ตอนที่ 229 รักแท้พาพิชิตด่าน
ข้างหน้าหญิงงามลึกลับ มีเย่ว์หยางสองคนกำลังทะเลาะกัน
แต่ นางจับตาแต่เพียงเย่ว์หยางที่มีแขนเป็นแก้วผลึก
ในดวงตาของนางมีความรู้สึกที่อ่อนโยน
อย่างไรก็ตาม ข้างหน้าเย่ว์หยาง ยังมีปีศาจภายในถึงสามตน คือเย่ว์หยาง แม่สี่และเด็กหญิง เงาของหญิงงามลึกลับ เย่ว์ปิงและอี้หนานยังไม่แสดงตัว
ปีศาจภายในที่จำแลงเป็นเย่ว์หยางยืนอยู่ข้างหน้าเขา ขณะที่แม่สี่เอาแต่กอดซวงเอ๋อที่กำลังซบหน้าร้องไห้ เย่ว์หยางรู้ดีว่านั่นเป็นร่างปลอม พวกนางเป็นสิ่งที่จำแลงขึ้นมาจากปีศาจภายในใจของเขา อย่างไรก็ตาม ก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่เขาจะควบคุมอารมณ์ของตนเอาได้ เขาต้องการปลอบประโลมหัวใจที่แตกสลายของแม่สี่จริงๆ บอกนางว่าเขาไม่ได้มีความตั้งใจชั่วร้ายใดๆ ยามเมื่อเขาโกหกพวกนางว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด
“แค่ฆ่าข้าซะ เจ้าก็สามารถแย่งสถานะของข้าไปได้หลังจากเจ้าฆ่าข้าแล้ว”
ปีศาจภายในหัวเราะอย่างเย็นชา
“ไสหัวไปซะ! เจ้าเป็นแค่อาการปราสาทหลอน คิดหรือว่าเจ้าจะสามารถห้ามไม่ให้ข้าผ่านวิหารเทพสตรีไปได้ด้วยการกระทำเพียงแค่นี้?”
เย่ว์หยางโกรธ เขาต้องการฆ่าศัตรู อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางยังอดทนจนถึงที่สุด ที่สำคัญที่สุด ผู้ที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นเพียงภาพหลอน ถ้าเขายอมรับการดำรงคงอยู่ของศัตรู เขาจะไม่สามารถผ่านด่านปีศาจภายในได้
“ข้าไม่ปฏิเสธว่าข้าเป็นภาพหลอน แต่เจ้าล่ะ เป็นตัวอะไร? เจ้าก็เป็นผู้แอบอ้าง เป็นคนโกหกที่แอบอ้างตัวตนของเขาว่าเป็นตัวเองเหมือนกับข้า! เจ้าคิดหรือว่าจะสามารถซ่อนความจริงนี้จากทุกคนโดยไม่พูดอะไรถึงเรื่องนี้เลย? เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไร ก็ยังมีขอบเขตที่คนซึ่งมีทักษะแฝงพิเศษจะสามารถเห็นความคงอยู่ของตัวเจ้าได้! ในส่วนลึกของหัวใจเจ้า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธความจริงข้อนี้ เจ้าไม่ใช่ข้า เจ้าไม่มีทางเป็นข้าได้!”
ปีศาจภายในของเย่ว์หยางโจมตีเป้าหมายในหัวใจของเขา
“ซานเอ๋อ! เจ้าหลอกข้าได้อย่างไรกัน...”
แม่สี่ร้องไห้ปานว่าหัวใจจะสลาย
“เจ้าตัวปลอมที่น่ารังเกียจ คืนพี่เสี่ยวซานมาให้ข้านะ!”
ซวงเอ๋อร้องไห้ขณะทุบเย่ว์หยาง
มือของเย่ว์หยางสั่น
เขาลูบหัวซวงเอ๋อเบาๆ และระงับอารมณ์ของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมากจนแทบจะฟังไม่ได้ยิน
“ซวงเอ๋อ! ข้าคือพี่สามของเจ้า เจ้ายังจำตอนที่เราไล่จับผีเสื้อและขี่ม้าไม้วิ่งในสวนได้ไหม? ยังจำขนมราดน้ำตาลแดงที่ข้าซื้อให้เจ้าได้ไหม? ข้าไม่ได้โกหกเจ้า ข้าคือพี่เสี่ยวซานของเจ้าจริงๆ...”
ทันใดนั้น เขาเห็นซวงเอ๋อขว้างขนมราดน้ำตาลแดงทิ้งลงบนพื้นแล้วย่ำใส่พลางร้องไห้
“ข้าไม่ต้องการมัน ข้าเกลียดของนี่ ข้าเกลียดท่าน!”
แม่สี่ซบหน้าขณะร้องไห้
“ซานเอ๋อ! ไปเสียเถอะ แล้วอย่ากลับมาอีก!”
เย่ว์หยางค่อยๆ หันมาและสูดลมหายใจลึก
“แม่สี่, ซวงเอ๋อ ท่านทุกคนก็เป็นภาพหลอน เป็นภาพหลอนจากปีศาจภายในของข้า นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนควรพูดจริงๆ ข้าไม่ใส่ใจอีกแล้ว ข้าคือเย่ว์หยาง ข้าคือเสี่ยวซานและเป็นพี่เสี่ยวซานของพวกท่าน ตรงจุดนี้ปฏิเสธไม่ได้ ท่านต้องการซานเอ๋อ และข้าก็คือเขา ท่านต้องการกอบกู้และนำครอบครัวกลับไปสู่ความรุ่งเรือง เจ้าต้องการพี่เสี่ยวซานคนหนึ่ง และข้าก็คือเขา ข้าจะปกป้องพวกท่านทั้งสองเพื่อที่ว่าพวกท่านจะได้ไม่ถูกคนเลวรังแก ข้าจะนำความรุ่งเรืองและความหวังมาให้ท่าน ท่านต้องเชื่อมั่นข้า, ข้าคือ....”
ปีศาจภายในเย่ว์หยางพุ่งเข้ามาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง ใช้มือทั้งสองคว้าคอเสื้อของเขาและคำรามใส่
“เจ้า..เจ้าตัวปลอม! เจ้าโกหก! ทุกอย่างที่เจ้าพูดมา มันควรจะเป็นข้า! เจ้าบังอาจปลอมตัวเป็นข้า, ขโมยญาติพี่น้องข้า ขโมยแม้กระทั่งว่าที่ภรรยาของข้า! เจ้าคิดว่าไม่มีใครในโลกนี้รู้เรื่องนี้หรือ? สักวันหนึ่งคนจะรู้ความจริง ในที่สุดเจ้าก็จะไม่มีอะไรเลย! เจ้าก็แค่ผู้แอบอ้าง แต่ยังกล้าเรียกตัวเองเป็นซานเอ๋ออีกหรือ, ถุย!”
เขาถ่มน้ำลายลงพื้น
“จงหายไปซะ, ข้าไม่สนใจเรื่องที่ภาพลวงตาพูด ไปลงนรกได้แล้ว!”
ด้วยแรงผลักจากมือเย่ว์หยาง เขาผลักจนปีศาจภายในร่างเย่ว์หยางปลิวกระเด็นออกไปสิบเมตร
ปีศาจจำแลงเย่ว์หยางล้มลงไปกับพื้นกระอักเลือดออกมา
แม่สี่และซวงเอ๋อร้องด้วยความเสียใจขณะที่พวกนางไปอยู่ข้างๆ เขา และพยายามช่วยเหลือปีศาจจำแลงเย่ว์หยางพลางตำหนิเย่ว์หยางไปด้วย
เย่ว์หยางส่ายหัว
“ไม่ว่าพวกท่านจะพูดหรือทำอะไรก็ตาม ข้าจะไม่หวั่นไหว พวกเจ้าทั้งหมดเป็นภาพหลอนทั้งนั้น”
ทันใดนั้น หญิงงามลึกลับปรากฏตัวต่อหน้าเย่ว์หยาง ใบหน้างดงามของนางดูเย็นชาไร้ความรู้สึก ขณะที่นางแค่นเสียงพูดว่า
“ข้าไม่ใช่ภาพหลอน ข้าเห็นหมดแล้ว นี่คือความจริงที่เจ้าปกปิดเอาไว้ ข้าคิดถูกแล้วที่เข้ามากับเจ้าเพื่อผ่านด่านวิหารเทพสตรีกับเจ้า เจ้าเป็นผู้แอบอ้างจริงๆ...”
ร่างของเย่ว์หยางสั่นเล็กน้อย แต่เขาก็ยิ้มได้ในที่สุด
“เจ้าก็ยังคงเป็นภาพหลอนเช่นกัน อู๋เสียไม่เหมือนเจ้าเลย บางทีภาพหลอนปีศาจภายในของข้าร่วมกับของอู๋เสีย ไม่ว่าพวกเจ้าที่เป็นภาพหลอนจะพูดอะไรก็ตามเพื่อแสดงสิทธิ์ของนาง..? จากนั้นเจ้าก็มาแสดงบทบาทนางต่อข้า ผู้พิทักษ์วิหารเทพสตรี ท่านช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ บางทีท่านไม่มีพลังอะไรเลย แต่ท่านก็สามารถทำให้คนคลั่งและฆ่ากันเองได้ แต่ข้าก็อยากจะบอกไว้ ผู้พิทักษ์วิหารเทพสตรี ท่านต้องผิดหวังเสียแล้ว! เราสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้ วิหารเทพสตรีแห่งนี้ เราสามารถผ่านได้สำเร็จแน่นอน!”
ขณะที่เย่ว์หยางพูดจบ หญิงงามลึกลับที่อยู่ต่อหน้าเขา, แม่สี่ที่กำลังร้องไห้และซวงเอ๋อรวมทั้งปีศาจจำแลงเย่ว์หยางก็หายไปทันที
ทุกอย่างกลับมืดสนิท
ข้างหน้าหญิงงาม ร่างเย่ว์หยางก็หายไปด้วย มีเพียงร่างปีศาจจำแลงเย่ว์หยางเพียงหนึ่งร่างอยู่ต่อหน้านาง
ราวกับว่าเขารู้สึกทึ่งเล็กน้อย ปีศาจจำแลงเย่ว์หยางมองมาที่หญิงงามลึกลับ
“ทำไมเจ้าไม่พูดอะไร เพราะเจ้ามองเห็นความจริงที่ซ่อนอยู่เล่า?”
“ไม่มีความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ เจ้าก็เป็นแค่ภาพหลอนภาพหนึ่ง ข้าไม่เชื่อคำพูดของเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริง แล้วทำไมต้องเกิดขึ้นด้วยเล่า? คนที่ข้าชอบก็คือเขา ข้าจะร่วมเป็นร่วมตายกับเขาร่วมสู้กับเขาในสมรภูมิ หนึ่งในพวกเราถูกโจมตี อีกคนหนึ่งก็จะป้องกัน เหมือนกับว่าเราเป็นคู่ที่สวรรค์จัดสรรมา สิ่งที่ข้าชอบเรื่องของเขาไม่ใช่สถานะของเขา แต่เป็นเพราะเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ! ความรัก ไม่เหมือนกับชื่อเสียงและความมั่งคั่ง ไม่ใช่สินค้า แต่เป็นความรู้สึกอัศจรรย์ที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ อย่าว่าแต่คำพูดจากตัวเจ้าที่เป็นปีศาจภายในเลย แม้ว่าจะมีคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์อีกคนหนึ่งมาบอกข้าว่าเป็นคู่หมั้นของข้าตัวจริง ข้าก็จะบอกเขาว่า บุรุษที่ข้าชอบก็คือเขา เป็นเจ้าคนงี่เง่าที่สละเลือดเนื้อต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเรา กุลบุตรที่ดีผู้เอาชีวิตเป็นเดิมพันต่อสู้เบิกทางขึ้นปราสาทขณะที่ลากรถม้าเลือดท่วมตัว นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ยังคงเป็นพี่ชายที่ดีที่ยอมให้น้องสาวตัวน้อยขี่คอและซื้อขนมราดน้ำตาลแดงให้กิน... ข้าไม่สนว่าเขาเป็นใครหรืออะไร ข้าชอบเขา ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลที่คนเราจะชอบกัน ไม่จำเป็นต้องมีความสงสัยคลางแคลงใจ เจ้าเป็นแค่เงาที่ตรงกันข้าม เจ้าไม่มีทางมีด้านใจดีของเขา เจ้าจะไม่มีทางเข้าใจว่าเขาเป็นคนเช่นไร และจะไม่มีทางเข้าใจหัวใจของข้าด้วย!”
”
หญิงงามลึกลับหลับตาลงช้าๆ
“ตอนนี้เจ้าหายไปได้แล้ว ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร ก็ทำให้ข้าหวั่นไหวใจไม่ได้!”
“สักวันเจ้าจะเสียใจเรื่องนี้ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตระหนักว่าคนที่เขารักที่สุดในหัวใจเขาไม่ใช่เจ้า!”
ปีศาจเย่ว์หยางจำแลงแค่นเสียง
“ข้าจะไม่เสียใจ ถ้าคนที่เขาชอบที่สุดไม่ใช่ข้า นั่นก็แสดงว่าข้าไม่ใช่คนที่ดีพอ ข้ามีแต่ต้องทำตัวให้ดียิ่งขึ้น”
หญิงงามลึกลับตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
“ถ้าคนที่เขาชอบที่สุดไม่ใช่ข้า อย่างนั้นข้าก็จะฝึกให้หนักและทำตัวให้ดีขึ้นจนกว่าเขาจะชอบข้ามากที่สุด!”
เย่ว์หยางร่างจำแลงของปีศาจภายในแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและหายไป
ทุกอย่างกลับคืนสู่ความมืดมิด
อี้หนานรู้สึกเหมือนว่ามีคนลูบหน้านางเบาๆ เมื่อนางลืมตา นางพบว่าหญิงงามลึกลับร้องออกมาอย่างดีใจ
“พี่อู๋เสีย! ท่านกับเย่ว์หยางเอาชนะปีศาจภายในได้แล้วหรือ? เราผ่านด่านวิหารเทพสตรีได้แล้วหรือ? เย่ว์ปิงอยู่ไหน?”
“เย่ว์ปิงไปได้ แต่เจ้ายังต้องอยู่... เหตุผลก็คือข้าไม่ยอมให้ศัตรูความรักอยู่ข้างตัวข้า คู่หมั้นของเขามีแต่เพียงข้าคนเดียว”
หญิงงามลึกลับชี้นิ้วมาที่อี้หนาน ทันใดนั้น อี้หนานรู้สึกว่า ความมืดล้อมรอบตัวนางไว้จนนางล้มลงหมดสติไปอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้ นางไม่ได้หมดสติสิ้นเชิงและยังคงได้ยินเสียงนาง
นางได้ยินเสียงฝีเท้าของหญิงงามลึกลับเดินห่างออกไปพร้อมกับเย่ว์ปิง
น้ำตาไหลรินออกมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ตอนนี้อี้หนานกำลังเสียใจ ทันใดนั้น หยาดน้ำอุ่นๆ หยดใส่หน้าของนางทีละหยด
สองหยดซึมเข้าไปในปากของนาง รสชาติขมซึมเข้าไปในปากจนทำให้หัวใจอี้หนานสะดุ้งหนัก นี่ นี่คือน้ำตา! นางยังไม่ตื่น นั่นเป็นเพียงปีศาจลวงตาภายในใจ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นแค่เรื่องโกหก อู๋เสียไม่ได้พาเย่ว์ปิงจากไป หนึ่งในพวกเขากำลังร้องไห้
“ลุกขึ้น ข้าจำเป็นต้องลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
อี้หนานกังวล อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้ความพยายามของนางทั้งหมด นางก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ ขณะที่นางยังคงตื่นตระหนก นางได้ยินเสียงร้องไห้เลือนลางอยู่ข้างหูของนาง
“พี่สาม! อย่าทิ้งข้าไป, ไม่นะ...”
นี่คือเสียงร้องไห้ของเย่ว์ปิง เย่ว์ปิงยังคงอยู่ใกล้ๆ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เป็นแค่ของปลอม
พร้อมกับความคิดอย่างนั้นความมืดที่อยู่ต่อหน้าอี้หนานก็แตกระเบิดดังบึ้ม ทุกอย่างสลายหายไปในเพียงแว่บเดียวต่อหน้าต่อตานาง ในที่สุดนางก็ลุกขึ้นพร้อมกับส่งเสียง
“อา”
และลืมตามอง
นางพบว่านางหลับอยู่ในอ้อมแขนของพี่อู๋เสีย
นอกเหนือจากนางแล้ว ยังมีเย่ว์หยาง, เย่ว์ปิงและพี่อู๋เสียที่ยังคงหลับลึก ทุกคนต่างอิงกันและกัน ข้างๆนาง เย่ว์ปิงกำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หยาง น้ำตานางหยดลงทีละหยดๆ และในที่สุดก็ไหลเป็นสายจนนองหน้า ดูเหมือนว่านางยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของปีศาจภายในและยังไม่สามารถปลดปล่อยตนเองได้ ขณะที่เย่ว์หยางและพี่อู๋เสียจะมีบาดแผลปรากฏเป็นครั้งคราวบนร่างกายพวกเขา ดูเหมือนพวกเขายังต้องทนทุกข์ทรมานจากการโจมตีของปีศาจภายในด้วยเช่นกัน
“ทุกคน! ตื่น...เร็วเข้า! เรากำลังฝันกันอยู่ทั้งหมด ทุกอย่างในนั้นเป็นของปลอม รีบตื่นได้แล้ว”
นางตบหน้าพวกเขาเบาๆ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรเลยจากคนทั้งสาม
“ข้าไม่คิดว่าปีศาจภายในของเจ้าจะอ่อนแออย่างนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางทำอะไรได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากโลกของปีศาจภายใน”
เสียงที่ไม่รู้จักเสียงหนึ่งดังก้องอยู่ในความมืด อี้หนานกลัวเมื่อได้ยินในตอนแรก แต่นางก็เข้าใจได้หลังจากผ่านไปได้ชั่วขณะแล้วนางก็หัวเราะ
“อย่างนั้นหรอกหรือ?”
ทันใดนั้นอี้หนานเรียกคัมภีร์ทันที ผีเสื้อมายาถูกเรียกออกมา
ผีเสื้อมายาเป็นวิวัฒนาการของผีเสื้อสับสน มีความสามารถควบคุมจิตใจได้ดีกว่า แม้ว่ามันจะไม่สามารถควบคุมมนุษย์ได้ แต่คงไม่มีปัญหาเรื่องจะรบกวนความคิดของมนุษย์
ขณะที่อี้หนานกำลังควบคุมผีเสื้อมายาเพื่อก่อกวนโลกในฝันของเย่ว์หยางเพื่อปลุกให้เขาตื่นขึ้น คลื่นพลังจิตขนาดใหญ่ได้กักความคิดของอี้หนานไว้จนทำให้นางปวดหัวไม่สามารถเพ่งสมาธิได้นางไม่สามารถแข็งขืนออกคำสั่งได้
ในโลกของปีศาจภายใน หญิงงามลึกลับตื่นขึ้นแล้ว นางกำลังแบกอี้หนาและและพยายามจะหลบหนีไปพร้อมกับเย่ว์หยางที่แบกเย่ว์ปิงไว้
นางต้องการตอบโต้ แต่ก็พบว่านางไม่สามารถโจมตีศัตรูได้โดยสิ้นเชิง ทำให้แต่เพียงหนีเพื่อเอาชีวิตรอด
หลังจากป้องกันท่าดาบแรกผ่าภูผาของเย่ว์หยางร่างปีศาจจำแลง ทันใดนั้นหญิงงามลึกลับวางอี้หนานลงและพึมพำกับตัวเองว่า
“งั้นข้าก็ยังไม่ได้ตื่นขึ้นจริงๆ ข้ายังคงฝันอยู่.....”
“อะไรนะ?”
ดาบวิเศษฮุยจินของเย่ว์หยางปีศาจจำแลงเงื้อค้างอยู่เหนือศีรษะของหญิงงามลึกลับ ยังคงหยุดอยู่อย่างสับสน
“ถ้าเข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีอยู่ อย่างนั้นข้าก็จะไม่ถูกทำร้ายแต่อย่างใด มันเป็นเพียงเพราะข้ายืนยันว่าการโจมตีของเจ้ามีประสิทธิภาพ ดังนั้นร่างกายข้าถึงได้เจ็บปวด คงเป็นเพราะอี้หนานหรือไม่ก็เย่ว์ปิงตื่นขึ้นแล้ว พลังควบคุมของเจ้ากำลังล้มเหลว ข้าถึงมีความรู้สึกเจ็บปวดที่แท้จริงในตอนนี้”
หญิงงามลึกลับยกมือและถกแขนเสื้อนางออก แผลเล็กๆ กับเลือดที่ไหลออกมาปรากฏอยู่บนแขนนาง นางแย้มยิ้ม
“เจ้าไม่มีทางคิดออกหรอกว่าข้าใช้อะไรสร้างบาดแผลก่อนจะเข้ามาในวิหารเทพสตรี มันเป็นคำใบ้ เป็นสัญญาณของเรา ญาติผู้พี่ของข้าและข้าสงสัยอยู่ก่อนแล้วว่า เย่ว์หยางเพียงแต่ฝันอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เป็นเพราะ ด้วยความแข็งแกร่งของอสูรพิทักษ์ชั้นทองระดับ 6 ไม่สามารถทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัสได้ มีแต่เพียงอำนาจจิตถึงจะทำให้บาดเจ็บหนักขนาดนั้นได้ นอกจากนี้ยังมีสัตว์อสูรอย่างเจ้ามากกว่าหนึ่งชนิดที่ใช้พลังจิตทำร้ายและฆ่าคนได้ ในหุบเขาภมรร้อยบุปผา มีอสูรอย่างน้อยสิบชนิดที่สามารถปลดปล่อยพลังจิตโจมตีมนุษย์และทำให้พวกเขาฆ่าตัวตัว .... จงหายไปซะเจ้าโลกปีศาจภายในที่น่ารังเกียจ ความฝันเช่นนี้น่าเบื่อจริงๆ”
พอพูดคำเหล่านี้จบ เย่ว์หยางร่างจำแลงปีศาจภายในก็ระเบิดกระจายหายไปในความมืด
เมื่อลืมตาได้ หญิงงามลึกลับพบว่าอี้หนานกำลังฝืนตัวเองอย่างยากลำบาก การต่อสู้ภายในจิตใจแทบจะทำให้อี้หนานพ่ายแพ้สิ้นเชิง
“จบกันแค่นี้แหละ อสูรพิทักษ์ประจำวิหารเทพสตรี”
หญิงงามลึกลับกระโดดขึ้นกลางอากาศและเรียกคัมภีร์ของนางออกมา นางรวบรวมพายุจากแต่ละมือที่ถือพลังน้ำแข็งและสายฟ้าไว้ จากนั้นนางปล่อยใส่ความมืดข้างหน้านางอย่างไร้ความปราณี
รอยร้าวก่อตัวขึ้นข้างหน้าเต็มไปหมด เหมือนกับว่ามันเป็นกำแพงแก้วผลึก
มันสูญเสียความตั้งใจจะสู้ไปส่วนใหญ่แล้ว
อี้หนานดีใจขณะที่นางเตรียมจะทะยานเข้ามาช่วย ทันใดนั้น แขนแก้วผลึกข้างหนึ่งยื่นออกมาและโอบนางไว้
“อี้หนาน เจ้าทำได้ดีแล้ว ข้าจะจัดการส่วนที่เหลือจากนี้เอง!”
เย่ว์หยางเพิ่งจะตื่นขึ้น เขาพุ่งไปข้างหน้าตรงผนังผลึกสีดำเหมือนกับดาวตก ด้วยพลังราวกับพระอาทิตย์พันดวง แขนแก้วผลึกกระแทกใส่กำผนังผลึกดำอย่างรุนแรง
พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างไม่อาจควบคุมได้ แม้ว่ารอยแตกขนาดใหญ่ก่อตัวทั่วผนังแก้วผลึกดำ แต่มันก็ยังไม่ล้ม ยังคงขวางทางออกไว้
“พี่สาม! ข้ารู้ว่าพี่จะไม่ทอดทิ้งปิงเอ๋อ”
เย่ว์ปิงเป็นคนที่สี่ที่ตื่นขึ้น ด้วยความประหลาดใจปนดีใจ นางคลานขึ้นมา และกระโดดเข้าหาเย่ว์หยาง ที่ดีดตัวถอยออกไป
เลือดที่หยดออกจากร่างเย่ว์หยางและหญิงงามลึกลับผสมปนกันแล้วและเปรอะอยู่บนพื้นก่อนที่เย่ว์ปิงจะตื่นขึ้นมา ในทันทีที่เย่ว์ปิงกระโจนเข้าใส่เย่ว์หยาง ประกายแสงสีรุ้งและไฟบริสุทธิ์เหมือนเพลิงอมฤตปรากฏขึ้น มันขาวเหมือนหิมะกำลังลุกโหมขึ้นสู่ท้องฟ้า นอกจากเย่ว์ปิงแล้วไฟบริสุทธิ์ยังลุกโหมบนร่างเย่ว์หยาง, อี้หนานและหญิงงามลึกลับอีกด้วย
ในหมู่พวกเขา ไฟของเย่ว์หยางและหญิงงามลึกลับเผาไหม้สว่างที่สุด
เปลวไฟลุกไหม้ในลักษณะที่แปลกประหลาด สามสาวสั่นสะท้านอย่าแรง พวกนางวิ่งเข้าไปกอดเย่ว์หยางพร้อมกัน
แม้ว่าพวกนางต้องตาย ก็หวังเป็นอย่างน้อยว่าจะตายพร้อมกับเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตาม เปลวไฟไม่ได้เผาไหม้พวกเขาเลย กลับตรงกันข้าม มันชำระความบริสุทธิ์ให้พวกเขาอย่างต่อเนื่อง ในเปลวเพลิงที่บริสุทธิ์และนุ่มนวลนี้ คนทั้งสี่รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ เสื้อผ้าพวกเขาถูกเผาทำลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้น บาดแผลของเย่ว์หยางและหญิงงามลึกลับยังหายได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ ปรากฏอักษรรูนนับไม่ถ้วนบนร่างเย่ว์หยาง
มันค่อยขยายตัวเขาหาเปลวไฟสีขาวอย่างช้าๆ
ในที่สุดก็ขยายไปถึงแขน, ไหล่ หลังและอกของสามสาว
รอยเปื้อนเลือดบนผนังแก้วผลึกดำจากบาดแผลของเย่ว์หยางและหญิงงามลึกลับถูกเผาไหม้ไปหมด ผนังที่เต็มไปด้วยรอยร้าวกลับกลายเป็นไม่มีอะไร เหมือนกับว่าเป็นหมอกบางที่กระจายหายไปยามต้องเปลวเพลิงสีขาว
ห่างออกไปหลายสิบเมตร กระจกแก้วผลึกประดับด้วยทองและอัญมณีปรากฏอยู่
ถัดจากกระจกแก้วผลึกไปอีกหลายร้อยเมตร มีรูปประติมากรรมรูปเทพเจ้าสงครามขนาดใหญ่อยู่ในห้องโถงด้านหลัง ที่เท้าของประติมากรรมเทพสงคราม ยังมีประติมากรรมเทพธิดาตนหนึ่งที่มีสีหน้าสิ้นหวัง นางถือบอลสีต่างๆ อยู่ในมือทั้งสองของนาง
จุดแสงทั้งสองจุดเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นแก้วผลึกใส เหมือนกับน้ำตาเย่ว์ปิงที่เพิ่งหลั่งไหลออกมา
วิหารเทพสตรีที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นด่านผ่านได้ยากที่สุด ก็มีผู้สามารถผ่านได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของเย่ว์หยางและสามสาวได้ในที่สุด
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=249