ตอนที่ 11 -- ม้วนคัมภีร์
ตอนที่ 11 -- ม้วนคัมภีร์
“สเกาท์สโคป…!”
”
มิลลี่มีสีหน้าตกใจเมื่อผมพึมพำออกมา
“ยะ-อย่าบอกนะว่านายรู้จักมัน…?”
”
“นั่น…..ไม่, ผมไม่รู้จักเวทย์นี้ มันยอดเยี่ยมมาก เวทย์มนต์นี้สามารถปฏิวัติทั้งวงการได้เลย”
”
“ช่ายม๊า?! เย้ ชั้นชนะแล้ว!!”
”
ตอนนี้ผมควรจะเก็บมันเป็นความลับ
นี่คือเวทย์ที่จะไม่เป็นที่รู้จักจนกว่าจะถึงทศวรรษนั้น
บางทีนี่อาจจะเป็นเวทย์เฉพาะตัวที่คิดค้นขึ้นใหม่โดยครอบครัวของมิลลี่
ดังนั้นมันจึงน่าสงสัย ถ้าผมรู้จักเวทย์นี้อยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าม้วนคัมภีร์เวทย์เองก็ถูกสร้างขึ้นมานานแล้วด้วย
“มันเป็นของพ่อฉัน เมื่อตอนที่เขาต้องการจะกลายเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุด เขากลับรับรู้ถึงขีดจำกัดของตนเองขึ้นมา เขามักจะเสียใจตลอดที่ไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้”
”
ผมรู้ถึงความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี
ระดับเวทย์มนต์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มช้าลงเมื่อมันอยู่ในระดับสูงขึ้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะรู้ตัวถึงความฝันของพวกเขา
มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ โลกนี้มักไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว
“อย่างไรก็ตาม นี่คือโอกาสของฉัน ในตอนที่ฉันเกิดและพ่อที่เห็นฉันแบบที่เขาเคยเป็น เขาจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ให้เป็นเหมือนกับเขา ด้วยการใช้เวทย์ที่เขาสร้างขึ้น สเกาท์สโคป”
”
เพื่อที่จะสร้างเวทย์แบบนี้ เขาจะต้องเป็นนักเวทย์ที่มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่
อย่างแรกที่คุณต้องการในการสร้าง ‘ภาพ’ ของเวทย์นั้นด้วยความมุ่งมั่นถึงสิ่งที่คุณต้องการให้มันทำ เมื่อผ่านไปหลายปีภาพนั้นก็จะ ‘ก่อรูป’ และหลังจากฝึกฝนมันหลายๆครั้ง เวทย์ก็ถูกสร้างขึ้น
การเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเวทย์มนต์ต้นแบบของผู้รังสรรค์ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเวทย์เฉพาะตัว
อย่างไรก็ตามม้วนคัมภีร์ที่เป็นเพียงคู่มือการสอนซึ่งได้อธิบายวิธีการใช้ไว้ใน ‘ม้วนคัมภีร์ที่ว่างเปล่า’ ที่ผู้รังสรรค์ใช้และลดระดับจนใครๆก็สามารถเรียนรู้ได้
ตามธรรมชาติแล้วผลของเวทย์มนต์ในผู้ที่เรียนจากม้วนคัมภีร์จะแตกต่างจากผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเอง
มันใช้เวลาหลายเดือนในการสร้างม้วนคัมภีร์ขึ้นมา แต่มันก็เป็นไปได้ที่จะรวบรวมเงินมากเพียงพอที่จะกำจัดปัญหาทางการเงินได้หากคุณนำมันไปขายให้กับทางสมาพันธ์
น่าเสียดายที่มีนักเวทย์โรคจิตมากมาย เวทย์เฉพาะตัวส่วนใหญ่จึงหายไปเมื่อผู้รังสรรค์ตาย
“เธอมีพ่อที่ดี”
”
“ไม่เลยสักนิด! เขามักจะโกรธ และไม่เคยมาเล่นกับฉันเพราะว่าเขาเอาแต่ฝึกฝน พวกเราแค่อยู่ในบ้านเดียวกันเท่านั้น!”
”
“งะ-งั้นหรอ...”
”
เสียงของเธอดูโกรธมากแต่เธอก็ยังแสดงสีหน้ามีความสุขออกมา
เมื่อผมสังเกตุเห็น เธอก็หัวเราะด้วยความอายหน่อยๆ
“แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว นี่คือเวทย์มนต์ที่ยังไม่เป็นที่เผยแพร่ บางทีมันอาจจะเป็นเวทย์เฉพาะตัวสำหรับเธอเพียงคนเดียวก็ได้? มันจะดีหรอที่คนแปลกหน้าอย่างฉันจะเรียนมัน?”
”
“พูดอะไรของนาย? นายคือรองหัวหน้าของ ‘นักล่าแห่งฟ้าคราม’ นะ, ไม่มีทางที่นายจะเป็นคนแปลกหน้าหรอก!”
”
หรือเธอจะพูดว่า
ผมลืมเรื่องกิลด์ไปซะสนิทเลย
บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกของมิลลี่ที่อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า ‘กิลด์’
ผมคงต้องให้คำแนะนำเธอบ้างแล้ว
“มิลลี่ ไม่ใช่ว่าคนในกิลด์ทั้งหมดจะเป็นมิตรอย่างที่เธอคิด มันจะดีกว่าถ้าความสนใจของพวกเขาเข้ากันได้ ดังนั้นมันจึงง่ายกว่าที่จะสำนึกในตำแหน่งของเธอในกลุ่ม มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับกิลด์ที่จะสู้กันจนถึงจุดที่ต้องฆ่าและปล้นเธอ รู้ไหม?”
”
“ไม่เป็นไร! ฉันสามารถบอกได้ว่านายไม่ใช่คนประเภทนั้น เซฟ! ฉันรู้ว่านายจะไม่ทำอะไรแบบนั้น”
”
เธอสามารถหัวเราะออกมาอย่างอิสระได้เพราะว่าเธอไม่รู้จักด้านมืดของผม และผมหวังว่าเธอจะไม่รู้จักมัน
“...ยังไงก็ตาม เวทย์ชนิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะแสดงให้ใครเห็นได้ รู้ไหม? จะเกิดไรขึ้นถ้าศัตรูของเธอเรียนรู้เวทย์นี้?”
”
“อืม, อืม, ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ โอ้ ท่านรองหัวหน้าสุดยอด ข้าน้อยจะสำนึกในบุญคุญจนวันตาย”
”
หยุดพูดแบบนั้นได้แล้ว, หยุด! เธอทำท่ายกมือขึ้น
ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วย….
“นอกจากเรื่องนั้น, จำเดิมพันของพวกเราก่อนหน้านี้ได้ไหม? ชั้นชนะ นายรู้ใช่ไหม?”
”
“อา, อา… ผมสงสัยว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไรหรอ ผมไม่เห็นจำอะไรแบบนั้นได้เลย”
”
ผมลืมมันเสียสนิทเลย
มันง่ายมากที่ผมจะลืมเรื่องแบบนั้นในตอนนี้
อายุของผมไม่ได้หยุดนิ่ง…..
มิลลี่ที่มีรอยยิ้มอันตรายฉาบอยู่บนหน้าของเธอ เข้ามาใกล้ผม
“ผู้แพ้จะต้องทำตามที่ผู้ชนะต้องการหนึ่งอย่าง นั่นคือสิ่งที่ฉันจำได้”
”
บ้าจริง, สงสัยว่าผมคงไม่มีทางเลือก
-ภายในแสงสลัวๆในห้องเล็กๆ เสียงอันเจ็บปวดของมิลลี่ได้ดังก้องออกมา
เธอหน้าแดง ลมหายใจไม่เป็นระเบียบ และเสื้อผ้าของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ
TL เอ้ารีดเด้อทั้งหลายคิดไรกันอยู่
“งืม….คุ...แฮก….แฮก…..เซฟ….ตรงนั้น..!”
”
“นี่ อย่าทำตัวไร้เหตุผลสิ ผมเองก็เหนื่อยอยู่ตรงนี้”
”
เสียงของเธอดูกลุ้มใจเล็กน้อย แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาของผม ผมจึงปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆ
“ชั้นไม่เป็นไร….นั่นคือ…...สุดท้าย…..ซึ….!”
”
“....เอาล่ะ, งั้นผมเริ่มล่ะนะ”
”
“หนึ่ง, และ….”
”
-ครึกกกกกก
ด้วยเสียงที่เหมือนบางอย่างกำลังขูดอยู่กับพื้น พวกเราดันเตียงไปยังมุมห้อง
“ฟู่ ยังไงก็ตาม เราเก็บกวาดกระเป๋าหมดแล้ว”
”
“อา ผมชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัวแล้วตอนนี้”
”
“ขอบคุณที่ช่วยนะเซฟ!”
”
สิ่งที่มิลลี่ขอให้ผมทำคือช่วยเธอทำความสะอาดและจัดกระเป๋าของเธอ เปลี่ยนห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นมาดูพระอาทิตย์ตก
ลมที่ผ่านเข้ามาปะทะแก้มทำให้รู้สึกดี
“นี่ มิลลี่”
”
“หืม…?”
”
“เรื่องที่จะรวบรวมสมาชิกนะ บางทีเราควรจะพักมันเอาไว้ก่อน ยิ่งมีผู้คนมากเท่าไหร่ ปัญหาของมิลลี่ในฐานะหัวหน้าก็ยิ่งมากเท่านั้น แล้วมันก็มีคนไม่มากในวัยเดียวกับเราที่จะผ่านมาตราฐานของเธอตั้งแต่ต้น”
”
มันยังเร็วเกินไปที่สเกาท์สโคปจะออกสู่โลกภายนอก
ผมอยากจะเป็นเจ้าของเวทย์นี้แต่เพียงผู้เดียวถ้าทำได้
น่า….ผมจะหันไปด้านหน้าและก้าวต่อไปเรื่อยๆ
“ผมสงสัยว่าพวกเราแข็งแกร่งแค่ไหน เลเวลของผมนั้นต่ำ แต่บางทีผมอาจจะมีประโยทช์มากกว่าที่เธอคิดก็ได้ ในขณะที่พลังการต่อสู้ของเธอสูงอยู่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่นี้ไปเราควรที่จะไปด้วยกัน ตกลงไหม มิลลี่?”
”
TL ดูดสินะ เซฟ
คำตอบคือไม่
ในมุมมองของผม มีบางคนกำลังทำเสียง ‘ฟี้ ฟี้’ ราวกับเธอกำลังหลับอยู่บนเตียง
“....เฮ้อ,ตอนที่คนกำลังพูดกับเธอ ฟังซะบ้างสิ”
”
ผมถอนหายใจไปทางมิลลี่ที่กำลังหลับอย่างสบายใจ ผมจิ้มแก้มเธอ เพื่อตรวจดูว่าเธอหลับจริงๆหรือเปล่า และกลับบ้านในที่สุด
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/