ตอนที่ 255 รุมล้อมโจมตี
“เนื่องจากพวกท่านรู้กันและกันดี พวกท่านควรคุยระลึกนึกถึงวันคืนเก่าๆ ต่อไปเถอะ เรายังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ จะไม่รบกวนพวกท่านล่ะ”
เย่ว์หยางเตรียมจะออกไป
“ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ถ้าเจ้าคลานลอดหว่างขาข้าออกไป”
เต่าอสรพิษหางเพลิงที่ตอนนี้กลายเป็นบุรุษสวมเกราะดำหัวเราะดังลั่น
“ส่วนสาวๆ ต้องอยู่ต่อ”
อสรพิษสองหัวที่แปลงเป็นบุรุษครึ่งงูสวมเกราะเขียวกล่าวเสริม
“.....”
เย่ว์หยางยังคงนิ่งเงียบแต่ยกดาบวิเศษฮุยจินแสดงให้ศัตรูรู้ว่าเขาจะไม่ลังเลที่จะเข้าต่อสู้กับพวกเขา เย่ว์หยางไม่ต้องการสร้างศัตรูเพิ่มขึ้น ถ้าไม่จำเป็น จะเป็นเรื่องดีกว่า ถ้าสมาชิกเผ่าปีศาจบูรพานี้จะสนใจแต่ทูตพยัคฆ์บิน ไม่ว่ายังไงเขาจะคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ถ้าพวกเขาสู้กัน อย่างไรก็ตาม
การมีความคิดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาจะถอนตัวเหมือนคนขลาด แต่นั่นกลับเป็นวิธีทดสอบศัตรูแทน ปฏิกิริยาของศัตรูจะเป็นตัวตัดสินว่าเย่ว์หยางจะเริ่มการโจมตีหรือไม่ เนื่องจากศัตรูต้องการต่อสู้ เขาก็จะฟันศัตรูโดยไม่ต้องกลัวความลำบากเลย
“เดี๋ยวก่อน”
จู่ๆ หญิงงามลึกลับอู๋เสียก็พูดขึ้น
“เจ้าไม่ต้องสู้ ปล่อยให้เราจัดการพวกเขาเอง
“ครั้งนี้เจ้ารับมือไหวหรือ?”
เย่ว์หยางประหลาดใจ
พวกเผ่าปีศาจบูรพาทั้งคู่นี้มีพลังปราณก่อกำเนิดแน่นอน แล้วพวกนางจะสู้กับพวกมันทั้งคู่ได้อย่างไร?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกวัดแกว่งดาบยักษ์ของนางอย่างห้าวหาญ
“เราจะตามเจ้ามาที่นี่ทำไมถ้าเราจะไม่ได้สู้? เจ้าคอยควบคุมกองกำลัง คอยดูขณะเราฆ่าเจ้างูสองหัวและเจ้าเต่าตัวนี้ให้ดีเถอะ”
ปีศาจบูรพาทั้งสองหัวเราะอย่างมิอาจอดกลั้นได้เมื่อได้ยินคำของนาง สีหน้าของพวกเขาแสดงว่าไม่ได้เห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นอยู่ในสายตาเลย
พวกเขามองว่า องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและหญิงสาวคนอื่นๆ ไม่ได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด พวกนางเป็นแค่เด็กผู้หญิง
ดังนั้น พวกมันจึงไม่สนใจ
ทูตพยัคฆ์บินยังคงเงียบขณะที่เขาเร่งฟื้นพลังจากอาการบาดเจ็บ ดูเหมือนว่าเขาจะมีแผนในใจมั่นเหมาะ
เย่ว์หยางลอบให้ความสนใจเจ้าผู้นี้ เหมือนกับว่าเขาไม่เชื่อใจทูตพยัคฆ์บิน แน่นอนว่า ก็ยังคงเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่ทูตพยัคฆ์บินจะเชื่อใจเย่ว์หยาง ทว่าศัตรูร่วมกันของพวกเขายืนอยู่ต่อหน้า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามฝ่ายมีความเป็นปรปักษ์กันและกันอยู่ในที เนื่องจากทุกคนมีความสนใจที่ต่างกัน ต้องมีฝ่ายหนึ่งในนี้พ่ายแพ้เพื่อทำลายสภาวะเผชิญหน้าสามเส้า
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตวาดลั่นขณะที่นางชูดาบยักษ์
ปราณของนางระเบิดออกจากตัว
มันรุนแรงพอๆ กับพายุเฮอริเคน
นี่เป็นครั้งแรกที่นางระเบิดพลังที่แท้จริงต่อหน้าเย่ว์หยาง ทั้งนี้รวมถึงพลังที่นางซ่อนไว้ตลอดเวลา
ประกายแสงเจิดจ้าฉายออกมาจากร่างนางทำให้นางดูเหมือนนักรบเทพเจ้า มีรัศมีหมุนอยู่รอบดาบของนาง ปราณกระบี่ของนางยังระเบิดออกมาจากขาทั้งสอง แขนและหลังของนางกระจายไปบนพื้นและอากาศ แรงกระแทกจากปราณกระบี่ทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นในถ้ำในระยะสิบเมตร ยามนั้นเมื่อแสงรูปดาบฉายออกมาจากร่างนาง เป็นรูปพยัคฆ์งดงามคำรามให้ได้ยิน
“โฮกกกก...”
ภาพพยัคฆ์ขาวขนาดใหญ่ปรากฏอยู่บนศีรษะขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
จากนั้นมันกลับเข้าไปในร่างขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนระเบิดพลังปราณออกมาอีกครั้ง ตอนนี้พลังปราณของนางรุนแรงกว่าปราณที่เหมือนพายุเฮอริเคนก่อนนั้นถึงสิบเท่า ตลอดทั้งถ้ำสั่นสะเทือน
สีหน้าของทูตพยัคฆ์บินเปลี่ยนไปทันทีที่เขาเห็นภาพพยัคฆ์ขาวชั่วเวลาหนึ่ง เหมือนกับว่าเขามองเห็นดาวข่มที่น่ากลัวของเขา
สำหรับบุรุษผู้สวมเกราะงูเขียวและบุรุษเกราะดำ มีนัยน์ตาฉายแววประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาไม่เคยคาดว่าหญิงสาวอย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่คล้ายว่าจะเป็นนักสู้ระดับ 6 จะมีพลังมากขนาดนั้นในยามที่ปลดปล่อยพลังที่แท้จริง
พวกเขาได้ยินมาว่านักรบชาวมนุษย์ในทวีปมังกรทะยานสามารถซุกซ่อนพลังตนเองได้เป็นอย่างดี แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามนุษย์นักรบจะซ่อนพลังได้ดีขนาดนี้ พวกเขาไม่สามารถบอกอะไรได้เลยเมื่อนางซ่อนพลังไว้ได้เป็นอย่างดี
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพลังของนางยังไม่ใช่พลังปราณก่อกำเนิด พวกมันทั้งสองคงยอมยกเลิกการต่อสู้กับนางไปแล้ว
พวกมันยังคงกลัวพลังของอสูรในร่างของนาง
เพราะอสูรนั้น ดูเหมือนจะเป็นพยัคฆ์ขาวแน่ๆ
กล่าวกันว่ามันแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน พยัคฆ์ขาวปัจจิม!
แน่นอนว่า อสูรที่ดูเหมือนพยัคฆ์ขาแห่งสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ มันคงไม่ใช่พยัคฆ์ขาวตัวจริง ถ้าพยัคฆ์ขาวตัวจริงอยู่ที่นี่ มันสามารถฉีกทึ้งพวกเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าปีศาจบูรพาจะมีสมาชิกเป็นร้อยก็ตาม
“ให้ข้าสู้กับนางเอง!”
บุรุษเกราะดำผู้แปลงตัวมาจากเต่าอสรพิษหางเพลิงก้าวเข้ามา
“ระวังให้ดี มีบางอย่างแปลกๆ ในตัวเด็กสาวคนนี้ อสูรที่อยู่ในตัวนางน่าจะเป็นพยัคฆ์ขาวจริงๆ แต่มันยังเป็นลูกพยัคฆ์ขาวที่ยังไม่โตเต็มที่ ข้ารู้สึกได้ลางๆ จากร่างนาง”
บุรุษเกราะงูเขียวที่แปลงร่างมาจากอสรพิษสองหัวเตือนสหายทันที
“ห่วงตัวของเจ้าเองจะดีกว่า!”
หญิงงามอมโรคอู๋เหินยิ้ม ร่างของนางไม่ได้ปล่อยปราณยะเยือก แต่กลับปล่อยปราณอ่อนหยุ่นงดงามมากๆ แทน แสงสีสันนับไม่ถ้วนเปล่งออกมาจากร่างกายนาง งดงามเหมือนกับสายรุ้ง รัศมีหลากหลายสีหายเข้าไปในร่างนางแล้วเปลี่ยนเกราะแก้วผลึก ราวกับว่านางเรียกออกมาพร้อมกัน
ถ้าพยัคฆ์ขาวขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถูกกล่าวขวัญว่าเป็นอสูรสายรุกที่แข็งแกร่งที่สุด อย่างนั้นเกราะแก้วผลึกของหญิงงามอมโรคอู๋เหินก็เป็นอสูรสายตั้งรับที่แข็งแกร่งที่สุด
เย่ว์หยางได้สู้กับหญิงงามอมโรคมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อนางปลอมตัวเองเป็นองค์ชายเทียนหลัว เขาไม่สามารถทำลายเกราะแก้วได้แม้จะพยายามอยู่หลายครั้งก็ตาม จนเขาต้องใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์หลังจากสลักวงเวทอักษรรูนลงบนโล่ ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยเชื่อมั่นในองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและหญิงงามอมโรคว่ามีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกนาง
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางสงสัยที่สุดก็คือเขารู้สึกได้ถึงการตอบสนองที่คุ้นเคยมากจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
ดูเหมือนมันจะคล้อยตามใจเขาอย่างเลือนลาง
ตอนแรกเย่ว์หยางยังไม่สามารถพบเจอแต่ขณะที่เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามลึกลับเริ่มเรียก เขาก็ตระหนักได้ทันที.. มัน.. มันคืออักษรรูนโบราณ มีวงเวทอักษรรูนโบราณอยู่ในร่างของอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวที่สอดคล้องอยู่ในใจเขา พวกนางได้รับอักษรรูนโบราณตั้งแต่เมื่อใด? เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นเมื่อตอนพวกเขาอยู่ที่ทะเลสาบเทียมเมฆ?
มีเพียงเจ้าเมืองโล่วฮัวกับเขาที่มี เมื่อตอนที่เขาทำให้วงเวทอักษรรูนทำงาน บางทีองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและอู๋เสียก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ถึงเป็นสาเหตุให้พวกนางได้รับพลังของอักษรรูนโบราณเช่นกัน
ถ้าเทียบกับอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนที่เหลือ อักษรรูนสีเงินของหญิงงามอมโรคผู้มีร่างกายได้รับผลกระทบขณะที่นางศึกษาอักษรรูนโบราณมีผลตอบสนองต่ออักษรรูนบนร่างเย่ว์หยางที่ที่อ่อนที่สุด คนที่มีการตอบสนองที่แข็งแกร่งที่สุดกลับเป็นหญิงงามลึกลับอู๋เสียผู้มีฝีมือรุดหน้าและมีทักษะอัญเชิญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง นางไม่ได้ระเบิดปราณของนางออกมาเหมือนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ไม่ได้สงวนทักษะไว้เหมือนหญิงงามอมโรค นางเรียกคัมภีร์ออกมาอย่างเร้นลับ นางถือหนังสือโบราณไว้และพึมพำเหมือนกับว่ากำลังขับขานบทกวี
แสงหลากสีปรากฏบนร่างนางเปลี่ยนรูปเป็นอักษรรูนโบราณมากมาย
อักษรรูนโบราณลอยพลิ้วทั่วร่างนางเหมือนกับหิ่งห้อยแล้วหายไปภายในไม่กี่วินาที ด้านนอกโล่พลังของนาง อุณหภูมิลดลงฮวบฮาบราวกับว่ามีการโจมตีด้วยน้ำแข็งภายในถ้ำ บนพื้น ผนังและโดมถ้ำเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งทั้งหมด
“เอ๋? สาวน้อยเหล่านี้กลายเป็นกุหลาบมีหนามไปเสียแล้ว ตอนนี้เราลำบากเสียแล้ว!”
บุรุษเกราะเขียวร้องออกมาขณะที่เขาเห็นเกราะของหญิงงามอมโรคและแสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัว
“พวกนางไม่ใช่นางสู้ปราณก่อกำเนิด แต่ข้ารู้สึกได้ถึงอันตรายร้ายแรงจากพวกนาง หัวเหว่ย! อย่าเพิ่งบุก ข้าจะไปพาคนมาช่วย อย่าทำอะไรผิดพลาดอย่างโง่ๆ มันจะกลายเป็นเรื่องอัปยศ ถ้าเราพ่ายแพ้ในการต่อสู้อย่างนี้!”
“น่าประหลาดจริง ที่พวกเจ้าทั้งสองกลัวหญิงสาวชาวมนุษย์เหล่านี้ นี่ช่างเหลวไหลจริงๆ!”
ทูตพยัคฆ์บินเยาะเย้ยทั้งคู่ แต่ตนเองอดลอบตกใจมิได้
โชคดีที่เขาไม่ต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวเหล่านี้ในทันที ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหายุ่งยากเกินไป
บุรุษผู้สวมเกราะหนักและเป็นร่างแปลงของเต่าอสรพิษหางเพลิงไม่แยแสเขาขณะที่ทูตพยัคฆ์บินเยาะเย้ยเขา เขาตอบอย่างประชดว่า
“คนฉลาดจะไม่ยอมผิดพลาดอย่างโง่เขลาแน่ เฟยหู่! เจ้าอย่าคิดว่าจะกระตุ้นยุยงข้าด้วยคำพูดปัญญาอ่อนได้เลย ปี้หลิน! ปล่อยงูเขียวของเจ้าไปนำคนอื่นๆ มาที่นี่ ข้าจะจับพวกเขา ข้ามีความรู้สึกว่าหญิงสาวพวกนี้จะมีคุณค่ามากกว่าเจ้าพยัคฆ์บินงี่เง่านัก ถ้าเราสามารถจับพวกเขาได้และส่งพวกเขาให้ราชันย์ลิช ข้าเชื่อว่าเขาจะมีความสุขมาก!”
มนุษย์งูสองหัวนามว่าปี้หลินเรียกกลุ่มควันสีเขียวออกมา จากนั้นควันสีเขียวกลายสภาพเป็นเงาของงูเขียวปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ
งูเขียวหายตัวไปในพริบตา
เมื่อมันหายไป เงาสีขาวที่ไวกว่าแสงพุ่งออกมาจากแทบเท้าเจ้าเมืองโล่วฮัว เงาสีขาวนั้นพุ่งข้ามอากาศไล่ตามออกไปจากทางปากถ้ำ มันไล่ทันงูเขียวที่เพิ่งจะหายไปและงับงูเขียวจนร่วงลงกับพื้น
เป็นจิ้งจอกหิมะสามหางของเจ้าเมืองโล่วฮัว แม้ว่าทักษะต่อสู้ของมันจะไม่มาก ยังอ่อนกว่าเจ้าหมาแมลงสาบอย่างฮุยไท่หลางที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งมากนัก แต่ฮุยไท่หลางร้อยตัวก็ไม่สามารถเทียบกับมันได้ถ้าจะให้ฆ่าอสูรประเภทงู อาจกล่าวได้ว่าจิ้งจอกหิมะสามหางเป็นดาวข่มของอสูรประเภทงู ไม่ว่าอสูรงูชนิดใดก็ตามก็จะต้องตายหากว่าพวกมันถูกฟันคมซี่น้อยๆ กัด
งูเขียวบิดตัวอย่างเจ็บปวดขณะที่มันพยายามม้วนตัวรัดจิ้งจอกหิมะสามหาง มันพยายามรัดคอฝ่ายตรงข้ามให้ตาย
อย่างไรก็ตาม จิ้งจอกหิมะสามหางฉลาดและไวกว่ามาก
งูเขียวไม่สามารถแตะต้องร่างมันได้เลย เนื่องจากความเร็วของมันเร็วกว่าแสง
ในชั่วพริบตา งูเขียวก็ตายอยู่ในปากของจิ้งจอกหิมะสามหาง
มนุษย์งูสองหัวปี้หลินโกรธจัด เขายกมือข้างหนึ่งและมีของเหลวสีเขียวออกมาจากฝ่ามือของเขา ของเหลวสีเขียวนั้นมีกลิ่นคาวรุนแรงจนทำให้รู้สึกวิงเวียนและคลื่นไส้ จากนั้นเขายิงของเหลวสีเขียวไปที่จิ้งจอกหิมะสามหาง จิ้งจอกหิมะสามหางหลบของเหลวได้อย่างคล่องแคล่ว ขณะที่ของเหลวกระเซ็นอยู่บนพื้น ควันสีขาวและเขียวระเบิดพื้นหินจนแหว่ง
“แสงอุษา!”
เจ้าเมืองโล่วฮัวยกมือของนาง แม้ว่านางจะไม่มีทักษะต่อสู้ใกล้เคียงกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แต่พลังน่ากลัวของแสงอุษาที่รวมอยู่ในมือของนางคือฝันร้ายสำหรับศัตรูอย่างมิต้องสงสัย
“โล่เต่าวิเศษ! ปี้หลิน มาหลบข้างหลังข้า!”
บุรุษเกราะดำ หัวเหว่ยไม่มีคัมภีร์ แต่ในฐานะสมาชิกเผ่าปีศาจบูรพา เขาเชี่ยวชาญในทักษะอัญเชิญมาก ถ้าเทียบกับทูตพยัคฆ์บินและคนที่เหลือ เขาล้วงผลึกอัญเชิญสีดำออกมาแล้วเรียกเต่ายักษ์ที่กลายเป็นโล่ที่มีขนาดหนามาก เขาเตรียมป้องกันตนเองจากแสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัว
ขณะเดียวกัน เขาเตือนให้สหายของเขาหลบอยู่ข้างหลังเขา แม้ว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวจะไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่คงเจ็บปวดแน่ถ้าพวกเขาถูกโจมตีด้วยแสงอุษาแบบนั้น เขาตื่นตัวเป็นพิเศษ เพราะเขาเห็นวงเวทอักษรรูนปรากฏอยู่ชั่วครู่ก่อนที่แสงอุษาจะรวมตัวอยู่ในฝ่ามือของเจ้าเมืองโล่วฮัว
“สายเกินไปแล้ว”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเงื้อดาบของนางและด้วยพลังที่ไร้เทียมทาน นางฟันใส่เป้าหมายของนาง ปี้หลินมนุษย์งูสองหัวด้วยพลังรุนแรง
“ประกายเงาอสรพิษ...”
มนุษย์งูสองหัวไม่ได้ต้านทานการจู่โจม แต่กลายเป็นภาพลวงตาและไถลตัวเข้าหาสหายของเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น เรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น
ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว เขาก็ตกอยู่ในวงล้อมและถูกสาวๆ สังหารทันที
หญิงงามลึกลับอู๋เสียปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขา ในมือนางมีสายฟ้าและน้ำแข็ง พลังที่อยู่ในมือทั้งสองของนางไม่ด้อยไปกว่าพลังแสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัวเลย
นางใช้ช่วงเวลาที่แสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัวและพลังปราณขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโจมตีนั้น ปิดบังพลังของนางอย่างชาญฉลาด พลังที่นางสะสมจนแข็งแกร่งรอโอกาสที่จะโจมตีเท่านั้น ทันทีที่มนุษย์งูสองหัวเคลื่อนไหว นางโจมตีเขาทันทีโดยยิงพลังจากมือของนางเข้าที่หูของเขา
พลังของนางในตอนนี้ ไม่ใช่ระดับเดียวกับเมื่อตอนที่นางสู้กับสื่อจินโหวอีกแล้ว
ก่อนที่นางจะโจมตีมนุษย์งูสองหัวด้วยมือทั้งสอง สีหน้าหวาดหวั่นปรากฏอยู่บนหน้าของเขา เขาสามารถหลบหรือป้องกันได้ แต่มีปีศาจอสรพิษน้อยน่ารักทำให้ชีวิตของเขาตกอยู่ในวิกฤติ เนื่องจากทักษะแฝงเร้นพันธนาการของเธอ ทำให้เขากลายเป็นกระสอบทรายมีชีวิตที่ไม่อาจเคลื่อนไหวได้สามวินาทีขณะที่เขาถูกทำร้าย
ข้างหน้าคือปีศาจอสรพิษน้อยน่ารักกำลังควงดาบโค้งอยู่ข้างหน้าเขา ข้างหลังเขาเป็นหญิงงามลึกลับผู้เป็นเหมือนมัจจุราชโจมตีทำร้ายเขาด้วยฝ่ามือสายฟ้าและพลังน้ำแข็งทั้งซ้ายและขวาตามลำดับ
บนศีรษะเขา ดาบยักษ์ประหลาดของแม่เสือสาวองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังฟันลงมาที่ตัวเขา
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=275