ตอนที่ 7 ------ รถไฟ
ตอนที่ 7 ------ รถไฟ
-หลังเลิกเรียน
ตามปกติแล้วเหล่านักเรียนจะตั้งตาคอยช่วงเวลานี้
สำหรับนักเรียนแล้ว มีหลายอย่างที่สามารถทำได้ในเวลานี้ อย่างเช่น เรียนหนังสือ
ซึ่งตรงกันข้ามกับผม
หลังจากได้ต้มหูเทเลพอร์ตกับแหวนกระดูกงูมา ระยะทางที่ผมเคลื่อนที่ได้ก็เพิ่มขึ้น
เวทย์[วิญญาณ] สามารถยุ่งกับโลกหลังความตายได้ ดังนั้น มันจึงเป็นเวทย์ที่มีประสิทธิภาพมากในการต่อสู้กับอันเดต โดยเฉพาะถ้าพวกมันไม่มีร่างเนื้อ
การเอาชนะมอนสเตอร์ประเภทนี้ ด้วยการโจมตีทางกายภาพถือเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าสามารถใช้เวทย์ [วิญญาณ] ล่ะก็ จะสามารถจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย และด้วยเลเวลของพวกมัน นั่นจะให้ค่าประสบการณ์จำนวนมากด้วย
พวกมันมีจำนวนไม่มาก จึงทำให้การล่าถูกจำกัด แต่ผมโชคดีที่แถวนี้มีพื้นที่ล่าเลเวลต่ำ
และโชคดีที่ผมยังจำสถานที่นั้นได้อยู่
ผมรีบออกนอกเมืองแล้วเทเลพอร์ตไปยังก้อนหินที่ผมเห็นอยู่ลิบๆ
ว้าว ผมย่นระยะทางได้เยอะทีเดียว
นี่ถือเป็นเวทย์ที่มีประโยชน์จริงๆ
พวกบลูเซลโผล่ออกมาจากพื้นดิน แต่ผมไม่สนใจ
เทเลพอร์ต, เทเลพอร์ต…
ผมบังคับร่างให้ผ่านทิวทัศน์ต่างๆ
ในขณะที่กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เริ่มมีเมฆครึ้ม
ผมว่าผมใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว
ไม่นาน ผมก็มองเห็นอาคารหลังเก่าอยู่ตรงสุดสายตา
ตรงนั้น
ก่อนที่ผมจะเทเลพอร์ตตรงไปที่อาคารที่ผมพูดถึง ผมก็เริ่มเข้าฌาณ
ผมใช้พลังเวทย์ไปเยอะพอสมควรกว่าจะถึงที่นี่
โครงสร้างของโบสถ์ดูผุพังลงไปมาก
เมื่อก่อน ที่นั่นเคยเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เคยมีเด็กมากมายอาศัยอยู่ แต่ตอนนี้ไม่เหลือใครอาศัยอยู่อีกแล้ว ไม่มีใครเข้ามาที่นี่ แม้ว่าพวกนั้นต้องการมาที่โบสถ์ก็ตาม
เมื่อไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เขตแดนของผู้พิทักษ์ที่เคยปกป้องโบสถ์แห่งนี้ก็ค่อยๆเสื่อมลง และสถานที่นี้ก็กลายมาเป็นดันเจี้ยน
สถานที่สำหรับคนตายออกเดินเตร็ดเตร่
ในตอนที่ผมยังเป็นนักเวทย์ฝึกหัด ผมเคยมาที่นี่กับอาจารย์ของผม
ผมเทเลพอร์ตเข้าไปในเขตโบสถ์ เพราะพลังเวทย์ของผมฟื้นฟูขึ้นมาเยอะแล้ว
-โบสถ์แห่งความเสื่อม
บนต้นไม้ที่ไร้ใบ มีอีกาเกาะอยู่ ส่วนท้องฟ้าก็มีแต่เมฆสีดำเต็มไปทั่ว
พวกอันเดตชอบอยู่ในสถานที่มืดๆ เพราะพวกมันมักมารวมตัวกันจึงทำให้ที่แห่งนั้นมือครึ้ม หรือว่า พวกมันมารวมตัวกันที่นี่เพราะสถานที่แห่งนี้มืดครึ้มกัน
มันก็เหมือนกับคำถามว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันล่ะนะ
แต่ไม่ว่าแบบไหนก็ช่างมัน
ในขณะที่ผมกำลังคิดเรื่องติงต๊องแบบนั้น บางอย่างที่ดูคล้ายมนุษย์ก็เริ่มคืบคลานออกมาจากพื้น
-พวกซอมบี้
เมื่อพลังเวทย์ในดันเจี้ยนได้รวมตัวกันภายในศพคน ศพนั้นก็จะกลายเป็นมอนส์เตอร์และเริ่มโจมดีผู้คน
...และตอนนี้มีสามตัว
ซอมบี้เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า พวกมันจะไม่หยุดเดินจนกว่าจะเข้าใกล้มากพอที่จะโจมตี
ผมจินตนาการว่า ยิงไวท์บอล (White Ball - บอลสีขาว) ออกไปโดยใช้ซอมบี้สามตัวนี้เป็นเป้ายิง
แสงสีขาวเล็กๆได้ปกคลุมแหวนกระดูกงู แล้วทันใดนั้น กระสุนแสงก็ยิงออกไปจากฝ่ามือผม แล้วเป่าซอมบี้ทั้งสามกระเด็น
“แค่ทีเดียว, นั่นมัน...น่าผิวหวังหน่อยๆแฮะ”
”
เวทย์[วิญญาณ]เป็นเวทย์ที่กินพลังเวทย์มาก
เวทย์ระดับสูงหลายๆอย่างของเวทย์[วิญญาณ] นั้นใช้พลังเวทย์มากเกินไปจริงๆ
ไวท์บอล นั้นไม่เหมือนกับเวทย์ ‘บอล’ ของสายอื่น ที่สามารถชำระล้างเป้าหมายได้
“เอาล่ะ...มาต่อกันดีกว่า”
”
มันยากที่จะกลั้นหัวเราะ พวกซอมบี้กลายเป็นก้อนเนื้อทันทีหลังจากโดนเวทย์ของผม
“ฮืม~♪~♪”
”
ผมเดินไปฮัมเพลงไป แม้ว่าจะอยู่ในบรรยากาศที่น่าขนลุกของสุสาน
มีซอมบี้จำนวนมากอยู่ด้านหลังผม, ผมคิดว่ามีประมาณยี่สิบตัว
พวกมันเคลื่อนตัวอย่างเอื่อยเฉื่อยเข้ามาหาผมพร้อมกับครวญครางไปด้วย
“ผมมาแล้ว!”
”
ผมยื่นมือออกไปทางพวกซอมบี้ แล้วจินตนาการถึงไวท์บอล
ในเวลาต่อมา แสงสีขาวจำนวนยี่สิบสี่ลูกก็ยิงไปทางซอมบี้ มีตัวหนึ่งเกิดหลุมตรงกลางลำตัวแล้วก็กระจายกลายเป็นเศษซาก กลับคืนสู่ผืนดิน
ในเวลาเดียวกัน
ผมก็รู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นในทันที
ผมเลเวลเพิ่ม
ผมกำจัดซอมบี้ยี่สิบตัวจึงได้ค่าประสบการณ์มากมาก
ไม่ใช่ซอมบี้หนึ่งตัว แต่ผมพึ่งจะกำจัดมันไปยี่สิบตัว
มันก็ต้องเพิ่มอยู่แล้วสิ
เพื่อที่จะรวบรวมศัตรู ผมใช้กลยุทธ์ที่ใช้รวบรวมพวกมันเป็นแถวที่เรียกว่า ‘รถไฟ’ มันเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ผมใช้พลังเวทย์น้อยลง
แต่หากคุณทำลวกๆล่ะก็ อาจจบลงด้วยการรวบรวมมันมากเกินจนต้องสู้กับซอมบี้ทั้งฝูง ซึ่งไม่แนะนำให้ทำสำหรับมือสมัครเล่น, แต่เมื่อพิจารณาความเสี่ยงกับการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าของพวกมันแล้ว มันก็ง่ายที่จะใช้วิธีนี้กับพวกซอมบี้โง่ๆ
ผมเดินไปรอบๆพร้อมกับกำจัดฝูงซอมบี้ แต่พวกมันก็เกิดขึ้นมาแทบจะในทันที
เท่าที่เห็น พวกมันมีจำนวนมากนับไม่ถ้วน
อีกอย่าง ที่นี่ถือเป็นพื้นที่ล่าที่ดีจริงๆ
ผมสงสัยว่าเวลาผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว
ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวก็เพลิดเพลินไปกับมันซะแล้ว
นั่นเป้นนิสัยเสียของผม ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว
มันคงจะดีถ้าผมสามารถตัดมันออกไปได้ แต่ผมคงจมาถึงจุดนี้ไม่ได้หากไม่มีนิสัยแบบนั้น
ยังไงก็ตาม ดูเหมือนแม่เองก็จะชินกับนิสัยนี้ของผมแล้ว แม่คงจะไม่โกรธหรอก ถ้าผมกลับสายนิดสายหน่อย มั้งนะ
“ผมต้องรีบกลับบ้านแล้ว”
”
ในตอนที่ผมออกจากโบสถ์ ผมก็กำจัดฝูงซอมบี้ที่เดินมาใกล้ด้วยไวท์บอล
ผมเทเลพอร์ตอยู่หลายครั้งเพื่อกลับออกจากโบสถ์ และในตอนที่ผมกลับถึงบ้าน ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
ครั้งนี้ผมไม่โดนดุเพราะผมกลับถึงบ้านก่อนที่อาหารเย็นจะพร้อม
หลังจากที่ผมกลับเข้าห้อง ก็รีบตรวจสอบพัฒนาการด้วยสเกาท์สโคปทันที
เซฟ ไอน์สไตน์
เลเวล 10
เวทย์ [สีแดง] เลเวล : 6/62
เวทย์ [สีน้ำเงิน] เลเวล : 6/87
เวทย์ [สีเขียว] เลเวล : 10/99
เวทย์ [ท้องฟ้า] เลเวล : 8/89
เวทย์ [วิญญาณ] เลเวล : 9/97
ดูเหมือนจะสมดุลดี
ผมคงจะได้ออกล่าที่โบสถ์แห่งความเสื่อมสักพักใหญ่ๆ
ผมอยากจะจัดการซอมบี้ในครั้งเดียวโดยไม่ใช้เวทย์วิญญาณ
บางทีมันก็คงเป็นไปได้หากผมใช้เวทย์ระดับกลาง
เมื่อพลังเวทย์ของผมเพิ่มขึ้นมาถึงระดับสูง มันก็เริ่มยากที่จะเพิ่มระดับอีก
บางทีมันอาจจะแสดงเงื่อนไขที่แท้จริงในการเติบโตหากเลเวลของสเกาท์สโคปเพิ่มขึ้นก็ได้
เวทย์สีเขียวกับเวทย์ท้องฟ้าน่าจะเพิ่มมากกว่าเวทย์สายอื่นสองเท่า แต่นั่นก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่
แม้ว่านี่จะเป็นวันแรกที่ผมได้ใช้เวทย์วิญญาณ แต่มันก็เพิ่มเลเวลจนตามเวทย์สายอื่นๆทัน
อืม ผมพึ่งจะจัดการพวกซอมบี้จำนวนมหึมาไป นั่นทำให้ผมได้รับค่าประสบการณ์มามากโข ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติที่จะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรอ?
ผมจะฝึกเวทย์ทุกสายจนถึงขีดจำกัด นักเวทย์ทั่วไปมักมุ่งฝึกไปที่เวทย์สายเดียว แต่ในชีวิตนี้ผมอยากจะพัฒนาเวทย์ทุกสายจนถึงขีดสุด
หลังจากวางแผนการฝึกเพิ่มเติม ผมก็เข้านอนในตอนกลางคืน
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/