ตอนที่ 267 เปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน เย่ว์หวี่ยกระดับ
“พี่สามเป็นยังไงบ้าง?”
เย่ว์ปิงและอี้หนานแอบมองมาจากในห้องของพวกนาง พวกนางยังอยู่ในชุดนอน
“เขาปลอดภัยแล้ว, เขาเพียงแต่ฝึกนะ กลับไปนอนได้แล้ว!”
เจ้าเมืองโล่วฮัวโบกมือส่งสัญญาณว่าไม่มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น นางไม่ต้องการให้เย่ว์ปิงและอี้หนานเห็นสภาพของเย่ว์หวี่ แม้แต่นางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ทำเป็นเหมือนไม่รู้อะไร เพื่อที่ว่าเย่ว์หวี่จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจ
นางรู้ว่ามีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน ตอนแรก นางเชื่อว่าเย่ว์หยางคงไม่ได้ตั้งใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากว่าเรื่องมันเกิดไปแล้ว พวกนางได้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เย่ว์หวี่และเย่ว์หยางไม่ใช่เด็กแล้ว พวกเขาเป็นพี่และน้องกัน
แม้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุระหว่างการฝึก แต่ดีที่สุดที่จะไม่พูดถึงการแตะเนื้อต้องตัวกัน จะกลายเป็นเรื่องอึดอัดทันทีที่พูดถึง... เมื่อเย่ว์ปิงและอี้หนานเห็นเจ้าเมืองโล่วฮัวมีทีท่าไม่แยแส พวกนางคิดจริงๆ ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พวกนางคิดว่าการฝึกของเย่ว์หยางประสบความสำเร็จและตื่นเต้นกับคันธนูเพลิงลูกศรวารีในก่อนนั้น พวกนางกลับไปที่ห้องและสนทนาเรื่องส่วนตัวกันต่อ พวกนางไม่สงสัยเรื่องที่เย่ว์หยางกระทำระหว่างการฝึกของเขา เขาเป็นคนที่ไม่ธรรมดามาตั้งแต่แรก คงเป็นเรื่องแปลกถ้าไม่มีเรื่องสับสนวุ่นวายระหว่างที่เขาฝึก
หลังจากนั้น เย่ว์หวี่เข้าไปเก็บตัวเองอยู่ในห้องของนางตลอดทั้งวัน ไม่กล้าออกมาพบเย่ว์หยางแม้แต่น้อย
นางไม่ได้โกรธ แต่นางไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับน้องชายอย่างไร
เย่ว์หยางตระหนักดีว่าเขาอาจจะทำอะไรผิดพลาดไป แต่เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เสวี่ยอู๋เสียเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ในภวังค์นานเกินไปในการฝึกครั้งก่อนนั้น ดังนั้นเขาไม่เคยคิดว่าเสื้อผ้าของเขาจะถูกทำลายเลยแม้แต่น้อย เขาคิดว่าเย่ว์หวี่หลบเลี่ยงเขาเพราะเขาตั้งใจกอดเย่ว์หวี่แน่นเกินไป ทำให้ญาติผู้พี่ของเขาโกรธ
เขาขอให้เสวี่ยอู๋เสียช่วยเขาขอโทษนาง
“อู๋เสีย เจ้าช่วยข้าขอโทษพี่เย่ว์หวี่ได้ไหม? ข้าไม่มีเจตนา ถ้าพี่รองยกโทษให้ข้าได้ เจ้าช่วยขอร้องให้นางมาฝึกต่อได้ไหม? ข้ายังต้องการู้สึกถึงพลังน้ำอีกสักครั้ง ข้ากำลังปล่อยใจข้าเมื่อข้าพยายามรู้สึกถึงมันในวันก่อนนั้น แต่พอข้าฟื้นขึ้นมา ข้ารู้สึกว่ามันคลุมเครือเล็กน้อย ข้ารู้สึกถึงมันไม่ได้เต็มร้อย ช่วยข้าขอให้พี่หวี่มาฝึกให้ข้าอีกครั้งเถอะ แค่อีกนิดเดียวข้าก็จะเชี่ยวชาญขึ้นแล้ว...”
เสวี่ยอู๋เสียพูดไม่ออกในตอนแรก
ในตอนแรก พวกเขาทั้งสองสัมผัสกันและกัน แล้วนางจะขอให้เย่ว์หวี่มาช่วยด้วยอย่างไร?
แม้ว่าเย่ว์หวี่จะไม่ถือสาหาความ แกล้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่นางก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ สตรีนางหนึ่งไม่สามารถจะอยู่อย่างหาญกล้าและเปิดเผยอย่างนั้นได้ นางต้องรักษาชื่อเสียงนาง
อย่างไรก็ตาม เมื่ออู๋เสียเห็นว่าเย่ว์หยางจริงใจกับคำขอมาก นางรู้สึกว่าเขาต้องไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางคิดว่าเป็นเรื่องตลกและตอบเขา
“ข้าจะไปขอนางให้ แต่อาจไม่สำเร็จ เจ้าเป็นคนก่อเรื่องผิดพลาดขึ้น ทำไมข้าจะต้องไปขอโทษให้เจ้าด้วย...”
นางจ้องมองเย่ว์หยางด้วยนัยน์ตากระจ่างขณะที่หมุนตัวเดินจากไป
แม้ว่านางจะขึ้นเสียง แต่นางก็ไม่ปฏิเสธคำขอของเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางตื่นเต้นมาก นางทำตัวสมกับเป็นภรรยาในอนาคตจริงๆ เขาตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว อู๋เสียผู้นี้ปฏิบัติกับเขาได้ดีเยี่ยมจริงๆ
เรื่องของเย่ว์หวี่ เสวี่ยอู๋เสียแค่จำเป็นต้องคุยโน้มน้าวใจพี่สาวผู้ใจดีอยู่บ้าง
“พี่หวี่! การหลบเลี่ยงเขาไม่ใช่การแก้ปัญหา ยิ่งกว่านั้น เขาอาจจะเริ่มสงสัยก็ได้ ดีที่สุดถ้าท่านลืมเรื่องนี้ซะ โปรดอย่าเก็บมันไว้ในใจอีกต่อไปเลย ยิ่งไปกว่านั้น เย่ว์หยางใกล้จะเชี่ยวชาญการใช้พลังวารีแล้ว ถ้าเขาติดค้างอยู่ในสภาวะเช่นนี้นานเกินไป เขาอาจสูญเสียความรู้สึกที่เขารับรู้ได้ จากนั้นอนาคตของเขาคงพังทลายได้”
“อย่างนั้นก็ ตกลง”
แม้ว่าเย่ว์หวี่จะรู้สึกอาย แต่นางจะไม่ยอมให้อนาคตเย่ว์หยางพังทลายเพราะนาง
มีนักรบมากมายในโลกนี้ บรรดานักรบเหล่านั้น มีหลายคนที่เป็นอัจฉริยะ
บ่อยครั้งที่อัจฉริยะเหล่านี้ยังอายุน้อย พรสวรรค์ของพวกเขามีศักยภาพมากขนาดที่ทุกคนคิดว่าการเติบโตก้าวหน้าของเขาในอนาคตจะไม่มีขอบเขต อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง กลับเป็นเรื่องง่ายมากที่อัจฉริยะเหล่านี้จะพบข้อจำกัดของตนเอง พวกเขาอาจถูกเรื่องบางอย่างทำให้พังทลายได้ หรือถูกคนอื่นกีดกันและขังไว้
พวกเขาอาจพ่ายแพ้ศัตรู หรือสู้กับตระกูลอื่น หรือไม่อาจสำเร็จวิชาได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะมีเหตุผลมากมายที่มีอิทธิพลต่อความก้าวหน้าของพวกเขา ในที่สุดอัจฉริยภาพเหล่านี้ก็ลดลงไป เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็ไม่ได้ดีกว่าประชาชนคนธรรมดาเลย
เย่ว์หวี่ยอมตายดีกว่าเห็นน้องชายอัจฉริยะของนางที่ไม่เคยปรากฏมาในรอบหมื่นปีต้องมีชีวิตเป็นอย่างนั้น
เขาคืออัจฉริยะที่สั่นสะเทือนทวีปมังกรทะยาน เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดด้วยวัยเพียงยี่สิบปี
ถ้าอัจฉริยะอย่างนี้ต้องพังทลายเพราะนาง บาปของนางจะหนักหนาสาหัสเพียงไหน? ถ้าน้องชายนางต้องพังทลาย นางจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เผชิญความอัปยศได้อย่างไร?
เมื่อนางคิดได้เช่นนั้น เย่ว์หวี่ทิ้งความละอายและความลังเลที่ค้างคาใจออกไปทันที
พอได้ฟังคำแนะนำของเสวี่ยอู๋เสีย นางต้องการช่วยน้องชายนางฝึกฝนอีกครั้งหนึ่ง... ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปิงเอ๋อและอี้หนานก็ไม่ทราบด้วยเช่นกัน มีเพียงอู๋เสีย, อู๋เหิน, โล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่รู้เรื่องนี้ และพวกนางต่างก็เก็บเงียบไม่เคยเอามาพูดถึงอีกเลย ทุกคนสนับสนุนนางเต็มที่ ดังนั้นทำไมนางถึงต้องกังวลถึงชื่อเสียงของนาง?
คราวนี้ เย่ว์หยางทำตัวเป็นเด็กดีจริงๆ
เขานั่งอยู่ต่อหน้าเย่ว์หวี่เรียกน้ำพุต้นกำเนิดของนาง เขารู้สึกถึงมันได้และขออนุญาตเย่ว์หวี่ก่อนที่เขาจะประกบมือกับนางและถ่ายปราณก่อกำเนิดเข้าทางเดินเส้นชีพจรนาง พยายามทีละขั้นที่จะควบคุมพลังวารี
แตกต่างจากครั้งก่อน ครั้งนี้เย่ว์หยางพยายามทำความรู้สึกถึงพลังวารีมากกว่าแทนที่จะควบคุมมัน
“พี่รอง! อย่าต่อต้านพลังปราณก่อกำเนิดของข้าแม้แต่ในจิตสำนึกของท่าน ปล่อยให้ข้าพยายามช่วยท่านเปิดเส้นชีพจร”
ตอนนี้เย่ว์หยางค่อนข้างเข้าใจพลังวารีดีขึ้น เขาต้องการพยายามยกความสามารถของเย่ว์หวี่ เพิ่มระดับพลังวารีที่อ่อนด้อยในร่างนาง ในขณะเดียวกัน เขาจะเปิดเส้นชีพจรในร่างนางด้วยปราณก่อกำเนิดของเขา เพื่อที่ว่านางจะสามารถควบคุมพลังของนางได้ราบรื่นและง่ายดายยิ่งขึ้น
“ตกลง”
เย่ว์หวี่ยังคงรู้สึกอายในใจ แต่นางเกรงว่านางจะสร้างผลกระทบกับการฝึก ดังนั้นนางไม่กล้าปฏิเสธเขา ยอมให้เขาจับมือนางไว้
นางพยายามลองอีกครั้ง เมื่อปราณก่อกำเนิดของเขาไหลเวียนอยู่ในร่างนาง นางจะรู้สึกเหมือนกับว่าร่างของนางถูกไฟเผาและเหมือนไฟฟ้าดูด นางจะรู้สึกอึดอัดมาก
เมื่อปราณก่อกำเนิดโคจรผ่านจุดที่อ่อนไหวมาก มันจะทำให้นางรู้สึกยากจะทนทาน
แน่นอนว่า นางไม่สามารถห้ามไม่ให้ปราณก่อกำเนิดของเขาโคจรผ่านตรงจุดเหล่านั้น เพราะแนวเดินเส้นชีพจรของนางเรียงตัวในตำแหน่งนั้น เขาไม่ได้เจตนาทำอย่างนั้น เป็นเรื่องจำเป็นในการฝึก ยิ่งกว่านั้น นางไม่สามารถพูดได้ต่อหน้าเขาและอู๋เสีย ดังนั้นเย่ว์หวี่ได้แต่ทนแบกรับความรู้สึกแปลกๆ ที่โคจรผ่านทั่วตัวนางอย่างเงียบงัน
ขณะที่ไม่มีการต้านทานแม้แต่น้อย ในชั่วเวลาไม่กี่นาที ปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางก็ไหลเวียนทั่วร่างของเย่ว์หวี่
เมื่อเส้นชีพจรของนางเชื่อมถึงกันหมด ร่างของเย่ว์หวี่ก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้
จู่ๆ คัมภีร์อัญเชิญของนางเปล่งแสงสีฟ้านวลตาเหมือนกับทะเล
น้ำพุต้นกำเนิด อสูรทองแดงระดับ 1 ไหลเวียนอยู่ท่ามกลางแสงสีฟ้า ทันใดนั้นมันหวนกลับเข้าไปในคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หวี่.. เย่ว์หยาง, เย่ว์หวี่และเสวี่ยอู๋เสียมารวมตัวกันและดูด้วยความประหลาดใจ พวกเขาพบว่าน้ำพุต้นกำเนิดมีวิวัฒนาการแปรเปลี่ยนรูปและยกระดับขึ้นอีกด้วย
มันกลายเป็นน้ำตกเหินหาว อสูรเงินระดับ 2
ภาพของน้ำพุต้นกำเนิดในคัมภีร์อัญเชิญเปลี่ยนไปเป็นน้ำตกสีขาวขนาดเล็ก
น้ำตกเหินหาว : อสูรสายจำเพาะธาตุ ชั้นเงินระดับ 2 มีคุณสมบัติเป็นน้ำ ยังไม่โตเต็มวัย ร่างเป็นของเหลว พลังโจมตีพิเศษ : วารีจู่โจม, หยดวารี
“นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ข้าไม่เคยใช้มันต่อสู้มาก่อน, แล้วมันเพิ่มพลังและระดับได้อย่างไร?”
เย่ว์หวี่ทั้งตกใจและสุขใจพร้อมกัน นางไม่อยากจะเชื่อตาตนเอง
นางเรียกน้ำตกเหินหาวออกมาและตระหนักว่าน้ำตกเหินหาว อสูรเงินระดับ 2 ดูไม่เหมือนน้ำตกแต่อย่างใด มันเป็นแส้น้ำที่ยืดยาวและอ่อนหยุ่น เหมือนกับงูที่ปราดเปรียว มันวนรอบตัวนางและยังพันรอบตัวนางต่อไป ตอนนี้ มันเป็นเพียงอสูรเงินระดับ 2 ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่มันจะยังไม่มีลักษณะที่เหมือนน้ำตก ถ้ามันยกระดับจนเป็นอสูรเงินระดับ 6 และเหนือกว่า แส้น้ำที่อ่อนหยุ่นและยืดยาวนี้อาจกลายเป็นน้ำตกที่งามสง่าก็ได้
เสวี่ยอู๋เสียแสดงความยินดีกับเย่ว์หวี่ทันที
“พี่หวี่! ดูเหมือนเย่ว์หยางจะพบวิธียกระดับน้ำพุต้นกำเนิดของท่านแล้ว ในอนาคตเจ้าอสูรตัวนี้จะมีประโยชน์ในการต่อสู้เป็นแน่ ไม่มีผู้ใดกล้าเยาะเย้ยว่านี่คืออสูรสวะอีกต่อไปแล้ว”
นอกจากนี้อู๋เสียพูดเช่นนี้เพื่อกำจัดความรู้สึกแย่ที่เย่ว์หวี่มีต่อเย่ว์หยาง
ด้วยคำพูดให้กำลังใจนี้ เย่ว์หวี่คงจะยอมฝึกกับเย่ว์หยางมากขึ้น นางจะไม่ต้องกังวลว่าการฝึกกับเย่ว์หยางจะหยุดลงกลางครัน
เย่ว์หวี่กอดเย่ว์หยางอย่างตื่นเต้นขณะที่นางตะโกนอย่างตื่นเต้น
จากนั้นเมื่อนางนึกขึ้นได้ว่านางดีใจเกินเหตุ นางจึงรีบปล่อยเขาทันที หน้าของนางแดงซ่าน นางแอบมองอู๋เสียและรู้ได้ว่านางกำลังคุยถึงความเป็นไปได้ที่น้ำตกเหินหาวจะยกระดับได้อีกโดยไม่สนใจท่าทางของนาง นางจึงถอนหายใจอย่างโล่งใจ
“น้ำตกเหินหาวยังจะยกระดับได้อีกไหม?”
เสวี่ยอู๋เสียทำเป็นไม่เห็นอะไร นางจงใจทำเป็นคุยกับเย่ว์หยาง
“ได้แน่นอน มันเป็นอสูรสายหนุนเสริม จะเติบโตไปพร้อมกับเจ้านายของมัน แน่นอนว่ามันจะชะลอตัวอยู่สักครู่ก่อนที่มันจะสามารถยกระดับได้อีก..”
เย่ว์หยางรู้ว่าเนื่องจากปราณก่อกำเนิดของเขา น้ำพุต้นกำเนิดจึงมีการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้ง ดังนั้นลำดับชั้นของมันจึงกลายเป็นน้ำตกเหินหาว ตราบใดที่เขาถ่ายปราณก่อกำเนิดและเพิ่มพลังให้น้ำตกเหินหาว มันจะยกระดับได้อีกแน่นอนกลายเป็นคลื่นวายุ อสูรระดับทอง คลื่นคลั่ง อสูรระดับแพลตตินัม และสึนามิ อสูรระดับเพชร
ร่างของเย่ว์หวี่เป็นเหมือนภาชนะ
ผู้ใช้หลักจะเป็นเย่ว์หยาง และตราบใดที่นางปฏิบัติตามเขา ยอมให้เขาพัฒนาทักษะของร่างกายนางและความสามารถของนางที่รองรับปราณก่อกำเนิด นางก็ไม่จำเป็นต้องฝึกเลย
แน่นอนว่านาง แค่ทำเพียงโอนอ่อนผ่อนตามการฝึกประสานร่างกับเย่ว์หยาง ก็แค่ว่านางคอยสนับสนุนและทำตามที่เย่ว์หยางนำเท่านั้น
หลังจากเย่ว์หยางเข้าใจพลังน้ำแล้ว ไม่เพียงแต่เย่ว์หวี่จะมีพลังเพิ่มขึ้นเท่านั้น อู๋เสียที่คอยช่วยพวกเขายังได้รับประโยชน์อย่างใหญ่หลวง
เสวี่ยอู๋เสียมีพรสวรรค์โดยธรรมชาติสามารถควบคุมพลังหยินได้ตั้งแต่เกิด แม้ว่าทักษะแฝงของนางจะเป็นน้ำแข็งกับสายฟ้า แต่เย่ว์หยางก็รู้ได้ว่าพลังวารีทำให้นางได้รับประโยชน์อย่างมากมาย เมื่อเย่ว์หยางอธิบายความรู้สึกที่เขารู้สึกได้ นางเข้าใจขอบเขตที่เขาอธิบายได้ไวกว่าเย่ว์หวี่ และนางยังสามารถเข้าใจพลังวารีได้โดยสังเกตจากเย่ว์หยาง แม้ว่าทักษะแฝงเร้นของเย่ว์หวี่จะเป็นภูตน้ำพุ ซึ่งมีน้ำเป็นคุณสมบัติเด่น แต่ความเข้าใจของนางยังห่างไกลจากเสวี่ยอู๋เสีย...
ขณะที่เย่ว์หวี่ยังค่อยๆ พยายามทำความเข้าใจถึงพลังน้ำระดับสูง เสวี่ยอู๋เสียมีความก้าวหน้าไปแล้วภายใต้การแนะนำของเย่ว์หยาง สติปัญญาและความฉลาดของนางทำให้เย่ว์หยางชื่นชมนางจริงๆ
ด้วยการยกระดับของน้ำตกเหินหาวนี่เอง ในที่สุดเย่ว์หวี่ก็หาข้ออ้างในใจได้ นางยอมรับว่าการฝึกนี้จำเป็น เพื่อที่ว่าเขาจะได้ช่วยยกระดับอสูรให้นางด้วย
จิตสำนึกของนางเริ่มจะสอดคล้องเข้ากันกับการฝึกได้มากยิ่งขึ้น
แม้ถ้าเย่ว์หยางจะมีแนวคิดใหม่และทำให้เสื้อผ้านางถูกทำลายในกระบวนการทดลอง เย่ว์หวี่ก็แค่รู้สึกไม่พอใจ แต่นางก็ไม่ได้ตำหนิเขา นางแค่ปกปิดบังร่างกายไว้อย่างรวดเร็ว นางไม่ปฏิเสธการทดลองของเย่ว์หยาง พร้อมๆ กับการเพิ่มทักษะในการควบคุม เย่ว์หยางมีพลังน้ำแล้ว ไม่มีโอกาสที่เสื้อผ้าเย่ว์หวี่จะถูกทำลายอีก อย่างมากก็แค่ทำแขนเสื้อนางไหม้หรือชุดฉีกขาด เย่ว์หยางจะหยุดก่อนที่จะย่ำแย่ไปกว่านั้น
เย่ว์หวี่ไม่รู้ตัว แต่ความจริง เย่ว์หยางคุ้นเคยกับร่างของนางนานแล้ว
เขาจะศึกษาส่วนลับในร่างกายนางทุกครั้งที่ปราณก่อกำเนิดของเขาโคจรในตัวนาง นอกจากนี้ จุดสูงสุดของการฝึกของเขา เมื่อเขาใช้ทักษะญาณทิพย์และตามองทะลุทำงานร่วมกัน ก็กลายเป็นเหมือนว่าเสื้อผ้าทั้งหมดของนางหายไปเหลือแต่ร่างที่งดงามให้เขาได้ดู
อาจกล่าวได้ว่า ตราบใดที่เขาต้องการดู นางจะไม่สามารถปกปิดอะไรไว้ได้เลย
แน่นอนว่าเย่ว์หยางจะไม่มีทางพูดถึงทักษะพิเศษนี้ออกมาแน่ มิฉะนั้นเย่ว์หวี่คงฆ่าตัวตายแน่นอน
นอกจากช่วยเย่ว์หวี่เปิดเส้นชีพจรแล้ว เย่ว์หยางยังช่วยให้เย่ว์ปิงและอี้หนานเปิดเส้นชีพจรให้เชื่อมถึงกันทั้งหมด หลังจากเชี่ยวชาญในการใช้พลังน้ำแล้ว เขารู้สึกว่าเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดเมื่อเขาเชี่ยวชาญปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ 5
สามวันผ่านไป และน้ำตกเหินหาวอสูรเงินระดับ 2 ของเย่ว์หวี่ยกระดับกลายเป็นคลื่นวายุ อสูรทองระดับ 3
คลื่นวายุ : อสูรน้ำสายธาตุจำเพาะ ชั้นทอง ระดับ 3 ยังไม่โตเต็มวัย, สถานะของเหลว, พลังโจมตีพิเศษ : พลังน้ำโจมตี และน้ำหลาก
ถ้าพวกเขามีเวลาฝึกมากขึ้น คลื่นวายุจะเพิ่มระดับมากขึ้นแน่นอน
สถานะของเย่ว์หวี่ในฐานะหมอประจำกลุ่มเปลี่ยนไปในที่สุด แม้ว่านางยังไม่สามารถกลายเป็นกำลังโจมตีหลัก แต่อย่างน้อยนางก้าวหน้ากว่าครั้งก่อนมากมาย นางไม่ใช่คนที่มีทักษะรบเป็นศูนย์อีกต่อไป
“เย่ว์หยาง มาเริ่มกัน!”
เสวี่ยอู๋เสียผู้ตัดสินใจขังตัวเองสามวันเพื่อเข้าใจพลังหยินให้ลึกซึ้งขึ้น ตัดสินใจช่วยให้เย่ว์หยางเชี่ยวชาญในขอบเขตใหม่
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=287