราชันย์จ้าวปีศาจจับพวกเขาทั้งสองด้วยกรงเล็บต้องการจะฉีกเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าออกเป็นชิ้น
แต่เย่ว์หยางไม่ให้โอกาสเขาทำเช่นนั้น
โซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลีถูกใช้ออกมาอีกครั้ง
ขณะเดียวกันเขาข่มความเจ็บและเทเลพอร์ตหลบห่างออกไปสิบเมตร
เขาไม่มีเวลารักษาบาดแผลตัวเอง ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถ้าเขายังคงเพลิงอมฤตไว้อย่างนี้ก็จะรักษาแผลของเขาเองโดยอัตโนมัติ มือซ้ายเย่ว์หยางเรียกวงจักรล้างโลกออกมาทันที ขณะที่มือขวาควบพลังสร้างระเบิดดวงดาว เขาเตรียมจะโต้ตอบกลับอย่างรุนแรง
เย่ว์หยางได้รับบาดเจ็บหนักเพราะเขาต้องการช่วยสิ่งมีชีวิตลึกลับ เขากลายเป็นคนที่เห็นแก่ผู้อื่นแบบนั้นได้อย่างไร
ความจริงภายใต้เพลิงอมฤตแผดเผา เพลิงที่สามารถเผาผลาญทุกอย่างในโลกได้ บารุธและตู้หลันไม่ได้หลบพ้นอันตรายได้สิ้นเชิง แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันต้องฉีกผิวที่แขนของเขาที่มีเพลิงอมฤตลุกไหม้ เขามีทักษะในเรื่องถลกหนัง เพลิงอมฤตจึงทำร้ายเขาได้เฉพาะผิวส่วนบน ไม่กินลึกถึงเนื้อและกระดูก
ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธก็หลบได้รวดเร็วและปัดมันพ้นได้ด้วยบอลแสงของจ้าวปีศาจ
มีปีศาจน้อยที่ดูเหมือนบารุธอยู่ภายในบอลแสงนั้น
เพลิงอมฤตไม่สามารถดับได้ แต่ก็สามารถปัดเป่าออกไปได้ บารุธถ่ายโอนเพลิงอมฤตไปที่ร่างปีศาจน้อยผู้อ่อนแอลงทุกทีแล้วก็หายไปในที่สุด ปีศาจน้อยซึ่งถูกเพลิงอมฤตเผาถูกฆ่าทันทีและกลายฝุ่นธุลีตรงจุดนั้น
สิ่งมีชีวิตลึกลับดิ้นรนอย่างไม่ลดละอยู่ภายในรังไหมเรืองแสงในที่สุดก็หลุดออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
พอเห็นเพลิงอมฤต มันไม่แสดงอาการกลัวเลย กลับมีความร่าเริงยินดี
เหมือนกับว่าเพลิงอมฤตไม่ได้เป็นต้นเหตุทำร้ายร่างกายมัน ขณะที่หัวของมันเจาะออกมาจากรังไหม มันพุ่งเข้าหาเพลิงอมฤตที่ลุกโชนของเย่ว์หยางทันที และกลืนเพลิงอมฤตให้เผาผลาญทั้งตัวของมัน
เย่ว์หยางผู้กำลังเร่งรักษาตนเองด้วยเพลิงอมฤตก็ยังตกใจเมื่อเห็นภาพเช่นนี้
นี่... เป็นไปได้ว่าเจ้านี่ก็คือ....
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=315