ตอนที่ 278 ไม่ขอแสดงความเห็นใจศัตรู
“ท่านซุ่นเทียน ด้วยพลังห้าเปลี่ยนแปลงของท่าน ท่านเห็นไหมว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่อายุเยาว์ที่สุดในสามคนที่กำลังลอยตัวอยู่เหนือปราสาทตระกูลเย่ว์ คนที่อยู่ด้านซ้ายมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะที่เขาถามนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนกลาง
“นี่เป็นอุบายที่เจ้าเล่ห์มาก” คนที่เรียกว่า ใต้เท้าซุ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย
เวลาเดียวกันนี้ คนที่อยู่ทางด้านขวา เขาอาวุโสที่สุดในสามคนได้หลับตาครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะโพล่งออกมา
“แม้ว่าลูกศรน้ำแข็งของเจ้าเด็กนั่นจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่น่าจะสามารถเจาะทะลุโล่พลังของเหยากวงได้ แม้ว่าจะทะลุได้ แต่ก็ไม่น่าจะทำอันตรายแก่ร่างกายของเหยากวงได้ เด็กเจ้าเล่ห์นั่นความจริงโจมตีใส่จุดเดียวกัน เขาต้องทำอะไรบางอย่างกับลูกศรของเขา ศรดอกแรกแข็งแกร่งที่สุด ดอกที่สองและที่สามเจาะเข้าในจุดเดียวกับที่ดอกที่หนึ่งได้เจาะไว้ ธนูดอกแรกสร้างรอยบุ๋ม ดอกที่สองเจาะทะลุโล่ป้องกัน ธนูสองดอกแรกไม่สามารถทำร้ายเหยากวงได้เลย อย่างไรก็ตามธนูดอกที่สามเจาะทะลุจุดที่ธนูดอกที่หนึ่งและสองทำให้อ่อน ดังนั้นมันจึงไม่พบกับแรงต้านป้องกันของโล่พลัง นั่นคือสาเหตุให้เหยากวงถูกยิง”
นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนกลางนามซุ่นเทียนโบกมือ
“ท่านว่านฉี! ชนะก็คือชนะ, ล้มเหลวก็คือล้มเหลว ท่านไม่ควรตัดสินเขาอย่างนั้น”
ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเอ่ยต่อว่า
“เป็นผู้ฉลาดในกลยุทธก็ยังเป็นหนี่งของการได้เปรียบในการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่พลังก้ำกึ่งกันทั้งสองฝ่าย คนที่ฉลาดกว่าจะได้เปรียบแน่นอน ยิ่งกว่านั้น คุณชายสามตระกูลเย่ว์นี้เชี่ยวชาญในการควบคุมธนูน้ำแข็งแน่นอน สามารถยิงทำร้ายในจุดเดียวกันด้วยลูกธนูทั้งสามดอกได้ .... ข้าต้องขอบอกว่า คุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นี้เก่งมากจริงๆ เขาคือผู้คู่ควรแก่การยกย่องสำหรับพวกเรา”
นักสู้ปราณก่อกำเนิดอาวุโสที่สุดทางด้านขวา ท่านว่านฉีพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ยังจ้องมองเย่ว์หยางด้วยความเกลียดชังอยู่ในที
นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่อายุเยาว์กว่าทางด้านซ้ายเริ่มครุ่นคิด
นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนกลางนามว่าซุ่นเทียนชี้ไปที่เย่ว์หยางและพูด
“สามารถสร้างคันธนูเพลิงและลูกศรน้ำแข็งโจมตีได้หมายความว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์เชี่ยวชาญวิธีควบคุมทักษะพลังเพลิงและน้ำแข็งได้เป็นอย่างดี ยังไม่ทันไรเลยตั้งแต่เขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่เขาก็เชี่ยวชาญทักษะแบบนั้นได้เสียแล้ว เขาสมควรได้รับการยกย่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงที่ว่าเขายังมีพลังเต็มเปี่ยมแม้จะปล่อยธนูออกไปแล้วก็ตาม ข้าคิดว่าในตอนนี้เขาน่าจะถึงขอบเขตปราณก่อกำเนิดระดับ 3 ไปแล้ว บางทีอาจบรรลุถึงระดับที่ 4 ไปแล้วก็ได้ ไคหยาง! ข้าเกรงว่าเจ้าและเหยากวงอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา คงมีแต่ข้ากับท่านว่านฉีถึงจะรับมือเขาได้”
“อย่างนั้นหรือ?”
ไคหยางผู้ยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือ นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เยาว์วัยที่สุด มองดูขาดความมั่นใจเล็กน้อย
แม้ว่าดูจากภายนอกเหมือนว่าเขาจะอายุเยาว์ แต่ความจริงเขามีอายุมากกว่าสามร้อยปี
อาจกล่าวได้ว่าเขามีชื่อเสียงมานานแล้ว
แน่นอนว่า ในโลกนักสู้ปราณก่อกำเนิด อายุเพียงสามร้อยปียังไม่นับว่ามาก ส่วนใหญ่ เขามักจะถูกพิจารณาว่าเป็นเด็กมือใหม่
ยิ่งกว่านั้น พวกนักสู้ปราณก่อกำเนิดไม่ได้คิดว่า อายุ สถานะ หรือความอาวุโสเป็นเรื่องสำคัญ มีแต่เรื่องพลังของพวกเขาเท่านั้น เฉพาะพลังเท่านั้นที่ทำให้ผู้เยาว์วัยยี่สิบอย่างเย่ว์หยางได้รับความเคารพนับถือจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่น หากว่าเขามีพลังเพียงพอ หากปราศจากพลัง แม้ว่าคนเราจะอยู่ได้ถึงพันปี เขาก็ยังต้องแสดงความเคารพและลดตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เยาว์ แต่มีพลังแข็งแกร่งกว่า
นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่สู้กับเย่ว์หยาง และถูกเย่ว์หยางใช้ธนูยิงทะลุหัวใจ ความจริงเขาคือเหยากวงสหายของไคหยาง
ทั้งสองคนเป็นคนของกลุ่มพันธมิตรก่อกำเนิด 7 ดาว
“แค่ก, แค่ก!”
เหยากวงถูกยิงทะลุหัวใจแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ เขายังคงบินฉวัดเฉวียนอยู่ในอากาศ
เขาเรียกอสูรบำบัดออกมาตัวหนึ่งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บในร่างกาย
เพราะลูกศรน้ำแข็งสายฟ้าม่วงของเย่ว์หยางมีพลังเพลิง, น้ำแข็ง, สายฟ้าม่วงและอักษรรูนสวรรค์ที่น่ากลัวแฝงอยู่ในนั้น เหยากวงจึงไม่กล้าถอนหัวลูกศรออกทันที
เขาเกรงว่าพลังในลูกศรจะระเบิดร่างกายของเขาแหลกเป็นเสี่ยง ปัจจุบันเขาได้แต่อดทนอยู่ในโล่พลังป้องกัน ขณะที่เขายังคงรักษาตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าเขาจะสามารถสลายธนูน้ำแข็งสายฟ้าม่วงที่ทรงพลังได้ ถ้าเขาค่อยๆ รักษาตนเองได้
ในตอนนี้ เขาค่อยสำนึกเสียใจแล้วที่เขาหุนหันพลันแล่น
ถ้าเพียงแต่เขาถอยได้เร็วสุดกำลังที่เขาทำได้และไปหลบซ่อนอยู่หลังสหายของเขา ด้วยการสนับสนุนจากท่านว่านฉีและไคหยางสหายของเขา เขาคงไม่มีจุดจบที่อนาถแบบนี้ แม้ว่าเขาอาจหลีกเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บนี้ได้ แต่เขาก็ยังเสียหน้าต่อหน้ายามและนักรบตระกูลเย่ว์ที่ยืนมองดูจากข้างล่าง
เขากำลังคิดว่าเขาจะต้องฆ่าพวกยามและนักรบของตระกูลทั้งหมดให้ได้หลังจากสลายพลังลูกศรน้ำแข็งออกไปแล้ว
เขาจะไม่ยอมปล่อยให้มนุษย์เหล่านี้ทุกคนได้มีชีวิตรอดออกไปแน่นอน หลังจากเป็นพยานรู้เห็นเรื่องที่น่าขายหน้าอับอายของเขา เขาจะไม่ยอมปล่อยให้พวกมันต้องมาเยาะเย้ยเขาผู้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดลับหลัง
“ระเบิด!”
เห็นได้ชัดว่า เย่ว์หยางจะไม่ยอมให้โอกาสเหยากวงได้ฟื้นตัว
เขายื่นมือออกไปและกำมือแน่น
ทันใดนั้น ธนูน้ำแข็งที่ปักตรึงอยู่ที่อกของเหยากวงปล่อยพลังระเบิดสายฟ้าฟาดทันที
เปรี้ยง...บึ้ม!
เหยากวงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดจากพลังระเบิดที่ไม่อาจจินตนาการได้ อกของเขาระเบิดเป็นชิ้น อวัยวะภายในปลิวว่อนอยู่ในอากาศและกลายเป็นก้อนน้ำแข็งนับไม่ถ้วนแตกกระจายไปทั่วบริเวณ
คัมภีร์อัญเชิญชั้นแพลตตินัมหายไปพร้อมกับที่เหยากวงหมดสติ โล่พลังแตกสลายและเลือดเนื้อนับไม่ถ้วนกระจายตกลงมาจากท้องฟ้ากลายเป็นฝนเลือด
ร่างของเหยากวงร่วงลงมาเหมือนดาวตกกระแทกกับพื้น กระจายไปทั่วทางขึ้นปราสาทตระกูลเย่ว์ ขู่ขวัญนักรบโดยรอบจนต้องพยายามหลบกันจ้าละหวั่น มีรูขนาดใหญ่ที่หน้าอกของเหยากวง อวัยวะภายในช่องท้องของเขากระจัดกระจายออกไป มีแต่ไหล่และเอวด้านล่างที่ยังเกือบเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม เจ้าผู้นี้แข็งแรงยิ่งนักยังคงมีชีวิตอยู่จนตอนนี้ได้
ทันใดนั้นเย่ว์หยางมาปรากฏตัวอยู่หน้าเหยากวง
เย่ว์หยางมองดูศัตรูผู้น่าสมเพชนี้อย่างเย็นชา รังสีอำมหิตของเย่ว์หยางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนเหมือนกับว่าเขาคือจ้าวปีศาจตนหนึ่ง
“ไว้ชีวิต...”
เหยากวงกำลังจะพูดว่า “ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด” แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรอื่นได้อีก มีความหวาดกลัวและเจ็บปวดที่มิอาจบรรยายได้ในดวงตาของเขาขณะที่น้ำตาเขาไหลพราก เขาเอื้อมมือที่ดูเหมือนเลือดเนื้อเลอะเลือนมาที่เย่ว์หยางอย่างน่าสมเพช ร้องขอชีวิตอย่างน่าเวทนา
“เสียใจด้วย, ข้าจะไม่มีทางแสดงความเห็นใจศัตรูของข้าเด็ดขาด!”
เย่ว์หยางย่ำศีรษะของเหยากวงและกดกระแทกศีรษะเขากระทั่งเขาตาย
“กลับกลายเป็นว่าเจ้าผู้นี้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตัวปลอม”
เจ้าอ้วนไห่ตะโกนออกมา
“เย่ว์หยาง ให้ข้าจัดการกับเจ้าขี้แยร้องไห้นี้เอง ที่สำคัญข้าคือลูกพี่ของเจ้านะ ถ้าข้าไม่ช่วยเจ้าจัดการเจ้านักสู้ปราณก่อกำเนิดตัวปลอม อย่างนั้นข้าขอเลิกใช้ฉายาหล่อไร้เทียนทาน โธ่เอ๊ย, เจ้าบ้านั่น ข้าอุตส่าห์คิดว่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แข็งแกร่งมาก นึกไม่ถึงเลยว่ายังกลัวตายมากกว่าข้าเสียอีก ช่างเป็นที่ผิดหวังเสียจริง!”
“เหยากวง!”
ไคหยางที่กำลังลอยตัวอยู่เหนือปราสาทตระกูลเย่ว์เดิมทีตั้งใจจะบินมาช่วยเหยากวง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถยื่นมือช่วยได้ทันเวลาก่อนที่เย่ว์หย่างจะจบชีวิตของเหยากวง ไคหยางคำรามลั่นด้วยความเจ็บแค้น ขณะที่เขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับ 2 เต็มที่ บินเข้ามาอยู่ต่อหน้าของเย่ว์หยาง แม้ว่าซุ่นเทียนจะเพิ่งเตือนเขาไปว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ว์หยาง แต่ตอนนี้ไคหยางไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป สหายของเขาตายอย่างน่าอนาถ ดังนั้นเขาจึงเต็มไปด้วยความโกรธและไม่พอใจ ถ้าเขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ก็คงโจมตีใส่เย่ว์หยางทันทีอย่างไม่ลืมหูลืมตาไปแล้ว
ในกลุ่มพันธมิตทั้งเจ็ดดาว หลายคนได้เข้าร่วมสู้ศึกใหญ่มาแล้ว ดังนั้นจึงมีสมาชิกตายไปหลายคน เหลืออยู่เพียงสามคนคือ เหยากวง, ไคหยางและเทียนฉวน
ตอนนี้เหยากวงตายแล้ว กลุ่มพันธมิตรเจ็ดดาวถูกทำลายแล้ว เห็นได้ชัดว่าไคหยางโกรธมาก
พอเห็นว่าไคหยางคลั่ง เจ้าอ้วนไห่กลัวจัดจนตัวสั่นและตะโกนแบบไร้เสียงว่า
“เย่ว์หยาง, เจ้านี่ดูเหมือนจะเป็นของจริงนะ เจ้าจะสู้กับเขาได้อย่างไร?”
ถ้ามันไกลเกินกว่าเจ้าจะอาจเอื้อมถึง เจ้าก็ควรไปซ่อนตัวให้ไกล ทำไมต้องมาใกล้ๆ นักเล่า?
เย่ว์หยางพูดไม่ออก
บางทีคำพูดที่น่ารำคาญของเจ้าอ้วนไห่ ทำให้ไคหยางโกรธจ้องมองดูเขา นักสู้ปราณก่อกำเนิดกลุ่มพันธมิตรเจ็ดดาวที่มีชื่อเสียงอย่างมากถูกเจ้าหมูตอนที่ยังห่างชั้นจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดมากมายวิจารณ์ ของปลอมงั้นหรือ? เจ้าน้ำตาหรือ?
ไคหยางปล่อยพลังปราณของเขาเต็มกำลังดุจพายุหมุนเฮอริเคนใส่เจ้าอ้วนไห่ กดดันร่างของเขาถอยหลังไป 2-3 ก้าว
ด้วยการจ้องเท่านั้น เขายังกดดันเจ้าอ้วนไห่ถอยหลังไป 2-3 ก้าว
นักสู้ปราณก่อกำเนิดต้องไม่ถูกดูหมิ่น
ส่วนพวกยามที่ล้อมอยู่โดยรอบ ไม่ว่าพวกเขาจะบาดเจ็บหรือไม่ ตราบใดที่พวกเขาสามารถขยับได้ ทุกคนก็เริ่มที่จะหนีไปห่างๆ ตอนนี้ เมื่อนักสู้ปราณก่อกำเนิดสองคนสู้กันกลางเวหา คนนับไม่ถ้วนถึงกับตกตาย ถ้าพวกเขาสู้กันบนภาคพื้นแทน พวกเขามิถูกกำจัดหมดสิ้นหรือ? อย่าว่าแต่ได้รับผลกระทบโดยตรงเลย แม้ว่าหนึ่งในพวกเขาจู่โจมเพียงเฉียดร่างของพวกเขาเท่านั้น
พวกเขาจะถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที มีเพียงพวกที่ไม่วิ่งหนีก็คือหลินเหมี่ยวและหลินเหล่ย พวกเขาฝืนยันตัวเองอยู่หลังรถม้า ลักษณะของพวกเขาน่าสมเพชเป็นที่สุด อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ถึงกับกลัวจัดจนปัสสาวะราดกางเกง คนขลาดเขลาอย่างหลินเหมี่ยวคิดว่า ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับพวกเขา
เป็นไปได้หรือว่าความกล้าของคนจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อติดตามคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์?
ฮุยไท่หลางนอนหาวและขวางอยู่หน้ารถม้าอย่างสบายอารมณ์ เหมือนกับว่ามันไม่กังวลเรื่องการต่อสู้เลย
ยังไม่ใช่เวลาที่มันจะเข้าไปช่วย
มันไม่เหมือนกับเจ้าอ้วนไห่ ที่ออกมาแย่งความดีความชอบของเจ้านายมันอย่างโง่เขลา
“แมมม็อธทอง, เจ้ายักษ์ตาเดียว ข้าขอเรียกพวกเจ้า! โจมตีใส่รถม้าซะ!”
ไคหยางไม่คิดจะสู้กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ เขายังคงเรียกสัตว์อสูรชั้นทองออกมาทำลายรถม้าหรูให้เป็นชิ้น ก่อนนี้ เรื่องราวที่คุณชายสามตระกูลเย่ว์ลากรถม้าที่มีมารดานั่งอยู่ข้างในและบุกขึ้นปราสาทตระกูลเย่ว์เป็นเรื่องราวที่โลกยกย่องถึงความเป็นบุตรกตัญญูมากเป็นพิเศษ
ตอนนี้ ถ้าไคหยางยอมให้เย่ว์หยางลากรถม้าและบุกเข้าปราสาทตระกูลเย่ว์เป็นครั้งที่สอง โลกจะต้องสั่นสะเทือนแน่นอน
ในฐานะศัตรู เขาคงจะถูกทุกคนวิจารณ์และเยาะเย้ยอย่างแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น รถม้าหรูหราคันนั้นมีเศษซากกำแพงที่ถูกทำล้อมรอบไปหมด แต่กลับเหมือนเดิมไม่เสียหาย ไคหยางหงุดหงิดมากเมื่อเห็นเช่นนั้น ดังนั้นเขาตัดสินใจทำลายมันต่อหน้าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์
ไม่ว่าเขาจะสู้กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ตัวต่อตัวหรือไม่ ไคหยางไม่เคยห่วงกังวล
ด้านหลังของเขา ยังคงมีท่านว่านฉีและใต้เท้าซุ่นเทียน
พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผ่านไปได้แน่นอน เพราะพวกเขาเป็นศัตรูกับตระกูลเย่ว์มาพันปีแล้ว การทำลายตระกูลเย่ว์คือความปรารถนาของพวกเขา
แมมม็อธทองยักษ์ อสูรทองระดับ 6 ตัวเหมือนเนินเขาย่อมๆ ที่เคลื่อนที่ได้ งาคู่ยาวของมันสะท้อนแสงแวววาว มันคือแมมม็อธทองที่มีคุณลักษณะของสายฟ้าด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นอสูรที่หาได้ยากมาก ที่ด้านข้างของแมมม็อธทองมียักษ์ตาเดียวสูงสิบเมตร นอกจากนี้มันยังเป็นอสูรทองระดับ 6 แผ่นเหล็กที่งดงามสวมอยู่บนตัวของมันดูเหมือนเป็นเกราะเหล็ก
และมันสวมหมวกเกราะขนาดใหญ่อยู่บนศีรษะ มีค้อนทองห้อยอยู่ที่เอวของมัน ดูเหมือนว่ามันจะใช้ขยี้อะไรก็ได้ ยักษ์ตาเดียวจะเป็นอสูรที่โง่เขลากันทั้งหมด กล้ามเนื้อของพวกมันงดงามแต่สมองของพวกมันมีน้อย มีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่รู้ทักษะต่อสู้
ยักษ์ทองตาเดียวนี้มีพลังความแข็งแกร่งเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัด และยังมีทักษะการต่อสู้ที่ดีด้วยเช่นกัน
“เย่ว์หยาง ข้าจะปล่อยเจ้าสองตัวนี้ให้เจ้า ข้าต้องการสู้กับสหายผู้นี้”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้กล้าหาญกระโดดลงมาจากรถม้าทันทีและก้าวมาข้างหน้า ดาบยักษ์สีเงินของนางสะพายอยู่ด้านหลังนางขณะที่นางเดินเข้ามา
“องค์หญิง! ท่านแน่ใจนะว่าจะสู้?”
เจ้าอ้วนไห่พูดไม่ออก นางกำลังเผชิญหน้ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิด ไม่ใช่เด็ก
“เขาเป็นสู้ปราณก่อกำเนิดจากกลุ่มพันธมิตรนักสู้เจ็ดดาวหรืออะไรสักอย่างที่เรียกชื่ออย่างนั้นไม่ใช่หรือ เขายังมิอาจขู่ให้ข้ากลัวจนต้องหนี”
หลังจากผ่านการฝึกภายใต้การดูแลของเย่ว์หยางมาหลายครั้ง สู้กับเผ่าปีศาจตะวันออกและชำระร่างนางด้วยเพลิงอมฤต ความแข็งแกร่งขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ยิ่งกว่านั้น นางยังเชี่ยวชาญอักษรรูนสวรรค์อยู่บ้าง ดังนั้นตอนนี้นางมีความมั่นใจมากมาย แม้ว่านางจะยังไม่ถึงระดับปราณก่อกำเนิด แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการจะทดสอบตัวนางเอง ดังนั้นนางจึงตัดสินใจสู้กับคนที่อ่อนด้อยที่สุดในกลุ่มพันธมิตรนักสู้เจ็ดดาว ไคหยาง!
“องค์หญิง, ท่านกล้าหาญยิ่งนัก.. ข้า.. ข้าคิดว่าข้าขอผ่าน ข้าจะสู้กับเจ้าช้างงี่เง่านั่น!”
เจ้าอ้วนไห่รู้ขีดจำกัดพลังของเขาและรู้ว่าเขายังไม่สามารถเป็นวีรบุรุษในตอนนี้ได้ ดังนั้นเขาสามารถทำได้เพียงเพ่งความสนใจไปที่แมมม็อธทองและยักษ์ทองตาเดียว
เป้าหมายของเย่ว์หยางก็คือนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกสองคนที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ ว่านฉีและซุ่นเทียน
ทั้งสองคนเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวซึ่งอยู่ที่นี่
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=298