ตอนที่แล้วตอนที่ 4 -- โจร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 -- เทเลพอร์ต

ตอนที่ 5 -- มหาเวทย์


ตอนที่ 5 ------ มหาเวทย์

 

เมฆสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นด้านบน

 

ฝนเริ่มตกลง พร้อมกับลมที่พัดมา

 

“ผมอยากจะจบเรื่องนี้ก่อนที่พายุจะมา”

 

ตอนนี้้มีระยะห่างไกลมากระหว่างพวกโจรกับผม

 

เวทย์ที่ผมใช้ก่อนหน้านี้ ‘แบล็คช็อต’ เป็นเวทย์รูปแบบ ‘บอล’ เวอร์ชั่นที่ปรับให้ยิงเร็ว

 

เวทย์สายท้องฟ้านั้นเน้นความเร็วเป็นหลัก แต่อย่างที่เคยพูดไป แม้ว่ามันจะยิงเวทย์ได้เร็วแต่ก็ยังสามารถหลบได้อยู่ดี ดังนั้นผมต้องใช้อย่างระมัดระวัง

 

ผมจัดการสองคนนั้นได้เพราะว่าพวกมันกำลังประมาท

 

พวกโจรได้กระจายตัวออกไปทั้งทางซ้ายและทางขวา, พวกมันเว้นระยะห่างในขณะที่เล็งธนูมาที่ผม

 

เมื่อมีคู่ต่อสู้เป็นนักเวทย์ พวกมันจึงสู้กับผมด้วยการโจมตีระยะไกลหรืออีกวิธีหนึ่งคือพุ่งเข้าโจมตีผมโดยตรง โดยยอมเสียสละคนบางส่วน

 

แน่นอน พวกมันเลือกอย่างแรก

อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ผมคาดว่าพวกมันจะทำ, เมื่อเป็นไปตาที่คาดไว้ ผมก็ยิงเรดเวฟออกก่อนที่พวกมันจะ

กระจายตัวออกไปไกลกว่านี้

 

-เวทย์ระยะไกลพื้นฐานสายสีแดง: เรดเวฟ (Red Wave - คลื่นสีแดง)

 

มันคือเวทย์ที่จะยิงอากาศร้อนออกไปอย่างต่อเนื่อง และทำความเสียหายเวทย์เล็กน้อย

 

แม้ว่ามันจะเป็นเวทย์ระดับต่ำ แต่มันก็มีประโยชน์ในสถานการณ์ต่างๆ ขึ้นอยู่กับวิธีใช้ มันจะไปรบกวนสมาธิหรือ… หยุดการเคลื่อนไหว

 

ลมร้อนแผ่ไปทั่วบริเวณ แล้วเผาเส้นผมของพวกโจร

 

“ฮิ~ฮิ๊~น!”

 

ทันทีที่สัมผัสถูกอากาศร้อนอย่างนั้น ผมก็ไม่แปลกใจเลยที่พวกมันจะตอบสนองกันแบบนั้น

 

พวกโจรที่ขี่ม้าถูกเผาและหยุดเคลื่อนที่

 

เวทย์ของผมยังไม่ได้แข็งแกร่งถึงจุดนั้น ผมจึงไม่สามารถฆ่าพวกมันจากต่ำแหน่งนี้ได้

 

ถ้าเวทย์ของผมสามารถจัดการพวกมันได้สักคนหนึ่ง มันจะกลายเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากกับอีกสามคนที่เหลือ โดยเฉพาะเมื่อพวกมันเริ่มระแวดระวังผม

 

โอ้อืม…. แค่ฆ่าพวกมันทั้งหมดในครั้งเดียวก็พอนี่นา

 

“ช่วยไม่ได้แฮะ ต้องใช้มหาเวทย์”

 

ฝนที่ตกลงมาอยู่ก่อนแล้ว ราวกับจะตอบรับสิ่งที่ผมพูด

 

ตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม

 

ผมรวบรวมพลังเวทย์ทั้งหมดในร่างมาไว้ที่มือแล้วเริ่มกล่าวคำร่าย

 

“ข้าขอวิงวอนต่อเหล่าภูต จงแผดเสียงราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ คำรามราวกับสายฟ้าฟาด กวาดล้างศัครูที่ข้ามองเห็นด้วยโทสะแห่งสวรรค์!”

 

“แบล็คธันเดอร์! (Black Thunder - อัศนีทมิฬ)”

 

เสียงฟ้าแลบดังออกมาจากกลุ่มเมฆสีดำที่กำลังปกคลุมทั่วท้องฟ้า แล้วผ่าลงมาใส่พวกมันในทันที

 

แสงที่ส่องสว่างกลืนกินทุกอย่างที่ผมมองเห็น แล้วเสียงฟ้าผ่าค่อยดังขึ้นหลังจากนั้นเล็กน้อย

 

ที่ๆพวกโจรเคยยืนอยู่นั้นไม่เหลืออะไรเลยนอกจากกลุ่มก้อนฝุ่นละอองมหึมาที่กำลังลอยอยู่บนอากาศ แล้วถูกฝนและสายลมพัดพาไปอย่างรวดเร็ว

 

ผมรู้สึกได้ถึงค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น ผมจึงคิดว่าพวกมันน่าจะถูกกำจัดทั้งหมดแล้ว

 

หลังจากที่ฝุ่นละอองหยุดฟุ้งกระจาย ผมก็เดินเข้าไปตรวจสอบบริเวณที่ฟ้าผ่าลงมา

 

พื้นบริเวณที่สายฟ้าฟาดลงกลายเป็นหลุม ดินบริเวณนั้นถูกเผาจนกลายเป็นสีดำและพวกโจรได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ลมหายใจของผมหนักอึ้ง, แม้ว่าผมรู้สึกราวกับจะสลบ แต่ผมจำเป็นต้องประคองสติไว้ให้นานที่สุด

 

เมื่อใช้พลังเวทย์มากเกินไป จะทำให้เกิดภาระอย่างมากกับร่างของผู้ใช้

 

พลังเวทย์ที่ใช้ในการร่ายมหาเวทย์นั้นมหาศาล

 

ตอนนี้ น่าจะเป็นเพราะผมใช้พลังเวทย์เกินขีดจำกัดของตัวเอง จนมันหมดลงอย่างสมบูรณ์

 

ผมนั่งลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า

 

-การเข้าฌาณ

 

ผมว่าตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

 

มหาเวทย์สายท้องฟ้า: แบล็คธันเดอร์

 

แม้ว่าพลังเวทย์ที่ใช้ในการร่ายจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับมหาเวทย์อื่นๆ แต่ความจริงที่ว่ามันสามารถร่ายเวทย์นี้ได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพอากาศที่มีเมฆเท่านั้น ทำให้เวทย์นี้มีข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวง แต่ถ้าคุณถามผม…

 

ก็ลองมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเวทย์ถูกร่ายลงมาสิ มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังจริงๆ

 

ถึงมันใช้ก็จริง แต่สิ่งที่หลงเหลือมีเพียงเสียงคำรามของเวทย์อันยิ่งใหญ่เท่านั้น

 

ผมเข้าฌาณอย่างต่อเนื่องในขณะที่คิดเรื่องพวกนั้น

 

เข้าฌาณ

 

เข้าฌาณ

 

เข้าฌาณ

 

หลังจากเข้าฌาณเป็นเวลานาน พลังเวทย์ของผมก็ฟื้นฟูขึ้นมาพอสมควร ผมไม่คิดว่าตัวเองพร้อมที่จะสลบแล้ว แต่ผมยังคงรู้สึกไม่สบายอยู่

 

เมื่อผมหันกลับไปมองที่กองคาราวาน ก็เห็นชายค่อนข้างอ้วนกำลังจ้องมาที่ผม

 

ผมว่าผมคงทำเป้าหมายเดิมลุล่วงแล้ว

 

ผมหันกลับไปยังร่างของเด็กสาวแล้วพนมมือขึ้นภาวนา

 

หลังจากนั้นผมก็หันไปมองรอบๆแล้วเดินตรงไปทางกองคาราวาน

 

“เยี่ยมจริงๆ! เจ้าช่วยพวกเราไว้! อายุแค่นี้แต่กลับสามารถใช้เวทย์ที่ทรงพลังขนาดนั้นได้ ยอดเยี่ยมมาก!”

 

ชายวัยกลางคนที่มัดหนวดรุงรังชมผม

 

บางทีเขาคงจะเป็นหัวหน้ากองคาราวานก็ได้, เขาอาจจะรู้สึกแปลกๆที่ต้องขอความช่วยเหลือจากเด็กอย่างผม

 

ยังไงซะ พลังก็คือสิ่งที่ควบคุมโลกใบนี้อยู่ดี คุณต้องปฏิบัติต่อคนที่แข็งแกร่งกว่าด้วยความเคาระ จะได้ไม่ถือเป็นการทำให้ขุ่นเคือง

 

และชายคนนี้ก็ดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องนั้นเป็นอย่างดี

 

“ข้าช่างโชคดีจริงๆ หากเป็นข้าที่ต้องสู้กับพวกมัน ข้าคงต้องตายแน่ๆ ข้าขอขอบคุณเจ้าจริงๆ!”

 

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พลังของผมยังไม่ดีพอ แม้แต่เด็กสาวคนนั้นผมก็ไม่สามารถช่วยไว้ได้”

 

แต่เจ้าก็สามารถหลีกเลี่ยงกรณีเลวร้ายที่สุดได้ และด้วยเหตุนั้น แสดงว่าข้ายังมีโชคอยู่!”

 

แต่ผมไม่คิดว่าเขาโชคดีหรอก

 

เอาล่ะ ตอนนี้ได้เวลาเก็บเกี่ยวรางวัลแล้ว

 

“ยังไงก็ตามตอนนี้ คุณบาดเจ็บอะไรรึเปล่า? ผมเป็นนักเวทย์ แต่เพราะว่าผมไม่มีไอเท็มเวทย์มนต์ ผมเลยไม่สามารถรักษาคุณได้….!”

 

เมื่อได้รู้ความต้องการจากคำพูดของผม หัวหน้ากองคาราวานก็มองมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

 

บ้าจริง ผมพูดตรงเกินไปหรอ? ท่าจะไม่ดีแล้ว การเจรจาเป็นสิ่งที่ผมไม่ถนัดเลยในชีวิตก่อน

 

แต่แล้วใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในทันที

 

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า, ใช่ แบบนี้นี่เอง, คำพูดขอบคุณนั้นไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่เจ้าได้ทำไว้, แน่นอน ข้ามีของบางอย่างจะให้เจ้า”

 

ผมว่าผมนี่โชคดีจริงๆที่ยังมีรูปร่างเป็นเด็กอยู่, มันคงจะเป็นเรื่องหยาบคายที่จะทักท้วงสิ่งที่ผมพูดไป แต่ผมว่าผมน่าจะได้อะไรบ้างนะ

 

ผมไม่เคยอ่านความคิดคนอื่นออกเลยตั้งแต่สมัยก่อน

 

“แต่ตอนนี้ข้าไม่สามารถเตรียมของรางวัลจริงๆจังๆให้เจ้าได้ เพราะว่ากองคาราวานของข้าเป็นแบบนี้ไปแล้ว หลังจากกลับเข้าเมืองแล้ว เจ้าค่อยมาหาข้าพรุ่งนี้ได้ไหม?”

 

“ตกลง”

 

ผมได้อาศัยรถม้าไปด้วย ผู้คนที่พึ่งถูกโจมตีก่อนหน้านี้ ปฏิบัติต่อผมราวกับวีระบุรุษผู้น่าเกรงขามในเทพนิยาย

 

ถ้าผมไม่ได้ผ่านมาทางนี้ล่ะก็ อาจจะมีผู้รับเคราะห์มากกว่านี้ก็ได้, บางทีอาจจะมีครอบครัวของเด็กสาวคนนั้นอยู่ด้วยก็ได้

 

ไม่ ไม่มีทางเป็นแบบนั้น ผมเห็นผู้คนถูกความตายพรากจากกันมาหลายครั้ง

 

ถึงจะเป็นเรื่องเศร้าแค่มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

 

หลักจากที่พวกเรากลับถึงเมืองแล้วก็แยกทางกัน ผมตรงกลับบ้าน

 

แสงภายในบ้านยังคงเปิดอยู่ แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดมากแล้วก็ตาม

 

แน่นอน…. แม่น่าจะยังตื่อนรอเทศนาผมเป็นชั่วโมงๆอีกครั้ง

 

ในขณะที่ผมกำลังจินตนาการว่าแม่จะทำหน้าอย่างไร หลังจากที่ผมเข้าไป บางทีเพราะว่าผมรู้สึกเหนื่อยอย่างมาก ผมก็เลยเดินเอาหัวโขกประตูโดยไม่ตั้งใจ

 

==========

 

อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร

 

==========

 

ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด