ตอนที่ 10 -- มิลลี่
ตอนที่ 10 -- มิลลี่
“นี่คือฐานใหญ่ของพวกเรา ‘นักล่าแห่งฟ้าคราม’!”
”
ผมถูกนำมายังที่ๆมิลลี่เรียกว่าบ้าน
มันอยู่ในพื้นที่บ้านเช่าสำหรับนักผจญภัยที่ต้องการบ้านชั่วคราว และห้องของมิลลี่ถูกเรียกว่าฐาน …..มีป้ายเขียนไว้ว่า ‘กิลด์นักล่าแห่งฟ้าคราม’ แปะอยู่หน้าประตูห้อง
“เอาล่ะ~ นายกำลังรออะไรอยู่? เข้ามาสิ เชิญนั่ง!”
”
แม้ว่าผมต้องการจะนั่งแต่ก็ไม่มีที่ตรงไหนจะนั่งได้
ผมแทบจะขยับไปจากจุดที่ผมยืนไม่ค่อยได้
ภายในห้องเต็มไปด้วยกระเป๋าที่ดูไม่สมควรแตะต้อง
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันเช่น เสื้อผ้า, จานชาม, และม้วนคัมภีร์สำหรับอ่าน นี่มันแย่กว่าผมอีก ขนาดผมไม่ค่อยชอบจัดของให้เป็นระเบียบเท่าไหร่
ผมคิดว่าคงไม่มีทางเลือกนอกจากจะนั่งบนกระเป๋าเสียแล้ว
“เน่! นั่งบนเก้าอี้สิ”
”
“ผมคงนั่งล่ะ ถ้าที่นี่มีสักตัวหนึ่ง เธอไม่เห็นกระเป๋าที่วางอยู่บนพื้นหรือไง?”
”
แม้ว่าผมจะพูดไปแบบนั้น ผมก็ยังเอากระเป๋าหลบไปอยู่ดี
ในขณะที่ผมยืนขึ้นเพราะไม่มีที่ไหนนั่งได้ มิลลี่ก็กลับออกมาพร้อมกับกาแฟสองแก้ว
ผมต้องดื่มกาแฟขณะที่ยืนอยู่หรอ? ไม่
“อย่างแรกเลย เราควรจะเริ่มการแนะนำตัวเองก่อน”
”
ท่วงท่าในการดื่มกาแฟที่สง่างามของเธอทำให้ดูแปลกตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับความไม่เข้ากันระหว่างตัวเธอกับสภาพของห้อง
ดูเหมือนเธอจะได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี เมื่อดูจากท่วงท่า
“สิ่งที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ในโรงเรียนเป็นเรื่องจริง ต่างก็ฉันไม่มีพ่อแม่”
”
“....ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวไปหน่อยหรือไง?”
”
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันเคยชินกับมันแล้ว”
”
*ตึก* มือที่วางแก้วลงบนกระเป๋าช่างดูเหงาเล็กน้อย
“มันคือนาย, เพื่อที่จะทำให้กิลด์ของฉันแข็งแกร่งที่สุด ฉันต้องการคนแบบนาย!”
”
“แข็งแกร่งที่สุด… นี่”
”
“ในตอนแรกที่ฉันชักชวนคนอื่น พวกเขาล้วนพูดว่า ‘มันดูไม่งามเลยที่ไม่ทำตัวให้เหมาะสมกับวัย’ แล้วก็มาล้อเล่นกับฉัน ชั้นคิดว่าผู้คนแค่ไม่ชอบช่องว่างระหว่างวัย”
”
“อืมแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคนทั้งหมดเป็นเหมือนเราล่ะ? พวกเราพิเศษนะนายรู้ไหม?”
”
เธอหัวเราะเล็กน้อยแล้วยิ้ม พร้อมกับต่อยหยอกๆมาที่ไหล่ของผม
“ฉันได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนาย! นักเวทย์เด็กอัจฉริยะที่ใช้เวทย์มนต์ใส่เด็กคนอื่นในเมืองนานามิ”
”
ตอนที่ใช้เวทย์ในห้องเรียน ดูเหมือนว่าผมจะเป็นที่เตะตาความสามารถโดยคนสายตาดี
กิลด์ที่อ่อนประสบการณ์มักจะมองหาคนอยู่ตลอดเวลา มีหลายคนที่ตายโดยไม่คาดคิดถ้าพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ ดังนั้นสิ่งที่เรียกว่ากิลด์จะถูกเรียกกว่ากิลด์ทมิฬ ถ้ามันเป็นกิลด์ใหญ่ พวกเขาก็สามารถเสาะหานักผจญภัยจำนวนมากที่เขาต้องการได้ง่ายๆ
กิลด์ที่ถูกตั้งขึ้นมาใหม่อย่างเช่น ‘นักล่าแห่งฟ้าคราม’ ดูเล็กกว่าที่คิด แต่มันก็ไม่เลวเท่าไหร่เพราะว่าคนไม่พอ พวกเราจึงมีอิสระในการทำงานของพวกเรา
ผมโชคดีอยู่อย่างหนึ่ง
มิลลี่ เรย์อาร์ด
สิ่งที่เธอคิดนั้นดูน่าผิดหวังเล็กน้อย แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเธอนั้นผมสามารถรู้สึกได้ว่าพลังเวทย์ของเธอจะต้องสูงอย่างแน่นอน
ผมคาดหวังเอาไว้สูงว่าเธอจะรับผิดชอบกลุ่มอย่างไร
เราจะต้องใช้ไพ่ทั้งหมดที่เรามีในการจัดการ
“ขอบคุณที่เข้ากิลด์นะ เซฟ! ชั้นคงจะร้องไห้แน่ๆถ้านายปฏิเสธ”
”
อย่าร้องไห้
ถ้าเป็นผมที่ไม่มีครอบครัวในวัยนี้ แล้วสามารถใช้เวทย์ได้ถึงระดับนั้น ผมคงไม่สามารถทำได้ถ้าอายุในหัวของผมยังคงเท่ากับร่างกาย
ผมคิดว่านี่คงจะเป็นเหตุผลที่เธอดีใจที่ได้คุยกับผมแบบนี้
...ผมรู้สึกสงสารเธอเล็กน้อย
“เฮะเฮะเฮะ… ยังไงก็ตาม สมาชิกใหม่จะได้รับรางวัลสุดพิเศษ”
”
มิลลี่ค่อยๆเริ่มแหวกผ่านกระเป๋าของเธอ
หืม? เธอไปไหนแล้ว? ห้องของเธอดูยุ่งเหยิงผมจึงพลัดกับเธอ
เธอทำความสะอาดบ้างไม่ได้หรือไง? นี่มันมากเกินไปละนะ
“มันอยู่นี่ ชั้นเจอแล้ว!”
”
สิ่งที่ถูกนำออกมาคือม้วนคัมภีร์ กิลด์มักจะแจกคัมภีร์เวทย์เพื่อเป็นการฉลองให้กับนักเวทย์ที่เข้าใหม่
แต่ผมคือตัวผม, ผมไม่ต้องการม้วนคัมภีร์เวทย์เพราะว่าผมรู้มันทั้งหมดแล้ว
“นั่นไม่จำเป็นหรอก บางทีผมอาจรู้จักเวทย์นั้นก็ได้”
”
“จริงหรอ? แน่นอนว่าอาจจะมีบางเวทย์ที่นายไม่เคยเห็นมาก่อนก็ได้นะ”
”
“ผมอ่านคัมภีร์ทั้งหมดที่ขายที่สมาพันธ์จอมเวทย์แล้ว”
”
“เหห~ ? หุหุ~ ? จริงดิ? นายแน่ใจนะ ?”
”
ผมไม่ชอบตอนที่เธอยิ้มในขณะที่หัวเราะใส่ผม
เหตุผลที่ผมไม่รับมันเป็นเพราะผมอาจจะรู้อยู่แล้วว่าเวทย์มนต์ไหนที่เธอมีอยู่
แม้เธอจะมั่นใจสุดๆว่า เธอคงคิดว่าคงไม่มีทางที่คนบ้านนอกอย่างผมจะได้อ่านคัมภีร์ของสมาพันธ์จอมเวทย์แล้ว
ถึงเวลาแกล้งเธอแล้ว
“...ก็ได้, เธอต้องการเดินพันกับผมไหมล่ะ? ว่าผมรู้จักเวทย์นั่นแล้วหรือไม่”
”
“ชั้นก็ข้องใจ? ผู้แพ้จะต้องทำตามที่ผู้ชนะกล่าวหนึ่งอย่าง ตกลงไหม?”
”
“ถ้าเธอยืนกรานแบบนั้นล่ะก็”
”
มิลลี่ไม่รู้ แต่ผมมีข้อมูลจากอนาคต ผมรู้แม้กระทั่งเวทย์แบบใหม่ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นในเวลาต่อมาด้วย
“งั้นมาเริ่มกันเถอะ”
”
“หนึ่ง, สอง…. สาม!”
”
พวกเราเปิดม้วนคัมภีร์ออกมา ไล่ตามตัวอักษรที่ถูกเขียน เดี๋ยวนะ เวทย์นี้มัน….
“....นี่มันบ้าชัดๆ….
”
“ฮื้อ~ฮือ~ นี่คือเวทย์ใหม่สำหรับนาย? ยอมแพ้รึยัง?”
”
“....”
”
-ผมรู้จักเวทย์นี้
นี่คือเวทย์มนต์ที่จอมเวทย์อัจฉริยะบางคนนำมาที่สมาพันธ์ แล้วพลิกโฉมทฤษฎีเวทย์มนต์ที่เคยได้พัฒนาขึ้นมาทั้งหมด
มันคือเวทย์มนต์ที่ทำให้ผมต้องกลับมาในช่วงเวลานี้
“สเกาท์สโคป….”
”
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/