ตอนที่ 290 ยิงนกต้องยิงตัวที่โผล่หัวก่อน
ฉวยโอกาสที่นางเซียนหงส์ฟ้าและเย่ว์หยางจู่ๆ ก็กอดกันเอง ตวนมู่หลงเฉิง, เทียนฉวนและฉือเหลียวจึงปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดทันที
เทียนฉวนนั้นแข็งแกร่งกว่าเหยากวงและไคหยางเล็กน้อย
เมื่อเขาปล่อยพลังระดับก่อกำเนิดของเขา เขาจะอยู่ในสภาวะปราณก่อกำเนิดระดับ 3 ปราณของเขาระเบิดออก กลายเป็นพลังคลื่นอัดกระแทกที่สั่นสะเทือนพื้น อย่างไรก็ตาม ปีศาจนักสู้ปราณก่อกำเนิดฉือเหลียวยังแข็งแกร่งกว่าเทียนฉวน แม้ว่าเขายังคงเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3, แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าฉือเหลียวแข็งแกร่งกว่าเทียนฉวนมากนัก ไฟนรกที่เขาปล่อยกระจายออกมาชนกับพลังปราณของเทียนฉวน บังเกิดเสียงดังอึกทึก พื้นที่ตรงที่ปราณของคนทั้งสองชนกันดูเหมือนจะแตกสลาย เพลิงนรกดำและร้อนแรงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่พื้นเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง มีไฟนรกไหม้อยู่ทุกที่ รวมทั้งทราย กรวด และหินบนพื้น
ตวนมู่หลงเฉิงเป็นคนเจ้าเล่ห์ ยังคงปล่อยพลังระดับก่อกำเนิดอย่างไร้เสียง
ไม่มีพลังคลื่นกระแทกหรือทะเลเพลิง
แสงสีเหลืองสงบแผ่กระจายออกมาอย่างเงียบกลายเป็นรัศมีขนาดร้อยเมตรครอบคลุมเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้า
ซุ่นเทียนไม่ได้ปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดของเขา แต่กลับเรียกคัมภีร์เพชรเป็นประกายที่มีแสงรัศมีสีรุ้ง
เขาวางมือลงบนคัมภีร์เพชรเบาๆ และเรียกอสูรพิทักษ์ของเขา
มันเป็นอสูรร่างมนุษย์ ชั้นเพชรระดับ 9 ยักษ์สีทองที่สูงเกือบห้าเมตร เขาสวมมงกุฏบนศีรษะและสวมเกราะแพลตตินัม มีดาบทองห้อยอยู่ข้างเอวและสวมรองเท้าบูตไหมคู่หนึ่ง
“ไท้! ลุยเต็มที่!”
ยักษ์ทองที่ดูเหมือนจ้าวจักรพรรดิปรบมือทำให้เกิดเสียงดังปานฟ้าร้องแล้วทุบลงที่พื้น รัศมีจักรพรรดิที่กดลงเหมือนพายุแสงสีทอง ได้กดทับเย่ว์หยางด้วยพลังที่แข็งแกร่งว่าสนามพลัง (กดทับ)ของว่านฉีซิ่วหลิง ที่ทำให้ศัตรูต้องแบกน้ำหนักตัวเองมากถึง 20 เท่า
“โฮ่ง!”
ฮุยไท่หลางและปีศาจดอกหนามรู้สึกได้ถึงอันตราย ทั้งคู่รีบเข้ามาซ่อนอยู่ด้านหลังของเย่ว์หยาง
พื้นตรงที่เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้ากำลังยืนอยู่กลับเว้ายุบลงอย่างไร้เสียง
แม้ว่าเย่ว์หยางจะเรียกคัมภีร์เงินของเขาออกมากางโล่พลังได้ทันที เขาก็ยังไม่สามารถป้องกันพลังงานมหาศาลที่กดลงมาจากท้องฟ้าได้
รูปลักษณ์ของโล่พลังเว้าลงเล็กน้อย
เย่ว์หยางตกตะลึง
จ้าวปีศาจฮาซินผู้แข็งแกร่งมากยังต้องใช้นิ้วตนเองกระแทกโล่พลังด้วยซ้ำ
แต่ จักรพรรดิจื่อเว่ย ซุ่นเทียนผู้นี้ไม่ได้แม้แต่จะยกนิ้ว เขาแค่เรียกอสูรของเขาและสั่งให้มันโจมตี ด้วยพลังโจมตีที่ผ่าอากาศได้ เขาสามารถปล่อยพลังที่เกือบจะสร้างความเสียให้โล่พลังได้.. ดูเหมือนยักษ์ทอง อสูรชั้นเพชรระดับ 9 น่าจะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์หรือแข็งแกร่งกว่า เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางพูดไม่ออกก็คือเจ้ายักษ์ทองเป็นอสูรพิทักษ์ที่ไม่มีวันตาย เว้นแต่เจ้านายมันตาย ภายใต้รัศมีกดทับจากอสูรศักดิ์สิทธิ์ ชั้นเพชรระดับ 9 เย่ว์หยางไม่สามารถป้องกันตนเองได้ ดูเหมือนว่าเขายังไม่แข็งแกร่งพอจะสู้กับจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยซุ่นเทียนเสียแล้ว
“ท่านซุ่นเทียน เราน่าจะไปหาพื้นที่โล่งกว้างอื่นๆ สู้กันนะ สู้กันในที่แคบๆ อย่างนี้ไม่ค่อยสะดวกใจเลย”
รังสีฆ่าฟันของนางเซียนหงส์ฟ้าวาบออกมาจากนัยน์ตานาง
นางไม่ได้สนใจแรงกดดันของยักษ์ทอง อสูรเพชรระดับ 9 นางลอยตัวขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างง่ายดาย
ก่อนที่จะกลายเป็นสายดาวตกพุ่งหายไป นางโบกมือให้เย่ว์หยาง
จากนั้นนางใช้รอยยิ้มที่อาจทำให้คนอื่นๆ ที่นางคุยด้วยถึงกับคลั่ง
“เจ้าวายร้ายน้อย! บังอาจถือโอกาสทำกำไรกับข้า ข้าจะสั่งสอนเจ้าหลังจากที่ข้ากลับมา”
เย่ว์หยางหัวเราะ
“ข้าจะรอท่านกลับมาจนได้ ว่าแต่ข้าไม่เกี่ยงหรอกนะว่าจะอยู่ล่างหรืออยู่บน!”
นางเซียนหงส์ฟ้าหัวเราะลั่นเมื่อนางได้ยินเช่นนั้น
ปากแดงๆ ของนาง ฟันขาว, ตาหยาดเยิ้มกระจ่าง, แก้มสีอมชมพู ลักยิ้มที่มุมปากยามนางแย้มยิ้มทำให้เย่ว์หยางแทบสำลักด้วยความวาบหวาม อกของนางกระเพื่อมเล็กน้อยขณะที่นางหัวเราะ เย่ว์หยางตะลึงมองจนน้ำลายเกือบหกจากขอบปาก พอเห็นเช่นนี้ นางเซียนหงส์ฟ้าก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น พลางเล่นหูเล่นตาและส่งจูบที่ร้อนแรงให้เขา
“ถ้าเจ้ารอดจากโดนศัตรูเล่นงานได้ ข้าจะรับพิจารณาไว้”
ว้าวว!
เย่ว์หยางรู้สึกว่าตอนนี้หัวใจของเขาคงเต้นแรงถึง 500 ครั้งต่อนาที เกือบจะระเบิดออกมาเพราะตื่นเต้นเร้าใจเกินไป
นางเซียนหงส์ฟ้าไม่เพียงแต่มีเรือนร่างที่ยั่วยวนเท่านั้น นางยังมีเสน่ห์มากอีกด้วย
กับเรื่องการล่วงล้ำก้ำเกินของเย่ว์หยาง นางไม่ได้ปฏิเสธเขาเหมือนที่สตรีอื่นทำ แต่นางกลับแกล้งเขาคืน เย่ว์หยางเริ่มจินตนาการในใจ ถ้าเข้าแกล้งนางเซียนหงส์ฟ้าในครั้งหน้าบ้าง นางจะปล้ำเขาไหมนะ?
“ความสุขในชีวิตรักของข้า, แทบจะรอไม่ไหวเลยจริงๆ”
เย่ว์หยางลอบกลืนน้ำลายเอื๊อกขณะที่มองดูร่างของนางเซียนหงส์ฟ้ากลายเป็นดาวตกพุ่งออกไปไวเหมือนแสง นางหายวับไปตรงแนวชายป่า เย่ว์หยางยังไม่อาจหยุดฝันหวานได้หลังจากนางหายลับตาไปแล้ว
จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย ซุ่นเทียนตามนางไปด้วยเช่นกัน ก่อนที่เขาจะจากไป เขากวาดสายตามาทางเย่ว์หยางแว่บหนึ่ง จากนั้นกระซิบบางอย่างกับตวนมู่หลงเฉิง เขายังคงทิ้งยักษ์ทองของเขาให้อยู่ช่วยที่นี่ ก่อนจะไล่ตามนางเซียนหงส์ฟ้าไป
เรื่องการต่อสู้ของซุ่นเทียนและมารกฎฟ้า อาจจะยากที่จะประเมินผู้ชนะได้หลังจากพวกเขาสู้กันทั้งวันและทั้งคืน
ทั้งสองคนมีความแข็งแกร่งพอๆ กัน
แม้จะดูเหมือนว่าจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยอาจจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่แข็งแกร่งกว่านางมากขนาดนั้น การต่อสู้ที่แท้จริงก็คือ ระหว่างตวนมู่หลงเฉิงและเย่ว์หยาง ตราบใดที่ตวนมู่หลงเฉิงสามารถฆ่าเย่ว์หยางได้ ผลการต่อสู้ระหว่างเขากับมารกฎฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
มีตวนมู่หลงเฉิง นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 และเป็นประมุขนิกายบรรพตขจีและนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 เทียนฉวนและฉือเหลียวสู้กับเย่ว์หยาง ถ้าพวกเขายังไม่สามารถเอาชนะนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 อย่างเย่ว์หยางได้ อย่างนั้นตวนมู่หลงเฉิงและคนอื่นๆ ก็ควรไปฆ่าตัวตายได้ ซุ่นเทียนเชื่อว่าแผนการต่อสู้ของเขาจะไม่ล้มเหลวโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่น ไม่ว่าเย่ว์หยางจะบ้า, เจ้าเล่ห์หรือผิดธรรมดาขนาดไหนก็ตาม เขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างมิต้องสงสัย
ต่างจากเย่ว์หยางที่กำลังฝันหวานอยู่แม้นางเซียนหงส์ฟ้าจะหายวับไปแล้วก็ตาม เซียนนักพรตและบัณฑิตวัยกลางคนเริ่มสู้กับองครักษ์พิทักษ์ฟ้าจากอาณาจักรสือจินตัวสูงตัวเตี้ยทั้งสองคน พวกเขาทั้งหมดคือองครักษ์พิทักษ์ฟ้า ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกันคือ นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5
ไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือของกลุ่มที่สาม แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคือ ก็ยากที่จะตัดสินหาผู้ชนะได้
บึ้ม!
ภูเขาที่อยู่ห่างออกไปถูกทำลายเป็นชิ้นจากพลังโจมตีของเซียนนักพรต
บัณฑิตวัยกลางคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของภูเขาสร้างพายุหมุนทอร์นาโดและโจมตีใส่ศัตรูที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา คู่ต่อสู้ของเขาคือองครักษ์พิทักษ์ฟ้าที่ตัวสูงกว่าจากอาณาจักรสื่อจิน ขณะที่คู่ต่อสู้ของเซียนนักพรต เขาไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ทั้งนี้เพราะเขารู้ว่ายิ่งทอดเวลายาวนาน สถานการณ์ทั้งหมดก็จะดีต่อเขา
ขณะนี้ เทียนฉวนและฉือเหลียวกำลังเรียกสัตว์อสูรของพวกเขา เพื่อเตรียมฆ่าเย่ว์หยาง พวกเขาไม่สนใจกฎของพันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกต่อไป
เทียนฉวนเรียกสัตว์อสูรประเภทอสูรบินออกมาทั้งหมด
กริ๊ฟฟินพายุ อสูรทองระดับ 7, จ้าวมังกรบินหงอนแดง อสูรทองระดับ 6 ค้างคาวยักษ์อสูรทองระดับ 6 และฮาร์ปี้ อสูรทองระดับ 6 แผนของเขาก็คือใช้ความเร็วของอสูรบินของเขาและความยืดหยุ่นโจมตีใส่ปีศาจดอกหนามข้างกายของเย่ว์หยาง ด้วยการสนับสนุนจากสนามพลัง “อ่อนแอ” ของตวนมู่หลงเฉิง แม้แต่ปีศาจดอกหนามระดับเพชรก็ไม่สามารถหลบการโจมตีจากอสูรบินได้ นางจะต้องตายอย่างน่าอนาถ ยิ่งกว่านั้นปีศาจดอกหนามที่ดูเหมือนแข็งแกร่งมากความจริงเป็นเพียงอสูรเพชรระดับ 1 เท่านั้น
ปีศาจดอกหนามเชี่ยวชาญในการต่อสู้ภาคพื้นดิน นางสามารถเรียกทะเลดอกไม้บนพื้นได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จ้าวอัคนีผู้หนีจากพื้นดินไม่ได้จึงพ่ายแพ้ในเงื้อมมือนาง
อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับ 4 อสูรบิน ปีศาจดอกหนามจะทำอย่างไร?
สนามพลัง “อ่อนแอ” ของตวนมู่หลงเฉิง สามารถส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตเท่านั้น รวมทั้งนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้อ่อนแอกว่าตวนมู่หลงเฉิง พลังของพวกเขาจะลดลงถึงสิบเท่า ปีศาจดอกหนามจะกอบกู้สถานการณ์ภายใต้เงื่อนไขนั้นได้อย่างไร?
นั่นไม่มีทางทำได้สำเร็จ
เป้าหมายของฉือเหลียวก็คือฆ่าฮุยไท่หลาง
ปีศาจนักสู้ปราณก่อกำเนิดเรียกอสูรชั้นทองที่มีคุณสมบัติด้านไฟ
ไฮดร้าเพลิง, เซอเบอรัส, ลาวายักษ์, มังกรบินแม็กม่าและแม่มดอัคคีผู้มีแส้เพลิงแปลกๆ อยู่ที่มือของนาง
ภายในสนามพลัง
“อ่อนแอ”และพื้นที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ ฮุยไท่หลางต้องสู้กับอสูรคุณสมบัติไฟชั้นทองระดับ 5, 6, 7 ที่มาจากแดนปีศาจ อย่าว่าแต่ฉือเหลียวผู้คิดว่าฮุยไท่หลางไม่สามารถเอาชนะได้แน่นอน แม้แต่เย่ว์หยางก็คิดว่าเป็นการต่อสู้ที่ลำบากมากสำหรับฮุยไท่หลาง บางทีถ้าสู้กันตัวต่อตัวฮุยไท่หลางอาจเอาชนะได้ แต่ถ้าสู้เป็นกลุ่มล่ะ?"”
พูดยากจริงๆ
ศัตรูของเย่ว์หยางคือนักสู้ที่แข็งแกร่งระดับสูงถึงสองคน
คู่ต่อสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็คือนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 ตวนมู่หลงเฉิง ประมุขนิกายบรรพตขจีผู้ครอบครองสนามพลัง “อ่อนแอ” พลังของเขาอาจเหนือกว่าจ้าวปีศาจก็ได้
เย่ว์หยางไม่สามารถเปรียบเทียนพลังที่แท้จริงของจ้าวปีศาจฮาซินได้ เพราะเขาไม่ได้มีพลังญาณทิพย์ระดับ 5 ในตอนนั้น
อย่างไรก็ตาม พลังของจ้าวปีศาจฮาซินได้แสดงออกมาเพียงผิวเผินในครั้งนั้น พอๆ กับที่ตวนมู่หลงเฉิงแสดงอยู่ในตอนนี้ ถ้าเจ้าปีศาจฮาซินไม่จงใจซ่อนพลังของเขาไว้ อย่างนั้นเขาอาจไม่สามารถเอาชนะตวนมู่หลงเฉิงนี้ผู้ครอบครองสนามพลัง “อ่อนแอ” เย่ว์หยางไม่กังวลคิดเรื่องเทียนฉวนและฉือเหลียวเลย นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 ทั้งสองคนนี้ยังไม่อาจเทียบได้กับยักษ์ทอง อสูรเพชรระดับ 9 ของซุ่นเทียน เย่ว์หยางไม่ยอมรับการมีอยู่ของพวกเขา แรงกดดันจากพลังรัศมีของจักรพรรดิยักษ์ทอง ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นภายใต้สนามพลัง “อ่อนแอ” ของตวนมู่หลงเฉิง กลับกลายเป็นว่ามันมีพลังมากยิ่งขึ้น
เกี่ยวกับยักษ์ทองอสูรเพชรระดับ 9 เย่ว์หยางไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่เอาจริง
“ก็ได้ เนื่องจากพวกเจ้ารังแกเราด้วยจำนวนคนที่มากกว่า ข้าจะไม่เกรงใจอีกต่อไป”
เย่ว์หยางเรียกอสูรออกมามากกว่าห้าตัวทันที และอสูรเหล่านั้นก็คือ หนูเบญจธาตุค้นสมบัติ
“ถุย!”
เทียนฉวนถ่มน้ำลายทันที
เขาเกือบจะร่วงลงมาจากฟ้าตกลงบนพื้นเสียแล้ว
หุ่นหนูสามัญระดับ 1 ที่ไม่มีพลังต่อสู้น่ะหรือ? พวกมันจะทำอะไรได้? เทียนฉวนหัวเราะก๊ากทันทีที่เห็นพวกมัน เขารู้สึกเหมือนจะตายเพราะหัวเราะมากเกินไป
หนูไฟจากกลุ่มหนูเบญจธาตุรีบออกมาจากโล่พลังของเย่ว์หยางโดยไม่รีบร้อน สนามพลังและแรงกดจากรัศมีจักรพรรดิไม่มีผลต่อมันเลย
หนูไฟคลานออกมาอย่างไม่รีบร้อน หัวน้อยๆ ของมันเหลียวซ้ายหันขวา มองหาบางอย่าง
รู้สึกเหมือนกับว่าหนูไฟก็เหมือนกับหนูธรรมดาที่มองหาอาหาร
ห้าวินาทีต่อมา หนูไฟก็พบกับดักระเบิดที่ฉือเหลียวลอบวางไว้กับเพลิงนรกของเขา ยิ่งกว่านั้น มันยังกระตุ้นให้กับดักทำงานด้วย
บึ้ม!
เสียงดังสนั่นจนพื้นสั่นสะเทือนไปทั้งหมด
พื้นทั้งหมดสั่นสะเทือนไม่อาจควบคุมได้จากแรงระเบิดใหญ่ แต่หนูไฟก็ยังคงปีนต่อไปและหากับดักระเบิดต่อไปอย่างไม่รีบร้อน เมื่อมันจุดระเบิดลูกที่สองและระเบิดเซอเบอรัสกระเด็นออกไป ในที่สุดฉือเหลียวก็ตระหนักได้ว่าเจ้าหนูไฟตัวนี้คือจุดอ่อนของกับดักระเบิดของเขา สีหน้าเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่เขาคำรามลั่นพุ่งลงมาจากฟ้า เขากำหมัดแน่นเตรียมจะทำลายเจ้าหุ่นหนูตัวน้อยที่น่ารำคาญภายในกระบวนท่าเดียว
“ขอให้ข้าแนะนำเจ้าหน่อยนะ ปืนจะใช้ยิงนกตัวแรกที่โผล่หัวออกมาก่อน”
เย่ว์หยางปรากฏตัวที่ด้านหลังฉือเหลียวในพริบตาพร้อมกับวงจักรล้างโลกในมือข้างหนึ่งและเพลิงอมฤตในมืออีกข้างหนึ่ง
เขารอโอกาสมานานมาก
ตราบใดที่เขาเป็นคู่ต่อสู้กับศัตรูของเขาได้ เขาจะสามารถตอบโต้กลับได้ทันทีที่พวกเขาเผยจุดอ่อน
การตอบโต้กลับของเย่ว์หยาง เป็นอันตรายถึงชีวิต
เขาจะไม่ทำอะไรเหลวไหลแน่ๆ
เขาจะฆ่าศัตรูของเขาในกระบวนท่าเดียว
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=310