ตอนที่ 13 -- ปะทะบอส
ตอนที่ 13 -- ปะทะบอส
“หือ?”
”
“ตอบแบบนี้มันอะไรกัน? ชั้นกำลังพูดถึงการล่าบอสเลยนะ? ล่าบอส”
”
บ้าระห่ำเกินไปแล้ว
สิ่งที่เธอกำลังพูดก็คือ….
“โทษที, ผมยังไม่อยากตายน่ะ”
”
“ชั้นก็ไม่อยากตายเหมือนกัน!”
”
เธอโกรธด้วยเหตุผลบางอย่าง
ถึงผมจะพูดไปแบบนั้น แต่ผมก็ยังอยู่ที่นี่
“ในตอนแรก เหตุผลที่พวกเราสร้างกิลด์ขึ้นมาเพื่อให้เราสามารถล่าบอสได้! ในเมื่อเราไม่สามารถล้มมันได้ด้วยตัวคนเดียว เราสามารถจัดการมันได้พร้อมกับเพื่อนสักวันหนึ่ง… นั่นคือสาเหตุที่เราสร้างมันขึ้นมา”
”
“แต่เรามีกันแค่สองคนนะ..”
”
“นายปฏิเสธคำสั่งชั้นไม่ได้หรอก เซฟ!”
”
นั่นสินะ
นั่นคือสิ่งที่มันควรจะเป็น
“ก็ได้! เริ่มจากการคิดแผนอะไรสักอย่างก่อน! แล้วไปลุยกันเถอะ!”
”
รอยยิ้มของมิลลี่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
แน่นอนว่ามีบอสหลายตัวที่สามารถล่าได้ด้วยคนเพียงสองคน
แต่นั่นถือเป็นการเดิมพัน ด้วยเลเวลในตอนนี้ ราชาแห่งความตายสามารถฆ่าเราทั้งคู่ได้ด้วยการสะกิดเบาๆ
มีเพียงนักผจญภัยที่มีทักษะสูงเท่านั้นจึงจะท้าสู้กับบอส ยิ่งกว่านั้นพวกเขาจะท้าสู้เมื่อมาเป็นกลุ่มเท่านั้น
“อีกแล้ว, นี่มันประมาทเกินไปแล้ว เราควรจะล้มเลิกเรื่องนั้นจะดีกว่า”
”
“ไม่ต้องห่วง มีทางที่จะชนะมันอยู่แล้ว!”
”
ผมรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่….
“ชั้นจะใช้เวทย์ถล่มบอสก่อน เมื่อบอสสังเกตเห็นชั้น นายก็ใช้เทเลพอร์ตพาชั้นหนี! เราจะฟื้นฟูพลังเวทย์เมื่อเราออกจากระยะมองเห็นของมัน แล้วทำซ้ำอีกครั้ง!”
”
“ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำซ้ำอีกเท่าไร แต่ว่าราชาแห่งความตายมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเอง การหลบหนีหลังจากยิงเวทย์ระดับต่ำคงไม่เพียงพอ เราต้องการเวทย์ที่ทรงพลัง”
”
“จริงด้วย งั้นเอายังงี้เป็นไง เซฟ… เราจะตรึงการเคลื่อนไหวของบอสด้วยกรีนวอลล์ แล้วพวกเราทั้งคู่จะถล่มมันด้วยเวทย์จากระยะไกล”
”
“บอสสามารถต้านเวทย์พันธนาการได้”
”
เฮ้อ~ เธอถอนหายใจตอนที่ผมกำลังพูด
“บางทีเธอคงไม่เคยสู้กับบอสมาก่อน มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น ผมรู้ว่าพวกเราสามารถล่าบอสได้สักวันหนึ่ง แต่ไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้เราควรมุ่งไปที่การเพิ่มเลเวลจะดีกว่า”
”
“นี่ดี, นั่นดี, นั่นคือสิ่งที่นายพูดตลอด…”
”
“เซฟ, ตาบ้า~~ !!”
”
มิลลี่เทเลพอร์ตออกไปในตอนที่กำลังพูด
อืม, ผมคงทำพลาดไปหน่อย
เดี๋ยวนะ… ทางนั้นมัน…..!
“ยัยงั่งนั่นคงไม่ได้….!”
”
ผมรีบเทเลพอร์ตตามมิลลี่ไปทันที
-สร้างระยะห่างให้ไกลที่สุดในขณะที่ยังอยู่ในระยะร่ายเวทย์, มิลลี่เล็งไปที่ราชาแห่งความตาย พร้อมกับถล่มมันด้วยเรดบลาสเตอร์
คลื่นความร้อนที่ถูกปล่อยออกจากฝ่ามือของมิลลี่ได้เผาพวกซอมบี้จนหมดสิ้นในครั้งเดียว แต่การโจมตีไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
คลื่นความร้อนยังพุ่งต่อไปยังราชาแห่งความตาย
เวทย์สีแดงระดับกลาง เรดบลาสเตอร์
ด้วยพลังเวทย์มีผลต่อพลังโจมตีของเวทย์อย่างมาก มันอาจโจมตีทุกอย่างที่ขวางหน้าตราบเท่าที่เวทย์ยังไม่ถูกยกเลิก
ราชาแห่งความตายไม่ได้ถอยหนีเลยแม้แต่น้อย และเริ่มพุ่งตัวเข้ามาหามิลลี่ เธอเริ่มถอยหนีหลังจากร่ายเรดบลาสเตอร์ในทันที
“เทเลพอร์ต~ซึ!”
”
เธอถอยกลับสร้างระยะห่าง จนกว่าเธอจะไม่ถูกราชาแห่งความตายเห็นอีก
“หุหุ~ ♪ ชั้นนี่สุดยอดจริงๆ เพราะว่าชั้นสามารถสู้กับบอสได้ด้วยตัวเอง”
”
เธอเริ่มเข้าฌาณ ในขณะที่ปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้สัมพันธ์กับราชาแห่งความตาย หลังจากนั้นเธอร่ายเรดบลาสเตอร์สุดระยะ แล้วหนี หลังจากนั้น….
ถล่มเวทย์ใส่ราชาแห่งความตาย
แล้วเทเลพอร์ตหนีเมื่อมันสังเกตเห็นเธอ
นี่… ทำซ้ำไป 3 ถึง 4 ครั้ง
ในเวลาไม่นาน ใบหน้าของมิลลี่ก็ปรากฎความเหนื่อยล้าแล้ว
ลมหายใจของเธอเริ่มติดขัด และตัวเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ
การ ‘สู้กับความตาย’ เกือบจะจบลงในไม่กี่นาที
ความมุ่งมั่นและความตรึงเครียดของเธอหมดลงไปแล้ว เธอไม่สามารถเข้าฌาณหรือร่ายเวทย์ได้อีกแล้ว
ในขณะที่ราชาแห่งความตายดูจะไม่เป็นอะไรเลย
การสู้ต่อไป โดยเฉพาะในสภาพแบบนี้ไม่ก่อให้เกิดอะไรเลย
เธอรู้ดี แต่…
“...มาถึงขนาดนี้แล้ว”
”
เธอวัดระยะห่างด้วยร่างที่ง่อนแง่น
ภาพที่มองเห็นเริ่มพร่ามัว เท้าเริ่มสั่นไปมา
และ…
เธอทำพลาดในการกะระยะด้วยสายตา และอยู่ในระยะการมองเห็นของราชาแห่งความตาย
แน่นอน มันหันมาหาเธอและเริ่มโจมตีในทันที
มิลลี่สังเกตเห็นข้อผิดพลาดของตนแม้ภาพจะยังพร่ามัว และพยายามหนีด้วยการเทเลพอร์ต แต่เนื่องจากเธอไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้ มันจึงไม่สำเร็จ
ราชาแห่งความตายยกไม้เท้าบิชอปขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาสามารถแยกหัวของมิลลี่ออกเป็นสองส่วนได้อย่างแน่นอน
ผมบินไปด้วยเทเลพอร์ตในจังหวะสุดท้าย ผลักมิลลี่ออกไปแล้วรับมือไม้เท้าบิชอร์ปด้วยแขนซ้ายของผมเอง
*ฮิชิชิชิ* ผมรู้สึกเหมือนแขนของผมกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
มันกระแทกลงพื้นและร่างของผมปลิวไปทางมิลลี่
สติของผมดับวูบไปครู่หนึ่ง แต่ผมไม่ยอมหมดสติ
ผมจับแขนของมิลลี่ และหลบหนีออกไปด้วยเทเลพอร์ต
ราชาแห่งความตายซึ่งพลัดหลงกับเหยื่อกัดฟันกรอด และเริ่มเดินเต็ดเตร่อีกคร้ัง
-บ้านมิลลี่
“ยัยโง่เอ้ย!! ผมบอกแล้วไงว่าอย่าสู้! เธอเกือบตายแล้วถ้าผมไม่ได้ช่วยเอาไว้”
”
น้ำตาไหลลงมายังใบหน้าของมิลลี่ ในตอนที่ผมดุเธอ
มิลลี่เอาแต่พูดขอโทษพร้อมกับร้องไห้ตลอดเวลาที่เดินทางกลับมายังห้องของเธอ
ก่อนหน้านั้นไม่นาน ผมใช้เวทย์บัฟป้องกันใส่ตนเอง
เนื่องจากมันมีคำร่ายที่ยาว ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ในการต่อสู้ได้ มันเป็นเวทย์ที่ลดค่าความเสียหายลง 90 เปอร์เซ็นจากการโจมตีของศัตรูได้หนึ่งครั้ง
แต่มันก็ยังมากพอที่จะหักแขนของผมได้
อย่างน้อยมิลลี่ก็ได้เรียนรู้ความกลัวที่แท้จริงจากการต่อสู้กับบอส
“ตอนนี้ เธอรู้หรือยังว่าทำไมผมถึงห้าม?”
”
“อา…. ฉันรู้แล้ว ชั้นขอโทษ… ถ้าชั้นไม่ทำตัวเอาแต่ใจแบบนั้น แขนนายคง….”
”
…..มันคงกลายเป็นบาดแผลทางใจ
ในอนาคตมิลลี่จะต้องกลายเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญ การต่อสู้กับมอนส์เตอร์บอสร่วมกับผมเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมเธอจึงเป็นคนสำคัญ ดังนั้นมันจะมีปัญหาหากเธอเกิดบาดแผลทางใจ
ผมจำเป็นต้องลบมันทิ้งไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งปล่อยไว้นาน การฟื้นฟูสภาพจิตใจของเธอก็ยิ่งนานขึ้น
บ้าเอ้ย…. น่ารำคาญจริงๆ….
แม้ว่าสิ่งที่ผมพูดจะไม่ค่อยได้ผล….
แขนซ้ายของผมเริ่มปวดอีกแล้ว
ตอนนี้มันหักอย่างสมบูรณ์….
ถึงแม้ว่ามันจะเริ่มสมานตัวหลังจากที่ผมเพิ่มความสามารถในการฟื้นตัว
แต่การฟื้นตัวของกระดูกที่เสียหายหรือบาดแผลลึกก็ยังต้องใช้เวลา
สถานการณ์แบบนี้ ผมว่าไม่ค่อยจะดี
บ้าจริง ผมเริ่มโมโหแล้ว….
ราชาแห่งความตาย
“มิลลี่”
”
“....คะ?”
”
อย่างไรก็ตามเธอกลายเป็นคนขี้กลัว
ดูเหมือนความเสียหายจะรุนแรงกว่าที่คิด
ผมคาดว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเราสามารถทำได้
“ขอเวลาผมเจ็ดวัน, เจ็ดวันในการคิดแผนและเตรียมการ แล้วพวกเราจะล้มเจ้าราชาแห่งความตายด้วยกัน”
”
มิลลี่มองมาที่ผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ดังนั้นผมจึงจับไหล่ของเธอไว้แล้วยิ้มให้ทันที
“พวกเราจะล้มมันด้วยกันเพียงสองคน”
”
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/