ตอนที่ 227 ฝ่าด่านวิหารเทพสตรีอีกครั้ง
เดิมทีเจ้าอ้วนไห่ต้องการสู้เสี่ยงตายกับเหยียนพั่วจวิน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาปล่อยหมัดออกไปแล้ว ความโกรธก็หมดไปจากใจเขา เขาตระหนักได้ว่าสู้กับเหยียนพั่วจวินมีแต่จะทำให้ตายอย่างไร้ความหมาย ขณะที่ยังมีการแข่งประเภททีมรออยู่
ที่สำคัญที่สุด เขารู้ว่าเย่ว์หยางจะต้องหมดเปลืองพลังของเขาเมื่อต้องสู้กับไป๋หวินเฟยและองค์ชายสือจิน ยิ่งกว่านั้นเย่ว์หยางยังต้องพยายามฝ่าด่านวิหารเทพสตรีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเย่ว์หยาง, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนที่เหลือสามารถเข้าร่วมในการแข่งขันที่ไม่มั่นใจ แน่นอนว่าตัวเขาเอง, เย่คงและที่เหลือต้องสู้อย่างลำบากกว่าเดิมในการแข่งขันประเภททีมของการแข่งขันสุดยอดร้อยโรงเรียน
สาเหตุที่พี่น้องตระกูลหลี่ยอมแพ้การแข่งขันประเภทบุคคล ก็เพื่อเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้แข่งประเภททีมต่อ เมื่อเจ้าอ้วนไห่คิดได้เช่นนี้ เขารู้ได้ว่าควรจะหยุดเมื่อไหร่ ดังนั้น เขาจึงยอมแพ้การต่อสู้กับเหยียนพั่วจวินในที่สุด ถ้าทุกคนฝืนใจสู้จนถึงขีดจำกัดของตนในการแข่งขันประเภทบุคคล อย่างนั้นเย่ว์ปิงจะเป็นเพียงคนเดียวที่มีพลังต่อสู้ในการแข่งขันประเภททีม มันจะไม่น่าขันเกินไปหน่อยหรือ?
แม้ว่าทุกคนจะดูถูกเจ้าอ้วนไห่ แต่เขาก็ยังคงยิ้มได้ ขณะกลับไปหาเย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่อย่างอารมณ์ดี
พออ้าปากได้เขาก็เริ่มคุยโตทันที
“พวกเจ้าคิดว่าหมัดฮิปโปดาวตกของข้าเป็นยังไงบ้าง? เท่ห์ไหมล่ะ? มันช่วยไม่ได้ที่จะต้องชมตัวเองไว้ก่อน ฮ่าฮ่า! แม้แต่เหยียนพั่วจวิน หนึ่งในสามดาวเพชรฆาตก็ยังปลิวไปด้วยพลังหมัดของข้า รู้สึกดีจัง ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านี้แล้ว!”
“เจ้าก็คงไม่มีอะไรหรอก ถ้าเย่ว์หยางไม่ได้สอนเจ้า”
เย่คงปรามาสเจ้าอ้วนไห่ขณะที่เขาก็คิดถึงตนเอง สุดท้ายเจ้าก็แค่ท่าดีทีเหลว”
“เถอะน่า, ไปกันเถอะ ในฐานะที่เป็นลูกพี่ใหญ่ ข้าจะเลี้ยงมื้อกลางวันพวกเจ้า เจ้าเด็กเย่ว์หยางไปไหนแล้ว?”
เจ้าอ้วนไห่ทำใจกว้างตัดสินใจเป็นเจ้ามือเลี้ยงมื้อกลางวันพวกเขา
“เขากำลังอ้อนเจ้าเมืองโล่วฮัว หยอกเย้ามีความสุขกันน่าดู ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ อย่าเอาชีวิตไปทิ้งด้วยการรบกวนพวกเขาในขณะนี้”
ตามความคิดของเย่คงนั้น นี่ไม่เพียงแต่ทำให้เย่ว์หยางโกรธเท่านั้น ถ้าเจ้าอ้วนไห่ไปรบกวนเขาขณะที่เขากำลังมีช่วงเวลาที่หวานชื่นกับคนรักของเขา เขาคงจะฆ่าเจ้าอ้วนไห่ได้แน่นอน
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว บางทีเขาอาจลืมไปว่าเขาต้องกินเนื่องจากมีสาวสวยอยู่กับเขา”
เจ้าอ้วนไห่ฝืนแก้ตัวขณะที่เขาสั่น
แค่เพียงเจ้าอ้วนไห่พูดจบ เย่คงและเจ้าอ้วนไห่มองเห็นเย่ว์ปิงวิ่งตรงมาที่พวกเขาด้วยใบหน้าแดงซ่าน
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่คิดว่าเย่ว์ปิงถูกคนอื่นรังแก พวกเขาโกรธและถามนางทันที
“เกิดอะไรขึ้น? ใครบังอาจตาบอดกล้ามาล้อเล่นกับเจ้า?”
เย่ว์ปิงรีบโบกมือทันที
“ไม่, ข้าเพิ่งจะน็อคคู่ต่อสู้ข้าได้และต้องการจะแจ้งข่าวดีให้พี่สามทราบ แต่ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าพี่โล่วฮัวกับเขาจะ..”
เมื่อเย่ว์ปิงพูดถึงแค่นี้ เจ้าอ้วนไห่ก็น้ำลายไหลยืดจากปาก เขาเริ่มจะถามเสียงดัง
“พวกเขาทำอะไรกัน? จูบกันหรือเปล่า? เย่ว์หยางก้าวหน้าเชี่ยวชาญขึ้นมากทำกับสาวๆ ตามคำแนะนำของข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำกับเจ้าเมืองโล่วฮัวได้เร็วขนาดนี้”
แก้วน้ำชาใบหนึ่งปลิวมากระแทกใส่หัวเขา ทั้งที่เขายังภาคภูมิใจไม่เสร็จ
เจ้าอ้วนไห่เห็นใบหน้าของเจ้าเมืองโล่วฮัวที่แดงด้วยความโกรธเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง
“แสงอุษา!”
ดูเหมือนเจ้าเมืองโล่วฮัวเตรียมจะฆ่าเจ้าอ้วนไห่ด้วยแสงอุษาแล้ว
“โอย! ข้าจะเป็นลมอยู่แล้ว”
เจ้าอ้วนไห่กลัวจัดจนแทบสลบ
“สหายอ้วน! เจ้ามีความปรารถนาสุดท้ายไหม ในฐานะที่เราเป็นพี่น้องกัน ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยให้เจ้าสมหวัง”
เย่คงไม่ได้ช่วยเจ้าอ้วนไห่ แต่กลับซ้ำเติมอีก ในยามที่เจ้าอ้วนล้ม
“เราไม่รู้ไม่ชี้ทั้งนั้น!”
พี่น้องตระกูลหลี่ก็ตัดสินใจยืนดูเฉยๆ โดยไม่ยื่นมือช่วยเจ้าอ้วนไห่ที่ตกอยู่ในวิกฤติชีวิต
“พี่โล่วฮัว! อย่าเลยนะ!”
มีเพียงสาวน้อยเย่ว์ปิงที่จิตใจอ่อนโยนเท่านั้นที่ขอร้องผ่อนผันให้เจ้าอ้วนไห่ แต่เจ้าตัวร้ายเย่ว์หยางกลับชักมีดเงินออกมาและยื่นให้เจ้าเมืองโล่วฮัว
“ถ้าเจ้าใช้แสงอุษาฆ่าเขา มันจะทำให้เขาตายสบายเกินไปหน่อย ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะใช้มีดแทงเขาช้าๆ และแล่เนื้อเขาออกมาทีละชิ้นๆ หลังจากเลือดเหือดแห้งหมดแล้ว เจ้าก็เอาน้ำผึ้งมาทาเนื้อและกระดูกของเขา เพื่อดึงดูดมดในรังให้มาแทะเล็มกระดูกของเขา ด้วยวิธีนี้เขาก็จะตายได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
“แง้....แม่จ๋า....!”
เจ้าอ้วนไห่ทำเป็นเสียสติทะลึ่งพรวดร้องโวยวาย วิ่งออกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าตอนใช้หมัดฮิปโปดาวตกถึงสิบเท่า
เมื่อเหยียนพั่วจวินมองดูเย่ว์หยาง เขาขยับริมฝีปาก ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะพูดบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาในที่สุด
ในทางตรงกันข้าม เสวี่ยทันหลางเดินออกมาจากกลุ่มผู้ชมเข้ามาหาเย่ว์หยางพลางพยักหน้าให้เย่ว์หยาง
“ไป๋หวินเฟยจะสู้กับองค์ชายสือจินในสายการแข่งขันรอบแรก มีการพูดว่าไป๋หวินเฟยตัดสินใจยกเลิกการต่อสู้ของเขา เขาจะเก็บแรงเอาไว้สู้กับชางหลัน, เจ้าแล้วก็ข้า ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าจะขอยกเลิกการแข่งกับเจ้า แต่เจ้าต้องสู้กับไป๋หวินเฟยในรอบต่อไปนะ เจ้าคิดว่ายังไง?”
แน่นอนว่าเย่ว์หยางเห็นด้วยกับเสวี่ยทันหลาง
สู้กับเสวี่ยทันหลางไม่ใช่จุดมุ่งหมายของเขา เป้าหมายของเขาจริงๆ คือเอาชนะไป๋หวินเฟยและองค์ชายสือจิน
ในความคิดของเย่ว์ปิง ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ที่สำคัญก็คือเย่ว์หยางยังไม่ได้สู้กับเซี่ยเชียนเริ่นในรอบแพ้คัดออกเพื่อเข้ารอบยี่สิบสุดยอดเลย
“พี่สาม ไปรอบนเวทีกันเถอะ”
เย่ว์ปิงตั้งใจฉุดมือเย่ว์หยางขึ้นไปรอบนเวทีขณะที่นางกังวลว่าพี่ของนางจะไปสายอีก อย่างไรก็ตาม นางสังเกตว่าองค์ชายสือจินที่ต้องสู้คนแรกความจริงยังคงต่อสู้อยู่ เขาทุบพื้นและทำลายพื้นเวทีต่อสู้อย่างย่ามใจขณะที่เขาได้ยินผู้คนส่งเสียงเชียร์เขา... พอเห็นเช่นนี้ เย่ว์หยางรู้สึกว่าองค์ชายสือจินขาดสติไปแล้ว ขณะที่เขาหาวและถอยกลับไป ในรอบแพ้คัดออกของกลุ่มสอง จะไม่จบแบบนี้ในวันพรุ่งนี้
“ดูเจ้าหน้าตัวเมียนั่นสิ น่าขยะแขยงนะ”
แม้ว่าองค์ชายสือจินผู้หยิ่งผยองจะเป็นที่รกหูรกตาสำหรับจ้าอ้วนไห่ แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าองค์ชายสือจินแข็งแกร่งมากและเขาก็มีดีพอที่จะหยิ่งผยองได้
“เจ้าไม่เห็นไป๋หวินเฟยนั้นหรือ หรือเจ้าควรตระหนักได้ถึงสิ่งที่ขยะแขยงที่สุดในโลกคืออะไรนะ”
บุรุษที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้าอ้วนไห่พึมพำกับเจ้าอ้วนไห่
“พี่ชาย! ข้าบอกได้เลยว่าท่านเป็นคนที่มีความยุติธรรมอยู่ในหัวใจ ครั้งแรกที่ข้าเห็นท่าน ในฐานะที่เป็นสหายกับความยุติธรรม ขอให้ข้าได้แนะนำตัวหน่อยเถอะ ข้าคือไห่ต้าฟู่ ทุกคนเรียกข้าว่าต้าไห่ ข้าเป็นลูกพี่ใหญ่ของพวกเขา ไม่ทราบว่าท่านรู้ที่อยู่ข้าได้อย่างไร?”
เจ้าอ้วนไห่มีความรู้สึกชัดเจนว่าเป็นคนที่เขารู้จักดี เขาจับมือและกอดกับคนผู้นั้นหลายครั้งเหมือนกับเป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อน พวกเขาคุยกันอย่างกระตือรือร้น ภาพนั้นทำให้เย่ว์หยางเห็นแล้วขนลุก พวกเขาทุกคนตัดสินใจกลับไปยังที่พักนักสู้ มิฉะนั้น พวกเขาคงรู้สึกคลื่นไส้หากจะมองดูต่อไป
เจ้าอ้วนไห่กลับมาอย่างมีความสุขหลังจากนั้นไม่นาน
แม้ว่าทุกคนจะดูถูกเขา แต่เขาก็ไม่โกรธเลย เขายังนำข่าวกลับมาบอกเย่ว์หยาง “ตามที่สหายหนุ่มผู้นั้นพูดถึง ไป๋หวินเฟยมอบแมมม็อธอสูรสามัญระดับ 7 และเสือเขี้ยวดาบ อสูรทองแดงระดับ 6 ให้เซี่ยเชียนเริ่น ข้าคิดว่าข้าเอาข่าวนี้มาบอกเจ้าได้ทันเวลานะ”
“จริงเหรอ?”
เจ้าเมืองโล่วฮัวสงสัยจริงๆ ต่อให้เป็นประมุขน้อยของนิกายภูเขาหมอก ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาสัตว์อสูรระดับ 6 มอบให้คนอื่นได้ง่ายๆ
“เซี่ยเชียนเริ่นไม่มีสมองแล้วหรือ? อย่าบอกข้านะว่าเซี่ยเทาและเซี่ยถูไม่ได้บอกเขาว่าเย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง การให้เสือเขี้ยวดาบระดับ 6 ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เขาคงไม่คิดทิ้งชีวิตไปหรอกนะ? เนื่องจากเย่ว์หยางสามารถฆ่าอสูรทองระดับ 6 อย่างปูยักษ์ได้ แล้วพยัคฆ์ที่มาจากวิหารสิบสองนักษัตรยังจะรับไหวอีกหรือ? เขาคิดว่าเขาจะหยุดเย่ว์หยางไม่ให้เข้ารอบต่อไปได้หรือ? เขาคงต้องไปกินอะไรผิดสำแดงมาแน่ ถึงได้โง่อย่างนั้น”
เย่คงโกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องที่เจ้าอ้วนไห่พูด
ถ้าเขารู้ว่าเซี่ยเชียนเริ่นเป็นคนเลวเนรคุณอย่างนั้น เขาจะชวนให้เย่ว์หยางล้างตระกูลเซี่ยระหว่างประชุมตระกูลเลย
จากนั้นพวกเขาจะหลีกเลี่ยงที่จะเจอสวะที่เนรคุณอย่างนั้น
เจ้าเมืองโล่วฮัวขมวดคิ้วงามของนางและส่ายหน้า
“ไม่หรอก, เซี่ยเชียนเริ่นฉลาดมาก เขารู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะเย่ว์หยางได้ นั่นคือสาเหตุที่เขายอมรับของขวัญจากไป๋หวินเฟยและแกล้งแสดงเป็นว่าเขาต้องการจะสู้ตายกับเย่ว์หยาง ถ้าเซี่ยเชียนเริ่นเผยสถานะที่แท้จริงของเย่ว์หยางว่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง เจ้าคิดหรือว่าไป๋หวินเฟยจะกล้าสู้กับเย่ว์หยาง? เขาจะถอนตัวออกจากการแข่งขันแน่นอน เขาคงไม่ยอมให้สัตว์อสูรที่ทรงพลังถึงสองตัวกับเซี่ยเชียนเริ่น เนื่องจากเซี่ยเชียนเริ่นรับสัตว์อสูรมาแล้ว ก็พิสูจน์ได้ว่าเชี่ยเชียนเริ่นไม่เพียงแต่ไม่เปิดเผยความจริงที่ว่าเย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องการทำให้ไป๋หวินเฟยสับสนโดยทำเป็นแสดงความจริงใจและแกล้งว่าเขาต้องการสู้กับเย่ว์หยางจนถึงที่สุด เพื่อที่ว่าไป๋หวินเฟยจะได้ประมาทพลังของเย่ว์หยาง เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เขาต้องการให้เย่ว์หยางสู้กับนิกายภูเขาหมอก สำหรับไป๋หวินเฟยแล้ว เซี่ยเชียนเริ่นแค่ใช้เขาเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขาเท่านั้น”
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ปากอ้าค้าง ขณะฟังเรื่องที่เจ้าเมืองโล่วฮัวพูด
ชัดเจนแล้วว่า เซี่ยเชียนเริ่นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
“จะมีประโยชน์อะไร ถ้าเขาไม่มีความเข้มแข็ง แม้ว่าเขาจะมีแผนสมรู้ร่วมคิดที่ดีมากก็ตาม แต่ว่าไม่ว่ามดจะฉลาดขนาดไหนก็ตาม แต่มันจะไม่มีทางหลอกเสือได้!”
เย่ว์หยางโบกมือตัดบท ส่งสัญญาณไม่ให้คนอื่นมากังวลกับปัญหานี้
“เซี่ยเชียนเริ่นจะแค่ไหนกัน? ความจริงที่ว่าประมุขนิกายพันปีศาจไม่ได้ทำอะไรเลย แม้หลังจากเห็นข้าสังหารลูกน้องของเขาอย่างถูเฉิงและขวงจั่นกับตาตนเอง นั่นคือสิ่งที่เราควรจะกลัวมากกว่า”
สิ่งที่เย่ว์หยางพูด ทำให้เจ้าเมืองโล่วฮัวสั่น
ประมุขนิกายพันปีศาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างแน่นอน
ถ้ามีคนไปเปรียบเทียบเซี่ยเชียนเริ่นกับประมุขนิกายพันปีศาจ เซี่ยเชียนเริ่นก็แค่มดที่ไม่มีความสำคัญเลย แค่ประมุขนิกายพันปีศาจระบายลมหายใจ ตระกูลเซี่ยทั้งหมดก็พินาศสิ้นแล้ว อย่าว่าแต่เซี่ยเชียนเริ่นเลย
โชคดีที่เขา ไม่สามารถโจมตีทวีปมังกรทะยานได้เนื่องจากพันธสัญญาของนักสู้ปราณก่อกำเนิด เขายังไม่กล้าบุกทำร้ายเย่ว์หยางหรือทำอย่างอื่นที่จะทำให้พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย แน่นอนว่าเขาไม่สามารถลงมือโจมตีด้วยตนเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ลอบแทงเย่ว์หยางลับหลัง
บางทีเขาใช้การแข่งขันสุดยอดร้อยโรงเรียนครั้งนี้ถือโอกาสก่อจลาจล ถ้าเขาแอบส่งเสริมใครบางคน ก็อาจเป็นปัญหาได้ เนื่องจากพลังของนิกายพันปีศาจแค่เป็นรองพวกวังปีศาจพียงเล็กน้อย และพลังของพวกเขาก็กล้าแข็งมาก สถานการณ์จะกลับกลายเป็นสับสนวุ่นวาย ถ้าพวกเขาส่งคนของพวกเขามาร่วมด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นที่เชื่อได้ว่าวังมาร(วังปีศาจ)ก็จะเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากนิกายพันปีศาจก็อยู่ที่นี่
ดูเหมือนว่าไม่มีใครพบเบาะแสที่พวกเขาหลบซ่อนตัวในขณะนี้ หลังจากที่สามอาณาจักรใหญ่จับตามองอยู่
โดยผิวเผินแล้ว ผู้คนพียงแต่เห็นด้านยิ่งใหญ่ของไป๋หวินเฟยและองค์ชายสือจิน แต่ไม่มีใครรู้ว่าพลังของวังปีศาจและนิกายพันปีศาจแข็งแกร่งพอๆ กับสี่นิกายใหญ่จริงๆ
เนื่องจากว่าพวกเขาไม่มีการแข่งขันในวันถัดไป ทุกคนจึงเตรียมไปมองหาสถานที่กินอาหารกัน ทันใดนั้นหญิงงามลึกลับแวะผ่านมา
“เย่คง พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อน โปรดนำแม่เฒ่าอู๋เถิงไปที่วิหารสิบสองนักษัตรด้วย ถ้าเราไม่กลับออกมาในคืนพรุ่งนี้ ปิงเอ๋อ! เวลานี้ขณะที่เราผ่านด่านวิหารเทพสตรี เจ้าจะต้องเล่นบทที่สำคัญมาก แน่นอนว่าเจ้ายังต้องมาด้วยและต้องเข้มแข็งไว้ ข้าจะบอกสิ่งที่ต้องทำกับเจ้าในภายหลัง พี่โล่วฮัว! โปรดตามเรามาด้วย”
“ข้าผ่านระดับ 5 ไปแล้ว”
เจ้าเมืองโล่วฮัวก็อยากจะช่วยเช่นกัน แต่นางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่สามารถเข้าวิหารได้อีกต่อไป
“ถ้าเรายังไม่กลับออกมาในวันพรุ่งนี้ เชี่ยนเชี่ยนและท่านต้องใช้”หัวใจร่ำร้อง“นี่คือสิ่งสุดท้ายที่”นาง“ยืนกราน นั่นเพียงพอที่จะบอกได้ในตอนนี้ ไปกันเถอะ!”
เมื่อหญิงงามลึกลับพูดเรื่องหญิงงามอมโรค ตาของนางฉายแววเสียใจ แต่นางรีบกลับสู่ความปกติได้โดยเร็ว
เย่ว์หยางยังคงคิดว่าการผ่านด่านปีศาจภายในใจที่วิหารเทพสตรีเป็นเรื่องสำคัญมาก
เขาต้องผ่านด่านนี้ให้ได้ หรือไม่เช่นนั้นเขาจะไม่สามารถก้าวหน้าได้หลังจากที่บรรลุถึงขอบเขตปราณก่อกำเนิดแล้ว
ขณะที่พวกเขารีบเร่งไปยังวิหารสิบสองนักษัตรในแดนดาว เย่ว์หยางก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเขาพบว่าขโมยน้อยตัวปลอมอย่างอี้หนานก็อยู่ที่นั่น หญิงงามอมโรคที่คลุมหน้าก็ยังอยู่ที่นั่นด้วย เป็นไปได้ไหมว่าอี้หนานยังคงเป็นหนึ่งในพวกนางที่มีบทบาทสำคัญช่วยให้เอาชนะปีศาจภายในหัวใจของเขา?
ตาของอี้หนานฉายแววเป็นสุขเมื่อนางเงยหน้ามองดูเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตามนางรีบก้มหน้าเขินอายทันที นางช่างแตกต่างจากอี้หนานจอมห้าวคนเดิมยิ่งนัก
“ปิงเอ๋อและอี้หนาน เจ้าทั้งสองคนต้องเล่นบทบาทที่สำคัญที่สุด ข้าจะบอกแนวความคิดวิธีผ่านด่านให้ฟัง ตอนแรก จะไม่มีความจำเป็นที่เราต้องรีบร้อนเลย แต่มีบางอย่างอาจเกิดขึ้นพรุ่งนี้ เราต้องผ่านด่านวิหารเทพสตรีให้ได้วันนี้ ไม่อย่างนั้นเย่ว์หยางจะประสบภาวะชะงักค้างเนื่องมาจากปีศาจภายในจิตใจของเขา”
หญิงงามลึกลับไม่บอกสิ่งที่จะเกิดกับเย่ว์หยางในวันต่อไป แต่เย่ว์หยางมั่นใจว่าเหตุการณ์นั่นจะต้องเกี่ยวข้องกับเขา
อย่างนั้น เหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่เขาจะได้เงื่อนงำในขณะนี้หรือไม่?
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=247