ตอนที่ 249 ขัดขวาง ไล่ล่า
บึ้ม...
ขณะที่ทูตพยัคฆ์บินเตรียมกระแทกคลื่นระเบิดพยัคฆ์ใส่ตัวแทนของไป๋หวินเฟย ในทันใดนั้น เสียงระเบิดดังสนั่นใกล้หูเขา
บนเวที มีร่างหนึ่งพุ่งลงมาเหมือนดาวตกจมลงไปในพื้น อัดกระแทกจนกระเบื้องผิวเวทีแตกเป็นชิ้น
ทูตพยัคฆ์บินถึงกับตกใจหนัก
ทั้งนี้เป็นเพราะร่างที่ถูกซัดลงมานั้นไม่ใช่เด็กมนุษย์ตัวน้อย แต่กลับเป็นอสูรหมีคนน้องที่สู้อยู่กับบุรุษคล้ายน้ำแข็งคนนั้น
ความจริงบุรุษน้ำแข็งคนนั้นมีความสามารถมากพอจะกระแทกอสูรหมีดำผู้น้องได้หรือ?
แต่เจ้าเด็กนั่นยังไม่ได้เป็นแม้แต่นักสู้ระดับ 7 (เหนือมนุษย์) ด้วยซ้ำ
ทูตพยัคฆ์บินจะไม่ยอมเชื่อเรื่องนี้เด็ดขาด เมื่อเขามองไปรอบๆ เขาก็รู้ได้ว่าอสูรหมีดำคนพี่ถูกซัดกระเด็นไปก่อนแล้วเหมือนกับน้องชายของเขา...
จากนั้นเองทูตพยัคฆ์บินจึงได้พบว่าคนที่ซัดอสูรหมีดำทั้งคนพี่และคนน้องนั้น ไม่ใช่บุรุษน้ำแข็ง แต่เป็นบุรุษอีกคนสวมหน้ากากทองครึ่งหัวเราะครึ่งร้องไห้ เขาไม่เพียงแต่ซัดพี่น้องอสูรหมีดำจนกระเด็นเท่านั้น แต่ยังสร้างโล่เพลิงยักษ์ป้องกันกรงเล็บของเหมยฮัวคนพี่ เขาเพียงคนเดียวเล่นงานพี่น้องหมีดำและพี่น้องเหมยฮัวไปถึงสามคน ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ
คนผู้นี้ จะต้องจัดการกับร่างแยกของทูตพยัคฆ์บินอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นเขาจะมีเวลาต้านทานคนอื่นได้อย่างไร?
เมื่อทูตพยัคฆ์บินหันไปดูเย่ว์หยาง เขาก็ต้องชะงักค้างอีกครั้ง
ในท้องฟ้า ร่างแยกอีกร่างหนึ่งของเขาถูกแช่แข็งไปแล้ว มือทั้งสองของเขายังชูอยู่ในท่ากลั่นคลื่นระเบิดพยัคฆ์ ทำให้ดูเหมือนกับท่ายกมือยอมจำนน
ร่างที่ถูกแช่แข็งของเขาร่วงลงพื้นอย่างรวดเร็ว และกระแทกกับพื้นเวทีเสียงดังสนั่นปานฟ้าผ่า ก้อนน้ำแข็งแตกกระจัดกระจายไปทั่ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทูตพยัคฆ์บินสับสนไปหมด แม้ว่าพวกเด็กชาวมนุษย์จะสามารถเห็นว่าร่างแยกอีกร่างของเขาจะมีพลังเพียงหนึ่งในสิบของร่างหลัก แต่เขาก็ไม่น่าแช่แข็งร่างแยกของเขาจนเป็นน้ำแข็งได้มิใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น พี่น้องอสูรหมีดำยังถูกนักรบที่ระดับต่ำกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดเล่นงานเอาได้หรือ? นอกจากนี้ คลื่นระเบิดพยัคฆ์ที่ร่างแยกของเขาปล่อยมาไปอยู่ไหนเสียแล้ว?
“.....”
แน่นอน เย่ว์หยางคงไม่บอกเขาหรอกว่าพี่น้องอสูรหมีดำปลิวกระเด็นลงมาด้วยคลื่นระเบิดพยัคฆ์ของทูตพยัคฆ์บินเอง
“อ๊าค!” พี่น้องอสูรหมีดำร้องดังโหยหวน พวกเขาสั่นสะท้านไปทั้งร่างขณะที่เวทีสั่นสะเทือนทั้งหมด
พวกเขาพุ่งออกมาทันทีจากภายในกองกระเบื้องแตกหัก
แม้ว่าพวกเขาจะถูกซัดกระเด็นด้วยกลยุทธที่แยบยลของเย่ว์หยางโดยใช้คลื่นระเบิดพยัคฆ์ แต่ร่างที่แข็งแกร่งของพวกก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มีเพียงผิวหนังส่วนน้อยที่ไหม้ดำเกรียม
เผ่าปีศาจบูรพามีผิวหนาทนทานอย่างคาดไม่ถึง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่พวกเขาได้สร้างร่างกายจนถึงระดับสูงสุดด้วยการฝึกฝนของพวกเขา นอกจากการโจมตีของนักสู้ปราณก่อกำเนิด พวกเขาไม่สนใจต่อการโจมตีทุกชนิด
เปรียบเทียบแล้ว ต้องเป็นนักสู้ชาวมนุษย์ระดับ 9 (เซียน) เป็นอย่างน้อยถึงจะทำร้ายให้พวกเขาบาดเจ็บได้ เมื่อพวกเขารับพลังคลื่นระเบิดพยัคฆ์ แน่นอนว่า ถึงแม่ร่างมนุษย์คนหนึ่งจะเทียบไม่ได้กับร่างอสูรของเผ่าพันธุ์ปีศาจและอื่นๆ แต่ปัญญาของพวกเขาสูงกว่าเผ่าปีศาจอื่น
ตราบใดที่มนุษย์สามารถฝึกถึงระดับ 9 (เซียน) ได้ พวกเขาจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ในที่สุด
เรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้นกับเผ่าปีศาจบูรพา
เหมยฮัวคนน้องตะกุยกรงเล็บใส่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ต้านรับพลังของเขาโดยตรง นางกลับเรียกคัมภีร์และกางโล่ต้านรับพลังโจมตีนั้นไว้
นางเพียงรับหน้าที่พัวพันเหมยฮัวคนน้อง ส่วนเหมยฮัวคนพี่ปล่อยให้เย่ว์หยาง, อู่เสียและอู๋เหินจัดการสังหาร
“พี่น้องอสูรหมีดำ พาเด็กมนุษย์ 2-3 คนนี้หนีไปก่อน แล้วข้าจะตามไปทีหลัง”
ทูตพยัคฆ์บินมองดูเฟิงชิซา, เหยียนพั่วจวินและคนอื่นๆ นอนระเกะระกะอยู่พื้น เขาโบกมือออกคำสั่งให้พี่น้องหมีดำพาคนพวกนี้ไป มิฉะนั้น ในการต่อสู้ใหญ่ที่จะเกิดขึ้น พวกที่หมดสติป้องกันตัวไม่ได้นี้อาจถูกฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ
พี่น้องหมีดำโกรธเกรี้ยวอย่างมาก แต่พวกเขายังคงทำตามคำสั่ง
คนหนึ่งแบกเฟิงชิซาและเหยียนพั่วจวินที่บาดเจ็บหนัก ขณะที่อีกคนหนึ่งแบกทูตมังกรชังหลันวี่และองค์ชายสือจินที่หมดสติอยู่ พวกเขาคำรามเสียงดังลั่นพลางพุ่งเข้าไปในลำแสงสีดำกลางวงเวทอักษรรูนและหายไปโดยไร้ร่องรอย
ทูตพยัคฆ์บินปล่อยหมัดใส่ร่างแยกของเขาที่ถูกแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็ง เพื่อปลดปล่อยตัวเขาออกมาจากกับดักน้ำแข็ง
พอผสานเข้ากับร่างแยกของเขาแล้ว ทูตพยัคฆ์บินก็ฟื้นความแข็งแรงได้เต็มที่แล้วพุ่งเข้าโจมตีเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ออกมาแล้วกางโล่ป้องกันทันที
ขณะที่แรงกระแทกจากพลังหมัดของทูตพยัคฆ์บิน ทำให้เกิดระลอกสั่นสะเทือนอยู่ทั่วโล่ป้องกันและกระจายหายไปโดยไม่ส่งผลอะไรในที่สุด เย่ว์หยางปล่อยโซ่ล่องหนมัดเขาไว้ในจุดนั้นเอง
นางพญากระหายเลือดหงบินโฉบลงมาจากฟ้าและปล่อยคลื่นเสียงใส่หูของทูตพยัคฆ์บินขณะที่นางใช้มีดทองฆ่ามังกรและมีดเงินทำลายดวงตาแทงใส่ตาทั้งคู่ของทูตพยัคฆ์บิน
จากนั้นเย่ว์หยางโจมตีซ้ำอย่างไม่ยั้งมือ เขาใช้ท่าดาบที่หนึ่ง ดาบผ่าภูผาอย่างเต็มกำลัง ดาบที่มีไฟลุกโชนฟันขวางใส่ท่อนล่างของทูตพยัคฆ์บิน เขาตั้งใจจะตอนทูตพยัคฆ์บินให้กลายเป็นขันที เนื่องจากเผ่าก็อบลินตะวันออกมีพลังที่แข็งแกร่ง ร่างกายที่แข็งแกร่งทำให้การโจมตีธรรมดาใช้กับเขาไม่ได้ ดังนั้นเย่ว์หยางถูกบังคับให้โจมตีอวัยวะสำคัญของคู่ต่อสู้แทน
อีกด้านหนึ่ง เสวี่ยทันหลางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแต่ละคนต่างก็เรียกคัมภีร์ออกมากางโล่ป้องกัน แม้ขณะที่เหมยฮัวคนน้อยยังตะกุยกรงเล็บใส่โล่ป้องกัน พวกเขาก็ยังปลอดภัย
สำหรับเหมยฮัวคนพี่ เขาพบว่าความเร็วของเขาไม่ได้เร็วกว่าเด็กผู้หญิงสองคนข้างหน้า
การโจมตีของเขาพลาดเป้าหมาย เหมยฮัวคนพี่ผิดหวังจึงรีบวิ่งไปข้างเวทีอย่างดุร้ายและโจมตีใส่เจ้าเมืองโล่วฮัวผู้ยืนอยู่ข้างล่างเวที
เจ้าเมืองโล่วฮัวเรียกคัมภีร์ทันทีและกางโล่ป้องกันการโจมตีมุ่งหมายชีวิตไว้ได้โดยง่าย ขณะเดียวกัน จิ้งจอกสามหางที่อยู่ตรงเท้านางก็ขยายขนาดอย่างรวดเร็ว หางของมันสะบัดปล่อยกลิ่นหอมไปทั่วอย่างสง่างาม เจ้าเมืองโล่วฮัวสะสมพลังแสงอุษาของนางเตรียมพร้อมโจมตีแล้ว
และพลังใกล้จะถึงระดับสูงสุดในทักษะที่นางมีแล้ว พลังแสงอุษาที่น่ากลัวถูกยิงออกมาใส่เหมยฮัวคนพี่ ในอีกทางด้านหนึ่ง ทูตพยัคฆ์บินที่เย่ว์หยางกำลังฟันดาบใส่อยู่ กำลังยืนอยู่ในวิถีแสงอุษายิงผ่านพอดี
นี่คือการต่อสู้เป็นทีมระหว่างเจ้าเมืองโล่วฮัวและเย่ว์หยางที่คาดไม่ถึง
พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดก็ยังเป็นทีมงานที่ยอดเยี่ยมในการต่อสู้
เห็นได้ชัดว่าเหมยฮัวคนพี่ไม่ต้องการต้านรับแสงอุษาที่น่ากลัวนี้ เขากระโดดหลบการโจมตีไปอีกด้านหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาหลบพลังโจมตีได้ ทูตพยัคฆ์บินที่ถูกโซ่ล่องหนพันธนาการไว้กลับกลายเป็นผู้โชคร้าย แสงอุษายิงใส่ตัวเขาระเบิดใส่ตัวเขาเต็มที่
ร่างของทูตพยัคฆ์บินกระเด็นไปยังจุดนั่งชมอีกด้านหนึ่งหลายร้อยเมตรจนยุบเข้าไป พลังปะทะของแสงอุษาทำให้เกิดหลุมใหญ่บนพื้น แรงอัดกระแทกหินและกระเบื้องจนแตกกระจายและฝังร่างของทูตพยัคฆ์บินไว้ข้างใน อีกด้านหนึ่ง เหมยฮัวผู้พี่เพิ่งจะหลบแสงอุษาได้ มองดูอย่างตื่นตัวและโล่งใจในคราวเดียวกัน แต่ขณะที่เขาทำอย่างนี้ หมัดๆ หนึ่งที่ไม่อ่อนด้อยกว่าเขาเลยซัดใส่จมูกเขาเต็มที่
นี่คือหมัดลอบทำร้ายของวีรสตรีทวนมังกร นางแสดงความแข็งแกร่งสง่างามของนางทันทีที่รุกโจมตี
ศีรษะของเหมยฮัวผู้พี่กระแทกกับพื้นเวทีทันทีที่ถูกหมัดของนาง..
เมื่อเขาพยายามคลานขึ้นมาจากหลุมขึ้นมาบนพื้น เขาได้แต่ถ่มเลือดออกจากปากอย่างช่วยไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกในการต่อสู้ครั้งนี้ ที่สมาชิกเผ่าปีศาจบูรพากระอักเลือด... เมื่อเหมยฮัวผู้พี่มองเห็นเลือดในมือเขา ดูเหมือนเขาไม่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น นางไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่นางก็ยังทุบตีเขาจนกระอักเลือดได้หรือ?
ในท้องฟ้า ลำแสงดำและวงเวทอักษรรูนเริ่มสั่นกระเพื่อมช้าๆ ราวกับว่ามันจะหายไปได้ทุกเมื่อ
พี่น้องเหมยฮัวรู้สึกได้จึงมองขึ้นไป สีหน้าของเขากลับกลายเป็นห่วงกังวล
พวกเขาต้องไปเดี๋ยวนี้
แต่ทูตพยัคฆ์บินยังไม่ออกคำสั่งให้พวกเขาไป
ในท่ามกลางเศษหินในหลุมตรงจุดนั่งชมอีกด้านหนึ่ง ทูตพยัคฆ์บินระเบิดเศษหินที่ทับตัวเขากระเด็นออกไปด้วยพลังปราณของเขา หินทั้งขนาดใหญ่และเล็กกระเด็นลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ตาของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันร่างท่อนล่างของเขาไหม้เกรียม
ดูเหมือนว่าแม้เขาจะไม่กลายเป็นขันที แต่เขาก็ยังบาดเจ็บหนัก ขณะที่แสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัว ก็ทำได้เพียงทำให้หนังศีรษะของกลายเป็นสีดำ แต่ดูเหมือนไม่ได้ทำให้บาดเจ็บอย่างอื่น
ทูตพยัคฆ์บินโกรธอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้ ขณะที่เขาคำรามเสียงลั่นใส่เย่ว์หยาง “ถ้าข้ามีเวลาพอ ข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้นๆ”
เขารีบบินเข้าไปกลางเวทีต่อสู้แล้วแบกร่างตัวแทนไป๋หวินเฟยจากนั้นบินหายเข้าไปในลำแสงดำ ก่อนที่จะส่งสัญญาณให้คนอื่นกลับ
ก่อนที่เขาจะจากไป เขาหันมาตะโกนใส่เย่ว์หยางอย่างเกรี้ยวกราด
“ถ้าเจ้ามีความกล้าก็ตามมาที่นี่และไล่ตามเรามา ข้าจะรอเจ้าอยู่ในเส้นทางผ่านโบราณ เราจะสู้กันตัวต่อตัว ถ้าเจ้าชนะ เจ้าเอาตัวคนที่เราลักพาไปทั้งหมดกลับไปได้! เจ้ามีความกล้าตามเรามาไหมเล่า?”
เย่ว์หยาง, อู๋เสีย, อู๋เหินมองหน้ากันและกันก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปในอากาศพร้อมกัน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจงใจกระโดดช้าลง เพราะรอเจ้าเมืองโล่วฮัว
เสวี่ยทันหลางกลับตรงกันข้าม เขาไม่ไล่ตามพวกนั้นเหมือนเย่ว์หยางและคนอื่น แต่เขากลับปล่อยพายุหมุนน้ำแข็งเข้าโจมตีเหมยฮัวคนน้องที่ยังบินอยู่กลางท้องฟ้า เขาเตรียมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อจัดการเผ่าปีศาจบูรพาให้ได้ที่นี่สักคน อีกด้านหนึ่งวีรสตรีทวนมังกรโจมตีใส่เหมยฮัวคนพี่กลางอากาศ
ตราบใดที่สมาชิกเผ่าปีศาจบูรพาสองคนนี้ไม่สามารถกลับไปถึงลำแสงดำได้ก่อนที่มันจะหายไป พวกมันจะต้องตายอยู่ในทวีปมังกรทะยานแน่นอน... องครักษ์พิทักษ์ฟ้ามาถึงช้าเกินไป และนักรบที่แข็งแกร่งจากประเทศต่างๆ จะไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาไปแน่
เหมยฮัวคนน้องต้านทานพายุหมุนของเสวี่ยทันหลางและพยายามบินขึ้นไปด้วยพลังทั้งหมดของเขา
เย่ว์หยางฟันดาบใส่หัวของเหมยฮัวคนน้อง เหมยฮัวคนน้องร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด แต่ยังคงฝืนใจบินเข้าไปในลำแสงดำได้ในที่สุด
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตวัดดาบยักษ์ของนาง เหมยฮัวคนพี่ถูกวีรสตรีทวนมังกรดักโจมตีและยังถูกดาบขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟันใส่ .... เขาต้องการฝืนใจกลับเข้าไปในลำแสงดำ แต่อู๋เสียที่ปลอมตัวเป็นเย่ว์ปิงได้กลั่นใช้น้ำแข็งและสายในมือแล้วปล่อยพลังทั้งสองโจมตีหน้าของเขาขนาบซ้ายขวาพร้อมกัน
มีวีรสตรีทวนมังกรและเสวี่ยทันหลางอยู่ข้างล่างและแสงอุษาคู่ที่เพิ่มระดับพลังแล้ว หลังจากที่เจ้าเมืองโล่วฮัวผ่านการฝึกผสานกายกับเย่ว์หยาง นางยิงแสงมาจากด้านบน
หมัดของวีรสตรีทวนมังกรเหมือนดาวตกกระแทกใส่เหมยฮัวคนพี่ทางด้านขวาอย่างแรง ขณะที่มือของอู๋เสียโจมตีใส่ด้านซ้ายของเขา พายุหมุนของเสวี่ยทันหลางครอบคลุมเต็มฟ้าสามารถฉีกร่างของเหมยฮัวคนพี่เป็นชิ้นๆ ได้
ในท้องฟ้า แสงอุษาคู่ที่น่ากลัวกว่าแสงอุษาปกติถึงสิบเท่ายิงออกมาจากมือของเย่ว์หยางและเจ้าเมืองโล่วฮัว...
แสงอุษาคู่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นลำแสงขนาดใหญ่ยิงใส่เหมยฮัวผู้พี่ที่กำลังตะลึง ระเบิดจนเขากระเด็นออกไป
พลังแสงอุษาคู่ระเบิดจนเหมยฮัวคนพี่กระเด็นออกไปไกลหลายร้อยเมตร
เศษหินร่างกราวลงตรงจุดนั่งชมซึ่งกลายเป็นเถ้าถ่านจากแรงระเบิดของแสงอุษา
พอแสงสว่างส่องผ่านภายใต้โพรงที่เกิดขึ้นเพราะแสงอุษา เย่ว์หยางตระหนักว่าเหมยฮัวคนพี่ยังไม่ตายจริงๆ เขากลับคืนสู่ร่างเดิมกลายร่างเป็นเสือดาวขนาดยักษ์ที่ดูสภาพน่าอนาถทั้งร่างเต็มไปด้วยรอยบาดแผลที่น่ากลัว มันมีขนาดตัวยี่สิบเมตรวัดจากหัวถึงหาง และร่างของมันใหญ่พอๆ กับเนินเขา เทียบไม่ได้กับเสือดาวสายฟ้าหรือสัตว์ประเภทเดียวกับมันในทวีปมังกรทะยาน แม้แต่แมมม็อธยักษ์และและโคโดรบก็ยังดูเด็กไปเลยเมื่อเทียบกับเสือดาวนี้
มิน่าเล่ามันถึงไม่ตายไม่ว่าจะทุบตีอย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่าพวกเผ่าปีศาจบูรพามีร่างกายใหญ่โตนั่นเอง
ความจริงวีรสตรีทวนมังกรต้องการจะตามเย่ว์หยางและคนอื่นไปสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งด้วย แต่เมื่อนางเห็นเช่นนี้ นางรีบโบกมือให้เย่ว์หยางและพูดว่า
“พวกเจ้าไปเถอะ ปล่อยเจ้านี่ให้เราจัดการเอง เสวี่ยทันหลางรีบไปตามอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามาที่นี่ เจ้าผู้นี้ยังไม่ถูกฆ่าได้ง่ายๆ แน่”
ทันใดนั้นแพนด้าน้อยน่ารักปรากฏออกมาจากในร่างของวีรสตรีทวนมังกร มันตะโกนบอกเย่ว์หยางด้วยท่าทางที่น่ากลัวว่า
“หนิวหนิวจะช่วยแม่เอาชนะคนไม่ดีให้ได้ พี่ชาย เมื่อพี่กลับมาต้องให้รางวัลเป็นลูกอมหวานกับหนิวหนิวเยอะๆ นะ”
เย่ว์หยางต้องเตรียมรับมือเด็กหญิงแพนด้าอีกนาน เธอจะมากจะน้อยก็ยังดูคล้ายกับเย่ว์ซวง ลูกอมหวานคืออาวุธยิ่งใหญ่ที่ใช้กับพวกเธอได้ผลที่สุด
ฝีมือในการรับมือเด็กๆ ของเย่ว์หยางนับว่าอยู่ในระดับปรมาจารย์ เขามักจะเตรียมลูกอมติดตัวไว้มากมาย และเขาเอาลูกอมออกมาโชว์ให้แพนด้าน้อยดู
เมื่อเด็กหญิงแพนด้าเห็นลูกอม จิตวิญญาณต่อสู้ของเธอเพิ่มขึ้นระดับเต็มร้อยทันที พลังต่อสู้ของเธอเพิ่มขึ้นระดับทะลุปรอท ... ตรงกันข้าม, เจ้าเมืองโล่วฮัวและสาวๆ ทุกคนตะลึงมองกันดูกันทุกคน ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงพกลูกอมหวานมากมายไว้กับตัวตลอดเวลา? เป็นไปได้ไหมว่าเขาเตรียมไว้ล่อลวงลักพาตัวเด็กผู้หญิงเมื่อใดก็ได้กระมัง?
“ไปห่างๆ เลย, เด็กเล็กๆ จะฟันผุได้ถ้ากินลูกอมหวานมากเกินไป!”
พี่สาวขี้เมาที่ปลอมตัวเป็นวีรสตรีทวนมังกรไม่พอใจเย่ว์หยางที่ดูเหมือนพยายามจะล่อลวงหนิวหนิวที่มีค่าของนาง
“เอ้านี่, เหล้าสำหรับท่าน!”
เย่ว์หยางยังคงเตรียมการลักพาตัวพี่สาวขี้เมาพร้อมกับเด็กหญิงแพนด้าด้วย พลางโยนขวดเหล้าให้นาง
“ใครจะบ้าดื่มเหล้าระหว่างต่อสู้กัน!”
พี่สาวขี้เมาถูกยั่วจนโกรธไปแล้ว
“รีบตามพวกเขาไปเร็วๆ ลำแสงเกือบหายไปแล้ว”
อู๋เสียกระโจนเข้าไปในลำแสงดำ ถัดมาเป็นอู๋เหิน, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หยางจับมือเจ้าเมืองโล่วฮัวตามเข้ามา เมื่อเสือดาวยักษ์กระโจนไล่ตามพวกเขา เย่ว์หยางปล่อยพลังดาบใส่มันอีกครั้ง เย่ว์หยางและโล่วฮัวกระโจนเข้าไปในลำแสงดำขณะที่เสือดาวยักษ์ร่วงลงมาจากอากาศ เมื่อมันพยายามกระโดดขึ้นไปอีกครั้ง ลำแสงดำและวงเวทอักษรรูนก็หายไปไม่เหลือร่องรอย
เสือดาวยักษ์ร้องโหยหวน เสียงของมันดังมากขนาดพื้นดินสั่นสะเทือนและสะท้อนผ่านชั้นเมฆ
เสวี่ยทันหลางและพี่สาวขี้เมามองหน้ากันและกัน ในที่สุดทวีปมังกรทะยานก็สามารถจับกุมสมาชิกเผ่าปีศาจบูรพาที่บุกรุกเข้ามาได้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเสือดาวยักษ์องครักษ์ของวัง แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไร พวกเขาจะได้รีดข้อมูลจากเสือดาวยักษ์ผู้นี้
เย่ว์หยาง, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ เข้าไปในลำแสงดำ ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาถูกเทเลพอร์ตเข้ามาในทางเดินมืดมิดขนาดยักษ์
หญิงงามลึกลับอู๋เสียขมวดคิ้วของนาง
“นี่ไม่ใช่หอทงเทียน ที่นี่ยังอยู่ในทวีปมังกรทะยาน... ถ้าข้าจำไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นหุบเขามรณะ ดูเหมือนเราจะอยู่ในทางผ่านโบราณที่อยู่รอบๆ แดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่นักรบที่อาศัยอยู่นอกเขตหอทงเทียนจะเข้ามาทวีปมังกรทะยาน พวกเขาต้องเข้าไปในทางผ่านโบราณเสียก่อน จากนั้นจึงเทเลพอร์ตไปหอทงเทียน ทางผ่านโบราณนี้เป็นทางที่เชื่อมดินแดนด้านนอกเข้าไปยังหอทงเทียน แน่นอน ก็ยังเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเข้าไปในทางผ่านโบราณ พวกเขาจำต้องทำการบูชายัญเป็นจำนวนมากเพื่อเปิดประตูเทเลพอร์ตในทางผ่านโบราณ...”
“เป็นวิธีเดียวกับใช้เลือดบูชายัญจ้าวปีศาจเพื่อเปิดประตูเทเลพอร์ตเชื่อมแดนปีศาจกับทวีปมังกรทะยานหรือนี่?”
เย่ว์หยางยังจำการต่อสู้ที่เมืองไป๋ฉือได้เมื่อเสียหั่วใช้เลือดจำนวนมากบูชายัญเพื่อเรียกจ้าวปีศาจฮาซิน
“ไม่ใช่หรอก”
หญิงงามอมโรคโบกมือและพูดว่า
“ยังคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับชาวปีศาจที่จะมายังทวีปมังกรทะยาน พวกเขาสามารถไปหอทงเทียนระดับใดก็ได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาจะไม่สามารถออกไปได้ตามอำเภอใจ ก็คล้ายกับเมื่อเราเข้าไปในแดนปีศาจ เราก็ไม่สามารถไปจากนั่นตามอำเภอใจเหมือนกัน ถ้าจ้าวปีศาจต้องเข้ามายังทวีปมังกรทะยาน ต้องเป็นเพราะเขามาทวีปมังกรทะยานก่อนเพื่อฝึกฝนและทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ที่นี่ มีแต่ด้วยการช่วยเหลือของสาวกผู้มีศรัทธา จะบูชายัญด้วยเลือดในฐานะผู้นำทาง เขาจึงจะสามารถมายังทวีปมังกรทะยานได้ ผู้ท่องมิติที่แข็งแกร่งยากที่จะสร้างทางผ่านในมิติภายในได้ ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างจ้าวปีศาจที่ไม่เคยมาทวีปมังกรทะยานมาก่อน ข้าคิดว่าเขาคงต้องเสียสละปีศาจนับหมื่นหรือแสนเป็นอย่างน้อยถ้าเขาต้องการมาทวีปมังกรทะยาน หลังจากนั้นเขาจะสามารถเปิดพื้นที่เทเลพอร์ตระหว่างแดนปีศาจและทวีปมังกรทะยานได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาต้องการคนในทวีปมังกรทะยานนำเขา ถ้าไม่มีคนหักหลังหรือเป็นสายลับในทวีปมังกรทะยาน ศัตรูแข็งแกร่งอย่างจ้าวปีศาจและพวกเผ่าปีศาจบูรพาจะไม่มีทางมายังทวีปมังกรทะยานได้แน่นอน”
“ข้าพบรอยเลือดบางส่วน!”
ทักษะหกรับรู้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเฉียบคมมาก นางพบรอยเลือดทันทีอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
“ดูเหมือนเราไม่ได้ถูกเบี่ยงเบนไปมากนักระหว่างเทเลพอร์ตเข้ามายังทางผ่านนี้”
หญิงงามลึกลับอู๋เสียมองดูเย่ว์หยาง
“เจ้าแน่ใจนะว่าต้องการยกระดับพลังปราณก่อกำเนิดจากการถูกจำกัดไว้? เจ้ายังไม่ฟื้นคืนพลังทั้งหมดเลยนี่...”
“ข้าไม่เป็นไร”
เย่ว์หยางรู้ว่าผลของการใช้พลังปราณก่อเนิดของเขาเกินพิกัดเป็นเรื่องน่ากลัว เขาสามารถใช้พลังมากเกินไปและตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เขาเชื่อมั่นว่าเขาสามารถควบคุมพลังตนเองได้
ตราบใดที่เขาไม่สูญเสียการควบคุมจิตใจตนเอง อย่างนั้นร่างของเขาก็คงไม่แตกสลาย
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังคงมีสาวๆ ผู้แข็งแกร่งและมีความสามารถไม่กี่คนเหล่านี้คอยช่วยเขา เย่ว์หยางมีความมั่นใจในการปลดผนึกขีดจำกัดพลังปราณก่อกำเนิดของเขา เขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะถึงขีดจำกัดระหว่างต่อสู้
เขาก็ยังสามารถพาตัวเองหนีไปจากที่นี้และรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้ เนื่องจากเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบ แล้วทำไมเขาไม่ใช้พลังทั้งหมดเล่า? เย่ว์หยางไม่ปลดผนึกพลังปราณก่อกำเนิดระหว่างแข่งขัน เพราะเขาจำเป็นต้องใช้เวลามากถึงจะทำได้ เขาคิดว่าเผ่าปีศาจบูรพา บางทีหนีไปกันหมดแล้ว ก่อนที่เขาจะปลดผนึกปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดของเขาได้สำเร็จ
ตอนนี้เขาไล่ตามพวกมันมาถึงทางผ่านโบราณนี้ ตราบใดที่เขาตามทูตพยัคฆ์บินและคนอื่นๆได้ทันและยังสามารถปลดผนึกพลังปราณก่อกำเนิดของเขา พวกเขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงบาดเจ็บได้
ขณะที่เย่ว์หยางกำลังวางกลยุทธกับสี่สาว เสียงลมหวีดหวิวได้ยินมาจากระยะไกล
ศัตรูหรือเปล่า?
หรือว่าเป็นเสียงสะท้อนของสัตว์ประหลาดในตำนานที่น่ากลัวที่อาศัยอยู่ในทางผ่านโบราณและไม่เคยเห็นแสงอาทิตย์มาก่อน
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=269