ตอนที่ 12 -- การลาก
ตอนที่ 12 -- การลาก
เวทย์ที่ผมต้องฝึกไม่ได้มีแต่เวทย์โจมตีเท่านั้น
เวทย์แรกคือ “เมจิคแอมพลิฟายเออร์”
มันเป็นเวทย์ที่จะเพิ่มพลังและปริมาณการใช้เวทย์ในเวทย์มนต์ถัดไปที่ผมร่ายเป็นสองเท่า
แม้ว่าปีศาจส่วนใหญ่จะสามารถแพ้ได้ด้วยพลังปกติของเวทย์มนต์ นี่จึงเป็นเวทย์ที่ผมแทบจะไม่ได้ใช้เลย แต่ตอนนี้ผมต้องฝึกมัน
เวทย์ที่สองคือ “สเกาท์สโคป”
ผมเพิ่งรู้ถึงสิ่งนี้เมื่่อเห็นคัมภีร์เวทย์ที่บ้านของมิลลี่ ซึ่งดูเหมือนมันจะมีประโยชน์มากถ้าสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างแรกคือมันสามารถแสดงเลเวลของเวทย์มนต์ได้
เวทย์มนต์เรดบอลของผมตอนนี้มีเลเวลเท่ากับ 12, ด้วยแผนที่ผมวางเอาไว้ นี่จะช่วยทำให้การฝึกของผมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ที่สำคัญกว่านั้น…
เมื่อผมมองไปยังมิลลี่และร่ายสเกาท์สโคป
มิลลี่ เรย์อาร์ด
เลเวล 25
เวทย์ [สีแดง] เลเวล : 22/94
เวทย์ [สีน้ำเงิน] เลเวล : 32/98
เวทย์ [สีเขียว] เลเวล : 19/92
เวทย์ [แห่งท้องฟ้า] เลเวล : 12/96
เวทย์ [วิญญาณ] เลเวล : 15/85
มิลลี่ให้ความสนใจกับเวทย์มนต์สายสีฟ้า ส่วนอย่างอื่นสมดุล
โดยเฉพาะสุดยอดเวทย์สีฟ้าของเธอ บลูเกล (วายุคราม) ที่เพิ่มจนถึงระดับ 39 ซึ่งน่ากลัวมาก
มันจะต้องเป็นเวทย์โปรดของเธอแน่ๆ
เวทย์มนต์สายสีฟ้ามีความสมดุลทั้ง พลังโจมตี, การฟื้นพลัง และเวทย์มนต์เสริม นี่เป็นสายที่ดีในการฝึกฝนเมื่อคุณต้องต่อสู้อยู่คนเดียว
การที่สามารถเห็นสถานะปัจจุบันของผู้อื่น เลเวลของเวทย์มนต์ที่คุณรู้จัก และเอกลักษณ์เฉพาะของพวกเขา
นี่เป็นของที่อันตรายสุดๆ
สามารถรู้ได้ว่านักเวทย์ฝ่ายศัตรูสามารถร่ายเวทย์ใดได้บ้าง เมื่อคุณสามารถเดาความคิดของพวกเขาได้ ก็เหมือนกับมีความตายมารออยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว
ผมรู้ว่าเวทย์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยตัวของมันเอง ดังนั้นมันจึงไม่มีทางโต้กลับ
เมื่อเพิ่มเลเวลของสเกาท์สโคป ผมก็ได้รับข้อมูลมากกว่าที่ผมเคยรู้
ไม่มีความเป็นส่วนตัวสำหรับสิ่งนี้
มิลลี่มีค่าพรสวรรค์ที่สูง
แต่ก็ยังไม่ใช่อัจฉริยะ
สเกาท์สโคปที่ถูกนำไปให้สมาพันธ์ในอนาคตน่าจะมีคุณภาพที่ลดลงจากอันนี้
เวทย์นี้จะทำลายโลกถ้ามันเผยแพร่ออกไป
ผมไม่ต้องการให้เวทย์มนต์นี้กระจายไปทั่ว แต่ไม่ว่าคัมภีร์เวทย์ที่ถูกนำไปยังสมาพันธ์จะเป็นการตัดสินใจของมิลลี่หรือไม่
มันก็สิ้นหวังอยู่ดีใช่ไหมล่ะ?
ผมรู้ดีว่ายังไงมันก็กระจายไปทั่วในอนาคตอยู่แล้ว
ที่ผมเลือกเวทย์มนต์ทั้งสองนี้เพราะว่าพวกมันเป็นเวทย์ที่สามารถฝึกได้ในระหว่างเรียนเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้ผมจึงฝึกขยายเวทย์และสเกาท์สโคปสลับไปมาระหว่างอยู่ในห้องเรียน
มิลลี่หันมามองผมด้วยท่าทีแปลกๆ
แน่นอนว่าผมไม่สนใจเธอ
โอ้ว เลเวลของสเกาท์สโคปเพิ่มขึ้น
-หลังเลิกเรียน
“เซฟ ไปกันเถอะ!”
”
“ตกลง!”
”
หลังจากขึ้นไปบนดาดฟ้าโรงเรียน ผมก็สามารถเทเลพอร์ตไปยังหินที่ผมมองเห็นได้แต่ไกล
มันจะมีประสิทธิภาพดีกว่าถ้าใช้เทเลพอร์ตจากที่สูง
คุณสามารถเทเลพอร์ทได้ไกลกว่านั่นคือข้อได้เปรียบ
เทเลพอร์ท, เทเลพอร์ท …..
พวกเรามาถึงโบสถ์แห่งความเสื่อมที่พวกเราฝึกฝนกันก่อนหน้านี้
ตอนนี้มันกลายเป็นพื้นที่ล่าของเรา
“เอาล่ะ, ทำตามปกติ!”
”
“เข้าใจแล้ว แล้วเจอกัน”
”
ที่โบสถ์ พวกเราแยกกลุ่มไปยังทิศทางตรงกันข้าม
ผมไปและเริ่มดึงซอมบี้ที่อยู่ในฝูง
พวกซอมบี้รวมตัวกันเหมือนสัตว์โง่ๆ ซึ่งง่ายต่อการฝึก
ผมยื่นมือไปทางพื้น และร่ายกรีนวอลล์(กำแพงสีเขียว)
คลื่นแห่งพลังเวทย์กระจายออกมาจากมือของผม และกำแพงที่ถูกสร้างจากเวทย์ไม้เลื้อยก็เจริญเติบโตขึ้นต่อหน้าผม
มันรัดพันเท้าของซอมบี้ทั้งหมด ซึ่งกำลังพยายามขัดขืนเพื่อให้เป็นอิสระ
-เวทย์สีเขียว กรีนวอลล์
ด้วยรากที่หนายื่นออกจากพื้น มันเป็นเวทย์มนต์ที่สามารถร่ายใส่ศัตรูเป็นวงกว้างได้
ในขณะที่มวลซอมบี้ถูกรัดเท้าไว้ พวกมันก็รวมกลุ่มกันราวกับสัตว์ ผมพยายามที่จะดึงซอมบี้ซึ่งอยู่ด้วยกันให้ออกมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่กำแพงสี่เขียวจะหายไป
ห่างจาก’จุดหมาย’ไปทางซ้ายนิดหน่อยคือมิลลี่
ด้านหลังของเธอคือบางอย่างที่น่าประหลาดใจ
นั่นน่าจะเป็นซอมบี้อย่างน้อยร้อยตัว….
การใช้กำแพงสีเขียวเต็มกำลัง แม้ว่ามันจะเป็นยากนิดหน่อยที่ผมจะต้องรวมพวกซอมบี้ให้กลายเป็นกลุ่มเดียว
อีกฝูงหนึ่งสามารถมองเห็นได้แต่ไกล
มันเป็นของมิลลี่…
อย่างไรก็ตาม ผมสามารถลากฝูงซอมบี้ไปทางมิลลี่ ในขณะที่เธอเองก็ลากฝูงที่ตามมาหาผม
หลังจากนั้นเล็กน้อย…
พวกเราค่อยๆรวมกลุ่มกันอย่างช้าๆ เมื่อเราอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ผมกับมิลลี่ก็ได้รวบฝูงซอมบี้เป็นกองขนาดใหญ่และเริ่มร่ายเวทย์ของพวกเรา
“ไวท์บอล!”
”
“บลูเกล!”
”
ฝูงซอมบี้ครึ่งหนึ่งถูกปกคลุมด้วยแสงวาบที่เจิดจ้า ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งถูกโยนอยู่ในพายุหมุน…
“เอาล่ะ สองร้อยดูเหมือนจะเพียงพอสำหรับตอนนี้”
”
“หุหุ~, ฉันใช้เวทย์ไปเยอะเลย”
”
มันเป็นเรื่องดีที่มีคู่ปรับให้แข่งขัน
เมื่อผมมองไปยังเสื้อของมิลลี่ บางทีมันอาจเป็นการโจมตีจากซอมบี้ แต่มันก็เป็นรอยหลุดลุ่ยเล็กน้อย
นั่นมันอันตรายนะเธอรู้ไหม…. แม้ว่าพวกอันเดตจะเชื่องช้าก็ตาม
“พวกเราต้องตั้งที่พักชั่วคราวอย่างรวดเร็ว ในเมื่อพวกมันจะคืนชีพขึ้นมาเกือบจะทันที”
”
“ค่า, ค่า”
”
เมื่อพระจันทร์เริ่มขึ้น ทั้งผมและมิลลี่ก็เริ่มเข้าฌาณ
แม้ว่าแถวนี้จะมีซอมบี้ไม่มาก แต่พวกมันมีอัตราเร็วในการเกิดใหม่ที่เร็ว มันเป็นเพราะซอมบี้ที่มาที่นี่และได้เน่าเปื่อยตายไป ทำให้พวกมันมีโอกาสฟื้นคืนชีพเร็วกว่าทั่วๆไป
ผมถล่มพวกซอมบี้ด้วยไวท์บอล
หลังจากทำลายพวกมันทั้งหมดด้วยการโจมตีที่รวดเร็วเพียงครั้งเดียว ฝูงซอมบี้ก็โผล่ออกมาจากพื้นดินแทบจะทันที แม้ว่าผมจะใช้แค่ไวท์บอล…. แต่มันก็มีหลายครั้งทำให้พลังเวทย์ของผมลดลงอย่างมาก เมื่อผมส่งแหวนกระดูกงูให้กับมิลลี่ ผมก็เริ่มเข้าฌาณ
มิลลี่เองก็ถล่มพวกซอมบี้ที่เกิดใหม่ด้วยไวท์บอลเช่นเดียวกับผม
แล้ว… ส่งแหวนกระดูกงูคืนมาให้ผม
พวกเราผลัดกันจัดการกับฝูงซอมบี้
ผมรู้สึกได้ถึงค่าประสบการณ์มหาศาลที่เพิ่มขึ้น
โอะโอ๋ ผมได้หนึ่งเลเวล
พวกมอนสเตอร์ที่ถูกจัดการจะสามารถฟื้นฟูร่างกายหลังจากที่ระยะเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง โดยการดูดซับพลังเวทย์จากดันเจี้ยน แล้วคืนชีพตนเอง
ด้วยการประยุกต์ใช้ธรรมชาติของซอมบี้ พวกเราสามารถล่าพวกมันทั้งหมดในครั้งเดียวได้ด้วยการใช้เทคนิคที่เรียกว่า ‘การลาก’
ซึ่งมันมีประสิทธิภาพอย่างมากในการล่า แต่ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ เพราะมันอาจจะทำให้ปาร์ตี้ตกอยู่ในภาวะวิกฤติได้หากพวกเขาไม่มีการร่วมมือที่ดี
ตราบเท่าที่ยังมีการไหลของพลังเวทย์มากในนี้ และพวกปีศาจยังเกิดใหม่อยู่ตลอด พร้อมกับโจมตีพวกมนุษย์ ที่แห่งนี้ก็ยังถือเป็นดันเจี้นนอยู่
ถ้าหากคุณเลือกหนทางที่ยากลำบาก มันก็มีโอกาสที่จะทำให้ตัวคุณเองมีชะตาที่น่าเศร้า
หลังจากทำการล่าอย่างต่อเนื่องมาหนึ่งชั่วโมง
ซอมบี้ที่มีผ้าคลุมสีแดงก็ปรากฎออกมาท่ามกลางซากที่พวกเรากำจัดไปด้วยไวท์บอล
“นี่มันแย่แล้ว! ราชาแห่งความตาย! หนีเร็ว!”
”
“นี่…. รอชั้นด้วยสิ, เซฟ!”
”
ถึงเธอจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ยังวิ่งนำหน้าเธออยู่ดี
มิลลี่ตามผมมาด้านหลัง
TL เซฟ นายไวมาก
“เฮ้อ…. เกือบไปแล้ว...”
”
“อา, นี่นาย….นายกล้าพูดแบบนั้นแล้วปล่อยให้เด็กผู้หญิงดูแลตัวเองได้ยังไง?
”
“ใครก็ตามที่คิดจะสู้ร่วมกับเธอจะต้องตายหลังจากนั้นในไม่ช้า, ดังนั้นการคิดเรื่องแบบนั้นมันเสียเวลา”
”
ผมพูดขึ้นในขณะที่มิลลี่กำลังบ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง
ปาร์ตี้ของพวกเราไม่สามารถเอาชนะได้ แม้ว่าพวกเราทั้งคู่จะสู้ก็ตาม
ถ้าการเตรียมตัวของคุณไม่ดีพอ, คุณก็ตายเท่านั้น
มันจะดีหากพวกเราคนใดคนหนึ่งหนีออกมาเพื่อลดความเสียหาย
“แต่…. นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคิดจะทำ…”
”
ในขณะที่มิลลี่กำลังกระหน่ำคำบ่นใส่ผม ผมจ้องมองไปยังราชาแห่งความตายซึ่งกำลังเดินอย่างไร้จุดหมายไปรอบๆ และฟันของผมก็เริ่มสั่นไม่หยุด
หลังจากที่เธอพูดแบบนั้น รอยยิ้มที่ดูอันตรายก็ลอยอยู่บนใบหน้าของมิลลี่เมื่อเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ผมเริ่มรู้สึกไม่ดี….
“นี่เซฟ อยากจะลองล้มเจ้านั่นด้วยพวกเราแค่สองคนไหม?”
”
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/