ตอนที่แล้วตอนที่ 293 โค่นศัตรู บุกวังปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 295 ทำลายรังไหมสู่ชีวิตใหม่

ตอนที่ 294 ช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ถูกผนึก


เขาไม่อาจหาตวนมู่หลงเฉิงเจอในที่ใดๆ เลย

เย่ว์หยางคิดว่าไม่ใช่เพราะเขาช้าเกินไปหรือว่าเจ้านั่นหลบหนีเร็วเกินไป แต่เป็นเพราะเขาถูกเทเลพอร์ตส่งไปต่างสถานที่เพราะเหตุผลบางประการ

ถ้าเขาเทเลพอร์ตไปสู่บางแห่งในทวีปมังกรทะยาน นี่คือการเบี่ยงเบนในจุดเทเลพอร์ตเล็กน้อยอาจเพียงไม่กี่ร้อยเมตร

อย่างไรก็ตาม การเทเลพอร์ตจากทวีปมังกรทะยานไปแดนอเวจี ทวีปมีขนาดใหญ่มาก แค่จุดเทเลพอร์ตเบี่ยงเบนเพียงเล็กน้อยจะส่งผลในระยะทางที่กว้างมาก

ถ้าเขาไปปรากฏในที่อื่น ก็ยังพอทำเนา

แต่ความจริงเขากลับมาปรากฏอยู่ในวังหลวงแดนอเวจี เป็นวังหลวงในตำนานที่ราชาปีศาจอาศัยอยู่ ถ้าราชาจ้าวปีศาจเกิดอยู่ในที่พักวันนี้ เย่ว์หยางผู้กำลังแบกนางเซียนหงส์ฟ้าที่ยังหมดสติจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงทันที อย่างไรก็ตาม เสียงเรียกที่คุ้นเคยแต่ห่างไกลที่อยู่ในใจเขา ทำให้เย่ว์หยางไม่สามารถหยุดความสงสัยได้ ทำไมถึงมีสิ่งมีชีวิตลึกลับมาร้องเรียกเขาในวังของราชันย์จ้าวปีศาจ?

เสียงเรียกเช่นนี้ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกแปลกแยกจากโลก ตอนแรก เขาคิดว่าคิดไปเอง หรือบางทีเป็นเพราะกระแสหมุนวนสีดำเหนือวังปีศาจ

อย่างไรก็ตาม หลังจากสังเกตและส่งเสียงเรียกอย่างระมัดระวัง เย่ว์หยางก็ตระหนักว่ามันมีอยู่จริงๆ

“ลองไปดูซิ!”

เย่ว์หยางไม่รู้ว่าเขาตัดสินใจถูกหรือผิดกันแน่ แต่เขารู้ว่าเขาเลือกจะเสี่ยงแน่นอน เขาเดินเข้าถ้ำเสือโดยไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวังปีศาจแดนอเวจีเลย เขายังแบกนางเซียนหงส์ฟ้าที่ยังหมดสติไปด้วยขณะที่พยายามมองหาสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เรียกหาเขา แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าไม่ควรทำเช่นนี้

ปัญหาก็คือถ้าเย่ว์หยางไม่ไป ยอมยกเลิกการค้นหาและกลับไปทวีปมังกรทะยาน เขาก็คงไม่มีความสบายใจทั้งชีวิตแน่

เขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง บางครั้งบางสิ่งบางอย่างก็อาจไม่ราบรื่นบ้าง

บางทีก็ต้องเสี่ยงดูทุกอย่างและโยนคำเตือนทิ้งไปกับสายลม ถ้าคนเราต้องระมัดระวังไปเสียทุกอย่าง ก็คงไม่ต้องทำกัน เย่ว์หยางให้ความสนใจเต็มที่แล้ว เขาตัดสินใจทันที

เย่ว์หยางแบกนางเซียนหงส์ฟ้าไว้บนหลังและมัดนางไว้กับตัวเขาด้วยชุดของเขา เหมือนอย่างที่เคยใช้วิธีนี้กับเย่ว์ปิง

จากนั้นเขาสวมหน้ากากทองคนคู่และเรียกเงาปีศาจของหน้ากากทองออกมาด้วย

และสั่งให้เงาปีศาจไปค้นหาในพื้นที่ๆ ตรงกันข้ามกับเขา

แม้ว่าพลังของมันจะมีแค่เพียงครึ่งหนึ่งของเย่ว์หยางและยังคงอยู่ได้เพียงหนึ่งชั่วโมง แต่ก็เพียงพอโจมตีใส่เพื่อเตือนศัตรู เย่ว์หยางรู้สึกว่า ยิ่งเขาอยู่ที่วังปีศาจนานขึ้น ก็จะยิ่งเผชิญอันตรายเฉพาะหน้ามากขึ้น อาจเป็นเมื่อใดก็ได้ที่จ้าวปีศาจหรือศัตรูที่แข็งแกร่งสามารถรู้สึกถึงการปรากฏตัวของเขาในวังนี้ได้.. บางทีศัตรูอาจสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขาและกำลังไล่จับเขาก็ได้

ขณะที่เย่ว์หยางแบกนางเซียนหงส์ฟ้าและตามเข้าไปในตำแหน่งที่เสียงเรียกในใจเขาบอก เขาก็ยังถ่ายปราณก่อกำเนิดให้นางเพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนางโดยเร็ว

แน่นอนว่า เงาปีศาจอีกด้านหนึ่ง มีทหารปีศาจนับจำนวนไม่ถ้วนกรูกันเข้ามาเพื่อคร่ากุมผู้บุกรุก

ทหารยามปีศาจอีกตนหนึ่งตะโกนเสียงดังและเริ่มวิ่งตรงมาหาเย่ว์หยาง ดูเหมือนพวกมันมีระบบตรวจจับรักษาความปลอดภัยลักษณะกลมๆ อย่างหนึ่งคล้ายกับในวังหลวงต้าเซี่ย

เย่ว์หยางไม่เคยเห็นลูกกลมตรวจจับในพระราชวังต้าเซี่ย แต่เขาได้ยินอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดถึงมันมาก่อน กล่าวกันว่าระบบตรวจจับจะตรวจพบผู้บุกรุกจากรังสีสังหารของเขาได้ทันที, ความตั้งใจเลวร้าย, และความคิดชั่ว ลูกกลมตรวจจับจะเปลี่ยนสีทันที ยิ่งกว่านั้น มันยังคงปล่อยแสงพิเศษเพื่อกระตุ้นให้ระบบเตือนภัยทำงาน

ภายใต้ทักษะแฝงเร้น “เปิดเผย” ของมหาอำมาตย์ ลูกกลมตรวจจับจะแสดงตำแหน่งของผู้บุกรุกและประเมินความสามารถของเขาด้วย

อาณาจักรเทียนหลัวก็มีแว่นแก้วตรวจจับ กล่าวกันว่ามีพลังมากกว่าลูกกลมตรวจจับของต้าเซี่ยเสียอีก มันสามารถแสดงลักษณะของผู้บุกรุกให้เห็น

เนื่องจากอาณาจักรต้าเซี่ยและเทียนหลัวทั้งสองต่างก็มีเครื่องมือระบบรักษาความปลอดภัยกันทั้งนั้น ราชวังในแดนอเวจีของชาวปีศาจก็น่าจะต้องมีเช่นกัน เย่ว์หยางหวังเพียงอย่างเดียวว่าทักษะลวงของเขาจะสามารถใช้ที่นี่ได้ เพื่อใช้ลวงศัตรูของเขาให้ประเมินความสามารถของเขาผิดไป

จากนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งถึงจ้าวปีศาจ จะดีที่สุดหากว่าจ้าวปีศาจไม่อยู่ในที่พัก มิฉะนั้น เย่ว์หยางผู้รบกวนชีวิตที่สงบสุขของจ้าวปีศาจ ก็จะต้องเผชิญกับอารมณ์โกรธเกรี้ยวของเขา เย่ว์หยางเคลื่อนที่เร็วขึ้น เทเลพอร์ตไปที่ๆ เขาจะซ่อนตัวได้ เขาจะเลือกที่ซ่อนให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้

ในด้านตรงกันข้าม เงาปีศาจก่อกวนสร้างความวุ่นวายเท่าที่เขาจะทำได้

เสียงเอ็ดอึงและเสียงระเบิดกึกก้องดึงดูดความสนใจของทหารยามปีศาจแทบทั้งหมด

ในท้องฟ้ามีทหารยามปีศาจมากกว่าสิบบินอยู่ ขณะที่พวกเขาไล่ตามเงาปีศาจ สองในนั้นเป็นนายทัพปีศาจ

ตอนนี้เย่ว์หยางไม่สนใจนายกองปีศาจแล้ว เขาไม่สนใจแม้กระทั่งนายทัพปีศาจ แม้ว่าเขาจะสู้กับแม่ทัพปีศาจอย่างหม่าเหลียงมาแล้วอย่างยากลำบากก็ตาม

หม่าเหลียงแม่ทัพปีศาจมีชื่อเสียงมากในหมู่ของนักรบทวีปมังกรทะยาน เขาได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในสามแม่ทัพปีศาจผู้ยิ่งใหญ่โดยนักรบชาวมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ในสายตาของนักสู้ปราณก่อกำเนิด เจ้าผู้นั้นไม่มีค่าควรแก่การพูดถึง พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับมดเลย บางทีอาจคล้ายทหารมดที่สามารถสู้ได้เล็กๆ น้อยๆ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงเป็นมด ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

เย่ว์หยางเพียงแต่กังวลแต่แม่ทัพใหญ่ปีศาจและจ้าวปีศาจเท่านั้น

แม่ทัพใหญ่ของปีศาจไม่เหมือนกับแม่ทัพใหญ่ในทวีปมังกรทะยาน แม่ทัพใหญ่ปีศาจควรแก่การกล่าวถึง เพราะความแข็งแกร่งและความสามารถของเขา ขณะที่แม่ทัพใหญ่ของมนุษย์ส่วนใหญ่ได้รับตำแหน่งเนื่องมาจากประสบการณ์รับใช้ในกองทัพมานาน ความแข็งแกร่งและความสามารถอาจไม่ได้เรื่อง เพราะแม่ทัพใหญ่ไม่จำเป็นต้องนำทหารออกรบ เขาจะต้องอยู่เบื้องหลังเพื่อวางกลยุทธ์ในการรบ แม่ทัพใหญ่ของปีศาจเป็นอีกอย่าง เขาจะนำหน้าทัพปีศาจต่อสู้อย่างดุเดือด เขาจะเป็นคนแรกที่ศัตรูต้องเผชิญหน้า

ไม่เพียงแต่แม่ทัพใหญ่ปีศาจเท่านั้น แม้แต่จ้าวปีศาจก็เช่นเดียวกัน

รูปแบบการต่อสู้ในแดนปีศาจ แตกต่างจากรูปแบบการสู้ของมนุษย์โดยสิ้นเชิง

แม้ว่าแม่ทัพใหญ่ปีศาจ 2-3 คนที่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเล่าให้เย่ว์หยางฟังก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเกือบทั้งหมด มีคนหนึ่งเป็นบริวารของราชาจ้าวปีศาจบารุธ แม่ทัพใหญ่ตู้หลันเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 นั่นคือแม่ทัพปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด พลังของเขาพอๆ กับของจ้าวปีศาจ ถ้าเขาปรากฏตัวในสงคราม ทหารมากมายก็ไม่พอฆ่าเขาได้

แม่ทัพใหญ่ของปีศาจตู้หลันใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในหอทงเทียนชั้น 6 หรือ 7 เขาแทบไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ในระดับชั้นต่ำๆ

ในชั้นสูงๆ ของหอทงเทียน เขาเป็นผู้บัญชาการที่มีชื่อขจรขจายกว้างไกล

เย่ว์หยางหวังจริงๆ ว่าที่ซึ่งเขาเทเลพอร์ตเข้าไปจะไม่ใช่วังหลวงของราชันย์จ้าวปีศาจบารุธ ทั้งนี้เพราะราชาจ้าวปีศาจบารุธเป็นหนึ่งในสามราชันย์จ้าวปีศาจในแดนอเวจีของชาวปีศาจ ระดับของบารุธยังสูงกว่าจ้าวปีศาจฮาซินซึ่งเกือบจะฆ่าเย่ว์หยางในทันทีเมื่อก่อนนั้นแล้ว ถ้านางเซียนหงส์ฟ้ายังอาการดีและเย่ว์หยางสามารถสู้ร่วมกับนางได้

เขาก็ไม่กลัวที่จะบุกรุกเข้าวังหลวง เขาสามารถหลบหนีได้ ถ้าแข็งแกร่งไม่พอจะเอาชนะพวกเขาได้ แต่ตอนนี้ นางเซียนหงส์ฟ้ายังไม่ได้สติในช่วงที่นางบาดเจ็บ นางยังไม่ฟื้น

ถ้าพวกเขาพบกับราชันย์ปีศาจบารุธและแม่ทัพใหญ่ตู้หลันในตอนนี้ เย่ว์หยางคิดว่าเขาจะต้องเผชิญการต่อสู้ที่ลำบากแน่นอน

เขาเพิ่งจะสู้กับซุ่นเทียนและเงาที่ร้ายกาจซึ่งเขาสงสัยว่าคงเป็นประมุขนิกายพันปีศาจ เขายังฟื้นสภาพไม่เต็มที่ ถ้าจ้าวปีศาจปรากฏตัวขึ้นตอนนี้ เขาจะลำบากจริงๆ

หลังจากเทเลพอร์ตจากสวนดอกไม้ยักษ์ เย่ว์หยางก็เทเลพอร์ตไปที่หอคอยปีศาจที่ดูแปลกๆ

เย่ว์หยางตระหนักว่าเสียงเรียกทางวิญญาณนั้นดังใกล้กว่าเดิม

มันชัดขึ้น เหมือนกับว่า เหมือนกับมีบางอย่างเรียกให้ช่วย

เย่ว์หยางเทเลพอร์ตเป็นครั้งสุดท้ายและมาถึงลานขนาดใหญ่ เขาตระหนักได้ว่าลานใหญ่นี้ปกคลุมด้วยหินอัคนีใหญ่พอๆ กับสนามฟุตบอลสิบสนาม ตรงกลางลานมีรูปสลักจ้าวปีศาจขนาดยักษ์

“แย่แล้ว!”

เย่ว์หยางทราบได้ว่าสิ่งที่เขากลัวได้เกิดขึ้นจริงๆ

รูปสลักหินจ้าวปีศาจนี้ก็คือ ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธ

ก่อนหน้านั้น อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเคยเอารูปของบารุธให้เขาดู ดังนั้นเย่ว์หยางจำเขาได้ มีความคล้ายคลึงกันอยู่ 2-3 แห่งระหว่างบารุธกับฮาซิน แต่พวกเขาแตกต่างกัน

เขาของบารุธจะบิดออกไปในรัศมีที่กว้าง และเขามีเขี้ยวโง้งในขากรรไกรล่าง เขามีหนวดยาวที่ดูคล้ายกับกระดูก รูปร่างหน้าตาของเขาขู่ขวัญมากกว่าฮาซินเล็กน้อย หนากว่าและมีพลังมากกว่า ว่ากันในเรื่องขนาด บารุธสูงกว่าฮาซินหนึ่งเมตร แน่นอนว่า ใครๆ ไม่อาจเห็นได้จากรูปสลัก เพราะมันถูกสร้างมามีขนาดใหญ่มาก รูปสลักนั้นสูงเป็นร้อยเมตร ความสูงของมันแทบจะเทียมเมฆ ใครๆ ก็สามารถมองเห็นได้จากทุกทิศ

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางแค่ชำเลืองมองรูปสลักยักษ์เท่านั้น จากนั้นก็ละเลยมัน รูปสลักนั้นไม่อาจดึงดูดความสนใจของเขาได้

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเย่ว์หยางก็คือเสาแก้วผลึกซึ่งรายล้อมรูปสลัก

มีเสาแก้วผลึก 12 ต้นรายล้อมซึ่งมีขนาดยาวแตกต่างกัน

ต้นสูงๆ ก็ราวๆ สิบเมตร และต้นที่สั้นที่สุดก็มีเพียงไม่กี่เมตร

เสาเหล่านั้นเปล่งแสงพลังงานเจิดจ้า อักษรรูนโบราณและอักษรรูนสวรรค์ที่ถูกแกะสลักอยู่บนยอดเสาแก้วผลึกเป็นรูปแบบที่แตกต่างกัน ลึกซึ้งและลึกลับ

เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ดูและสามารถมองเห็นความผิดปกติ เขารู้สึกว่าเสาไม่ได้มีไว้เพื่อบูชาราชันย์จ้าวปีศาจ แต่วัตถุประสงค์หลักคือทำหน้าที่เป็นผนึก แม้ว่าต้องมีการบูชายัญหรือสวดอ้อนวอน เสาแก้วผลึกเหล่านี้ก็ยังเปล่งแสงและมีพลังความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นพลังของผนึก

สิ่งมีชีวิตลึกลับที่เรียกวิญญาณเย่ว์หยางถูกผนึกอยู่ในกลางรูปสลักจ้าวปีศาจท่ามกลางเสาแก้วผลึก

“ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นั่น แต่ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร”

เย่ว์หยางลำบากใจ

ลานแห่งนั้นเต็มไปด้วยปีศาจนานาชนิด

พวกมันวิ่งฮือออกมาจากทั่วทุกทิศ เหมือนกับว่าพวกมันเดือดร้อนตกใจ ทหารยามปีศาจหลายตนลากปีศาจและอสูรต่างๆ มาและฆ่าพวกมันหน้าเสาแก้วผลึก ใช้เลือดของพวกมันบูชายัญ นอกจากนี้ยังมีเผ่าหมอผีปีศาจ (ลิช) กำลังร่ายมนต์ต่อหน้าเสาแก้วผลึกขณะที่พวกมันโบกไม้เท้าด้ามกะโหลกในมือไปมา

บางทีสิ่งมีชีวิตลึกลับคงติดอยู่ภายในผนึกแก้วผลึกที่กระตุ้นความรู้สึกของเย่ว์หยางและพยายามต่อเนื่องต้องการจะทำลายผนึก

ลานยักษ์พื้นหินอัคนียังคงสั่นสะเทือนต่อเนื่อง

รูปสลักจ้าวปีศาจสูงหลายร้อยเมตรยังสั่นสะเทือน และร้าวต่อเนื่องไปตลอดทั้งรูปสลัก รอยร้าวขยายใหญ่ขึ้นตลอดเวลาและรูปสลักยักษ์ดูเหมือนจะหักพังลงได้ทุกเมื่อ พวกเผ่าหมอผีปีศาจยังคงเต้นรำบูชายัญขณะที่ไอดำที่น่ากลัวกระจายออกมาจากกะโหลกพวกเขา พอเปลี่ยนสภาพเลือดปีศาจบนพื้นกลายเป็นพลังงานสีดำ พวกมันเพ่งพลังส่งให้รูปสลักจ้าวปีศาจ เย่ว์หยางเข้าใจได้เลยว่า ยิ่งบูชายัญด้วยเลือดมาก พลังงานสีดำก็จะสามารถซ่อมแซมรอยร้าวบนรูปสลักขนาดยักษ์ได้ เพื่อที่ว่าสิ่งมีชีวิตลึกลับจะได้ถูกผนึกอยู่ในกับดักอีกต่อไป

แน่นอนว่า เหตุผลหลักก็เพราะเสาแก้วผลึกได้รับพลังงานมากขึ้น หลังจากดูดซับพลังงานมากขึ้น ผนึกก็จะปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นก็จะสามารถกักความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตลึกลับไว้ภายในได้

“มีศัตรูลอบเข้ามา พวกเจ้ารีบนำเครื่องบูชายัญมาเร็วๆ เราต้องไม่ปล่อยให้”มัน“หลบหนีไปได้ มิฉะนั้น พวกเจ้าทั้งหมดจะกลายเป็นอาหารของมังกรดำนรกของข้า”

แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันขี่มังกรดำนรกปรากฏตัวในท้องฟ้าทันที เขาตะโกนดังปานเสียงฟ้าผ่าปลุกจนพวกเหล่าปีศาจข้างล่างสั่นเทิ้มด้วยความกลัว แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดธรรมดา เขารู้สึกว่าในวันนี้ลานกว้างแตกต่างจากปกติ แต่นั่นอาจเป็นเพราะผลจากการที่ผนึกอ่อนกำลัง ขณะที่มีเงาปีศาจกำลังสร้างความอลหม่านอยู่อีกด้านหนึ่งแล้ว แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันไม่คิดเกี่ยวกับข้อสงสัยของเขามากเกินไป มิฉะนั้น เขาอาจหาเย่ว์หยางผู้กลั้นลมหายใจซ่อนอยู่ตรงมุมพบแล้วก็ได้

แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันไม่เคยคาดคิดว่ามนุษย์จะมีทักษะลวงและสามารถปกปิดตนเองจากเขาได้

พอขี่มังกรดำนรก อสูรเพชรระดับ 6 แล้ว แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันเริ่มบินตรงไปยังตำแหน่งของเงาปีศาจ

เขารู้ว่า มีผู้บุกรุก 2 หรือ 3 คน อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าหนึ่งในนั้นแข็งแกร่งมากและอีกสองคนนั้นไม่มีอะไรมาเทียบได้มากนัก แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันคาดว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้บุกรุก จงใจก่อกวนเพื่อดึงดูดความสนใจของทหารยามปีศาจ เขาไม่เคยคิดว่าพวกที่ซ่อนตัวอยู่จะเป็นเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าที่ไม่ได้สติ มิฉะนั้นเขาจะต้องค้นหาพวกเขาจนกว่าจะพบแน่นอน

ยามนี้ ตวนมู่หลงเฉิงกำลังยืนอยู่ในสนามรบโบราณ ปีศาจนับจำนวนไม่ถ้วนกำลังรอถูกเทเลพอร์ต

ตามกฎแล้ว ยิ่งเครื่องบูชายัญมาก จำนวนคนที่เขาสามารถเทเลพอร์ตก็มากด้วย ปีศาจหรืออสูรชั้นต่ำหลายพันหรือเกือบหลายหมื่นถูกโยนลงหลุมบูชายัญ อย่างไรก็ตามประตูเทเลพอร์ตก็ยังไม่สามารถเทเลพอร์ตปีศาจจำนวนมากเข้าไปยังทวีปมังกรทะยาน สิ่งที่ทำให้สามแม่ทัพปีศาจผิดหวังที่สุดก็คือประตูเทเลพอร์ตที่ทั้งสองสร้างล้มเหลวขณะที่พวกเขาเผชิญปัญหาทางเทคนิคเล็กน้อย ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถถูกเทเลพอร์ตยังที่หมายที่พวกเขาตั้งไว้ทีแรก

“นักสู้ปราณก่อกำเนิด 20 ปีน่ะหรือ? เขาไล่ตามท่านมา? ท่านประมุขนิกายตวนมู่ เราไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดอายุยี่สิบปีมาก่อน! ก็ได้ เราไม่ได้สงสัยท่าน แต่เขาอยู่ไหน?”

สามแม่ทัพปีศาจให้ความเคารพตวนมู่หลงเฉิงมาก ดูเหมือนพวกเขาไม่เพียงแต่รู้จักกันเท่านั้น แต่ยังสนิทกันอีกต่างหาก

“ข้าแน่ใจว่าเขาไล่ตามข้ามา แต่เจ้าเด็กนั่นเชี่ยวชาญในการพรางตัว ข้าคิดว่าเขากำลังซ่อนตัวอยู่ในที่แห่งหนึ่งในตอนนี้”

ตวนมู่หลงเฉิงตอบด้วยความมั่นใจ

“เมื่อท่านพูดเช่นนั้น เราจะรายงานให้ท่านจ้าวปีศาจ”

สามแม่ทัพปีศาจตัดสินใจรายงานข่าว

“มีผู้บุกรุกคนหนึ่ง อยู่ในวังราชันย์จ้าวปีศาจ เขาเป็นนักสู้ชาวมนุษย์ นักสู้ชาวมนุษย์นั่นกำลังหนีเข้ามาในที่นี้เร็วมาก เขาอยู่ห่างออกไปราวๆ ร้อยเมตร”

ทันใดนั้น หมอผีปีศาจได้รับรายงานแปลกๆ จากอสูรของเขา หมอผีปีศาจตะโกนออกมาทันที

“นั่นไง เขาล่ะ”

ตวนมู่หลงเฉิงยืนยันว่าเป็นเย่ว์หยางทันที

“แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันกำลังไล่ตามเขาไป”

สัตว์อสูรของหมอผีปีศาจได้รับข่าวบางอย่างและหมอผีปีศาจรีบตะโกนบอก

ถึงเวลานี้ ในลานหินกว้าง เย่ว์หยางรู้สึกโล่งใจ เมื่อเขาเห็นแม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันจากไป

เนื่องจากราชันย์จ้าวปีศาจบารุธไม่อยู่และแม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันกำลังไล่ตามเงาปีศาจ เขาไม่เสียเวลายืนฉลองอีกต่อไป ทุกๆ วินาทีที่นี่หมายถึงอันตรายสำหรับเขา เย่ว์หยางชักดาบฮุยจินออกมาและปล่อยเพลิงม่วงและฟันลงมาจากท้องฟ้า เขาฆ่าหมอผีปีศาจสองตนที่กำลังเต้นบูชายัญ จากนั้นก็ฟันอีกครั้ง ปรากฏปีศาจนับไม่ถ้วนล้มตายเกลื่อนบนพื้น เหมือนกับว่าเย่ว์หยางใช้เคียวเกี่ยวข้าวสาลี

เมื่อปีศาจกดสัญญาณเตือนภัย เย่ว์หยางก็ฆ่าหมอผีปีศาจและปีศาจอยู่รอบๆ เสาผนึกจนหมดสิ้น

เย่ว์หยางปล่อยพลังดาบท่าแรก ดาบผ่าปฐพีและตัดใส่รูปสลักยักษ์สุดกำลัง เย่ว์หยางต้องการทำลายรูปสลักยักษ์และช่วยสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ถูกผนึกอยู่ภายใน แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับอะไรและมันมีความสัมพันธ์อะไรกับเขา เย่ว์หยางมีความรู้สึกแปลกๆ ว่าเขาต้องช่วยมันให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

รูปสลักของจ้าวปีศาจไม่ได้แตกทำลายเป็นชิ้น แต่รอยร้าวในรูปสลักก็ขยายกว้างขึ้น

ขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตลึกลับก็ร้องดีใจและดิ้นรนต่อสู้ต่อไป พื้นทั้งหมดสั่นสะเทือนเสียงกึกก้องดั่งฟ้าร้อง

“ฉิบหายแล้ว!”

แม่ทัพใหญ่ปีศาจตู้หลันดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาคำรามลั่นด้วยความโกรธทันที เสียงของเขาดังน่ากลัวทำให้ทุกคนที่ได้ยินหูอื้อทันที เขาขี่มังกรดำนรกบินวกกลับมาและเร่งความเร็วขึ้นมากกว่าเดิม กลับมายังลานหิน

ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=314

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด