ตอนที่ 2 -- เส้นมนตรา
ตอนที่ 2 ------ เส้นมนตรา
“บาย ดูแลตัวเองดีๆล่ะ”
”
หลังจากกินอาหารเช้าที่แสนคิดถึงแล้ว ผมก็นึกถึงสิ่งที่แม่พูดว่า ผมต้องไปโรงเรียน
น่าเศร้าใจนัก ตอนนี้ผมต้องไปโรงเรียน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผมสงสัยว่าจะมีโรงเรียนในเมืองที่สอนเวทย์มนต์หรอ
อนึ่ง การสอนของที่นี่เป็นที่เกรงกลัวของเด็กๆด้วยเหตุผลบางอย่าง
ในตอนที่ผมกำลังออกจากบ้าน ทิวทัศน์ที่ชวนให้คิดถึงได้อยู่ตรงหน้าผม
ที่นี่ เมืองนานามิ เป็นเมืองที่พักอาศัยที่ดี ในประเทศที่ดี
แม้ว่าหลังจากที่ผมโตและออกเดินทางไป ผมก็ยังคงแวะกลับมาที่นี่หลายครั้งเพราะผมคิดถึงมัน
โอ้ ให้ตายสิ น้ำตาไหลอีกแล้ว
ยังไงก็ตาม ไปกันเถอะ!
-เพื่อปลดเส้นมนตรา
ด้านนอก ผมอยู่ในสถานที่บางแห่งที่อยู่ระหว่างเนินเขากับโรงเรียน
ในเมื่อการปลดเส้นมนตรา ต้องใช้สมาธิและเวลาเป็นอย่างมาก
เส้นมนตราแพร่กระจายไปทั่วภายในร่างของนักเวทย์ มันคือเส้นทางที่เวทย์มนต์ไหลผ่านอย่างแท้จริง
เวทย์มนต์ของนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์มักจะหนา ดังนั้นมันต้องแพร่ออกไปทั่วทั้งร่างอย่างเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ตาม เส้นมนตราของผมในตอนนี้ยังอยู่ในสภาวะสงบนิ่ง จนเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งพลังเวทย์ไหลผ่านมัน
สำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นนักเวทย์ ตามปกติแล้วจะขอให้นักเวทย์คนอื่นช่วยปลดเส้นมนตราให้ แต่ในขณะที่เข้าฌาณ ผมสามารถเปิดมันออกได้ด้วยจนเองหากผมต้องการ
อย่างไรก็ตาม มันเป็นครั้งที่สองที่ผมทำแบบนี้ มันจึงไม่มีปัญหาอะไร
ผมปีนขึ้นไปบนต้นไม้และสอดส่องบริเวณรอบๆ เพื่อให้มั่นใจว่าบริเวณชายฝั่งไม่มีใครอยู่
ผมนั่งลงบนกิ่งไม้ใหญ่และปิดตาลง เพ่งสมาธิไปที่จิตวิญญาณ
ด้วยการรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังไหลเข้ามาในร่างกายชองผม ผมสามารถรู้สึกได้ถึงเส้นมนตราที่กำลังเปิดออกที่ละเส้นๆ
นี่เป็นงานที่ละเอียดอ่อน ผมรู้สึกได้ว่าเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของผมได้ไหลลงมาหยดลง ในขณะที่เพ่งสมาธิ
ผมเปิดเส้นมนตราอย่างต่อเนื่อง และในเวลาที่ผมทำสำเร็จ ตัวของผมก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่ พละกำลังทั่วร่างได้หายไป และผมเกือบจะลื่นตกลงไป
…..ผมลืมไปว่าผมอยู่บนต้นไม้
หลังจากที่ผมปรับลมหายใจ ผมเพ่งสมาธิไปที่เส้นมนตรา และพบว่าการไหลของพลังเวทย์เป็นไปอย่างราบรื่น
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะลองใช้เวทย์มนต์แล้ว
ด้วยการยืดมืออกไปด้านหน้า ผมจินตนาการถึงลูกเรดบอล
จากนั้นบอลเวทย์แห่งเพลิงขนาดเล็กก็เกิดขึ้น มันดูนุ่มนิ่มและลอยอยู่ระดับสายตา
ส่วนเปลวไฟไหวอย่างแปลกประหลาด
หากผมหยุดส่งพลังเวทย์ไปหล่อเลี้ยง เรดบอลก็จะสลายไป
พลังเวทย์ที่ถูกใช้ไปประมาณสิบส่วนของพลังเวทย์ที่ผมมี
โดยปกติ นักเวทย์ฝึกหัด สามารถร่ายเรดบอลได้เพียงสามครั้ง อีกควายหมายหนึ่งนั่นคือถ้าเด็กที่สามารถทำได้ก็จะกลายเป็นนักเวทย์ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น
“มันไม่ได้เปล่าประโยชน์สักหน่อย”
”
มันจะไม่เป็นเหมือนก่อนหน้านี้
ดวงอาทิตย์ได้ล่วงเลยจุดเที่ยงวันไปแล้ว
เมื่อนึกได้ ตอนนี้ผมรู้สึกหิวขึ้นมาจริงๆแล้ว
อย่างไรก็ตาม มันถึงเวลากินอาหารเที่ยงที่แม่เตรียมไว้ให้
ตัวผมในอนาคตได้อ่านม้วนคัมภีร์เวทย์มากมาย ผมคิดว่าผมอ่านทุกอย่างที่ถูกตีพิมพ์ในเวลานั้นจนเกือบหมดแล้ว
แม้ว่าผมแทบจะไม่ได้ใช้เวทย์พวกนั้นเลย แต่ผมสามารถเรียนรู้เพื่อเพิ่มเลเวลได้
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้อร่อยมากแต่มันก็ยังสดอยู่ ท้องตุ้ยๆของร่างเด็กของผมรู้สึกอิ่ม
โอ้ใช่ ในเมื่อพลังเวทย์ของผมฟื้นฟูขึ้นมาบ้างแล้ว ทำไมผมถึงไม่ใช้สเกาท์สโคปละ
เซฟ ไอน์สไตน์
เลเวล 1
เวทย์ [สีแดง] เลเวล : 1
เวทย์ [สีน้ำเงิน] เลเวล : 1
เวทย์ [สีเขียว] เลเวล : 0
เวทย์ [ท้องฟ้า] เลเวล : 0
เวทย์ [วิญญาณ] เลเวล : 0
ดูเหมือนพลังเวทย์ที่ใช้สำหรับสเกาท์สโคปจะสูงกว่าเรดบอล
เวทย์สีแดงและเวทย์สีน้ำเงินมีเลเวล 1 เพราะผมใช้เวทย์ทั้งสองไป
ดูเหมือนผมจะไม่สามารถดูเพดานความสามารถแฝงได้ แต่มันน่าจะเป็นเพราะเลเวลของสเกาท์สโคปที่ผมใช้ต่ำเกินไป
เวทย์มนต์จะเพิ่มระดับทุกครั้งที่ใช้เวทย์นั้น ส่วนพลังเวทย์ที่ใช้ก็จะลดลง และความชำนาญก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
เพื่อที่จะดูเพดานความสามารถแฝง บางทีผมไม่จำเป็นต้องเพิ่มเลเวลมากก็ได้
ยังไงก็ตาม ผมสามารถจำเวทย์ได้บ้าง
ผมยังคงห่างไกลจากตัวผมในอนาคตอยู่ดี ผมต้องเผชิญหน้ากับการท้าทายในอนาคตเพื่อที่จะเติบโต
เมื่อผมมองลงไป ผมเห็นกลุ่มเด็กที่กระจัดกระจายกันออกจากโรงเรียน
นี่…. ถือเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง
นั่นคือสิ่งที่โรงเรียนเป็น
การใช้ชีวิตแบบนี้ ผมมีความรู้สึกว่าเรื่องไม่ดีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น
เมื่อผมปีนลงมาและเดินไปทางเมือง ผมเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา
ด้วยผมดำยาวที่กระเซอะกระเซิง เธอวิ่งมาที่ผมในขณะที่กำลังหายใจหอบเหนื่อย
เธอสวมแว่นตาและเสื้อสเวตเตอร์ซึ่งทำให้แต่ละก้าวที่เดิน โนตมๆของเธอเด้งไปมา
ผมรู้สึกหลงใหลไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมา
“เซฟคุง”
”
เอาล่ะ ถึงเวลาใช้ข้อแก้ตัวที่เตรียมเอาไว้แล้ว
แต่ในขณะที่ผมกำลังจะพูด เสียงของผมก็อุดอู้เมื่อเธอดึงผมเข้าไปกอดแน่น
ในขณะที่ทำเสียง *งึมงำงึมงำ* หน้าของผมก็ถูกกดด้วยแรงจากส่วนที่เป็นผู้ใหญ่
ในตอนที่ผมกำลังเพลิดเพลินอยู่กับตวามรู้สึกนี้ ผมสังเกตได้ว่าร่างของเธอกำลังสั่นเทา
“คะ-ครูเป็นห่วงเหลือเกิน…”
”
เธอพูดออกมาในขณะที่กดผมลงในหน้าอกที่เทียบได้กับแม่วัวของเธอ - รู้สึกดีชะมัด ดีจนผมสามารถตะโกนว่า ดีโคตรโคตรได้
โอ้ใช่ ผมพึ่งนึกอะไรได้บางอย่าง
นี่คือครูที่โรงเรียนประถมของผม ผมคิดว่าเธอชื่อ แคลร์เซนเซย์
เธอเป็นที่รู้จักทั้งนักเรียนชายและหญิง และมีผู้ชายมากมายมาสารภาพรักกับเธอ
สำหรับครูที่สวยขนาดนี้ ใบหน้าของผมซึ่งกำลังจมอยู่ในหน้าอกของเธอ
(เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน….)
รอยยิ้มเล็กๆเล็ดลอดออกมาบนใบหน้าของผม
โรงเรียนคงจะวุ่นวายเมื่อผมไม่ได้ไป ดังนั้นแม่และแคลร์เซนเซย์คงจะกังวลมาก
แต่มันก็เป็นการเสียเวลาที่จะกังวลมากเกินไป ดังนั้นผมจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ผมจำเป็นจะต้องผ่านช่วงเวลานี้ให้เร็วที่สุด แต่มันอาจจะใช้เวลาอีกสักพัก
ท้ายที่สุด ผมยังสามารถฝึกฝนในขณะที่ไปโรงเรียนได้
ด้วยแผนที่อยู่ในหัว ผมเพลิดเพลินกับหน้าอกที่ถูกดันเข้ามาที่หน้า
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/