UWG#069 โลกมันช่างกลมเหลือเกิน
“หยุดก่อน!” คุรุรุกิพูดขึ้นในทันที
“ชั้นว่าเสียงคำรามที่ทรงอำนาจขนาดนั้นจะต้องเป็นเสียงคำรามจากบอสของดันเจี้ยนอย่างแน่นอน โดยทั่วไปแล้วมันจะหลับอยู่หรือถูกผนึกเอาไว้ กาที่มันคำรามออกมาเช่นนี้แสดงว่ามีผู้เล่นบางกลุ่มค้นพบมันแล้ว และพวกเขาจะต้องเฝ้าระวังไม่ให้ผู้เล่นกลุ่มอื่นๆเข้าไปฉวยโอกาสของพวกเขาอย่างแน่นอน หากเราผลีผล่ามเข้าไปในระยะเฝ้าระวังของพวกนั้น พวกนั้นก็อาจโจมตีเข้ามาโดยไม่สนใจฟังเหตุผล” คุรุรุกิพูดอธิบาย
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันต่อดีล่ะ?” ฮิโนกิถาม
“แน่นอนว่าพวกเรามีแค่2ทางเลือก หนึ่งคือหาโอกาสทะลวงเข้าไป แต่มันก็ถือเป็นทางเลือกที่เสี่ยงมาก คงต้องให้ทุกคนเห็นชอบด้วยถึงจะทำตามทางเลือกนี้ หากมีใครไม่เห็นชอบด้วยก็คงต้องใช้ทางเลือกที่สอง”
“ทางเลือกที่สองคือ ออกจากบริเวณนี้และไปล่าบอสย่อยๆให้ได้มากที่สุดก่อนที่บอสดันเจี้ยนจะถูกกำจัด” คุรุรุกิกล่าว
“แน่นอนสำหรับชั้น ชั้นก็อยากลองเสี่ยงบุกเขาไปแย่งชิงบอสจากพวกนั้นอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของคนอื่นๆด้วย ทุกคนคิดยังไงกันบ้าง?”คุรุรุกิถามความเห็นของสมาชิก
“แน่นอนว่าชั้นเห็นชอบทางเลือกเดียวกันกับหัวหน้าค่ะ” ยูอิตอบ
“ก็ตามนั้นแหละ” คิริฮาระตอบ
ชินอิจิโร่ก็พยักหน้าเห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้กล่าวคำพูดใดใดออกมา ส่วนความเห็นของฮิโนกินะหรือ เธอไม่เคยขัดพี่ชายตัวเองซักครั้ง เธอเห็นด้วยกับพี่ชายของเธออย่างแน่นอนที่สุด ที่เหลือก็… ยูเฟเรีย!
ในเวลานี้สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เธอ เพื่อรอฟังคำตอบ เธออ้ำอึ้งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “หากทุกคนเลือกที่จะบุกเข้าไป ชั้นก็จะสนับสนุนอย่างเต็มความสามารถค่ะ แต่ในการต่อสู้ที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้ ทุกคนจะว่าอะไรไหมหากชั้นจะของเป็นผู้บัญชาการในการบุกครั้งนี้ ?” คำพูดของเธอทำให้ทุกคนที่ฟังต้องชะงัก
หน้าที่นั้นมันเป็นหน้าที่ของคุรุรุกิไม่ใช่หรือ?!
“อะไรนะ!! เธอจะมา…” ฟังจากน้ำเสียงของฮิโนกิก็รู้ว่าเธอไม่พอใจซักเท่าไรที่สมาชิกใหม่จะมาขอเป็นผู้บัญชาการการรบ แต่พี่ของเธอก็ยื่นมือมาด้านหน้าของเธอ เป็นสัญญาณให้เธอหยุด
“มันอาจจะเป็นการดีกว่าก็ได้ การบัญชาการของขุนศึกไม่อาจเทียบได้กับการบัญชาการของนักปราชญ์ ชั้นต้องต่อสู้ในแนวหน้าทำให้ไม่สามารถรับรู้ถึงภาพรวมของการต่อสู้ได้ การที่ผู้บัญชาการจะเป็นสายสนับสนุนที่อยู่ด้านหลังดูจะเหมาะสมมากกว่า และยูเฟเรียก็ทำหน้าที่ของเธอได้ดีมาตลอด ชั้นอยากให้ทุกคนไว้ใจเธอดู เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมของเราแล้ว” คุรุรุกิพูดอย่างใจกว้าง
“ถ้าพี่พูดอย่างนั้น หนูก็จะไม่คัดค้านค่ะ” ฮิโนกิตอบ
“ว้าว ได้ฟังคำบัญชาจากเสียงที่อ่อนหวานของสาวสวย การต่อสู้นี่ก็น่าสนุกล่ะสิ ฮ่าๆ” คิริฮาระพูดขั้นมา
“นายนี่น๊า เห็นผู้หญิงหน่อยเป็นไม่ได้ ไม่สนใจฟังคำบัญชาจากชั้นบ้างหรอ?” ยูอิพูดแซวคิริฮาระ
“จากเธอนะหรอ? ฟังไปก็ตายเปล่า! ไม่มีทางซะหร…”
ปึง! อัก!
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ขอศอกของยูอิแทงลงไปบนซี่โครงของคิริฮาระอย่างรุนแรง
“งั้นก็ตกลงตามนั้น แล้วเธอมีแผนการณ์อย่างไร?” คุรุรุกิกล่าวถามยูเฟเรีย
“แผนการณ์หรอค่ะ? แผนการณ์ที่ถูกวางเอาไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะได้พบกับสถานการณ์ในการต่อสู้และคู่ต่อสู้นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว มันยังจะทำให้ความคิดของพวกเราติดอยู่ในกรอบแคบๆ หากเราไม่มีข้อมูลที่มากพอ เราควรที่จะต่อสู้ไปตามสัญชาตญาณและประสบการณ์จะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด”
“เมื่อพวกเราเข้าสู้สนามรบแล้ว ชั้นจะประเมินสถานการณ์และหาทางรับมือที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดให้เอง” ยูเฟเรียกล่าว
ไม่มีใครเลยที่คาดคิดว่าเธอจะให้คำตอบง่ายๆเช่นนี้ แต่เมื่อได้ฟังแล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอมีความสามารถในการวางแผนที่ลึกล้ำเพียงใด
“ตอนนี้เราก็แค่จับรูปแบบการรบพื้นฐานและบุกเข้าไปเท่านั้นเอง” ยูเฟเรียกล่าว
เป็นที่รู้กันดีว่ารูปแบบการรบพื้นฐานเป็นอย่างไร มันคือรูปแบบที่มีตัวชนที่คอยรับความเสียหายอยู่แนวหน้า และผู้สร้างความเสียหายระยะใกล้อยู่ตรงกลาง โดยที่ฝ่ายสนับสนุนและผู้สร้างความเสียหายระยะไกลอยู่ด้านหลังสุด
เมื่อได้ฟังคำของเธอ ทุกๆคนก็ทำตามอย่างไว้ใจ โดยเฉพาระคิริฮาระ เขาก้าวไปอยู่แนวหน้าโดยไม่กังวลว่าจะถูกสังหารหรือไม่ หากมีสาวงามเช่นนี้คอยบัญชาการ ไม่ว่าจะอะไรเขาก็ยอมทำตาม
ในรูปแบบการรบพื้นฐานครั้งนี้ คุรุรุกิเลือกที่จะอยู่แนวหน้าเช่นกัน แม้เขาจะสร้างความเสียหายได้มหาศาลและควรที่จะอยู่ตรงกลางของทีม แต่เขารู้ดีว่าเพียงคิริฮาระคนเดียวอาจจะเอาไม่อยู่ และหากคิริฮาระพลาดขึ้นมา รูปแบบของทีมอาจจะพังพินาศได้
นักฆ่าฮิโนกิเป็นคนเดียวที่อยู่ตรงกลาง และมีนักบวชยูอิกับนักเวทย์ชินอิจิโร่เป็นแนวหลัง แน่นอนว่าแม้ยูเฟเรียจะเป็นนักดาบ แต่เธอพึ่งจะมีเลเวล4เท่านั้น เธอจึงทำได้แต่อยู่แนวหลังเพื่อประเมินสถานการณ์ของการต่อสู้ให้ทีมเท่านั้น
“แน่นอนว่ารูปแบบในตอนนี้ก็เป็นรูปแบบพื้นฐานอย่างหนึ่ง แต่มันเป็นรูปแบบพื้นฐานที่เหมาะกับการต่อสู้กับมอนสเตอร์สัตว์อสูร ชั้นอยากใช้ทุกคนอยู่ในรูปแบบที่เหมาะต่อการบุกทะลวง”
“ชั้นอยากให้ฮิโนกิเป็นแนวหน้าร่วมกับคิริฮาระ และให้คุรุรุกิและชินอิชิโร่ย้ายมาอยู่ตรงกลางแทน”
“การที่เราบุกเข้าไปเช่นนี้ หากพวกนั้นมีกันแค่1ทีม จะต้องมีศัตรูประมาณ 1-2 คนที่ดักรอเราอยู่ และมีอีก5-6คนที่กำลังต่อสู้กับบอสอยู่ หากเราสามารถกำจัดศัตรู1-2คนที่ดักรอเราอยู่ได้ก่อนที่คนอื่นๆที่สู้กับบอสอยู่จะเข้ามาช่วย เราก็จะได้เปรียบมากขึ้น”
“ดังนั้น การที่ฮิโนกิที่มีความว่องไวสูงอยู่แนวหน้าบวกกับความเสียหายจากเวทมนต์ของชินอิชิโร่ที่อยู่แนวกลาง สามารถร่วมมือกันจัดการศัตรูซักคนได้อย่างรวดเร็ว และยกหน้าที่ในการโจมตีวงกว้างของชินอิจิโร่ไปให้คุรุรุกิแทน” ยูเฟเรียอธิบาย
เมื่อทุกคนได้ฟังแผนการณ์ของเธอ ก็เข้าใจถึงเหตุผลและความเหมาะสมของมัน น่าแปลกใจที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครคิดได้เช่นนั้นมาก่อน
จากนั้นคนในทีมก็จัดรูปแบบตามที่เธอได้อธิบายเอาไว้
“เราจะบุกเข้าไปกันเลย ฮิโนกิยืนอยู่หลังคิริฮาระเล็กน้อย และเตรียมตัวให้พร้อม หากพบศัตรูให้พุ่งเข้าไปจัดการในทันที คิริฮาระใช้ทักษะจู่โจมใส่ศัตรูคนนั้นและป้องกันการโจมตีที่จะจู่โจมเข้ามาใส่ฮิโนกิเอาไว้ ชินอิจิโร่ใช้เวทใส่ศัตรูที่ฮิโนกิพุ้งเข้าไปหา ยูอิรักษาฮิโนกิทันทีที่เธอได้รับความเสียหาย ส่วนคุรุรุกิรอจังหวะที่ทีมอีก5-6คนวิ่งเข้ามาช่วยเหลือ ใช้ทักษะโจมตีวงกว้างเข้าไปยังกลางวงของพวกนั้น การทำเช่นนี้สามารถปั่นป่วนรูปแบบทัพของศัตรูได้เป็นอย่างดี” ยูเฟเรียกล่าว
จากนั้นทีมของพวกเขาก็บุกเข้าไปในอุโมงค์ที่มีเสียงคำรามนั้นออกมา…
มันเป็นช่องทางแคบๆที่ไม่ได้กว้างมากนัก สามารถเดินข้างกันได้แค่2-3คนเท่านั้น ช่องแคบนี้ดูไม่ลึกเท่าไร เพียงแค่ประมาณ20ย่างก้าวก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้ามาได้ครึ่งทางแล้ว
ฟิ้ว!!
ปึก!
ลูกธนูถูกยิงเข้ามาปะทะกับโล่ของคิริฮาระอย่างจัง พวกนั้นรู้ตัวแล้ว?!
“วิ่งเข้าไปเลย พวกนั้นรู้ตัวแล้ว อยู่ในนี้ต่อไปก็มีแต่จะเป็นเป้านิ่งของลูกธนู จากวิถีของธนูที่ถูกยิงมาจากที่ที่ต่ำกว่า เมื่อไปถึงสุดทางของอุโมงพวกเราคงจะต้องกระโดดลงไป ที่แห่งนั้นคงจะเป็นถ้ำของบอสใหญ่ในดันเจี้ยนแห่งนี้” ยูเฟเรียกล่าว
ทันได้นั้นทีมของพวกเขาก็วิ่งเขาไปในอุโมงค์ ระหว่างนี้ก็มีลูกธนูอีก2-3ดอกพุ่งเข้ามา แตกจากการยิ่งจากพื้นที่ๆต่ำกว่าก็ทำได้เพียงปะทะเข้ากับโล่ของคิริฮาระเท่านั้น
เป็นไปตามที่ยูเฟเรียบอก เมื่อมาถึงสุดอุโมงค์เผยให้เห็นมิโนทอร์ขนาดตัวสูงเกือบ3เมตร ถือขวานยักษ์ที่กำลังวิ่งไล่กลุ่มผู้เล่นอีก5-6คน แต่ดูจากสถาการณ์ที่พวกเขาวิ่งหนีออกมา ไม่ใช่เพราะสู้ไม่ได้ แต่เป็นเพราะเตรียมที่จะจัดการกับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญเสียมากกว่า
“เย้ย..! เดี๋ยวนะ เดี๋ยว มันสูงเกินไป” คิริฮาระกล่าว ปากอุโมงค์ที่พวกเขาออกมาอยู่สูงกว่าพื้นในถ้ำแห่งนั้นเกือบ4เมตร นี่พวกเขาต้องกระโดดลงไปจริงๆหรือเนี้ย โดยเพราะกับคนที่เป็นโรคกลัวความสูงอย่างคิริฮาระ เขาไม่มีทางกระโดดลงไปอย่างแน่นอน
“นายจะยังลังเลอะไรอยู่อีก ก่อนที่พวกเราจะตายกันหมด รีบๆลงไปซะ”
ปึก! ขาเรียวๆของฮิโนกิถีบคิริฮาระลงไปอย่างไม่ลังเล และกระโดดตามลงไปในทันที
ตามด้วยคุรุรุกิ ชินอิจิโร่และยูอิ ส่วนยูเฟเรียประเมินจำนวนศัตรู อาชีพของศัตรู และตำแหน่งของศัตรูชั่วครู่ก่อนที่จะกระโดดตามลงไป
และเมื่อพวกเขามองไปยังคู่ต่อสู้ สองในเจ็ดคนที่สู้อยู่กับบอสก่อนหน้านี้คือศัตรูที่พวกเขารู้จักเป็นอย่างดี…
ยูซาคุและยูมิโกะ…