ตอนที่ 291 แค่ตัวประกอบ อย่าหยิ่งนักเลย
ฉือเหลียวตกตะลึง เงาแห่งความตายปรากฏอยู่เหนือหัวเขา
เขารู้จักพลังที่น่ากลัวของคุณชายสามดี คนแรกเหยากวงถูกสังหาร จากนั้นแม้แต่ว่านฉีซิ่วหลิงก็ตายด้วยน้ำมือของเขา เรื่องจะต่อสู้กับเขา ฉือเหลียวไม่กล้าเลินเล่อแม้แต่น้อย
แต่ว่า เขาไม่เคยคิดเลยว่าการจู่โจมของเย่ว์หยางจะรวดเร็วขนาดนี้ ทันทีเมื่อวงจักรล้างโลกปล่อยออก ฉือเหลียวเรียกคัมภีร์แพลตตินัมทันทีหวังว่าม่านพลังของมันเพียงพอจะป้องกันตนเองได้ ตราบใดที่เขารอดชีวิตได้ในนาทีสุดท้ายเขาก็มีทางหลบหนีได้ถึงสิบทาง
โชคไม่ดี ที่เขาไม่สามารถเรียกคัมภีร์ของตนออกมาได้
ทั้งนี้เพราะฉือเหลียวถูกพันธนาการอยู่กลางอากาศด้วยทักษะโซ่ล่องหน
ทุกอย่างรวมทั้งร่างของเขา, พลังภายใน, จิตใจ, สติและแม้แต่วิญญาณของเขาจะถูกพันธนาการสามวินาที เขาไม่มีหนทางต่อต้านได้
หลังจากเสี่ยวเหวินหลียกระดับพลังได้ ทักษะแฝงเร้นโซ่ล่องหนของเธอก็รุดหน้าไปด้วย แม้ตอนที่ยังไม่รุดหน้า ก็ยังพันธนาการว่านฉีซิ่งหลิงที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 ได้สำเร็จ แน่นอนว่า คงจะไม่มีปัญหากับการมัดฉือเหลียวในตอนนี้
ถ้าเย่ว์หยางจำเป็นต้องใช้ เขาสามารถเพิ่มระยะเวลาของโซ่ล่องหนได้เกินสามวินาที
การกระทำเพียงแค่นี้ เย่ว์หยางแค่พยายามสร้างความสับสนให้ตวนมู่หลงเฉิง
เขาต้องการชักนำให้ประมุขนิกายบรรพตขจีนี้เข้าใจผิด เขาต้องการทำให้ตวนมู่รู้สึกว่าทักษะแฝงเร้นพันธนการของเขานั้นสามารถมัดนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างฉือเหลียวหรือที่อ่อนแอกว่า
แต่ไม่ใช่กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 อย่างตวนมู่หลงเฉิง เมื่อโอกาสดีที่สุดอุบัติขึ้น จากนั้นเขาค่อยฆ่าตวนมู่หลงเฉิง แน่นอนความทะเยอทะยานของเย่ว์หยางไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขาต้องการจะร่วมมือกับนางเซียนหงส์ฟ้าฆ่าซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยอีกด้วย
ซุ่นเทียนอาจพบทักษะแฝงเร้นโซ่ล่องหนผ่านการใช้ยักษ์ทองของเขา เย่ว์หยางคิดว่าเขาควรใช้เท่าที่จำเป็นเพื่อหลอกล่อจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและเพื่อหาโอกาสที่ดีที่สุด
สามวินาที...
อย่าว่าแต่เย่ว์หยางผู้เชี่ยวชาญในการลอบทำร้ายเลย แม้แต่นักรบธรรมดก็ยังอาจตบหน้าฉือเหลียวได้ 2-3 ทีในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น
ระหว่างต่อสู้กัน ถ้าท่านสูญเสียการควบคุมร่างกายแม้เพียงวินาทีเดียว นั่นก็เพียงพอจะทำให้ท่านตายได้
วงจักรล้างโลกตัดขวางผ่านคอของฉือเหลียว
ร่างปีศาจที่สามารถทนต่ออาวุธระดับทองถูกตัดขาดออกจากกันเหมือนเต้าหู้ยามเมื่อต้องเผชิญกับวงจักรล้างโลก
ไม่มีอะไรต่อต้านได้ขณะวงจักรล้างโลกหมุนคว้างผ่านไป
มือขวาของเย่ว์หยางที่โชติช่วงด้วยเพลิงอมฤตแทงเข้าที่ตำแหน่งท้องน้อยของฉือเหลียว ดึงเอาหัวใจปีศาจออกมาและกลั่นมันทันที
พื้นอากาศว่างที่ด้านหลังของเขาดูเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง
ตวนมู่หลงเฉิงกำลังเข้ามาโจมตี
นี้เรียกว่า “ตั๊กแตนจับจักจั่นกลับไม่รู้ว่านกอยู่ข้างหลัง”
ตั้งแต่เย่ว์หยางเรียกหนูเบญจธาตุค้นสมบัติ ตวนมู่หลงเฉิงก็มีความรู้สึกและเดาว่าเย่ว์หยางจะฆ่าฉือเหลียว ทว่าเขาไม่ได้เตือนฉือเหลียว แต่กลับมองดูเขาตกเข้าไปในแผนของเย่ว์หยางแทน.. เขายืมตัวฉือเหลียว ทำให้ฉือเหลียวเป็นเหมือนจักจั่นที่พบว่าตัวเองเป็นเสมือนเหยื่อล่อ แล้วตัวของเขาก็เปรียบเสมือนกับนกที่ฆ่าเย่ว์หยางจากด้านหลัง
ตวนมู่หลงเฉิงฉลาดมาก เขาคือนกน้อยที่ฉลาดแน่นอน
ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งเดียว พลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดของเขาก็มากพอที่จะยกภูเขาลูกย่อมๆ ได้ กลุ่มพลังที่น่ากลัวดังกล่าวรวมอยู่ในหมัดขวาของเขา
โดยไม่เปิดเผยแสดงตนเองแต่อย่างใด
เมื่อเย่ว์หยางฆ่าฉือเหลียว เขาก็ลอบเข้ามาโจมตีจากด้านหลังต่อเนื่องไปถึงแรงระเบิดจากหน้าอกของเย่ว์หยาง
ตวนมู่หลงเฉิงยอมเสียสละฉือเหลียว ใช้ชีวิตของสหายศึกเป็นเหยื่อล่อและต่อยใส่เย่ว์หยางได้สำเร็จ พร้อมกับเสียงร้อง เย่ว์หยางหายไปและเทเลพอร์ตออกไปทันที ร่างของเขาล้มลงห่างออกไปหลายร้อยเมตร
แม้ว่าเขาพยายามหลบหนีอย่างดีที่สุด แต่หมัดของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 ยังคงทิ้งรอยลึกอยู่บนหลังของเขา หมัดที่น่ากลัวของตวนมู่หลงเฉิงแทบทำให้กระดูสันหลังของเย่ว์หยางหักสลายเป็นชิ้น โชคดีที่เย่ว์หยางได้เรียนรู้การเทเลพอร์ตเฉพาะที่ วิชาได้มาจากอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและฝึกฝนจนถึงจุดที่ยักย้ายร่างได้ทันทีดั่งใจนึก ยิ่งกว่านั้นยังมีวิชาระบำดาบสุขุม ที่เขาฝึกฝน เป็นหนึ่งในสามวิชาลับซึ่งใช้ได้ผลดีกับการต้านรับการลอบทำร้าย ถ้าไม่ใช่เพราะสองสิ่งนี้ เขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะหมัดนี้ไปแล้ว
เย่ว์หยางมีเลือดกลบปาก ทว่าเขาไม่โกรธไม่หงุดหงิด
เขายังหัวเราะได้
ตวนมู่หลงเฉิงลอบเข้ามาทำร้าย เขาไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
นานทีก่อนที่เขาจะฆ่าฉือเหลียว เย่ว์หยางคิดไว้แล้วว่าตวนมู่หลงเฉิงจะลอบเข้ามาทำร้ายเขาขณะที่เขาฆ่าฉือเหลียวดังนั้นเขาแบ่งสมาธิสามส่วนให้ความสนใจสังเกตความเคลื่อนไหวของตวนมู่หลงเฉิง
สิ่งเดียวที่เขาคาดไม่ถึงก็คือตวนมู่หลงเฉิงไวกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มาก ประมุขนิกายบรรพตขจีผู้เจ้าเล่ห์นี้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดประเภทมีความรวดเร็วทั้งที่เขาเพ่งมองอยู่ ไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิดประเภทสู้ระยะห่างซึ่งมีพลังได้เปรียบเขา
เย่ว์หยางไม่ยอมพลาดโอกาสฆ่าฉือเหลียว เขายอมจัดการและฆ่าฉือเหลียวดีกว่า
แม้ว่าฉือเหลียวและเทียนฉวนไม่ตายก็ตาม พวกเขาก็ไม่มีท่าทีคุกคามต่อเขา
อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะมีศักยภาพคุกคามอย่างเหลือเชื่อต่อเจ้าอ้วนไห่, เย่คง, เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ ทันทีที่ฉือเหลียวและเทียนฉวนรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่มือของเขา พวกมันจะเปลี่ยนเป้าหมายหันไปฆ่าเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ทันที ในกรณีเช่นนี้สถานการณ์จะย่ำแย่หนัก
ตวนมู่หลงเฉิงมีความแข็งแกร่งมากทั้งไม่ถูกฆ่าได้ง่ายๆ
ในทางตรงกันข้าม ยักษ์ทองอสูรเพชรระดับ 9 ที่ดูเหมือนจักรพรรดิจะเป็นอสูรพิทักษ์ ฆ่ามันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ซุ่นเทียนสามารถใช้ปราณเพียงเล็กน้อยก็ทำให้อสูรพิทักษ์ของตนฟื้นคืนพลังเต็มที่ และสามารถเรียกเขาได้อีกครั้ง แน่นอน เป้าหมายของเย่ว์หยางคงต้องเป็นเพียงฉือเหลียวและเทียนฉวน
พอถึงตอนนี้ เทียนฉวนและยักษ์ทองที่สังเกตการณ์ดูสถานการต่อสู้จากด้านบนก็เคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน
แม้ว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวไม่เร็วเท่าตวนมู่หลงเฉิง แต่ดูเหมือนว่ามีการลงตัวและสามัคคีที่ดีระหว่างพวกเขา
แยกกันในท้องฟ้า
เทียนฉวนจากพันธมิตรนักสู้เจ็ดดาวพุ่งเข้าโจมตีใส่ฮุยไท่หลางและปีศาจดอกหนาม
เขารู้ว่าทันทีที่เจ้าของคัมภีร์เคลื่อนที่ออกไป โล่ปกป้องของคัมภีร์จะหายไปทันที พอไม่มีการปกป้องของโล่ปกป้อง เขาจะสามารถฆ่าฮุยไท่หลางและปีศาจดอกหนามได้ในกระบวนท่าเดียว
ดังนั้น เทียนฉวนจึงวิ่งเข้าโจมตีใส่ฮุยไท่หลางและปีศาจดอกหนามเต็มกำลัง
เขาไม่คิดว่าเย่ว์หยางจะมีลักษณะที่ผิดธรรมดา โล่ปกป้องของคัมภีร์ของเขาไม่ได้หายไปแม้ว่าเขาจะขยับออกมาก็ตาม มันจะหายไปถ้าถึงขีดจำกัดของเวลาหรือเมื่อเย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ของเขากลับมา
มิฉะนั้น โล่ปกป้องก็ยังคงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่คัมภีร์เงินของเย่ว์หยางยังคงอยู่
นี่คือความแตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง
อีกด้านหนึ่ง เจ้ายักษ์ทองพุ่งเข้าจู่โจมใส่เย่ว์หยาง
มันเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงมีความฉลาดมาก มันรู้ว่าตอนนี้เย่ว์หยางบาดเจ็บหนัก และดูเหมือนมันจะไม่ยอมให้เย่ว์หยางได้มีโอกาสพักหายใจ
“บึ้มมมมม!”
เจ้ายักษ์ทองอสูรเพชรระดับ 9 พุ่งเข้าโจมตีเย่ว์หยาง แรงกดดันของมันยิ่งใหญ่ประหนึ่งคลื่นสึนามิ ก่อนที่เย่ว์หยางจะมีโอกาสหลบมันได้ หมัดของตวนมู่หลงเฉิงก็พุ่งมาที่เขาอีกครั้ง เย่ว์หยางตกใจหนักขณะที่เขาพลาดในการมองดูการเร่งความเร็วฉับพลันของตวนมู่หลงเฉิงแม้ด้วยทักษะญาณทิพย์ระดับ 5 ก็ตาม
เย่ว์หยางมั่นใจว่าสามารถหลบหมัดของเขาได้ แต่เนื่องจากการเร่งกระทันหันของเขา ทำให้เขาไม่สามารถหลบได้ทันเวลา แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถหลบได้ทันเวลา แต่เขาก็เกร็งพลังปราณก่อกำเนิดไว้ในร่างกายพร้อมแล้ว เขาใช้ปราณของเขาสร้างกระแสหมุนวนทำให้หมัดของตวนมู่หลงเฉิงที่โจมตีใส่ด้านขวาของเขาไร้ผล
เย่ว์หยางตอบโต้กลับในขณะเดียวกัน
วงจักรล้างโลกที่สังหารฉือเหลียวได้ทันทีวกกลับมาเหมือนบูมเมอแรงตรงเข้าหาด้านหลังของตวนมู่หลงเฉิงตามความต้องการของเย่ว์หยาง
เพลิงอมฤตที่มือขวาของเขาเปลี่ยนรูปเป็นกระบี่เพลิงและแทงใส่อกของตวนมู่หลงเฉิง
“ช้าเกินไปแล้ว”
ตวนมู่หลงเฉิงพลิกตัวเหมือนงู
เขาไม่รู้สึกเจ็บก่อนที่ตวนมู่หลงเฉิงจะเตะหนักเข้าที่เข่าของเขาอีกครั้ง
ถ้าเย่ว์หยางหลบลูกเตะไม่เร็วพอ กล่องดวงใจของเขาอาจถูกตวนมู่หลงเฉิงเตะใส่ก็ได้.. ตวนมู่หลงเฉิงหมุนตัว, บิดร่างของเขาเหมือนแป้งทอด หลบเลี่ยงอันตรายจากวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤตได้
ขณะเดียวกันขาอีกข้างหนึ่งของเขาตวัดหวดใส่หน้าของเย่ว์หยาง ความเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก ถ้าเย่ว์หยางไม่มีจักษุญาณทิพย์เห็นการโจมตีของเขา เขาเองคงอยู่ในสภาพสะบักสะบอมไปแล้ว
เพียงแค่นั้นเย่ว์หยางก็ตระหนักได้ในที่สุด
ตวนมู่หลงเฉิงจอมเจ้าเล่ห์ผู้นี้มีทักษะที่ทำให้เพิ่มความเร็วตัวเอง
ด้วยทักษะแฝงเร้นเช่นนี้ แม้ว่าเย่ว์หยางคิดว่าเขาจะป้องกันได้ทันเวลา เขาก็จะเปิดโอกาสกว้างสำหรับการโจมตี
ไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาของเขาไม่ไวพอ ไม่ใช่เพราะเขาป้องกันได้ไม่แข็งแกร่งพอ เหตุผลที่เขายังถูกโจมตีได้ก็เพราะช่วงเวลาโจมตีที่เขาคำนวณพลาดไปเนื่องมาจากทักษะเร่งความเร็วนี่เอง
หมัดและพลังเตะของตวนมู่หลงเฉิงถูกเร่งความเร็วฉับพลัน ทำให้กระทบใส่ลำตัวเขา การป้องกันที่เย่ว์หยางเตรียมไว้จึงไม่มีผล
“เข้าใจแล้ว!”
เมื่อเย่ว์หยางเข้าใจรูปแบบการเข้าโจมตีของศัตรู เขาจึงยิ้มทันที
ยิ้มของเขาลี้ลับมาก
ตวนมู่หลงเฉิงระดมเตะใส่หน้าของเขาราวกับฝนเท แต่เย่ว์หยางไม่รีบร้อนหลบ เขากลับเริ่มเผชิญหน้ากับการโจมตี
เขาเคลื่อนมือเขาช้าๆ วาดมือเป็นวงกลมใหญ่และใช้พลังไหลเวียนทำลายความเร็วของตวนมู่หลงเฉิง
ปราณก่อกำเนิดของเขาหมุนหวนเหมือนกับแอ่งน้ำวน
ตอนนี้ แม้เมื่อลูกเตะของตวนมู่หลงเฉิงจะถูกเร่งความเร็วฉับพลัน แต่ก็ไร้ประโยชน์กับมือของเย่ว์หยางที่เคลื่อนไหวช้าเป็นวงกลม เหมือนปุยเมฆ แรงพลังงานที่โจมตีใส่เขาสลายไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ความเร็วของเขาจะตกลงเท่านั้น แม้แต่จะเคลื่อนไหวไปข้างหน้าแต่ละนิ้วก็ยังยากลำบาก เขาเคลื่อนมือด้วยความเร็วราวสายฟ้า แต่ในที่สุดก็กลายเป็นความเร็วระดับทากเดิน
เย่ว์หยางหมุนมือก็ป้องกันการโจมตีนี้ได้สำเร็จ.. ตวนมู่หลงเฉิงถึงกับสีหน้าเปลี่ยน เขาต้องการถอนตัวจากเย่ว์หยาง แต่สายเกินไป
เขารู้สึกว่าร่างของเขายังคงพยายามเตะใส่เย่ว์หยาง แม้ว่าเขาต้องการให้ร่างเขาถอนถอยออกมา
ปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้ต้นเหตุต้องมาจากคุณชายสามตระกูลเย่ว์แน่นอน
ตวนมู่เหลิงเฉิงรู้เหตุผลดี แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำลายเวทนี้ได้อย่างไร ภายใต้ผลสะท้อนวงเวทเคลื่อนไหวช้า เขาทำอะไรไม่ได้โดยสิ้นเชิง
วงกลมหยินหยางคู่ของเย่ว์หยางก่อรูปรวมเป็นหนึ่งปัดเบี่ยงเบนพลังหมัดที่รุนแรงของตวนมู่หลงเฉิงและเปลี่ยนเป็นพลังส่งผ่านลงไปที่ขาของเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางแอ่นร่างกลับหลังเหมือนคันธนู มือของเขายันอยู่ที่พื้น
เขาดีดตัวขึ้นและยิงพลังออกไปจากขาเหมือนกับลูกธนู
เขาพลิกตัวคว่ำลงพร้อมกับส่งแรงเตะขึ้นไป
ปราณกระบี่ลี้ลับรูปจันทร์เสี้ยวปรากฏอยู่ข้างหน้าบริเวณอก, คางและใบหน้าของตวนมู่หลงเฉิง
แม้ว่าตวนมู่หลงเฉิงจะม้วนตัวทันเวลาและหลบพลังตอบโต้รุนแรงของเย่ว์หยางได้ แต่เขาไม่สามารถหลบได้สิ้นเชิง แต่เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่คางของเขา ซึ่งคือเป้าหมายของเย่ว์หยาง ทันทีที่ปราณกระบี่รูปจันทร์เสี้ยวปรากฏที่ขาของเย่ว์หยาง เครา, ผิวและเนื้อถูกตัดออกมาจากใบหน้าของตวนมู่หลงเฉิง
ตวนมู่หลงเฉิงรู้สึกเหมืออนคางเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง เขารู้สึกเจ็บแปลบในหัวจนแทบจะล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของเขาบอกว่าเขายังอยู่ในอันตรายจากการถูกสังหารฉับพลันด้วยฝีมือของศัตรู ถ้าเขายังอยู่ตรงนั้นต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว
เขาบังคับตัวเองให้กระโจนหนีถอยกลับมาเพื่อความปลอดภัย
เย่ว์หยางยิงปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ออกมาจากเท้าของเขาและเกือบจะฆ่าตวนมู่หลงเฉิงได้ แผลยาวสายหนึ่งปรากฏอยู่บนซีกหน้าขวาของตวนมู่หลงเฉิง ตั้งแต่คางยาวจนถึงหู
ถ้าตวนมู่หลงเฉิงหลบไม่ทันเวลา คงจะมีรูเกิดขึ้นบนศีรษะของเขาแน่ จะมีหน้าต่างบานน้อยบนศีรษะของเขา และสมองของเขาจะกระจายออกมาข้างนอก
เขาใช้พลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 เสริมพลังป้องกันของเขา แต่เขาก็ยังไม่สามารถป้องกันปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ได้
ตวนมู่หลงเฉิงรีบถอยห่างออกไปหลายร้อยเมตร
ความกลัวผุดขึ้นมาในใจเขา
วงจักรล้างโลก, เพลิงอมฤตและปราณกระบี่ลึกลับ อาวุธทั้งสามอย่างนี้สามารถกำจัดศัตรูของเจ้าเด็กนี่ได้ฉับพลัน พวกเขาจะไม่รู้ตัวเลยกระทั่งตาย มิน่าเล่าว่านฉีซิ่วหลิงถึงไม่อาจยืนหยัดต้านทานเจ้าเด็กนี่ได้ถึงครึ่งชั่วโมง และเพิ่งผ่านมานี้ การต่อสู้ไม่ถึงนาที ชีวิตของเขายังตกอยู่ในอันตราย เกือบตายเพราะอาวุธทั้งสามของเย่ว์หยาง ถ้าเขารู้ว่าเย่ว์หยางแข็งแกร่งตั้งแต่แรกเริ่มและสู้กันด้วยความสามารถเต็มร้อย บางทีเขาคง... ถ้าเขาแค่ใส่ใจสักนิด บางทีเขาคงไม่มีจุดจบเหมือนว่านฉีซิ่วหลิงที่ตายอย่างน่าอนาถใต้เท้าของเย่ว์หยาง
“ไม่เลว”
ตวนมู่หลงเฉิงยกย่องเย่ว์หยางเป็นครั้งแรก
“เจ้ามันตัวประหลาดจริงๆ!”
เทียนฉวนกลับตรงกันข้ามเขากลับสบถใส่เย่ว์หยางแทน
เหตุผลก็เพราะตอนแรก เขาคิดว่าทันทีที่เย่ว์หยางออกมาแล้ว โล่ปกป้องของคัมภีร์จะหายไป เขาดีใจโฉบลงมาเหมือนนกอินทรี เตรียมจะจู่โจมใส่ฮุยไท่หลางและปีศาจดอกหนามรวดเดียว
เขาไม่เคยคิดว่าแม้หลังจากเย่ว์หยางจะออกมาจากโล่พลังของคัมภีร์แล้ว โล่นั่นก็ยังคงอยู่ได้
เขาระเบิดใส่โล่พลังอย่างรุนแรง ทำให้โล่โคลงเคลงไม่หยุด
อย่างไรก็ตาม ฮุยไท่หลางและปีศาจดอกหนามยังอยู่ปลอดภัยอยู่ภายในโล่สบายๆ
ดวงตาทั้งสองคู่จับจ้องมองเขาเหมือนกับดูคนโง่คนหนึ่ง... ความรู้สึกโดนดูถูกโดยสัตว์อสูรเช่นนี้ ทำร้ายจิตใจเทียนฉวนอย่างลึกล้ำ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขายังคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง
ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรเจ็ดดาว
แต่เขากลับโดนดูถูกโดยอสูรน้อยสองตัวนี้ แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร?
เทียนฉวนโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของเขา แต่กลายเป็นว่าโล่พลังไม่แตกร้าวภายใต้พลังของเขาเลย เขาโกรธจนแทบกระอักเลือด
ที่แย่ที่สุดก็คือฮุยไท่หลางถือโอกาสในช่วงเวลาที่ได้เปรียบ เมื่อเทียนฉวนพักสูดหายใจ มันหมุนตัวกลับแล้วยกก้นของมันแหย่ออกมานอกโล่พลัง หันก้นไปทางหน้าเทียนฉวน จากนั้นผายลมที่เหม็นคละคลุ้งออกมาป้าดใหญ่แล้วเผ่นแผลวกลับเข้าไปในโล่พลังโดยเร็ว
ในฐานะหนึ่งในนักสู้ปราณก่อกำเนิดกลุ่มพันธมิตรเจ็ดดาวผู้มีเกียรติ เทียนฉวนสูดดมตดสุนัขเข้าไปเต็มที่ เลือดของของเขาเดือดจนตัวเขาแทบระเบิดออกมาได้ทุกขณะ
เขาพบหมาที่น่ารำคาญมามาก แต่ไม่เคยพบหมาที่ยั่วโมโหได้มาก่อนในชีวิต
และเขาก็ยังไม่สามารถทำร้ายมันได้แม้ปลายเส้นขนของมัน
เทียนฉวนไม่อาจฆ่าฮุยไท่หลางและปีศาจดอกหนามได้ ดังนั้นเขาทำได้เพียงระบายความโกรธลงที่เย่ว์หยางเจ้านายของพวกมัน
แต่เย่ว์หยางไม่สนใจความคงอยู่ของเขา
เย่ว์หยางไม่ได้แม้แต่จะชำเลืองมองดูเขาด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าเทียนฉวนแห่งพันธมิตรนักสู้เจ็ดดาวไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกมาก่อน
การไม่ให้ความสนใจขนาดนั้นทำให้เทียนฉวนคลั่ง
เขาคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เป็นที่นับหน้าถือตา มีเกียรติ และเขายังจะโดนดูถูกอีกด้วยหรือ? เขายังไม่สามารถแก้แค้นความอัปยศอดสูหลังจากถูกหมาตัวหนึ่งกลั่นแกล้ง และเมื่อเขาต้องการหาเจ้านายมันมาล้างแค้นแทน เขายังโดนดูถูกและถูกทำให้อับอายมากกว่าเดิม ถ้าเขาไม่สามารถขยี้ฮุยไท่หลางและเย่ว์หยางให้เป็นชิ้น อย่างนั้นเทียนฉวนจะไม่สามารถสางแค้นในใจเขาได้ ต่อให้เขาตาย ก็ตายตาไม่หลับ
เย่ว์หยางละเว้นไม่ใส่ใจเจ้าผู้นั้นจริงๆ แม้ว่าเทียนฉวนจะแข็งแกร่งกว่าเหยากวงและไคหยางเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะตวนมู่หลงเฉิงแล้ว เย่ว์หยางสามารถฆ่าเจ้าคนผู้หลงตัวเองนั้นได้ทุกเมื่อ
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางสับสนก็คือฉือเหลียวที่เย่ว์หยางเพิ่งฆ่าไปตอนนี้ยังคงมีชีวิตอยู่
ฉือเหลียวเหลือแต่เพียงหัว เขาบาดเจ็บหนักจนใกล้ตาย แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดเผ่าปีศาจก็ยังมีชีวิตอยู่ได้
หัวของฉือเหลียวในอากาศได้เรียกคัมภีร์แพลตตินัมออกมาและกางโล่พลัง จากนั้นเขาเรียกไฟออกมาเพื่อเสริมพลังและฟื้นฟูร่างกายของเขา เย่ว์หยางสามารถเห็นได้ด้วยพลังญาณทิพย์ระดับ 5 ว่าสาเหตุที่ฉือเหลียวไม่ตายเป็นเพราะเขาสร้างความเสียหายได้ไม่หนักพอ
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้านั่นมีทักษะแฝงเร้นพิเศษอย่างหนึ่งทำให้หลีกเลี่ยงความตายได้ เย่ว์หยางได้แต่ทุ่มความสนใจอยู่ที่การโจมตีของตวนมู่หลงเฉิง เขายังไม่สามารถใช้พลังสังหารได้ ถ้าเย่ว์หยางไม่ใช้เพลิงอมฤตเผาหัวใจปีศาจและใช้เพลิงเผาศีรษะแทน บางทีฉือเหลียวอาจจะตายก็ได้
ปัญหาก็คือเย่ว์หยางต้องการหัวใจปีศาจนั้น
ถ้าเขาใช้เพลิงอมฤตเผาศีรษะของฉือเหลียวแทน ทันทีที่เขาตาย หัวใจปีศาจของเขาที่เต็มไปด้วยพลังงานก็จะถูกทำลาย
วิธีการนั้นสิ้นเปลืองเกินไป
เย่ว์หยางมองดูศีรษะที่น่าเกลียดของฉือเหลียว นอกจากมีเพียงหนึ่งชีวิต เจ้าผู้นี้ยังมีอะไรอื่นอีก? เขาไม่เป็นภัยคุกคามโดยสิ้นเชิง ก็แค่ทำให้อสูรชั้นทองเหล่านั้นที่เขาเรียกออกมายังไม่ตายจากความตายของเขา เพราะฉะนั้นมันค่อนข้างโชคร้าย ดูเหมือนฮุยไท่หลางจำเป็นต้องฝึกหนักซักระยะหนึ่ง
“ฮุ่ยไท่หลาง เจ้ายังจะรออะไรอีก? จะเอาแต่กินฟรีโดยไม่ทำงานหรือยังไง?”
เย่ว์หยางโหดไม่ต่างจากจอมเผด็จการฮิตเล่อร์
“โฮ่ง!”
ฮุยไท่หลางก็เบื่อที่จะรอคอย
“เจ้าหมาตัวแสบ ในที่สุดเจ้าก็ออกเสียที ดูซิว่าข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นไหม”
เทียนฉวนรู้สึกว่าเขาควรจะฆ่าสุนัขก่อน ย่างมันกินทั้งตัว จากนั้นค่อยเหลือให้เจ้านายมัน หรือบางทีเขาน่าจะฆ่าเจ้านายของมันก่อน จากนั้นค่อยดูมันตาย ขณะที่เขาตัดขาทั้งสี่ของมัน เพื่อที่ว่ามันจะได้ตายจากการสูญเสียเลือด มิฉะนั้น เขาจะให้มดคลั่งกินเจ้าสุนัขบ้าตัวนี้ทั้งเป็นกระทั่งเหลือแต่หัว จากนั้นค่อยส่งหัวของมันกลับไปบ้านของมัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เทียนฉวนจะพุ่งเข้าหาฮุยไท่หลาง ทันใดนั้นมีลมหายใจพ่นรดหลังของเขา
มีเสียงโกรธดังก้องมาจากด้านหลังของเขา
“เจ้า, ทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่? เจ้าน่าจะตายไปนานแล้ว! ปล่อยให้คนอย่างเจ้ามีชีวิตอยู่จะสิ้นเปลืองพื้นที่กับอาหาร! จำเอาไว้ เป็นตัวประกอบมีบทเพียงเล็กน้อย จงอย่าหยิ่งเกินไป!”
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=311