ตอนที่ 271 กลางวันไม่ได้ ค่อยคุยอีกคราตอนกลางคืน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวไม่สามารถได้ยินเรื่องที่เสวี่ยอู๋เสียต้องการพูดกับเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตาม พวกนางเห็นได้ว่าเย่ว์หยางเปลี่ยนบุคลิกกลายเป็นหมาป่าเมื่อมองจากที่ไกล ดังนั้นพวกนางรู้ว่า เสวี่ยอู๋เสียต้องบอกเรื่องดีๆ แน่ หญิงงามอู๋เหินหมุนตัวจากไป เหมือนกับว่านางเข้าใจอะไรบางอย่าง อี้หนานและเย่ว์ปิงสับสนเล็กน้อย พวกนางต้องการถามพี่อู๋เสียเกี่ยวกับเรื่องที่นางไม่อาจพูดกับเย่ว์หยางต่อหน้าคนอื่นได้
บางทีอาจเกี่ยวข้องกับตระกูลเสวี่ยหรือการหมั้นของพวกเขาก็ได้ ทั้งสองนางไม่คิดอะไรมากเกินไป... โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ว์ปิง มีเพียงเรื่องเดียวที่อยู่ในใจนางตอนนี้ก็คือไปปราสาทตระกูลเย่ว์พร้อมกับพี่ชายนางและฆ่าเย่ว์ชิวตัวปลอม เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของทุกคนกลับคืนมา
“ปิงเอ๋อ! ข้าจะช่วยฝึกให้เจ้าเอง!”
เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่กังวลห่วงใยเรื่องความสัมพันธ์ในอนาคตของนางกับเย่ว์หยาง
ทั้งนี้เพราะบิดานาง ราชันย์ฟ้าบูรพาและแม่สี่ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจัดการหมั้นหมายให้พวกเขาไว้แล้ว ในตอนนั้น เจ้าเมืองโล่วฮัวโกรธมาก ทำไมบิดาของนางถึงได้ตัดสินอนาคตของนางแทนนางด้วย? นางยังไม่ได้พูดว่าต้องการจะแต่งงานกับเย่ว์หยาง เจ้าเด็กนั่น.. แต่ตอนนี้.. พอราชันย์ฟ้าบูรพาถูกเผ่าปีศาจบูรพาลักพาตัวไป นางกลับเลิกงอนบิดานางทันที
หลังจากที่พูดและทำไปแล้ว แม้ว่าบิดานางจะมีความผิดหลายอย่าง แต่นางก็มีบิดาเพียงคนเดียว
ราชันย์ฟ้าบูรพามีความภูมิใจและชอบคุยโอ้อวดมาก แต่พูดตามตรงก็คือ ท่านยังเป็นบิดาที่ดีคนหนึ่ง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเมื่อเทียบกับเจ้าเมืองโล่วฮัว กลับน่าเห็นใจมากกว่าเล็กน้อย
จุนอู๋โหย่วผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ ปู่ของเย่ว์หยางเป็นพี่เป็นน้องกัน พวกท่านเป็นสหายกันและยังนับถือเป็นพี่น้องกัน ถ้าพระองค์หมั้นธิดาของตนให้กับเย่ว์หยาง อย่างนั้นก็จะลำดับอาวุโสกันลำบาก ที่สำคัญจุนอู๋โหย่วยังเป็นจักรพรรดิ ไม่เหมือนกับราชันย์ฟ้าบูรพาผู้สามารถบังคับให้ธิดาสุดที่รักแต่งงานได้ถ้าจำเป็น
จุนอู๋โหย่วไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ดังนั้น เขาทำได้เพียงลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งทำเป็นไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเย่ว์หยางกับธิดาของพระองค์
พระองค์ได้แต่อนุญาตในใจ แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้
และคงเป็นเรื่องยากสำหรับตระกูลเย่ว์เช่นกันที่จะเสนอขอแต่งงาน
พวกเขายังคงคุยเรื่องการแต่งงานคุณหนูตระกูลเสวี่ยกับเย่ว์หยางตั้งแต่พวกเขายังเป็นทารก แม้ว่าจะมีเรื่องราวการถอนหมั้น แต่คนที่มีสายตาดูออกก็รู้ว่านั่นเป็นแผนการร้ายแน่นอน
สำหรับอี้หนานนั้น ป้าของนางดำเนินการไวกว่าราชันย์ฟ้าบูรพาเสียอีก นางจัดการเตรียมงานแต่งงานระหว่างเย่ว์หยางและอี้หนานไปแล้ว ตอนนี้ มีเพียงสถานะความสัมพันธ์ของคนเดียวที่น่าอึดอัดเล็กน้อยก็คือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน อย่างไรก็ตาม องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าเป็นเรื่องยากมากสำหรับนางที่จะทิ้งชีวิตแบบตอนนี้และหันกลับไปใช้ชีวิตรูปแบบก่อนนั้น
แม้ว่าเย่ว์หยางจะเป็นจอมลามก แต่ในเรื่องการฝึกฝนและใช้เวลาร่วมกัน เขามักสร้างความประหลาดใจให้นางได้บ่อย ถ้านางไม่ได้พบเห็นเจ้าเด็กนี่แล้ว ชีวิตของนางคงสูญเสียเรื่องตื่นเต้นไปแน่
แต่ถ้านางจะต้องติดตามเย่ว์หยางในอนาคต สถานะของนางจะค่อนข้างน่าอึดอัด
สตรีอื่นๆ ทุกนาง ถ้าไม่เป็นคู่หมั้นเขาก็เป็นพี่สาวน้องสาวของเขา
นาง ตอนนี้นางยังคงเป็นคนนอก
ดังนั้น แม่เสือสาวผู้มีอิสระและไร้กังวลที่ผ่านมากลับมีปัญหาเล็กน้อยในตอนนี้..เอ่อ เป็นปัญหาที่จะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้าจอมลามกที่สมควรตาย ข้าอุตส่าห์ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบมาก่อนนั้นแล้วแท้ๆ”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบ่น นางทำได้เพียงบ่นโยนให้ทุกอย่างเป็นความผิดเย่ว์หยาง รู้สึกว่าเขาก่อกวนชีวิตนางจนยุ่งเหยิง ถ้าเพียงแต่เขายังเป็นเสี่ยวซานผู้ใช้ไม่ได้ต่อไป เขาก็จะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับนางเลย
แต่ในแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เขากลับกลายจากสวะที่ไร้ประโยชน์กลายเป็นอัจฉริยะที่สร้างปัญหาไปทุกที่ หลังจากนั้น เขายังลากนางเข้ามาในเรื่องยุ่งเหยิงของเขาอีก เขาเป็นตัวน่ารำคาญโดยแท้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยิ่งโกรธมากกว่าเดิมเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เมื่อเย่ว์หยางกลับมาหลังจากคุยกับเสวี่ยอู๋เสีย นางจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาเสือของนาง
“มีอะไรเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าเย่ว์หยางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ข้าไม่ขอคุยกับเจ้าแล้ว!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดวานางอาจจะไร้เหตุผลไปบ้าง แต่นางไม่อาจลดตัวนางต่อหน้าเย่ว์หยาง ในที่สุด นางได้แต่ทำตัวยุ่งยากจนถึงที่สุด
“แม่สาวนี่ไม่ได้รับการสั่งสอนเรื่องระเบียบวินัยตั้งแต่โตเป็นวัยรุ่นแล้วหรือ?”
เย่ว์หยางรู้สึกหงุดหงิด
“แค่ตั้งใจฝึกของเจ้าไปเถอะ”
ที่ด้านหลังเย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียได้ยินเขากำลังบ่นต้องรีบเตือนสติเขา นางเกือบจะเอาหนังสือทุบเขาให้ตาย เขาอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยสาวๆ ยังไม่ง่ายที่จะสอนเจ้าหญิงหรือเจ้าเมืองหญิงต่อไปอีกหรือ? ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือฝึกฝีมือให้ก้าวหน้า ในสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้ คนเราจะกลายเป็นไม่มีอะไรเลย
หากเขาไม่มีความสามารถ เขาต้องกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด เพียงแค่นั้นเขาถึงจะทำอะไรตามชอบใจได้ นางรู้สึกว่าเย่ว์หยางควรจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังฝีมือเสียก่อน จากนั้นเขาค่อยไขว่คว้าหาความสุขในชีวิตรักตามที่เขาต้องการ แต่ถ้ากลับกลายเป็นอย่างอื่น เขาก็จะถึงจุดสิ้นสุดอย่างแน่นอน
ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของเสวี่ยอู๋เสีย ว่าที่ภรรยาผู้เข้มงวดยิ่งกว่าครู เย่ว์หยางไม่อาจเกียจคร้านได้ แม้ว่าเขาต้องการจะทำก็ตาม
ในดินแดนแห่งความฝัน เขาได้พบกับพี่สาวในฝันอีกครั้ง
ในด้านนอก เสวี่ยอู๋เสียและสาวๆ อีก 2-3 นางกำลังฝึกฝีมือด้วยกัน สิบวันต่อมา เย่ว์หยางผ่านการฝึกเหมือนนรกมาแล้ว ในตอนเช้า เขาจะฝึกต่อสู้กับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัว, อี้หนานและเย่ว์ปิง ในตอนบ่ายเย่ว์หยางจะค้นคว้าลับๆ หาวิธีปรุงยาร่วมกับเสวี่ยอู๋เสียจดบันทึกเพื่อป้องกันสูตรยาไม่ให้รั่วไหลไปยังบุคคลอื่น ในช่วงบ่ายต่อมา เขาจะร่วมค้นคว้าอักษรรูนโบราณกับหญิงงามอู๋เหิน ในตอนเย็น เขาจะไปทะเลสาบและฝึกร่วมกับเย่ว์หวี่
ช่วยให้นางมีความก้าวหน้าในการใช้ทักษะน้ำและอสูรคลื่นพายุของนาง ตอนกลางคืนเย่ว์หยางใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาเชื่อมเส้นชีพจรของอี้หนานและเย่ว์ปิง บางครั้งเจ้าเมืองโล่วฮัวจะเข้ามาและพูดอ้างว่านางต้องการอยู่เป็นเพื่อนเย่ว์ปิง ตอนเที่ยงคืนเขาจะฝึกลับกับเสวี่ยอู๋เสีย และเมื่อเขาหลับ เขายังต้องสู้กับพี่สาวในฝันผู้มีทักษะเช่นเดียวกับเขาแต่เชี่ยวชาญกว่าเขาเป็นสิบเท่า ส่วนใหญ่เขาจะเป็นฝ่ายถูกทุบตี จะได้เปรียบเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็หลังจากบังคับมือของเขา
ชีวิตแบบนี้เหมือนกับอยู่ในนรก ทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรกขุมลึก
เย่ว์หยางรู้สึกทรมานไปหมด
แต่ฝีมือของเขาก็ก้าวหน้ารวดเร็วมาก
เขาเพิ่งจะบรรลุวิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ห้าได้ไม่นาน แต่เขาก็อยู่เส้นทางที่บรรลุพลังปราณกระบี่ขั้นที่หกได้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน เพราะคู่ต่อสู้ของเขาเป็นสาวงามทั้งหมด เขาก็ยังรู้สึกว่าเขามีแนวโน้มใช้ชีวิตที่ดีในหลายวันมานี้ อย่างน้อยเขาก็ผ่านขั้นตอนแรกในการใช้ชีวิตรักที่มีความสุขแล้ว
เทียบกันแล้ว เจ้าฮุยไท่หลางมีวิธีฝึกที่ง่ายดายกว่าเขา มันยังไม่ตื่นขึ้นมาแม้แต่ครั้งเดียว ยังคงหลับลึกต่อไป
เมื่อเย่ว์หยางเดินผ่านมัน เขาจะเตะมันหนึ่งป้าบ
ประการแรกเป็นเพราะเขาอิจฉาที่เจ้านั่นไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยก็ยกระดับได้แล้ว ประการที่สอง เขาป้อนปราณก่อกำเนิดให้มันเล็กน้อยทำให้มันมีวิวัฒนาการที่ดีขึ้น.. หลังจากถูกเตะแล้ว ฮุยไท่หลางรู้สึกสบายจนมันนอนหงายท้องกระดิกหางในความฝันของมัน และหลับต่อไปโดยไม่สังเกตอะไร
วันนั้น เย่ว์หยางและหญิงงามอู๋เหินร่วมกันค้นคว้าอักษรรูนโบราณ เมื่อหญิงงามอู๋เหินถามเย่ว์หยางอย่างเย็นชา “เจ้าปรุงยาเสร็จหรือยัง?”
“เราต้องใช้เวลาปรุงยานานกว่าจะเสร็จได้”
เย่ว์หยางตอบนางโดยไม่คิดมากในตอนแรก แต่เขาก็รีบตื่นตัวเปลี่ยนคำพูด
“ข้าหมายถึง ความจริงเรายังขาดตัวยาบางอย่าง เราเกือบจะทำเสร็จแล้ว”
“ทำไมเจ้าต้องฟังนางด้วยเล่า?”
หญิงงามอู๋เหินดูเหมือนจะสงสัยมาก
“ใครกัน?”
เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นไม่รู้
“ข้ากำลังพูดถึงอู๋เสีย ทำไมเจ้าต้องฟังนางด้วย?”
หญิงงามอู๋เหินไม่ยอมให้เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อหน้า ขณะที่นางตามคาดคั้นเอาคำตอบ
“เรื่องนั้น..อะแฮ่ม.. ข้าจะยอมฟังใครก็ตามที่พูดจามีเหตุผล ตัวอย่างเช่น อักษรรูนนี้..”
เย่ว์หยางรีบเปลี่ยนหัวข้อไปที่เรื่องอักษรรูน เขาไม่สามารถพูดเรื่องแบบนั้นทันที ความจริงอู๋เสียสอนเขาเรื่องความสุขในชีวิตรัก, วางแผนเพื่อประโยชน์ชีวิตรักฉันท์สามีภรรยาในภายภาคหน้า แม้แต่ยาที่ถูกปรุงขึ้นมาเดิมทีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยชีวิตนางผ่านการมีสัมพันธ์ชู้สาว
ภรรยาดีๆ แนะนำให้อย่างนั้น ถ้าเขาไม่ฟังนางแล้วจะให้เขาไปฟังใคร?
เย่ว์หยางคิดว่าเขาอาจไม่จำเป็นต้องฟังอู๋เสียในเรื่องอื่นๆ แต่เรื่องตามจีบสาวเขาเห็นว่าเขาสมควรฟังคำแนะนำของนาง
ยังจะมีใครสามารถเข้าใจจิตใจสตรีนางหนึ่งได้ดีกว่าสตรีอีกนางหนึ่ง?
เกี่ยวกับกลยุทธที่อู๋เสียสอนให้ใช้กลยุทธของนางไล่ตามและพิชิตใจสาวๆ เขาจะประสบความสำเร็จได้รวดเร็ว ได้ชัยชนะในการรุกครั้งเดียว
แม้ว่าเย่ว์หยางไม่เข้าใจว่าทำไมอู๋เสียถึงต้องการวางแผนให้เขา แต่เขามั่นใจว่าแม่สาวนางนี้ไม่มีความตั้งใจที่ชั่วร้าย ดูเหมือนว่านางไม่ใช่แค่ยืนนิ่งดูดายอยู่เฉยๆ พอเห็นว่าเย่ว์หยางโง่งมเกินไป นางตัดสินใจยื่นมือช่วยและให้คำแนะนำเขา เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญผู้มองเห็นนักรบหนุ่มที่เพิ่งเริ่มออกรบ นางไม่อาจนิ่งดูดาย แต่ให้คำแนะนำเขาเพื่อที่ว่านักรบหนุ่มจะได้กลายเป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญ...
หญิงงามอู๋เหินจ้องมองเขาเล็กน้อย
“อย่าพูดเรื่องอักษรรูนอีกต่อไปเลย เจ้าไม่มีความสนใจค้นคว้าอักษรรูนเลยในช่วงไม่กี่วันมานี้”
เย่ว์หยางพูดไม่ออก หญิงงามอู่เหินความรู้สึกแหลมคมจริงๆ
กลับกลายเป็นว่านางรู้สึกได้ถึงจิตใจที่ลามกของเขาแล้ว เพียงแต่นางไม่ได้เฉลยออกมาเท่านั้น
เย่ว์หยางเรียกความกล้าและให้คำแนะนำว่า
“ร่างกายของท่าน... ท่านยังคงมีความหวัง ขอให้ข้าได้ลองเถอะ นอกจากนี้ เราปรุงยาเสร็จเท่าที่จำเป็นแล้ว”
เมื่อหญิงงามอมโรคอู๋เหินได้ยินแล้ว ตอนแรกสีหน้าซีดของนางแดงซ่านเล็กน้อย นางเหลือกตาเล็กน้อยจากนั้นหมุนตัวเดินจากไป แม้ว่าเย่ว์หยางจะร้องเรียกนางจากด้านหลัง แต่นางก็ไม่สนใจเขาเลย
เย่ว์หยางรีบตามหาอู๋เสียเพื่อขอคำแนนำวิธีตามจีบสาวเพิ่มเติม แม่นางเสวี่ยถึงกับโกรธ
“หน้าโง่! ทำไมเจ้าถึงพูดเรื่องไร้สาระกับนางมากมาย? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าเลินเล่อ รุกเร้าและคิดจะพิชิตก่อนไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เจ้าพูดเรื่องนั้นกับนาง นางจะรู้ความตั้งใจของเจ้า ข้าไม่เคยเห็นใครโง่เหมือนเจ้ามาก่อนเลย เจ้าคิดว่านางจะคิดยังไง? นางจะหึงหรือ นางคิดว่าเจ้าทำเพียงเพราะข้าขอให้เจ้าทำ ไม่ใช่เพราะเจ้าต้องการนางจากใจจริง”
“ข้าเข้าใจว่าเจ้าหมายความว่าอย่างไร แต่ถ้าข้าฝืนใจนาง ข้าเกรงว่าจะทำร้ายร่างที่บอบบางของนางมากกว่า”
หน้าผากเย่ว์หยางเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ใครขอให้เจ้าทำกันเล่า.. ข้ากำลังพูดเรื่องฝืนทัศนคติเจ้า ไม่ใช่การกระทำของเจ้า.. เย่ว์หยาง เจ้าไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้เลย ข้าเกลียดที่จะคุยกับคนงี่เง่าอย่างเจ้าจริงๆ”
เสวี่ยอู๋เสียเงื้อหนังสือโบราณและคิดจะทุ่มใส่เย่ว์หยางให้ตาย เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นตัวลามกคนหนึ่ง แต่เขาก็ยังพยายามทำตัวเป็นตัวลามกที่ไร้เดียงสา นางถึงได้โกรธจริงๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว คอยดูผลงานข้าก็แล้วกัน”
ทันใดนั้นเย่ว์หยางก็เข้าใจทันที เขายินดีอย่างที่สุดและหายตัวไปทันที
เมื่ออู๋เสียมองดูเย่ว์หยางที่กำลังวิ่งกลับไป ทันใดนั้นนางแสดงสีหน้าที่สงบทันที นางบ่นเสียงพึมพำ
“อู๋เหิน ข้าสามารถทำอะไรให้ท่านได้มาก แต่ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านแล้ว”
หญิงงามอู๋เหินกำลังเก็บของๆ นาง นางเก็บเสื้อผ้า, ภาพ, ม้วนเวทและของทุกอย่างเรียบร้อย เหมือนกับว่าเตรียมจะออกเดินทาง
ทันใดนั้นเย่ว์หยางพรวดพราดเข้ามาในห้อง ทำให้นางตกใจ
ขณะที่นางจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเย่ว์หยางดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด จากนั้นอุ้มนางออกไปนอกสวน หญิงงามอู่เหินทั้งอายทั้งกังวล
“เจ้าจะทำอะไร? เร็ว, วางข้าลงเดี๋ยวนี้.. อย่าก่อเรื่องยุ่งยากนะ ข้าโกรธแล้วนะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ทุกคนกำลังมองเรา.. เย่ว์หยาง, หยุดเดี๋ยวนี้ ร่างกายข้าทนไม่ได้ รีบวางข้าลง ข้าจะไออยู่แล้ว ข้าไม่สบาย!”
เย่ว์หยางอุ้มหญิงงามอมโรคออกไปนอกสวน และวิ่งตะบึงออกไปไม่ยอมหยุด
ไม่ว่าหญิงงามอู๋เหินจะพูดยังไง เขาก็ไม่วางนางลง
พวกเขาวิ่งออกไปชั่วขณะ แต่ขณะที่หญิงงามกำลังดิ้นรนขัดขืนต่อไป เย่ว์หยางใช้พลังเทเลพอร์ตก้าวไปข้างหน้า เขาไม่ได้ตั้งจุดหมายตำแหน่งเทเลพอร์ตไว้ เขาเพียงแต่เทเลพอร์ตออกไปข้าวหน้าอย่างเดียว หลังจากเทเลพอร์ตราวๆ สิบครั้ง พวกเขาก็ออกมาห่างจากสวนน้อยราว 20-25 กิโลเมตร ในที่สุดเย่ว์หยางก็หยุดวิ่ง หยุดอยู่ริมทะเลสาบที่สว่างไสวระยิบระยับราวดวงดาวนับพัน
ทะเลสาบใสแจ๋วสีเขียวอมฟ้า
น้ำตื้นจนคนสามารถมองเห็นพื้นข้างล่างได้ ปลาน้อยและกุ้งตัวเล็กแหวกว่ายรวมกันเป็นกลุ่มอยู่ในน้ำใส
เย่ว์หยางวางหญิงงามอมโรคผู้มีใบหน้าแดงซ่านลง แต่เหมือนกับว่าเขากลัวว่านางจะพยายามหลบหนี ดังนั้นมือขวาของเขายังคงโอบเอวประคองนางไว้ เขากระซิบบอกนางว่า
“ความจริง ข้าต้องการรักษาอาการป่วยของท่านจริงๆ แต่มันน่าอึดอัดใจเล็กน้อยที่มีคนอื่นอยู่ใกล้ ตอนนี้พวกนางไม่ได้อยู่นี่กันทุกคนแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้าก็ต้องการช่วยท่านให้ได้แน่นอน นี่คือสี่งที่ข้าต้องการทำจากหัวใจข้า ไม่ใช่เพราะอู๋เสียต้องการให้ข้าทำ ท่านน่าจะเข้าใจว่าข้าหมายความว่ากระไร อย่าปฏิเสธข้าอีกต่อไปเลย ได้ไหม? เราไม่ควรจะเสียเวลาของเราอีกแล้ว ร่างของท่านใกล้จะถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว ถ้าเราไม่พยายามจะรักษาตอนนี้ ก็จะสายเกินการณ์ เมื่ออาการป่วยของท่านได้รับการรักษา ข้าไม่สนใจว่าท่านจะดุด่าข้าหรือโกรธข้า แต่ตอนนี้ ช่วยฟังข้าหน่อยเถอะ ข้าขาดท่านไม่ได้นะ ข้าไม่สนว่าท่านจะเกลียดข้าหรืออะไรก็ตาม ข้าแค่ต้องการช่วยท่าน”
หญิงงามอู่เหินไม่ทันมีเวลาหาข้ออ้างก่อนที่เย่ว์หยางจะเริ่มปลดชุดนาง
หญิงงามอู๋เหินตกตะลึงจนแทบเป็นลม
แม้ว่าเขาต้องการจะช่วยนางก็จริง แต่ดูแล้วเขาจะไม่กระตือรือร้นเกินไปหน่อยหรือ?
ไม่ทันได้พูดคำต่อไป ก็เปลื้องผ้านางออกเสียแล้ว นี่ป่าเถื่อนยิ่งกว่าโจรปล้นสวาทเสียอีก ใครสั่งสอนให้เขาทำแบบนี้กัน
หญิงงามอู๋เหินตระหนักว่ามือเจ้าเด็กนี่ไวมาก เคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครา เสื้อผ้านางก็หลุดเกือบหมดแล้ว นางยิ่งตกใจหนักขึ้นและใช้มือนางห้ามเขาไว้
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเร่งร้อนก่อน ขอให้ข้าคิดหน่อยสิ อย่างน้อย ให้ข้าใช้ความคิดก่อน หัวใจข้าเต้นแรงแทบบ้าอยู่แล้ว ข้าหายใจไม่ทัน รอสักครู่ก่อน ข้าเห็นด้วย แต่หยุดสักครู่ก่อนเถอะ..เย่ว์หยาง แม้ว่าเจ้าต้องการช่วยข้าและทำแบบนี้เพื่อตัวข้าเอง แต่เจ้าคิดถึงความรู้สึกของข้าสักเล็กน้อยบ้างได้ไหม? ข้าไม่อาจทนรับได้ ถ้าเจ้าหักหาญมากไป..”
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินนาง เขาแทบไม่อยากเชื่อนาง “ท่านเห็นด้วยจริงๆ หรือ?”
หญิงงามอมโรคมองตาละห้อย
“ข้ายังมีทางเลือกอีกหรือ? ข้าไม่เคยเห็นคนป่าเถื่อนอย่างเจ้ามาก่อน! ปล่อยให้ข้าใช้ความคิดก่อนเถอะ”
ในที่สุด นางก็ก้มหน้าลง ไม่สามารถสบตากับเย่ว์หยางได้ จากนั้นนางพูดกับเขาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเอียงอายว่า
“ข้าไม่ยอมให้ทำตอนกลางวันหรอก เราค่อยสนทนาอีกครั้งตอนกลางคืนเถอะ!”
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=291