ตอนที่แล้วตอนที่ 292 เพิ่มประสิทธิภาพสนามพลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 294 ช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ถูกผนึก

ตอนที่ 293 โค่นศัตรู บุกวังปีศาจ


ดาวระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ปราสาทตระกูลเย่ว์สั่นสะเทือนจากแรงระเบิด บริเวณด้านหน้าปราสาทแยกออกจากกัน ดินพังทลายจนเป็นรอยแยก หลุมขนาดกว้างกว่าสิบเมตรลึกประมาณ 2-3 เมตรปรากฏอยู่ตรงตำแหน่งที่ตวนมู่หลงเฉิงเพิ่งยืนอยู่

ถนนที่ทอดยาวก่อนหน้านี้ถูกทำลายราบ ที่จุดศูนย์กลางระเบิด ตวนมู่หลงเฉิงหายไป ไม่แน่ชัดว่าเขาเป็นหรือตาย ยักษ์ทองอสูรเพชรระดับ 9 ที่อยู่ใกล้ระเบิดตัวชุ่มด้วยเลือดทั้งหมด ชุดของมันฉีกขาดรุ่งริ่ง ดูเหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บรุนแรง

มันกำดาบยาวสีทองขวางอยู่ระดับอก ดาบของมันยังสั่นจากแรงโจมตี

ความจริงอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ดูคล้ายจักรพรรดิใช้ปราณกระบี่มาเสริมพลังป้องกันและป้องกันตัวเองจากแรงทำลายล้างของระเบิดดวงดาว

แม้ว่ามันจะยืนอยู่ห่างจากศูนย์กลางระเบิดและร่างของมันนั้นมีพลังป้องกันที่สูงมากของอสูรชั้นเพชรระดับ 9 ก็ตาม เย่ว์หยางค่อนข้างทึ่งมากที่มันสามารถทนต่อแรงกระแทกของสนามพลังระเบิดดวงดาวได้

นอกจากฮุยไท่หลางและปีศาจดอกหนามแล้ว สัตว์อสูรที่อยู่บนพื้นทั้งหมดถูกแรงอัดกระแทกกระเด็นออกไป หรือไม่ก็หลบออกไปอยู่ห่างไกลหลายร้อยเมตร

ก่อนหน้าที่เทียนฉวนจะถูกระเบิดดวงดาวของเย่ว์หยางทำลาย สัตว์อสูรอัญเชิญของเขาทั้งหมดพากันทิ้งเขาแล้วหนีไป

กริฟฟินพายุ อสูรชั้นทองระดับ 7 ตายคาที่ มันเป็นอสูรพิทักษ์ของเทียนฉวนและยังเป็นอสูรเพียงตัวเดียวที่ไม่หักหลังเทียนฉวน จ้าวมังกรบินหงอนแดง อสูรทองระดับ 7, ค้างคาวยักษ์ อสูรทองระดับ 6, และฮาร์ปี้ อสูรทองระดับ 6 บินอยู่ในท้องฟ้าทั้งหมด ทำให้พวกมันหลบพ้นจากแรงอัดกระแทกจากระเบิดดวงดาวได้

เย่ว์หยางเริ่มตีโต้

นางพญากระหายเลือดพุ่งลงมาจากในท้องฟ้า

นางใช้พลังเสียงหวีดโจมตี ค้างคาวยักษ์มีประสาทรับเสียงที่แหลมคมหมดสติทันที ควงสว่านร่วงตกลงมาบนพื้น

มังกรบินยักษ์หงอนแดงกระพือปีกอย่างหมดท่า พยายามสุดกำลังเพื่อสลัดให้พ้นปีศาจดอกหนามที่อยู่ข้างหลังมัน

ฮาร์ปี้บินได้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านางจะเร็วขนาดไหนก็เป็นเพียงความสามารถที่ไร้ผลยามอยู่ต่อหน้าเสี่ยวเหวินหลี

เสี่ยวเหวินหลีปล่อยโซ่ล่องหนของเธอและใช้ดาบน้ำแข็งฟันด้วย ทำให้หัวฮาร์ปี้ขาดปลิวกระเด็นในอากาศ บนภาคพื้น โคเงาอาหมันและฮุยไท่หลางเริ่มแข่งกันฆ่า อาหมันสู้กับไฮดร้าเพลิง ขณะที่ฮุยไท่หลางจับคู่สู้กับเซอเบอรัส มีเพียงตั๊กแตนมรณะที่ระดับของมันได้แต่สู้กับมังกรบินแม็กม่าอย่างลำบาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อมังกรบินแม็กม่าเห็นตั๊กแตนมรณะ มันหมุนตัวแล้วเผ่นทันที ตั๊กแตนมรณะมักจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเผ่ามังกรเสมอ แม้แต่มังกรกระดูกขาว, มังกรแดงที่เหี้ยมโหด, มังกรดำนรกทั้งหมดจะรีบเผ่นหนีเมื่อพวกมันเห็นตั๊กแตนมรณะ มังกรบินแม็กม่ายังจะมีโอกาสต่อต้านด้วยหรือ?

ลาวายักษ์เข้ามาช่วยมังกรบินแม็กม่า แต่ความเร็วของมันช้าเกินไป

แม่มดเพลิงถือแส้เพลิงในมือเตรียมจะหวดใส่โคเงาผู้อยู่ใกล้ แส้เพลิงยาวม้วนลงมาจากฟ้า หวดใส่ร่างอาหมัน

นางพญากระหายเลือดก็มีทักษะแส้เพลิงด้วยเช่นกัน แม้ว่านางยังใช้ได้ไม่ดีเท่ากับคลื่อนเสียงหวีด แต่ก็ยังนับว่าเป็นทักษะที่แข็งแกร่ง

นางถือทั้งมีดทองฆ่ามังกรและมีดเงินทำลายดวงตาในมือ ทันใดนั้นนางฆ่าค้างคาวยักษ์ที่หมดสติร่วงลงมาและบาดเจ็บหนัก

เป้าหมายต่อไปของนางคือแม่มดเพลิง

ลาวายักษ์เงื้อหมัดเพลิงของมันและเตรียมทุบใส่ฮุยไท่หลางที่กำลังกัดเซอเบอรัสเต็มแรง ทว่ายังมิทันที่ลาวายักษ์จะรู้ตัว อสูรทองน้อยก็กระโจนใส่หัวของมัน มันไม่กลัวไฟไหม้อยู่แล้วจึงขุดตัวลึกลงไป

แม้แต่ร่างของจ้าวอัคนีซึ่งประกอบจากหินอัคนี แข็งยอดเยี่ยมที่สุดในโลกยังไม่สามารถทนอสูรทองน้อยนี้ได้

เห็นได้ชัดว่า ลาวายักษ์มีแต่ลาวาและแม็กม่าป้องกันตัวก็ย่อมไม่มีโอกาส

อีกด้านหนึ่ง หลังจากถูกกัด 2-3 ครั้ง ฮุยไท่หลางระเบิดพลังออกมาด้วยความโกรธในที่สุด ปราณปีศาจของมันระเบิดออกมาเปลี่ยนจากอสูรทองแดงระดับ 3 กลายเป็นอสูรแพลตตินัมระดับ 5 ก่อนหน้านั้นมันเกียจคร้านเกินไปที่จะสู้เต็มกำลัง มันคงรู้ว่าจะถูกเซอเบอรัสรังแกแทนแน่ๆ มันจึงโกรธ เพลิงนรกสีดำของมันลุกโชนพุ่งขึ้นท้องฟ้า

ขณะที่ปราณปีศาจของมันระเบิดออก ตอนแรกเซอเบอรัสยังกัดฮุยไท่หลางได้ง่ายดายและสร้างบาดแผลให้มันหลายแผล แต่เมื่อฮุยไท่หลางยกระดับพลังเป็นอสูรชั้นแพลตตินัมระดับ 5 ฟันในปากทั้งหมดในปากทั้งสามหัวก็หักหมดทันที ไม่สามารถทนความแข็งแกร่งของเนื้อของฮุยไท่หลางได้

ฟันแหลมคมของมันไม่มีโอกาสผ่านพลังป้องกันของฮุยไท่หลางได้

นี่คือวิชาป้องกันที่เย่ว์หยางสอนให้ฮุยไท่หลาง มันเกิดมาจากหนึ่งในวิชาต่อสู้ระดับต่ำที่สุด ก็คือวิชาค้อนทุบศิลานั่นเอง

เย่ว์หยางดัดแปลงเล็กน้อย เปลี่ยนจากท่ารุกเป็นท่ารับแทน

ใช้ปราณหุ้มตลอดทั้งตัว ฮุยไท่หลางจะสร้างปราณของมันให้เป็นค้อนได้ เมื่อใดก็ตามที่ศัตรูของมันพยายามโจมตีมัน และทุบใส่ศัตรูของมันแทน นี่คือความต้องการของเย่ว์หยาง.. แต่แน่นอนว่า ฮุยไท่หลางยังไม่สามารถทำได้ถึงในระดับนี้

มันสามารถรวมปราณปีศาจเข้ากับธาตุองค์ประกอบในร่างของมันและโคจรปราณนั้นไปตลอดทั้งร่างของมัน ทันทีที่มันถูกศัตรูโจมตี มันจะเสริมพลังเฉพาะส่วนผิวหนังที่ถูกโจมตีได้ทันที จากนั้นใช้ปราณปีศาจโจมตีศัตรูกลับคืน

แม้ว่ามันจะยังไม่ถึงระดับผลที่เย่ว์หยางต้องการให้มันทำได้ แต่ก็เหลือเฟือสำหรับหยุดการโจมตีของเซอเบอรัส

ฮุยไท่หลางที่เพิ่มระดับพลังเป็นอสูรแพลตตินัมระดับ 5 ทั้งยังเพิ่มพลังรุกและรับได้อีกมาก

ด้วยการตะกุยเพียงครั้งเดียว มันก็ฉีกอกของเซอเบอรัสจนเปิด ขณะที่คมเขี้ยวของมันฝังลงที่หัวซ้ายของเซอเบอรัสและกระชากขาดออกมา เซอเบอรัสสามหัวกลายเป็นเซอเบอรัสสองหัวทันที มันกลิ้งกับพื้นร้องครวญครางเจ็บปวด ฮุยไท่หลางไม่มีความปราณีให้มันและใช้กรงเล็บตรึงมันไว้และกัดใส่อย่างไม่ปราณีเปลี่ยนสภาพมันจนกลายเป็นอาหาร มันตะกุยเลือดเนื้อเพื่อหาผลึกปีศาจแล้วกลืนลงไปทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ผู้เอาชนะการต่อสู้ได้เร็วที่สุด เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ฮุยไท่หลาง

กลับเป็นเสี่ยวเหวินหลีผู้สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ของเธอภายในท่าเดียว, โคเงาอาหมันปล่อยพลังเนตรประหารฆ่าไฮดร้าเพลิงตายทันที แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวเผ่าปีศาจฉือเหลียวผู้เหลืออยู่แต่หัวซ่อนตัวอยู่ในโล่พลังก็ยังพลอยถูกฆ่าด้วยกระบวนการนี้ไปด้วย

เป็นเนตรโลหิตประหารซ้ำสอง เมื่อเนตรประหารถูกใช้งาน มีความน่าจะเป็นเล็กน้อยทำให้เนตรโลหิตประหารซ้ำสองทำงานไปด้วย ส่งผลให้พลอยสังหารศัตรูที่อยู่ใกล้ไปด้วย

ก่อนหน้านี้ในวิหารคนโทน้ำ อาหมันเคยใช้เนตรประหารซ้ำสองฆ่าองครักษ์พิทักษ์วิหารคณโฑน้ำและเทพธิดาอสูร ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางมีโชคดีที่อาหมันใช้พลังเนตรโลหิตประหารซ้ำสองโดยบังเอิญ เย่ว์หยางจะไม่มีทางผ่านด่านวิหารคนโทน้ำได้เลย ตอนนี้ โชคของเย่ว์หยางกลับคืนมาอีกครั้ง ฉือเหลียวซ่อนตัวอยู่หลังโล่พลังของคัมภีร์และคิดว่าตนเองปลอดภัย กลับถูกฆ่าโดยเนตรโลหิตประหารซ้ำสอง เพราะอสูรของเขาตายด้วยพลังเนตรประหาร...

ทันทีที่ฉือเหลียวตาย อสูรของเขาก็ระเบิดทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ก็มีแค่เพียงมังกรบินแม็กม่าและยักษ์ลาวา

แม่มดเพลิงถูกเสียบศีรษะโดยมีดทองฆ่ามังกรและตายเช่นกัน ขณะที่เซอเบอรัส ก็ถูกฮุยไท่หลางกินผลึกเวทกลืนลงท้อง มันเรออยู่ 2-3 ครั้ง

อสูรของเย่ว์หยางไม่เพียงแต่ดีกว่าในเรื่องของความเร็วและความสามารถเท่านั้น การอยู่ภายใต้ใบบุญของเย่ว์หยางทำให้พวกเขาเรียนรู้วิธีสู้เพื่อฆ่าและเพื่อส่วนแบ่งด้วย

ทุกประการต้องทำให้รวดเร็ว มิฉะนั้นก็มีแต่ของเหลือให้คนอื่น

ในสภาพที่น่ากลัวแบบนี้ซึ่งแย่ยิ่งกว่านรก อสูรของเย่ว์หยางต้องเรียนรู้วิธีฆ่าให้เร็ว

อาจกล่าวได้ว่าในปัจจุบันนี้ อสูรที่ฆ่าศัตรูได้ช้าที่สุดตอนนี้ก็คือตั๊กแตนมรณะ ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องความเร็วสูง ความคล่องตัวและความร้ายกาจของมัน

ตวนมู่หลงเฉิงหายไปแล้ว เย่ว์หยางยังคงยืนเงียบอยู่ในกลางพื้นที่ต่อสู้

ด้วยทักษะญาณทิพย์ระดับ 5 ของเขา เขากวาดสายตาไปรอบๆ

“เจ้านั่นหนีได้ไวจริงๆ!”

เย่ว์หยางตระหนักว่าตวนมู่หลงเฉิงผู้ซ่อนตัวได้แอบหนีไปบริเวณเชิงเขา เจ้าผู้นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เขาหลบหนีไปทันทีที่เขาเห็นสหายตาย เย่ว์หยางยังคงพบว่าผู้ซ่อนตัวอีกคนหนึ่งเคลื่อนไหวเล็กน้อย เย่ว์หยางไม่สามารถเห็นความเคลื่อนไหวของเขาด้วยจักษุญาณทิพย์ได้ แต่เขามั่นใจว่าเจ้าผู้นี้ความจริงก็คือเหยี่อที่ตวนมู่หลงเฉิงวางไว้เพื่อฆ่าเขา

ในที่ห่างไกลออกไป ดวงไฟกลมสองดวงส่องแสงสว่างจ้าเหมือนดวงดาวกำลังกวดไล่กันและกัน

นั่นก็คือนางเซียนหงส์ฟ้าและซุ่นเทียนกำลังต่อสู้กัน

ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในสถานการณ์ระหว่างสองคนนั้นในตอนนี้ พวกเขาเพียงหาจุดอ่อนของกันและกันอยู่ ถ้าเพียงแต่คนใดคนหนึ่งพบจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้ ก็หมายถึงจุดเปลี่ยนของการต่อสู้ครั้งนี้

สำหรับเซียนนักพรตและบัณฑิตวัยกลางคนกับองครักษ์พิทักษ์ฟ้าทั้งสองของอาณาจักรสือจิน ทั้งสี่คนร่วมกันต่อสู้ในการต่อสู้ที่ร้อนแรงจนถึงจุดที่เย่ว์หยางไม่สามารถเห็นถึงจุดพื้นที่ๆ เขาหายต่อไปได้

ในท้องฟ้า เสี่ยวเหวินหลีเหวี่ยงเจ้ายักษ์ทองลงได้ จากนั้นแปลงเป็นสายรุ้งกลับเข้าไปในร่างของเย่ว์หยาง

ทันใดนั้น เย่ว์หยางเทเลพอร์ตไล่ตามตวนมู่หลงเฉิงผู้กำลังซ่อนตัวอยู่

นางพญากระหายเลือด, ปีศาจดอกหนาม, อสูรทองน้อย, ตั๊กแตนมรณะรับหน้าที่ต่อจากเสี่ยวเหวินหลีและร่วมต่อสู้กับยักษ์ทองอสูรเพชรระดับ 9 ต่อ บนภาคพื้น ฮุยไท่หลาง, โคเงาอาหมันทุ่มเทพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาเตะร่างยักษ์ของมันกลับขึ้นไปสู่ท้องฟ้า

อสูรทองน้อยร่วมมือกับนางพญากระหายเลือดและอสูรอื่นโจมตีกระหนาบยักษ์ทองทั้งจากข้างบนและข้างล่าง... ขณะที่ศัตรูของพวกเขาเป็นอสูรพิทักษ์ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฆ่ามัน ดังนั้น นางพญากระหายเลือดและฮุยไท่หลางเพีงแต่จู่โจมรบกวนมัน ถ่วงเวลาไว้เพื่อที่ว่ายักษ์ทองตัวนั้นจะได้ไม่รบกวนการต่อสู้ของเย่ว์หยาง พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อฆ่าเหมือนตามปกติ

ขณะที่เย่ว์หยางไล่ตามจับตวนมู่หลงเฉิง จู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมาทันที

เสียงหัวเราะของเขาน่ากลัวมาก

เหมือนกับว่าแผนร้ายของเขาสัมฤทธิ์ผลแล้ว ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความพอใจในผลสำเร็จ

เขาใช้สนามพลัง “อ่อนแอ” ของเขาเป็นครั้งที่สองและทักษะเร่งความเร็วฉับพลันพร้อมกัน ปล่อยหมัดใส่เย่ว์หยาง

“เจ้าเสร็จแน่!”

นัยน์ตาของตวนมู่หลงเฉิงเปล่งประกายอำมหิต มีสีหน้าเย็นชาขณะที่หมัดของเขาพุ่งใส่ราวกับดาวตกเป้าหมายคือที่อกของเย่ว์หยาง เย่ว์หยางต้องการหลบตั้งแต่แรก

แม้เมื่อเผชิญหน้ากับทักษะเพิ่มความเร็วฉับพลับของตวนมู่หลงเฉิง เขาก็มั่นใจว่าจะหลบหมัดได้แน่นอน ทว่าตอนนี้ มีเงาที่น่ากลัวปรากฏอยู่ที่ด้านหลังเย่ว์หยางโดยไร้เสียง มือที่มีกรงเล็บผีขนาดยักษ์จับด้านหลังศีรษะของเย่ว์หยางทันที

พลังประหลาดที่ให้ความรู้สึกเหมือนโซ่ล่องหน แต่แตกต่างเล็กน้อยคือกักความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยางไว้

นี่คือทักษะแฝงเร้น “ชา” เย่ว์หยางรู้สึกว่าชาไปหมดทั้งตัวและเขาสูญเสียการควบคุมตัวเอง

แม้ว่าจะเป็นอันตรายช่วงหนึ่งวินาทีสั้นๆ แต่ก็อันตรายมาก

“แย่แล้ว!”

นางเซียนหงส์ฟ้าบินอยู่ด้านบนจากในระยะไกลพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นางอยู่ห่างเป็นร้อยกิโลเมตรก็ยังสามารถบินผ่านห้วงมิติและเวลามาปรากฏตัวต่อหน้าเย่ว์หยางและช่วยเขาไว้ได้ มีอีกร่างที่ตามมาถึงด้วยความเร็วพอๆ กับนาง และนั่นก็คือจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย ซุ่นเทียน เขายื่นมือที่สว่างเจิดจ้าเหมือนแสงดาวทั้งสอง ร่างของเขายังคงเปล่งรังสีนับพันที่แหลมคมดุจกระบี่ เขาต่อยหมัดใส่หลังของนางเซียนหงส์ฟ้าและอีกหมัดต่อยใส่ใบหน้าของเย่ว์หยาง

“ชา” เงาดำยื่นมือปีศาจมาที่นางเซียนหงส์ฟ้าและใช้ทักษะแฝงเร้น “ชา” ของเขาอีกครั้ง

“ไสหัวไป!”

นางเซียนหงส์ฟ้าตวาดลั่น

นางเซียนหงส์ฟ้าส่งนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 อย่างตวนมู่หลงเฉิงจนกระเด็นด้วยลูกเตะครั้งเดียว และจากเตะใส่เงาชั่วร้ายอีกเท้าหนึ่ง มือขวาที่รวดเร็วสุดยอดของนางปะทะเข้ากับหมัดที่ซุ่นเทียนมุ่งทำร้ายเย่ว์หยาง พร้อมกับใช้มือซ้ายนางดึงเย่ว์หยางออกมา ช่วยให้เขาหลุดจากการควบคุมของทักษะแฝงเร้น “ชา” ได้ อย่างไรก็ตาม นางเซียนหงส์ฟ้าไม่สามารถป้องกันตนเองได้นางรับหมัดของซุ่นเทียนไปเต็มที่ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างนาง ใบหน้านางแสดงอาการปวดร้าวทรมานขณะที่เลือดไหลออกจากมุมปากของนาง

ข้างหลังนาง ซุ่นเทียนเงื้อหมัดอีกครั้งและเตรียมจะต่อยที่ศีรษะนางจากด้านหลัง

เย่ว์หยางบังคับตนเองทนเจ็บปวดและความมึนงงที่รู้สึกจากโดนตวนมู่หลงเฉิงทำร้ายเต็มกำลัง เขายังรู้สึกเจ็บปวดจนถึงตอนนี้ เขายื่นมือทั้งสองและกอดร่างนางเซียนหงส์ฟ้า จากนั้นหมุนตัวและปล่อยพลังโซ่ล่องหนพันธนาการซุ่นเทียนไว้อย่างสุดกำลัง

โซ่ล่องหนมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะมัดซุ่นเทียนไว้ได้น้อยกว่าวินาที

โชคดีที่เพียงพอสำหรับการถ่วงเวลา

เงาดำชั่วร้ายบังคับตัวเองให้ทนต่อพลังเตะของนางเซียนหงส์ฟ้าและยื่นมือกรงเล็บปีศาจคว้าหลังศีรษะของเย่ว์หยางไว้

นางเซียนหงส์ฟ้าใช้ไหล่กลมมนงามของนางปกป้องเย่ว์หยางป้องกันการโจมตีได้ทันเวลา

มันทิ้งรอยกรงเล็บจิก 5 รูไว้บนไหล่เนียนของนาง แต่นางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังมีโอกาสเหนี่ยวแขนปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของเงาชั่วร้ายนั้น ทำให้มันยอมแพ้ถอนถอยทันที ซุ่นเทียนพอหลุดจากทักษะโซ่ล่องหนก็ต่อยหมัดออกมาเป็นครั้งที่สอง เย่ว์หยางเรียกพลังวงจักรล้างโลกในมือซ้ายและสร้างดาบเพลิงอมฤตในมือขวา

เขาไม่ป้องกันตัวเองเลยแม้แต่น้อย กลับตั้งใจรุกสู้แทน.. หมัดของซุ่นเทียนต่อยถูกแขนของเย่ว์หยางขณะที่เขาหลบวงจักรล้างโลกได้ วงจักรล้างโลกสูญเสียการควบคุมจึงเลี้ยวไปผิดตำแหน่ง ตอนนี้ซุ่นเทียนเตะใส่ข้อมือเย่ว์หยางเพื่อเบี่ยงเบนดาบเพลิงอมฤต ขณะเดียวกันซุ่นเทียนยังใช้ศีรษะโขกใส่ศีรษะเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว

“อูยยย, ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”

ทันใดนั้นอักษรรูนครอบคลุมทั้งตัวของเย่ว์หยางเปล่งแสงออกมาทันที ขณะที่เพลิงอมฤตทวีความรุนแรงขึ้น

เสียงกึกก้องขณะที่เย่ว์หยางรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าผากของเขาประหนึ่งว่าศีรษะจะระเบิด

เลือดค่อยๆ ไหลออกจากปาก

พลังความแข็งแกร่งของซุ่นเทียนไม่ใช่สิ่งที่เย่ว์หยางจะต้านรับได้ในเวลานี้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แปลกก็คือ ซุ่นเทียนกลับบาดเจ็บหนักกว่าเย่ว์หยาง.. มีรูเล็กรูหนึ่งบนหน้าผากของเขา ซึ่งเลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด ความจริง ถ้าไม่ใช่ซุ่นเทียนแต่กลายเป็นตวนมู่หลงเฉิงแทน เขาคงตายตรงนั้นไปแล้ว

เมื่อเย่ว์หยางบรรลุปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ระดับ 5 ได้ เขาไม่ถูกจำกัดว่าสามารถปล่อยปราณกระบี่แค่จากนิ้วมือหรือเท้าอีกต่อไป เขาสามารถปล่อยจากจุดชีพจรตรงส่วนใดของร่างกายก็ได้ จุดหยินถังที่หน้าผากของเขาปล่อยพลังปราณกระบี่ทันทีที่เขาโขกศีรษะใส่ซุ่นเทียนตรงจุดที่มีพลังรุกมากที่สุดของซุ่นเทียนแต่พลังป้องกันกลับต่ำที่สุด ปราณกระบี่ของเย่ว์หยางทะลวงหน้าผากซุ่นเทียนทะลุเข้าไปในกะโหลกของเขา

ยิ่งกว่านั้น เพลิงอมฤตของเย่ว์หยางยังเผาผลาญชั้นป้องกันพลังปราณก่อกำเนิดที่ป้องกันร่างซุ่นเทียน จากนั้นปราณกระบี่ไร้ลักษณ์จึงเจาะกะโหลกของเขาได้

นี่ทำให้เย่ว์หยางได้โอกาสเจาะหน้าผากของเขากว้านลึกลงไปอย่างโหดเหี้ยมได้ แม้ว่าซุ่นเทียนจะเป็นนักรบแข็งแกร่งระดับเดียวกับนางเซียนหงส์ฟ้า แต่เขาก็เจ็บปวดทรมานมาก

พอเห็นซุ่นเทียนติดกับดักของเย่ว์หยาง นางเซียนหงส์ฟ้าโจมตีตอบโต้ฉวยโอกาสที่สถานการณ์ได้เปรียบทันที

“พลังกฎฟ้า!”

สายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นทันที ภายใต้การอัญเชิญของนางเซียนหงส์ฟ้า ด้วยพลังที่กำจัดได้ทุกอย่าง ระเบิดใส่หัวของซุ่นเทียน

พลังทำลายล้างที่น่ากลัวเช่นนี้ไม่มีทางอ่อนด้อยกว่าดาวระเบิดของเย่ว์หยาง อาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ

แค่เพียงวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤต ทักษะเหล่านั้นล้วนยอดเยี่ยมในเรื่องพลังทำลายล้าง แน่นอนว่า ยังมีความจริงที่ว่าเย่ว์หยางยังไม่เชี่ยวชาญพลังวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤตเต็มที่ ถ้าเขาสามารถเชี่ยวชาญวงจักรล้างโลกถึงจุดที่ใช้ผลาญโลกได้จริง และเชี่ยวชาญเพลิงอมฤตถึงจุดที่สามารถเผาผลาญได้ทั้งโลก

อย่างนั้นก็จะไม่มีทักษะวิชาอื่นในโลกนี้ที่สามารถรับมือทักษะเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง... เย่ว์หยางเพิ่งเริ่มเส้นทางในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ไม่นาน ดังนั้นทักษะรวมที่เขาทดลองใช้และเข้าใจก็ยังน้อยอยู่มาก เขาเพียงอยู่ในก้าวแรกของโลกนักสู้ปราณก่อกำเนิด เห็นได้ชัดว่า เขาไม่สามารถเทียบได้กับนางเซียนหงส์ฟ้าและซุ่นเทียน ในตอนนี้ทั้งสองคนนั้นเป็นตัวประหลาดพันปี

เย่ว์หยางสามารถประสบผลใช้อุบายของเขาและใช้ปราณกระบี่ของเขาแทงใส่ซุ่นเทียนได้ ลำพังแค่นี้ก็เพียงพอทำให้ทุกคนตกตะลึงแล้ว ปราณกระบี่แบบไหนกันถึงมีพลังมากถึงเพียงนั้น?

หลังจากเจ็บปวดทรมานเพราะถูกปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ยิงใส่และยังโดนสายฟ้าสีม่วงของมารกฎฟ้าอีกด้วย ซุ่นเทียนแทบจะทนไม่ได้อีกต่อไป

เขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

เขาไม่สนใจเรื่องเย่ว์หยางหรือนางเซียนหงส์ฟ้าอีกต่อไป เขาหลบหนีไปทันทีที่มีโอกาส

เมื่อเงาชั่วร้ายเห็นเช่นนี้ มันก็ต้องการจะหลบหนีไปเช่นกัน กรงเล็บของมันมีสีเขียวห่อหุ้ม รัศมีที่เหมือนไฟปีศาจกระจายออกมาจากนางเซียนหงส์ฟ้าขณะที่มันหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว เย่ว์หยางไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเองและจับเงามืดชั่วร้ายไว้ ทั้งสองปล่อยทักษะแฝงเร้นพร้อมกัน เงาชั่วร้ายปล่อยพลัง “ชา” ใส่ตัวของเย่ว์หยาง ขณะที่เย่ว์หยางปล่อยโซ่ล่องหนใส่มันเพื่อป้องกันไม่ให้มันหลบหนีไปได้

ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถขยับได้หนึ่งวินาที แต่ก็นานเท่าที่นางเซียนหงส์ฟ้ากังวล ซึ่งก็เกินพอที่จะเล่นงานเงาชั่วร้ายจนสะบักสะบอม

“ต้นบาป, แรงแค้น, ถอนแค้น”

นางเซียนหงส์ฟ้าใช้สามกระบวนท่ารวดเดียว มือของนางเปล่งแสงเหมือนดวงอาทิตย์

ร่างของเงาดำร้ายสั่นรุนแรงขณะที่มีรู 3 รูปรากฏบนอกของมัน ซี่โครงซ้าย และขาขวาตามลำดับ สามารถมองเห็นกระดูกของมันได้ นางเซียนหงส์ฟ้ากอดเย่ว์หยางด้วยมือข้างหนึ่งและหมุนตัวเหวี่ยงแขนอีกข้างหนึ่งปล่อยหมัดเข้าเต็มหน้าของเงาชั่วร้ายทำให้จมูกของมันบิดและเลือดไหลไม่หยุด

“เอาเจ้านี่กลับไปด้วย”

จากนั้นนางเตะเข้าที่หน้าท้องของเงาร้ายนั้น ขณะที่มันเตรียมจะหลบหนีอีกครั้ง

“และนี่ก็น่าสนใจนี่!”

เงาร้ายรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถถอยไปได้ไกลเมื่อวงจักรล้างโลกที่เย่ว์หยางปล่อยออกไปไล่ตามมันอย่างรวดเร็ว

เงาดำร้ายนั้นดูเหมือนจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเดียวกับนางเซียนหงส์ฟ้า แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยังสามารถหลบวงจักรล้างโลกได้ง่าย อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดไว้เลยว่าเย่ว์หยางจะใช้หอกที่สร้างจากเพลิงอมฤตแทงข้างหลังเขา มันแทงลึกลงไปในท้องของเงาร้ายนั้น เงาร้ายร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

แม้ว่าร่างจะไม่ถูกเพลิงอมฤตเผา แต่จุดที่หอกแทงเข้าไปในร่างของเขาละลายออกไป เนื้อและหนังของเขาถูกทำลายทำให้เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องของเขาสะท้อนก้องไปทั้งภูเขา

เกือบเป็นขณะเดียวกัน แสงสองสายเหมือนเลเซอร์ยิงออกมาจากเงาชั่วร้ายและนิ้วของซุ่นเทียน

ลำแสงทั้งสองตัดขวางใส่หน้าของเย่ว์หยาง ใกล้มาก เขาเกือบจะถูกทำลายคราวเดียวเสียแล้ว

ถ้าเย่ว์หยางโดนโจมตีจริงๆ ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็คงรักษาไว้ไม่ได้

นางเซียนหงส์ฟ้าช่วยเขาไว้อีกครั้งหนึ่ง

นางตรึงเขาไว้กับพื้น หน้าอกนางกดแนบชิดขณะที่นางสำรวจใบหน้าของเขา ในช่วงเวลาวิกฤติ นางคว้าตัวเขากลับมาจากเงื้อมมือมัจจุราชได้ เงาชั่วร้ายและซุ่นเทียนเห็นว่าพวกเขาไม่อาจฆ่าเย่ว์หยางได้ในช่วงเวลาและแผนที่ดีที่สุด เมื่อพวกเขาเห็นนางเซียนหงส์ฟ้า เริ่มรวบรวมพลังมารฟ้า

พวกเขาแยกย้ายหลบหนีทันที พวกเขาไม่ต้องการสู้นางเซียนหงส์ฟ้าเพื่อเสี่ยงตายหรือทำให้ตัวพวกเขาต้องบาดเจ็บเพิ่มเติมอีก

เงาชั่วร้ายหายไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ซุ่นเทียนบินห่างออกไปหลายพันเมตร อาการบาดเจ็บที่หน้าผาของเขายังมีเลือดไหลไม่หยุดทำให้เขาดูย่ำแย่ ทำให้เขาดูเลวร้ายอีกด้วย เขาเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงจากเดิมที่เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่มีคนนับหน้าถือตา

“เด็กน้อย! อย่ากระหยิ่มใจเกินไปนัก ครั้งต่อไปที่เราเจอกันจะเป็นงานศพของเจ้า”

คำพูดของซุ่นเทียนทำให้เย่ว์หยางรู้สึกโชคดีในตอนนี้ เพราะนางเซียนหงส์ฟ้าได้ปกป้องเขา ถ้านางไม่อยู่ที่นี่ เย่ว์หยางคงตายไปนานแล้ว เย่ว์หยางรู้ว่า ยังเร็วเกินไปที่เขาจะสู้กับซุ่นเทียนในเวลานี้ แต่เขาเชื่อในการเติบโตของเขา ครั้งต่อไปที่พวกเขาพบกัน เขาอาจแข็งแกร่งพอเป็นคู่ต่อสู้ของซุ่นเทียนก็ได้ ก็เหมือนสื่อจินโหว การสู้กันในครั้งแรก

พวกเขาสู้กันด้วยความยากลำบาก แต่ผ่านไปปีหนึ่ง เขาก็ก้าวหน้าเกินสื่อจินโหวไปแล้ว ในอนาคต เขาอาจเหนือล้ำซุ่นเทียนก็ได้ ซุ่นเทียนจะไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของเขา บางทีก็อาจเป็นเพียงหนึ่งในก้อนหินให้เย่ว์หยางหยั่งเท้าก้าวเดินซึ่งอาจจะไต่ยากสักเล็กน้อย

“เจ้าช่างคุยโตนักนะ!”

นางเซียนหงส์ฟ้าตะโกนใส่เกรี้ยวกราด ขณะที่นางเงื้อมือขึ้นปล่อยพลังมารกฎฟ้าที่เป็นสายฟ้าสีม่วงใส่ซุ่นเทียน ซุ่นเทียนไม่รอให้พลังโจมตีโดนตัว เขาหายวับไปในอากาศทันที

เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้าเห็นซุ่นเทียนจากไปแล้ว นางคลายพลังมารกฎฟ้าและอ่อนระทวยล้มลงในอ้อมแขนเย่ว์หยาง

ความจริง ไม่ใช่ว่านางไม่ได้มีส่วนร่วมในการผ่านด่านหอทงเทียนชั้นสิบ แต่นางพบว่ามีบางอย่างผิดปกติและเกรงว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเย่ว์หยาง ดังนั้นนางไปได้ครึ่งทางก็กลับมา นางได้รับบาดเจ็บอยู่แล้วจากหอทงเทียนชั้นสิบ แต่โชคดีที่นางปกปิดความจริงจากซุ่นเทียนไว้ได้ นางร่วมมือกับเย่ว์หยางและเอาชนะซุ่นเทียนกับเงาชั่วร้ายทำร้ายศัตรูจนบาดเจ็บหนัก

เมื่อวิกฤติจบลง นางจึงหมดพลังล้มลงในอ้อมแขนเย่ว์หยางทันที

เย่ว์หยางรีบถ่ายพลังปราณก่อกำเนิดเข้าในร่างนางและรักษาบาดแผลให้นาง

ฮุยไท่หลาง, นางพญากระหายเลือด, โคเงา, ตั๊กแตนมรณะและอสูรที่เหลือรีบเข้ามาหาเจ้านายของตนและป้องกันเขา เพื่อที่ว่าเย่ว์หยางจะได้ไม่ถูกรบกวน

ตวนมู่หลงเฉิงทั้งดีใจทั้งกลัวระคนกัน เขาดีใจเพราะตอนนี้มารกฎฟ้าหมดสติไปแล้ว เป็นโอกาสดีที่สุดที่เขาจะเข้าโจมตี อย่างไรก็ตาม เขากลัวเพราะคุณชายสามตระกูลเย่ว์ยังสามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับซุ่นเทียนและเงาร้ายได้ ถ้าเขาโดนหอกเพลิงอมฤตเข้าที่ท้องหรือปราณกระบี่ที่หน้าผาก เขาคงไม่อาจแค่หนีไปได้ด้วยอาการแค่บาดเจ็บหนักแน่

“เข้ามา!”

เย่ว์หยางถ่ายปราณก่อกำเนิดลงในตัวนางเซียนหงส์ฟ้าด้วยมือข้างหนึ่งขณะที่เขากวักมืออีกข้างเรียกตวนมู่หลงเฉิงเข้ามา

“เฮอะ!”

ใจจริงตวนมู่หลงเฉิงต้องการบุกเข้าโจมตี แต่เขากลัวว่าจะตกเข้าไปในกับดักของเย่ว์หยาง

ถ้ามารกฎฟ้าแกล้งเป็นหมดสติ อย่างนั้นเขาเขาก็เป็นเพียงเจ้าโง่ที่วิ่งเข้าหาความตาย!

ตวนมู่หลงเฉิงกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ ขณะที่เขาทิ้งความคิดที่จะโจมตีเย่ว์หยางและมารกฎฟ้า เขาตัดสินใจหนีไปให้ไกลและซ่อนตัวอยู่ในที่ๆ มารกฎฟ้าจะไม่มีทางหาเจอและจะออกมาต่อเมื่อปลอดภัยพอที่จะทำเช่นนั้นได้ เย่ว์หยางรู้ว่านี่คือโอกาสของเขา ถ้าเขาไม่ฆ่าตวนมู่หลงเฉิงตอนนี้ บางทีเขาคงจะย้อนกลับมาหาเขาในอนาคต

เมื่อตวนมู่หลงเฉิงเริ่มหลบหนี เย่ว์หยางแบกนางเซียนหงส์ฟ้าไปด้วยพลางไล่ตามไม่ลดราวาศอก ตอนนี้ สถานการณ์กลับกลายแล้ว และยิ่งเวลาผ่านไป เย่ว์หยางก็ยิ่งได้เปรียบมาก ตราบใดที่นางเซียนหงส์ฟ้าตื่นขึ้นมา อย่างนั้นตวนมู่หลงเฉิงจะต้องพบจุดจบอย่างน่าอนาถแน่นอน

แน่นอนว่า ตวนมู่หลงเฉิงคาดว่ามารกฎฟ้าไม่ได้หมดสติจริงๆ นางอาจจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยังมีพลังพอฆ่าเขาได้

นางอาจฆ่าเขาได้ทันที ถ้าเขากล้าเคลื่อนไหว

ทันทีที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ ตวนมู่หลงเฉิงก็ยิ่งวิ่งหนีเร็วขึ้น

ในทันทีที่เขาได้เทเลพอร์ตเข้ามาในปราสาทตระกูลเย่ว์ เขาไปเร็วราวกับสายฟ้าขณะที่เขาพุ่งเข้าไปในสนามต่อสู้ที่กำลังวุ่นวายในลานฝึกฝีมือ

เขาไม่สนใจเกี่ยวการต่อสู้รอบๆ ก่อนที่เย่ว์หยางจะไล่กวดเขาทัน เขากระโดดเข้าไปในประตูเทเลพอร์ตยักษ์สีแดงประหลาดกลางลานฝึกซ้อมฝีมือ เย่ว์หยางไม่มีเวลาคิด เขาแบกนางเซียนหงส์ฟ้าและตามตวนมู่หลงเฉิงเข้าไปทันที

ขณะที่เจ้าอ้วนไห่, เสวี่ยทันหลาง, องค์ชายเทียนหลัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เย่ว์หวี่, เจ้าเมืองโล่วฮัว, อี้หนาน, เสวี่ยอู๋เสียและคนอื่นๆ มองดูเย่ว์หยางเข้าไปในประตูเทเลพอร์ตเหมือนกับดาวตก นอกจากเสี่ยวเหวินหลีที่แปลงเป็นสายรุ้งและอยู่ในร่างของเย่ว์หยางแล้ว ฮุยไท่หลาง, นางพญากระหายเลือด, ปีศาจดอกหนาม, โคเงา, และอสูรอื่นๆ ไม่ได้ตามเขาไป

ทันทีที่เย่ว์หยางเข้าไป เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเทเลพอร์ตเข้าไปในโลกที่แตกต่าง

พระจันทร์สีเลือดสาดส่องลงมาจากท้องฟ้า มีวังที่งดงามและสง่างามอยู่ทุกที่ และตลอดทุกที่ประดับด้วยสวนหินและมีสายน้ำ รูปสลักจ้าวปีศาจมองเห็นได้ในทุกที่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เย่ว์หยางกังวลก็คือนี่คือวังหลวงแดนปีศาจ กระแสหมุนวนสีดำหมุนวนอย่างต่อเนื่อง มีปราณปีศาจระเบิดออกมาตลอดเวลา

“พระเจ้า! นี่คือวังปีศาจที่จ้าวปีศาจอาศัยอยู่นี่!”

เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าเขาจะไล่ตามศัตรูมาถึงวังปีศาจ เขาคิดว่าเขาแค่ถูกเทเลพอร์ตสุ่มส่งไปในส่วนต่างๆ ของแดนปีศาจ

ขณะที่เย่ว์หยางจะเลิกไล่ตามและกลับไปยังทวีปมังกรทะยาน เขาได้ยินเสียงร้องเรียกแปลกประหลาดดังมาจากก้นบึ้งหัวใจเขา

ดูเหมือนคุ้นเคยและห่างไกลในขณะเดียวกัน ผู้นี้กำลังเรียกเขาจริงๆ หรือ? เย่ว์หยางทึ่ง ในวังหลวงแดนปีศาจ เขาจะมีเพื่อนได้อย่างไร?

นอกจากนี้ เสียงเรียกนี้หมายความว่าอย่างไร? เป็นเรื่องจริงหรือว่าเขาหูแว่วไปเอง?

เย่ว์หยางลังเลเล็กน้อย ตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ยากที่จะปกป้องตนเองได้ เขาต้องทำตามเสียงเรียกที่เขาได้ยินด้วยหรือ?

ในที่สุดเขาขบกรามและตัดสินใจครั้งใหญ่

ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=313

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด