ตอนที่ 259 กระบี่สุดยอด สังหารเฉียบขาด
เมื่อบุรุษผอม ขุนพลปีศาจกินฝันตาย อสูรตาทองที่หมดสติไป ตอนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะฟื้นแล้ว แต่เขายังดูไม่ดีและมีสีหน้าเจ็บปวด
ดูเหมือนเขาจะถูกบุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคทรมานมาอย่างหนักในความฝัน ตอนนี้สถานการณ์ต่อสู้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ตอนแรก คนฝ่ายเย่ว์หยางล้มลงทีละคน ไม่สามารถต่อต้านศัตรูของเขาได้ อย่างไรก็ตามหลังจากขุนพลปีศาจกินฝันตายและอสูรตาทองกลับมาได้ พวกเขาจึงฟื้นความแข็งแกร่งกลับมาได้ ถ้าไม่มีแม่ทัพปีศาจเก้าหัว และถ้ามีขุนพลเผ่าปีศาจเพียงสามและหัวเหว่ย พวกเขาอาจสามารถเอาชนะศัตรูของพวกเขาได้ ว่าถึงเรื่องจำนวนคน ฝ่ายเย่ว์หยางมีคนไม่กี่คน ไม่นับรวมอสูรตาทอง พวกเขามีจำนวนคนพอสู้กับศัตรูของพวกเขา อย่างไรก็ตาม หญิงสาวทั้งสี่คนไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด แม้ว่าพวกนางจะต่อสู้อย่างสุดความสามารถ บางทีแค่สู้ได้กับหญิงเปลือยซือเตียว
ซือเตียวขุนพลเผ่าปีศาจดูเหมือนจะอ่อนแอที่สุดในบรรดาสี่ขุนพลเผ่าปีศาจ
สิ่งที่สร้างความลำบากให้กับศัตรูของนางได้ก็คือ ความเร็วและกลิ่นของนาง ความเร็วของนางเร็วพอๆ กับสายฟ้าและกลิ่นที่นางปล่อยออกทำให้คนอื่นรู้สึกอ่อนเพลียและหมดพลัง ไม่มีการรับรองแน่นอนว่าพวกนางจะเอาชนะนางได้ หญิงสาวทั้งสี่จะไม่ยอมออกมาจากโล่พลังแน่นอน
พวกนางไม่อาจเป็นเหมือนกับเย่ว์หยาง ที่สามารถโคจรพลังปราณก่อกำเนิดได้ทั่วร่าง ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา เพราะเขาสามารถกลั้นลมหายใจในช่วงเวลาหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยาง มีการกระจายตัวที่แข็งแกร่งมาก
แม้ว่าเขาจะสูดดมกลิ่นหอมของซือเตียว เขาก็สามารถกำจัดผลกระทบของกลิ่นหอมออกจากร่างได้ง่ายดาย เทียบกับเย่ว์หยางแล้ว อสูรตาทองยังห่างไกลเขานัก มันจะมีผลต่อความสามารถในการต่อสู้ของร่างกายเขา หลังจากอสูรตาทองฟื้นขึ้นมา เขาหยุดลมหายใจของเขาทันทีและพยายามฟื้นความสามารถในการต่อสู้กลับคืนมา...
ข้างหน้าของอสูรตาทอง หัวเหว่ยผู้ถูกพยัคฆ์บินทุบตีจนน่วมในก่อนนั้นฟื้นคืนพลังแล้วและกำลังจ้องอสูรตาทองอย่างขึงขัง หัวเหว่ยไม่กล้าพัวพันเย่ว์หยาง แต่เขาเตรียมตัวสู้กับอสูรตาทองที่ยังอ่อนเพลียอยู่ แค่เพื่อทำให้มันดูดีต่อหน้าแม่ทัพเผ่าปีศาจ ปีศาจเก้าหัว
แน่นอน หัวเหว่ยเตรียมเปิดเผยความลับเรื่องที่เย่ว์หยางมีทักษะกลั่นเม็ดพลังด้วยไฟของเขา
เขากลัวว่าแม่ทัพเผ่าปีศาจจะฆ่าเด็กมนุษย์ทันทีด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ดังนั้นเขาตัดสินใจรายงานความลับทันที เพื่อที่ว่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัวจะได้จับเป็นเย่ว์หยางและเอาตัวไปถวายราชันย์เผ่าปีศาจแดนใต้
“รายงานท่านแม่ทัพใหญ่, ข้ามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง...”
หัวเหว่ยคำนับแม่ทัพปีศาจเก้าหัว และรายงานความลับ แต่ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งโผล่ออกมาจากด้านหลังของเขาและจับหน้าผากของเขา หัวเหว่ยแปลกใจมาก และก่อนที่เขาจะหลบได้ เขารู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก มีมือชุ่มเลือดข้างหนึ่งทะลุผ่านเกราะด้านหลังทะลุอกของเขา หัวเหว่ยไม่สามารถเห็นได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่มือเปื้อนเลือดจะชักกลับไปเหมือนกับว่ามันไม่เคยมีมาก่อน
หัวเหว่ยรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาถึงคอ เขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่ามือนั้นได้คว้าลำคอเขาไว้
ใคร?
เขาหันไป และพยายามดูว่าใครที่ลอบเข้ามาทำร้ายเขา
เขาเพิ่งหันมาก็เห็นมือที่เปื้อนเลือดนั้นถือหัวใจอาบเลือดแล้วบีบจนเละ แม้ว่าหัวเหว่ยจะเป็นสมาชิกเผ่าปีศาจบูรพาและมีร่างกายแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่สามารถทนการจู่โจมนี้ได้ ร่างของเขาซวนเซล้มลงกับพื้น
ในท้องฟ้า แม่ทัพปีศาจเก้าหัวเงื้อหมัดยักษ์และกระแทกใส่พื้นอย่างแรง อย่างไรก็ตาม มีหญิงสาวคนหนึ่งได้ลอบโจมตีเขา นางยกมือที่มีประกายไฟฟ้าและโล่แก้วหยุดการโจมตีของแม่ทัพปีศาจเก้าหัวได้อย่างเด็ดขาด บุรุษอ้วนผู้มีคางคกสามขาเริ่มโจมตีจากด้านซ้าย อย่างไรก็ตาม หญิงงามลึกลับอู๋เสียเทเลพอร์ตมาอยู่ใกล้ๆ
และเรียกคัมภีร์ของนางออกมาป้องกันการโจมตีของบุรุษอ้วนไว้ได้... เมื่อปีศาจอสรพิษน้อยเสี่ยวเหวินหลีปรากฏออกมาจากร่างของเย่ว์หยาง คางคกสามขาดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของเธอ ทันใดนั้นมันกระโดดกลับไปหาเจ้านายของมัน และพ่นควันหนาครอบคลุมร่างเขาไว้ จากนั้นมันกลายเป็นควันดำและหนีออกไปจากพื้นที่
ขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวผู้มีความเร็วสูงสุด ก็คือหญิงเปลือยหุ่นยั่วยวน นางลอบโจมตีจากด้านบนหลังศีรษะของเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตาม จู่ๆ ก็มีสายตาที่เหมือนกับมัจจุราชจ้องมองมาที่นาง
ขุนพลปีศาจซือเตียวมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไว นางกลับโยนสัตว์อสูรตัวหนึ่งมาแทนที่นางจากนั้นนางก็หายตัวไปหลบซ่อนจากสายตามัจจุราชนั้น.. นัยน์ตามัจจุราชเปล่งแสงเพลิงแดงทันที และสัตว์อสูรของขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวร้องอย่างเจ็บปวดก่อนจะตายคาที่ทันที
ขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวมองอย่างตกตะลึง ขณะที่อสูรที่เป็นตัวแทนนางถูกสังหารทันทีจากในระยะที่ห่างออกไปถึง 30 เมตร
ยามนี้ หญิงสาวร่างสูงมีเขาวัว มองดูสมส่วน ไม่มีกล้ามเนื้อ แต่มีพลังแข็งแกร่งอย่างมากยืนอยู่ข้างหลังเย่ว์หยาง ตาของนางเรืองแสงสีแดงสดใสเหมือนกับว่านางคือยมทูต
ที่แขนข้างซ้ายของนางมีกำไลสลักอักษรรูนโบราณ นอกจากนี้นางยังถือโล่ราชสีห์ทองที่เปล่งพลังแปลกๆ ออกมาอยู่ที่แขนขวาของนาง สตรีผู้มีเขาโคนี้มีสัดส่วนความสูงที่เป็นสตรีสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ทั้งร่างนางยังพันไปด้วยด้ายไหมทองที่เป็นสมบัติพิเศษ..
สตรีเขาวัวพร้อมกับอาวุธเครื่องมือระดับทองเต็มตัว
มีกระทั่งกระดิ่งทองซึ่งมีพลังงานบริสุทธิ์แขวนอยู่ที่คอของนาง
“ปีศาจเขาแกะหรือ?”
ขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวคิดว่านางเป็นหนึ่งในสมาชิกเผ่าปีศาจบูรพา ปีศาจเขาแกะ แต่ทันใดนั้นนางก็ตัดความคิดเช่นนั้นออกไปทันที เพราะปีศาจเขาแกะตัวไม่สูงขนาดนั้น นอกจากนี้พวกมันไม่มีพลังสังหารศัตรูด้วยการจ้อง
“โคป่า นางคืออสูรร่างมนุษย์ที่วิวัฒนาการมาจากโคป่า!”
เพียงคนเดียวที่ยังไม่ลงมือโจมตีและคอยดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ ก็คือหญิงงามผู้ถือผีผาหยกระบุออกมาอย่างมั่นใจ
“แม้ว่านางจะยังไม่เป็นอสูรในตำนาน แต่ก็ใกล้เคียงมากแล้ว.. อสูรพิทักษ์สองตนเชียวหรือ? เจ้าเป็นหนุ่มน้อยที่น่าสนใจนะ! ข้าสงสัยยิ่งนักว่าทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจนัก กลับกลายเป็นว่าเจ้าซุกซ่อนความแข็งแกร่งไว้มากมาย น่าสนใจ น่าสนใจจริง!”
“ต่อไปจะน่าสนใจยิ่งกว่า”
เย่ว์หยางดึงเม็ดพลังของหัวเหว่ยออกมาก่อนที่เขาจะตาย
หัวเหว่ยดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ร่างของเขากลับคืนสู่ร่างขนาดเดิมของเขา
เขากลับกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดเต่าอสรพิษ
เลือดพุ่งออกมาจากปากของเขาขณะที่เขาตายอย่างทรมานตรงนั้นเอง
พอเห็นหัวเหว่ยถูกศัตรูสังหารอยู่ใกล้จมูกของพวกเขา สีหน้าของสามขุนพลเผ่าปีศาจและแม่ทัพปีศาจเก้าหัวเปลี่ยนไป นี่เท่ากับว่าเป็นการตบหน้าพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ทัพปีศาจเก้าหัวผู้บุกโจมตีก่อนหน้านั้น เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาสามารถต่อยเย่ว์หยางจนปลิวด้วยหมัดของเขา แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ตายคาที่ทันที แต่เขาจะต้องบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน
คิดไม่ถึงเลยว่าหมัดของเขาที่สามารถทลายเนินเขาย่อมๆ ได้จะถูกหยุดได้ด้วยโล่แก้วผลึก
พอเห็นอักษารรูนสีเงินบนโล่แก้วผลึก แม่ทัพปีศาจเก้าหัวถึงกับขุ่นเคืองมาก.. เด็กมนุษย์ผู้หญิงนี้ นางไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิดชัดๆ แต่พลังป้องกันของนางกลับไม่ด้อยกว่าของนักสู้ปราณก่อกำเนิดเลย
โล่แก้วผลึกของนาง เขาเชื่อว่าไม่มีนักรบปราณก่อกำเนิดเนิดระดับ 1 ที่มีพลังป้องกันอย่างนั้น หมัดที่น่ากลัวของเขาสามารถต่อยนักรบปราณก่อกำเนิดระดับ 1 จนปลิวได้ง่ายๆ กลับไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าโล่แก้วผลึกนั้น ไม่สามารถทำลายการป้องกันของนางได้
หมัดของแม่ทัพปีศาจเก้าหัวเป็นเหมือนพายุหมุนกวาดไปทั่วทั้งสี่ทิศ
ซือเตียวผู้ว่องไวดุจสายฟ้าแต่อ่อนแอที่สุดมิอาจทำอะไรได้ ยังถูกแรงหมุนของหมัดกวาดปลิวไปหลายร้อยเมตร แม้ว่านางพยายามหลบไปอยู่ห่างๆ แล้วก็ตาม
แต่คางคกทองสามขาสุดน่าเกลียด หลังจากช่วยเจ้านายของมันได้สำเร็จ มันแปลงเป็นควันดำและบินห่างออกไปสามสิบเมตรก่อนที่จะหยุดได้ ความสามารถของมันไม่ธรรมดาแน่นอน
“ลองอีกครั้งเป็นไง”
แม่ทัพปีศาจเก้าหัวคำรามลั่นราวกับฟ้าผ่า ต่อยหมัดออกไปอย่างไม่ลดละ
มือหกข้างจากแปดข้างของเขาเปลี่ยนเป็นมังกรหางงูยักษ์ มันเหมือนกับกลุ่มงูที่พันวนกัน พวกมันพุ่งเข้าหาหญิงงามอู๋เหินผู้ถือโล่ของนาง และรุกเข้าหาเย่ว์หยาง ขณะเดียวกัน มือสองข้างที่ใหญ่ที่สุดของเขาประกบกันเป็นกำปั้นและทุบลงมาด้วยพลังที่ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ กันหญิงงามอู๋เหินให้ไม่สามารถป้องกันเย่ว์หยางได้ต่อไป
ริมฝีปากของเย่ว์หยางเผยอยิ้มอย่างเยือกเย็น เขายกมือเปื้อนเลือดและสร้างโล่เพลิงขนาดยักษ์ป้องกันหมัดและหยุดคมเขี้ยวงูมังกรที่ลอบทำร้ายเขาได้
ด้วยแสงเจิดจ้าจากนัยน์ตาของเสี่ยวเหวินหลี หัวมังกรที่อยู่ต่อหน้าเธอชะงักทันที มันแตกต่างจากวิธีที่เย่ว์หยางสร้างโล่เพลิง วิธีของเสี่ยวเหวินหลีโหดกว่าและเด็ดขาดกว่า ดาบโค้งคู่ของเธอกรีดฟันใส่มังกรหางงูสองหัวที่พยายามจะกินเย่ว์หยาง มังกรหางงูทั้งสองถูกแช่แข็งด้วยพลังมีดน้ำแข็งของเธอ
ในตอนนี้ความเร็วในการบุกเข้ามาของพวกมันช้ากว่าหอยทากเสียอีก โคเงาอาหมันรุกตอบโต้ทันที นางยกโล่ทองราชสีห์แล้วกระแทกใส่หนึ่งในหัวมังกรหางงู จากนั้นนางปล่อยโล่แล้วใช้มือทั้งสองโจมตี นางจับหัวมังกรไว้แน่น นางตั้งใจจะฉีกมังกรออกมาจากร่างของแม่ทัพปีศาจเก้าหัว
ในที่สุดแม้แต่หัวมังกรสุดท้ายก็ไม่สามารถโจมตีเย่ว์หยางได้ มันถูกเผาเป็นตอตะโกด้วยพลังสายฟ้าก่อนจะได้แตะต้องเย่ว์หยาง
หญิงงามลึกลับอู๋เสียยังใช้น้ำแข็งได้ไม่ดีถึงขนาด แต่นางกลับใช้สายฟ้าได้ดี
ขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวที่ยังเปลือยกายอยู่หายแว่บเข้ามาเพื่อลอบทำร้ายว่องไวปานสายฟ้าแล่บ นางตะกุยกรงเล็บที่สีดำทั้งสิบพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางอย่างดุร้าย อีกด้านหนึ่ง ขุนพลปีศาจคางคกอ้วนก็พุ่งเข้ามา
แม้ว่าดูภายนอกเขาจะงุ่มง่าม แต่ความเร็วของเขาไม่ด้อยไปกว่าขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียว เหลือแต่เพียงหญิงงามที่ถือผีผาหยกยังคงจับตาดูสถานการณ์ต่อสู้ต่อไป อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้มองดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหรือเจ้าเมืองโล่วฮัวที่ยังสงวนพลังเอาไว้ แต่นางกลับระมัดระวังเย่ว์หยางแทน
ร่างของเย่ว์หยางหายวับไปทันที
ขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวและขุนพลปีศาจคกโจมตีเจอแต่ความว่างเปล่า
เมื่อขุนพลเผ่าปีศาจทั้งสองตระหนักได้ว่าพวกเขาจู่โจมพลาด พวกเขาต่างคนต่างก็รีบกระโดดไปข้างหน้าเพื่อป้องกันและหลบไปจากพื้นที่ต่อสู้
“บึ้ม!”
แม่ทัพปีศาจเก้าหัวทุบกำปั้นของเขาใส่โล่แก้วผลึกของหญิงงามอู๋เหิน มองผิวเผิน ดูเหมือนหญิงงามอู๋เหินจะล้มลงด้วยการโจมตีที่น่ากลัวของเขา เทียบกับแม่ทัพปีศาจเก้าหัวแล้ว ร่างของนางเปราะบางมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น นางยังป่วยหนักจนแม้แต่คนตาบอดก็เห็นได้ว่านางมีร่างกายอ่อนแออย่างมาก
อย่างไรก็ตาม โล่แก้วของนางยังคงต้านรับได้แข็งแกร่ง ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
สีผิวที่อ่อนแอของหญิงงามอู๋เหินเปลี่ยนเป็นซีดขาวภายใต้การโจมตีอย่างหนักของแม่ทัพปีศาจเก้าหัว อย่างไรก็ตาม นิ้วมือเรียวงามของนางยังคงยกโล่แก้วผลึกของนางต่อไป ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อ โล่ของนางไม่มีรอยแตกแม้แต่น้อยแข็งยิ่งกว่าป้อมปราการเหล็กเสียอีก
แววตกใจฉายผ่านใบหน้าของแม่ทัพปีศาจเก้าหัว
การโจมตีครั้งนี้ เขายกระดับพลังขึ้นเท่านักรบปราณก่อกำเนิดระดับ 2 แล้ว ภายใต้แรงกดดันหนักหน่วง โล่แก้วนั่นก็ยังไม่ได้รับผลกระทบอะไร
คู่ต่อสู้ของเขาเป็นแค่หญิงมนุษย์คนหนึ่งที่ยังไม่ถึงระดับปราณก่อกำเนิด ร่างของนางดูอ่อนแอจนดูเหมือนเพียงลมกระโชกก็สามารถพัดพาตัวนางปลิวไปได้ แต่ว่าพลังป้องกันของนางแข็งแกร่งกว่าเต่าหมื่นปีถึงสิบเท่า นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้อย่างไรที่อสูรที่แปลงเป็นโล่แก้วผลึกถูกเรียกออกมาโดยหญิงมนุษย์ที่ยังไม่ถึงระดับปราณก่อกำเนิด จะสามารถทนทานต่อการพลังโจมตีที่รุนแรงพอๆ กับนักรบพลังก่อกำเนิดระดับ 2? ไม่มีแม้แต่รอยร้าวปรากฏอยู่บนโล่แก้ว นี่มันอสูรแบบไหนกันแน่ เขาไม่อาจยอมรับได้ ต่อให้เห็นกับตาตัวเองก็ตาม
ถ้าปีศาจเก้าหัวรู้ว่าหญิงงามอู๋เหินได้ปรับแต่งโล่แก้วและเกราะแก้วของนางด้วยอักษรรูนที่อยู่บนตัวของเย่ว์หยางหลายครั้งและเพิ่มพลังป้องกันจนสูงกว่าเดิมถึงสิบเท่า เขาคงจะไม่แปลกใจนัก
โล่แก้วที่แม้แต่พลังปราณก่อกำเนิดระดับที่ 1 ก็ทำให้แตกไม่ได้ มีความก้าวหน้าอย่างมากมายหลังจากเย่ว์หยางและหญิงงามอู๋เหินร่วมกันปรับปรุงคุณภาพของมัน
อย่าว่าแต่พลังปราณก่อกำเนิดระดับ 2 ของแม่ทัพปีศาจเก้าหัวเลย แม้ว่าเขาจะเพิ่มพลังโจมตีจนถึงปราณก่อกำเนิดระดับ 3 เขาก็ยังไม่สามารถทำลายได้ ถ้าผู้ที่ถือโล่ไม่ใช่หญิงงามอู๋เหิน แต่เป็นหญิงงามลึกลับอู๋เสียแทน แม่ทัพปีศาจเก้าหัวก็จะรู้สึกหมดหวังมากขึ้น ทั้งนี้เพราะหญิงงามอมโรคอู๋เหินมีความรู้เรื่องอักษรรูนโบราณ แต่ในด้านทักษะการต่อสู้ นางยังห่างจากอู๋เสีย
ถ้าหญิงงามลึกลับอู๋เสียยังได้ครอบครองโล่แก้วผลึกอย่างเดียวกัน บางทีนางจะสามารถใช้โล่แก้วรุกกระหน่ำจนแม่ทัพปีศาจเก้าหัวไม่สามารถโจมตีได้เลย
“มีมากหัวก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะมีประโยชน์ คนโง่ก็ยังคงโง่ตลอดไป!” ร่างของเย่ว์หยางมาปรากฏอยู่ด้านบนของแม่ทัพปีศาจเก้าหัว เขาเงื้อมือขึ้นพร้อมกับเกร็งพลังปราณก่อกำเนิดไว้พร้อม เขาประกบนิ้วทั้งสิบเข้าด้วยกันและสร้างปราณกระบี่ขนาดยักษ์ขึ้นมาสว่างเป็นประกายเจิดจ้าอยู่เหนือมือของเขา
เป้าหมายของเขาก็คือศีรษะของแม่ทัพปีศาจเก้าหัว
แม้ว่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัวจะไม่เห็นปราณกระบี่สังหารของเย่ว์หยางชัด แต่ในฐานะนักสู้ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายร้ายแรง
ขณะที่งูมังกรของเขาถูกปล่อยออกมา เขาไม่สามารถดึงมันกลับเข้ามาได้แต่ปล่อยมันไว้ที่เดิม เขาทำได้เพียงแผดเสียงคำรามกึกก้องและเพิ่มระดับพลังก่อกำเนิดขึ้นไปเป็นระดับที่ 3 เตรียมกระแทกศัตรูของเขาให้กระเด็นด้วยการระเบิดพลังปราณออกมาจากตัวเขา
แต่ทุกอย่างที่เขาทำกลับไร้ประโยชน์
นิ้วทั้งสิบของเย่ว์หยางประกบเข้าด้วยกัน แสงรังสีนับพัน (สหัสสรังสี) ที่สว่างเจิดจ้ากว่าดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่บนมือของเย่ว์หยาง
ปราณกระบี่ตัดศีรษะของแม่ทัพปีศาจเก้าหัวได้อย่างง่ายดายเหมือนมีดร้อนที่ใช้หั่นเนย
ตราบใดที่กระบี่สุดยอดของเย่ว์หยางอันเป็นหนึ่งในวิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขาโจมตีถูกเป้าหมาย มันสามารถตัดได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่จ้าวปีศาจฮาซินที่มีความแข็งแกร่งมากยังต้องบาดเจ็บหนักจนเสียแขนข้างหนึ่ง ในเวลานี้ เย่ว์หยางต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า ปราณกระบี่นี้ ถ้ามันโจมตีถูกเป้าหมายจริงๆ แม่ทัพปีศาจเก้าหัว จะไม่เพียงบาดเจ็บหนักเหมือนกับจ้าวปีศาจฮาซินเท่านั้น....
ปราณกระบี่นี้จะฆ่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัวได้ทันทีหรือไม่? หรือว่าจะใช้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง?
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=279