ตอนที่ 14 -- ร้านแผงลอย
ตอนที่ 14 -- ร้านแผงลอย
-เมืองแห่งการค้าเบริต้า
เป็นหนึ่งในเมืองการค้าชั้นแนวหน้าของประเทศ ผลิตภัณฑ์หลากหลายถูกขนส่งทางทะเลเพื่อกระจายไปทั่วประเทศจะต้องผ่านท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ของที่นี่
นอกจากนี้ยังเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ใกล้กับเมืองนานามิมากที่สุด
แม้ว่าผมจะบอกว่ามันใกล้กันมาก แต่มันก็ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเทเลพอร์ตพร้อมกับหยุดพักไปด้วย
วันนี้ มิลลี่และผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาที่นี่
มิลลี่จะทำตัวเป็นเด็กแบบนี้ในบางครั้ง เธอไม่ยอมเปิดประตูห้องของตัวเอง แม้ว่าผมจะเรียกเธอแล้วก็ตาม ดังนั้นผมเลยใช้เวทย์สะเดาะกลอน
มันเป็นเวทย์เฉพาะตัวที่สอนให้กับนักเวทย์หัวขโมยเพื่อใช้ในการเลี้ยงชีพ และแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่มีแต่หัวขโมยเท่านั้นที่จะทำได้
ผมเดาว่าหัวขโมยจะใช้ทั้งม้วนคัมภีร์ แต่ผมฉีกมันเป็นชิ้นๆหลังจากที่เรียนสำเร็จ
เมื่อผมบอกมิลลี่เกี่ยวกับเรื่องเสียงที่เธอทำตอนที่เธอหลับ เธอโมโหผมในขณะที่ใบหน้าแดงแจ๋
แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
ฝูงชนจำนวนมหาศาลต่างเดินกันเต็มท้องถนนเพื่อเข้าสู่เมือง
ผมจึงมีช่วงเวลาทีต้องเดินอย่างยากลำบาก
มิลลี่เองก็พลัดหลงกับผมอย่างรวดเร็วและเริ่มเดินออกไปคนละทาง
ผมจึงมักต้องคอยดูเธออยู่ตลอด
ผมถอนหายใจพร้อมกับจับมือมิลลี่แล้วพาเดินไป
“ปะ-ปล่อยมือเถอะ! มันน่าอายจะตาย!”
”
“อย่าแม้แต่จะคิด, เธอจะต้องหลงทางแน่ๆ ถ้าผมปล่อย”
”
เธอพยายามชักมือกลับอีกครั้งในตอนที่ผมพูด
ในที่สุดเธอก็ค่อยๆรับได้อย่างช้าๆ และจับมือผมอย่างหลวมๆ
พวกเรามาที่เมืองแห่งนี้เพื่อขายไอเทมจิปาถะที่มีมากเกินไป ซึ่งผมได้รับมาจากกองคาราวานแทนคำขอบคุณ และมันเป็นการเตรียมความพร้อมในการต่อสู้กับบอส
มันช่างเป็นเมืองที่ใหญ่จริงๆ
“นี่อะไรกัน? นั่นมิลลี่จังกับเซฟคุงไม่ใช่หรอ?”
”
เมื่อพวกผมหันไปหาต้นเสียง, สิ่งที่พวกเราเห็นก็คือแคลร์เซ็นเซย์ที่กำลังอุ้มถุงสินค้าใบใหญ่แนบกับอก
ภายในมีขนมปังก้อนโตยื่นออกมาจากถุง
อย่างที่เห็น เธอกำลังซื้ออาหาร
มาคิดดูอีกที ผมจำได้ลางๆว่ามีใครสักคนพูดว่าเซนเซย์อาศัยอยู่แถวนี้ในช่วงวันหยุด
“มาเดทกันงั้นหรอ? ดีจังน้า~”
”
“ขะ-เข้าใจผิดแล้วค่า! พวกเราแค่มาซื้อของด้วยกันเพราะหมอนี่ไม่สามารถออกมาซื้อของด้วยตัวเองได้…. เห็นไหมคะ! ดูนี่, แขนของเซฟหักอยู่ค่ะ!”
”
“จริงหรอ~? ไม่ใช่ว่าพวกเธอสองคนพึ่งจะสนิทกันก่อนหน้านี้ไม่นานนี่? น่าสงสัย~?”
”
ท่าจะไม่ดีแล้ว พวกเธอคุยกันนานเกินไป…
แคลร์เซนเซย์เข้าสู่โหมดจุ้นเรื่องชาวบ้านโดยสมบูรณ์แล้ว
“ขอโทษครับเซนเซย์, พวกเรากำลังรีบเพราะพวกเรา….”
”
“พวกเธอมากันแค่สองคนงั้นหรอ? นั่นไม่ดีเลยนะ พวกเธอก็รู้, พวกเธอจำเป็นต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วย ไม่ว่าพวกเธอจะพูดยังไงก็ตาม…”
”
ผมรู้ดีว่าแคลร์เซนเซย์ไม่มีทางหลง แต่หลังจากที่เราเริ่มออกเดิน เธอก็มาจับมืออีกข้างหนึ่งของผมไว้ และเดินตามหลังของพวกผมมาติดๆ
มิลลี่จับบีบผมแรงขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย
แค่จับมือกันจนกว่าจะถึงที่หมาย….
เฮ้ หยุดบ้าได้แล้ว, อย่าไปคิดเรื่องพรรนั้น
“นี่~, ไม่ใช่ว่าเป้าหมายของเราจะสำเร็จยากขึ้นถ้ามีแคลร์เซนเซย์มาด้วยหรอกหรอ?”
”
พวกเราคุยกันด้วยเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน
พูดตามตรงผมเองก็เห็นด้วย, ว่าแต่เธอเลิกกุมมือผมแบบนั้นได้แล้ว
“พวกเรายังอยู่ท่ามกลางฝูงชน, รีบออกจากที่นี่กันเถอะ”
”
“ก็ได้, ก็ได้”
”
ดังนั้นพวกเราจึงตกลงกันในขณะที่สะบัดมือของแคลร์เซนเซย์ออก แล้วหายเข้าไปในฝูงชน
ในเมื่อแคลร์เซนเซย์มีถุงอาหารใบใหญ่อยู่ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะไล่ตามพวกเรา
“ขอโทษนะค้าเซนเซย์~♪”
”
มิลลี่แลบลิ้นออกมาในขณะที่พูด
เฮ้ เฮ้, หยุดยั่วแบบนั้นได้แล้ว
มิลลี่ดึงมือผม แล้วพวกเราก็หายเข้าไปในฝูงคน
“อุ้ยตาย, ทั้งสองคนหนีตามกันไป, เป็นเด็กนี่ดีจังน้า”
”
ฟู่~, ในที่สุดพวกเราก็หนีจากแคลร์เซนเซย์ได้สักที, ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังหัวเราะเบาๆอยู่
…..แต่ผมคิดว่าพวกเราน่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดบางอย่าง
หลังจากที่เราหลบแคลร์เซนเซย์ พวกเราก็มองดูพ่อค้าแม่ค้ารอบๆ เพื่อมองหาไอเทมหายาก จนในที่สุดก็มาถึงจัตุรัสแผงลอย
ทั้งพ่อค้าและนักผจญภัยต่างก็พยายามขายของให้ผมด้วยสายตาที่เปล่งประกาย
เข้ามาในที่น่ากลัวซะแล้วสิ
มิลลี่กำลังประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง และหันมองไปรอบๆอย่างอยู่ไม่สุข
เธอจะหลงทางถ้าเธอยังทำตัวแบบนั้นนะ รู้ไหม?
ผมดึงมือของมิลลี่และเริ่มเดินตรงไปยังจุดหมายของเราอีกครั้ง, เธอตามผมมาเหมือนกับกำลังเดินเล่น
นี่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพาหมาออกมาเดินเล่นเลยแฮะ
ไม่นานหลังจากที่เรามาถึงทางแยก และบริเวณใต้ต้นไม้นั้น
นั่นคือคือที่ๆตัวผมในอนาคตมักจะมานั่งเปิดร้านอยู่เสมอ
“เธอมาที่นี่ครั้งแรกใช่ไหม”
”
“ช่าย, ทำไมหรอ?”
”
“อืม, ดูตรงนั้นให้ดี”
”
พวกเราหันไปทางป้ายกระดานที่ติดอยู่
ข้อความบนป้ายนั้นดูเหมือนจะเพิ่งเขียนขึ้นเมื่อวาน มีทั้งชื่อและราคาของของไอเทมที่ผมได้รับแทนคำขอบคุณจากกองคาราวานของพ่อค้า
“ที่นี่คือจัตุรัสแผงลอย ไม่ว่าใครก็สามารถตั้งร้านขายของที่นี่ได้ ตราบเท่าที่มีสินค้าและตั้งราคาไว้, พวกเราจะลองขายของพวกนี้ให้คนที่เดินผ่านไปมาตอนนี้”
”
“.....เพื่อเรื่องน่ารำคาญแบบนี้…”
”
“เน่ อ่านบรรยากาศซะบ้าง”
”
….บ้าชิบ, เธอหลับเฉยเลย
ผมพยายามที่จะทำให้ดูน่าสนใจแล้วเชียว แต่ไม่ว่ามันจะน่าเบื่อแค่ไหนก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมาหลับได้นะ
ผมตัดสินใจอ่านหนังสือในขณะที่รอลูกค้า
…..
……..
………..
ขายไม่ได้เลยแฮะ
บางครั้งลูกค้าก็เดินเข้ามาดูของโดยไม่ได้ซื้ออะไรสักอย่างแล้วจากไป
ผมขายของได้แย่ขนาดนั้นเลยหรอ?
มันจะต้องมีปัญหาที่วิธีการขายของเรา
หรือบางทีเราอาจจะขายของที่ราคาสูงเกินไป…
“มากับพ่องั้นหรอ? พ่อหนุ่มน้อย~”
”
เมื่อผมมองไปยังต้นเสียง, สุดปลายของรถเข็นที่อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่คือ เด็กสาวตัวสูง
ด้วยผมสีฟ้าที่ยาวจนถึงหลัง กับเสื้อเชิร์ตสีขาวที่ปิดหน้าอกไว้ไม่มิด
ยิ่งกว่านั้นเธอยังสวมกางเกงสั้นจิ๋วที่เผยให้เห็นขาอันเรียวยาว สีผิวที่ดูดี และด้วยจำนวนเสื้อผ้าที่เธอสวมทำให้ดึงดูดสายตาของผู้คนบนถนน
รถเข็นของเธอพ่นสีเป็นรูปดอกไม้, และสามารถเห็นไอเทมหายากจำนวนมากที่เรียงเป็นระเบียบ, โดยที่ไอเทมบางอย่างมีราคาแพงมาก
เด็กสาวหยุดรถเข็น และนั่งลงตรงหน้าผม จากนั้นก็เริ่มพูด
“แต่~ ฉันสงสัยจังว่าใครเป็นคนหาของพวกนี้มา? ราคาตลาดไม่ได้สูงแบบนี้สักหน่อย”
”
ราคาตลาด….?!
บ้าจริง! ราคาที่ผมปิดประกาศอยู่คือสิ่งที่ผมรู้มาจากหลายทศวรรษหลังจากนี้, มันจึงไม่มีทางที่ราคาขนาดนี้จะสามารถขายออกได้ในยุคนี้!
“แต่มันก็มีหลากหลายดี, ช่วยบอกได้ไหมว่าเธอได้ของพวกนี้มาจากไหน?”
”
ผมยิ้ม, เด็กสาวที่มีรอยยิ้มเป็นมิตร กลับมีสายตาที่เฉียบคมซ่อนอยู่, ผมไม่ได้มองพลาด
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/