ตอนที่ 213 สาวมังกรหรือ? ข้าไม่ต้องการ ข้ามีสาวงามเยอะแล้ว
“ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอะไรทั้งนั้น เมื่อมีสมาชิกใหม่เข้าร่วมกับเรา ไม่เพียงแต่เราไม่เรียกร้องอะไรจากพวกเขาเท่านั้น แต่เรายังจะสนับสนุนอุปกรณ์บางอย่างให้พวกเขาฟรีๆ อีกด้วย เพื่อที่ว่าสมาชิกใหม่จะสามารถปรับตัวและมีประสบการณ์เข้ากับหอทงเทียนได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน เรายังจะขอให้สมาชิกลงนามในสัญญาให้งดเว้นการใช้พลังของพวกเขาภายใต้สถานการณ์ปกติ เนื่องจากความแตกต่างในเรื่องพลังระหว่างนักสู้ปราณก่อกำเนิดและคนธรรมดานั้นห่างไกลกันมาก เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับพวกเขาที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติอันตรายและเกิดการบาดเจ็บล้มตายในหมู่นักรบชาวทวีปมังกรทะยาน ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์ที่ปกติ เราจึงขอให้นักสู้ปราณก่อกำเนิดทุกคนปฏิบัติตามพันธสัญญาและพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ทำอะไรในทวีปมังกรทะยาน ที่ชั้นบนของหอทงเทียน ยังมีโลกที่ใหญ่กว่าทวีปมังกรทะยานเป็นล้านเท่า นักสู้ปราณก่อกำเนิดจะต้องพึ่งพาพลังของตนเองเพื่อช่วงชิงอาณาเขตตนเอง ณ ที่แห่งนั้นเจ้าจะทำอะไรก็ได้โดยไม่ถูกจำกัด พันธสัญญานักสู้ปราณก่อกำเนิดจะมีผลเฉพาะทวีปมังกรทะยานเท่านั้น นี่คือการปกป้องที่พวกเรานำเสนอในฐานะพันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่มีต่อทวีปมังกรทะยาน”
ผู้เฒ่าหนานกงอธิบายให้เย่ว์หยางฟังอย่างอดทน
“ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก จะเป็นยังไงถ้ามีคนต้องการฆ่าข้าเหมือนกับตาแก่บ้าทั้งสอง? ถ้าข้าไม่ตอบโต้ แล้วจะให้ข้ายื่นคอให้พวกเขาฟันศีรษะข้าหรือ?”
เย่ว์หยางไม่สบายใจและไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดนั้น
“ใครก็ตามที่สมคบกันทำอันตรายต่อนักสู้ปราณก่อกำเนิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือวัตถุประสงค์เช่นไรก็ตาม นักสู้ปราณก่อกำเนิดมีสิทธิ์ที่จะกำจัดพวกเขา!”
ผู้เฒ่าหนานกงตอบขึงขัง
พอได้ยินเช่นนี้ คนของตระกูลเซี่ยถึงกับสั่น
ตอนนี้พวกเขาลำบากหนักเสียแล้ว พวกเขาต้องพึ่งพาความเมตตาของเย่ว์หยาง
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่มีเวลาจัดการพวกเขาในตอนนี้ แต่เซี่ยถูและคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าลอบหนีไป ถ้าองครักษ์สาวเกราะเงินที่มีปีกพวกนั้นโจมตีอีกครั้ง ตระกูลเซี่ยอาจจะเหลือแต่เถ้าถ่าน เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่นักสู้ธรรมดาจะหาญสู้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิด เซี่ยถูตัดสินใจเสร็จสรรพพื่อลดการสูญเสียและปกป้องตระกูลเซี่ยอย่างดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้...
เฟิงเสี่ยวหวิน, เสวี่ยเวิ่นเต้า, เหยียนเชียนจ้งและคนอื่นๆ ต่างก็ตั้งใจฟังเรื่องนี้ ที่สำคัญที่สุด นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก
ถ้าว่ากันตามปกติแล้ว ผู้เฒ่าหนานกงจะลงมายังทวีปมังกรทะยานเงียบๆ นี่นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากที่จะเห็นเขามาเชิญเย่ว์หยางอย่างเปิดเผยต่อหน้าคนอื่นๆ
ทุกคนได้รับความรู้เรื่องเขตแดนปราณก่อกำเนิดด้วยเช่นกัน แม้ว่าพวกเขา อาจจะไม่สามารถเข้าไปถึงดินแดนปราณก่อกำเนิดได้ แต่อย่างน้อยก็ยังเป็นการแสดงความหวังรูปแบบหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่การสะสมความรู้อย่างนั้นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต
พวกเขาทุกคนอยากให้เย่ว์หยางถามเพิ่มอีกเล็กน้อย เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้เข้าใจเพิ่มอีกเล็กน้อย
เจ้าเด็กเย่ว์หยางนี่กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปแล้ว มันสายเกินไปสำหรับทุกคนแม้ว่าจะอิจฉาเขาแค่ไหนก็ตาม ถ้าพวกเขาต้องการใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ ก็เท่ากับว่าพาตัวเข้าไปพัวพันกับความตายแล้ว ทางออกเพียงประการเดียวก็คือคบหาและรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ว์
การทวีความรุ่งเรืองของตระกูลเย่ว์ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดพวกเขาได้ แม้ว่าเย่ว์หยางนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้นี้จะไม่ได้วุ่นวายกับกิจการในตระกูลเย่ว์ก็ตาม แต่ตระกูลเย่ว์ก็จะปราศจากความกังวลใดๆ ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ สถานการณ์อย่างวันนี้ ขนาดที่ตระกูลเซี่ยร่วมมือกับนักรบของอาณาจักรสือจินเข้าจู่โจมปราสาทตระกูลเย่ว์ก็จะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง
สำหรับตระกูลเซี่ย ทุกคนรู้ว่าพวกเขากลายเป็นหมูรอให้เย่ว์หยางใช้มีดเชือดแล้ว
คนของตระกูลเซี่ย จะพบกับความตายอย่างสยดสยอง แต่มันคงไม่ใช่แค่นั้น
ที่สำคัญที่สุด พวกเขาเป็นแค่คนตายที่เดินได้ขณะแสดงความโง่เขลาของพวกเขา ไม่มีใครเคยเห็นคนโง่ผู้เข้าใจผิดคิดว่าญาติผู้น้องกลายเป็นชายชู้, ไม่มีใครเคยเห็นคนเรียกองค์หญิงว่านังสุนัขต่อหน้าฮ่องเต้ และไม่มีใครเคยเห็นคนปัญญาอ่อนที่บังอาจพยายามแย่งชิงตราเทพปราณก่อกำเนิดต่อหน้านักสู้ปราณก่อกำเนิด
พวกเขาหาเรื่องราวให้ตัวเองด้วยน้ำมือของพวกเขาเองแท้ๆ
“แล้วแม่สาวทั้งสองคนนี้ล่ะ?”
ทักษะญาณทิพย์ระดับ 4 ของเย่ว์หยางระบุให้ทราบความลับบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังขององครักษ์สาวผู้มีปีกเงินทั้งสองคนและเขาอยากรู้อยากเห็นเรื่องของพวกนางมาก
“ถ้านักสู้ปราณก่อกำเนิดไปยังชั้นที่หกของหอทงเทียนเป็นครั้งแรก บางทีพวกเขาอาจต้องเข้าสู่การต่อสู้ที่ไม่มีสิ้นสุด จนทำให้พวกเขาไม่สามารถฝึกฝนตนเองได้ ดังนั้น พันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะแนะนำ”องครักษ์นักรบหลวง“ให้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนใหม่ได้ว่าจ้างเพื่อสนับสนุนนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้จัดการงานทั่วๆ ไปได้ พลังของพวกเขาเทียบได้กับนักสู้ของทวีปมังกรทะยานระดับ 6-9 หรืออาจระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ได้ องครักษ์นักรบหลวงทุกคน จะมีความสามารถที่ต่างกันและมีกฎเกณฑ์เงื่อนไขว่าจ้างพวกเขาแต่ละคนต่างกันอีกด้วย พูดง่ายๆ ก็คือยิ่งพวกเขาแข็งแกร่ง ก็ยิ่งจ้างได้ยาก”
ผู้เฒ่าหนานกงอธิบายอย่างอดทน
“อย่างนั้น อย่างนั้นพวกนางเป็นทหารรับจ้างที่ท่านแนะนำให้ข้าจ้างใช่ไหม? องครักษ์นักรบหลวงน่ะ? แล้วจะต้องใช้เงินในการจ้างพวกนางเท่าไหร่?”
เย่ว์หยางให้ความสนใจจ้างแต่สาวงาม ยิ่งไปกว่านั้น สองสาวนี้สามารถสู้ได้จริงๆ!
“พวกนางเป็นบุคลากรล้ำค่า พวกนางไม่ใช่องครักษ์นักรบหลวง พวกนางคือองครักษ์เทพสงคราม มีสติปัญญาและมีศักยภาพมากกว่า พูดง่ายๆ ก็คือ พวกนางจะเลือกนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่สนับสนุนและมีความสอดคล้องกับศักยภาพของพวกนาง โดยนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะต้องมีความก้าวหน้าไปพร้อมกับพวกนาง เป็นไปไม่ได้ที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดธรรมดาจะมีองครักษ์เทพสงครามเป็นของตนเอง”
คำพูดของผู้เฒ่าหนานกงทำให้ฝูงชนน้ำลายหกด้วยความอิจฉา
จากคำพูดของผู้เฒ่าหนานกง เป็นข้อสรุปที่อาจเอื้อมถึงได้
นั่นคือคือ เจ้าเด็กเย่ว์หยางผู้นี้ไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิดธรรมดา แต่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่มีศักยภาพยิ่งใหญ่ ที่สำคัญที่สุด ผู้เฒ่าหนานกง ยังพาองครักษ์เทพสงครามมากับเขาด้วย ซึ่งนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่นไม่มี
เพียงคนเดียวที่รู้สึกจะหึงเล็กน้อยก็คือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ปกติเจ้าเด็กนี่ก็เป็นจอมเจ้าชู้และจอมลามกอยู่แล้ว
ตอนนี้ที่องครักษ์เทพสงครามคนงามจะถูกมอบให้เขา แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ก็คงแปลกหากว่าเขาจะไม่ลืมคนที่อยู่ในหัวใจเขาแต่เดิม เรื่องนี้แย่มาก ในหมู่องครักษ์เทพสงครามไม่มีคนหน้าตาน่าเกลียดบ้างเลยหรือ?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังคิดหลายเรื่องอยู่ในหัวของนาง จนนางรู้สึกไม่พอใจ เดิมทีนางต้องการจะปฏิเสธแทนเย่ว์หยางแล้ว อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาแต่อย่างใดเลยจนทำให้นางรู้สึกผิดหวัง
“อย่างนั้นพวกนางต้องการอะไรจากข้า? จะทำงานให้ข้าฟรีหรือ?”
เย่ว์หยางหัวใจเต้นแรง และเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เขามักจะเป็นที่รักเด็กหญิงตัวน้อยเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่สาวใหญ่มักหันมามองเขาด้วยสายตาชิงชัง ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะเห็นสาวใหญ่หลงรักเขาตั้งแต่แรกเห็น เขามีเสน่ห์แค่พอชนะใจเด็กหญิงตัวน้อยๆ แค่นั้น
ตอนนี้ โชคได้กลายเป็นของเขาในที่สุด
ในที่สุดสาวใหญ่ก็มาหาเขาจนได้
ดินแดนปราณก่อกำเนิดทรงพลังมากจริงๆ ยังไม่ทันได้ไปเลย สาวงามก็มาเคาะประตูถึงบ้านเสียแล้ว ชีวิตเช่นนี้น่ารื่นรมย์มากจริงๆ เย่ว์หยางตื่นเต้นจนแทบอยากจะร้องไห้
“สหายน้อยเย่ว์หยาง! สองคนนี้เป็นองครักษ์เทพสงครามที่จื้อจุนเลือกมาให้เจ้าโดยเฉพาะ ข้าคิดว่าบางทีพวกนางยังไม่รู้จักเจ้าเลย ถ้าเจ้ามีคำถามอะไร เจ้าสามารถถามนางโดยตรงได้”
ผู้เฒ่าหนานกงกระแอมเบาๆ ความจริงเขาต้องการเตือนเจ้าเด็กนี่ไม่ให้คิดเลยเถิด แม้ว่าเขาจะมีศักยภาพขึ้นไปได้ถึงหอทงเทียนชั้นที่หกหรือสูงกว่านั้นก็ตาม ใครจะรู้กันว่ามีนักสู้ปราณก่อกำเนิดอายุเยาว์อยู่ในทวีปมังกรทะยานซึ่งมีศักยภาพยิ่งใหญ่อีกด้วย? ถ้าไม่ใช่เพราะ “นาง” มอบองครักษ์เทพสงครามทั้งสองที่ปกติจะอยู่รับใช้ข้างกายนางให้กับเขา แล้วเขาจะได้รับองครักษ์เทพสงครามก่อนเข้าร่วมพันธมิตรปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร? นั่นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
“เราทั้งคู่เป็นสตรีมังกรจากเผ่ามังกรปีศาจตะวันออก แม้ว่าเราจะได้รับคำสั่งจากจื้อจุน เราก็ไม่รับรองว่าท่านจะเป็นเจ้านายที่เราต้องปฏิบัติตาม เราต้องการหานักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ช่วยให้เรามีการพัฒนาพลังของตนเองไปด้วย ตอนนี้ เรายังไม่อาจรับรองได้ว่าท่านจะมีความสามารถชนิดนั้น ดังนั้นเรายังไม่ทำสัญญากับท่านในตอนนี้ทันที เว้นแต่ท่านจะพิสูจน์ต่อเราได้ว่าท่านมีความแข็งแกร่งกว่าพวกเรา”
องครักษ์เทพสงครามผู้กล้าหาญคนซ้ายมือพูดขึ้น เหมือนกับราดน้ำเย็นลงบนจิตวิญญาณของเย่ว์หยางทันที ดูเหมือนว่าพวกนางไม่ต้องการทำตามคำสั่ง พวกนางมีความคิดเป็นของตนเอง
“เราไม่จำเป็นต้องทำสัญญากับท่านก็ได้ ท่านก็รู้นี่!”
บุคลิกขององครักษ์เทพสงครามคนขวามือยังไม่จริงจังเท่ากับคนซ้าย นางน่ารักกว่า
“ถ้าเพียงแต่ท่านทดสอบศักยภาพที่ชั้นหกหอทงเทียนและตรวจสอบรับรองได้ว่าท่านจะเป็นประโยชน์ต่อเราในอนาคต เราจะยอมรับพิจารณาไว้”
องครักษ์เทพสงครามคนซ้ายมือระบุเงื่อนไขเพื่ม
“เราเพียงแต่รับพิจารณา”
องครักษ์เทพสงครามเสริมต่ออย่างน่ารักอีกครั้ง
“น่าหงุดหงิด, นี่มันยุ่งยากเกินไป! อา...ช่างเถอะ พวกท่านกลับไปได้แล้ว ข้ามีสาวงามอยู่ข้างๆ ตัวเยอะแล้ว ข้าไม่สนองครักษ์เทพสงครามอะไรนั่นหรอก... เจ้าทั้งคู่เป็นสาวมังกรไม่ใช่หรือ? ไม่เห็นมีอะไรที่เจ้าจะต้องหยิ่งมากขนาดนั้นเลยนี่! ข้าจะพูดแค่เพียงประโยคเดียว คุณชายผู้นี้ไม่จำเป็นต้องมีพวกเจ้า!”
เย่ว์หยางโบกมืออย่างสุภาพบุรุษ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดูจากภายนอกเขาเป็นเหมือนไม่ใส่ใจ แต่กลับเจ็บปวดใจเสียดายยิ่งนัก พวกนางทั้งคู่เป็นสตรีมังกรระดับสูง เขาช่างโง่จริงๆ ที่ส่งพวกนางกลับบ้านไปอย่างนั้น
“อา...”
เจ้าอ้วนไห่และเย่คงถึงกับสั่น ทำไมเขาถึงไม่ต้องการองครักษ์เทพสงคราม ในเมื่อพวกนางถูกส่งมอบให้เขา
“นี่...”
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และคนอื่นๆ ก็ยังคงรู้สับสนเช่นกัน เจ้าเด็กนี่เป็นอะไรไป? เขาผลักไสไม่รับองครักษ์เทพสงครามได้อย่างไรกัน?
“เป็นศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่ไร้เหตุผลสิ้นดี!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีทักษะหกรับรู้ที่อ่อนไหวมาก นางสามารถได้ยินเสียงที่เขาพูดออกมาโดยไม่มีความหมาย ไม่ใช่ว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ต้องการรับองครักษ์เทพสงคราม แต่เป็นแค่เพราะคำพูดขององครักษ์เทพสงครามทำร้ายศักดิ์ศรีของเขา ดังนั้น เขาจึงปฏิเสธพวกนางแทนที่จะรับฟังเงื่อนไขของนาง แม้ว่าพวกนางต้องการจะคุยเรื่องเงื่อนไข
แต่เขาในฐานะเจ้านายคงตัดสินพวกนางไปแล้ว มิฉะนั้น เขาคงจะไม่รับพวกนางไว้ ตอนนี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างว่าเย่ว์หยางเป็นคนเช่นไร นางเผลอยิ้มเล็กน้อย ความจริงนางต้องการหัวเราะ แต่นางเกรงว่าเย่ว์หยางจะโกรธนาง นางใช้กำปั้นสะกิดเขาเบาๆ และเมื่อเย่ว์หยางจ้องมองนาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยิ้มนุ่มนวลให้เขา
“ข้าสนับสนุนเจ้า แม้ว่าเจ้าจะสูญเสียสาวไปสองคน แต่ข้าจะชดเชยให้เจ้าด้วยโล่วฮัว, อู๋เสียและเพิ่มให้อีกคนก็ได้ อี้หนานไง!”
“สาวๆ เหล่านั้นข้าชอบอยู่แต่เดิมแล้ว...”
พอคิดได้ว่าเขายังมีโล่วฮัว, หญิงงามลึกลับและน้องอี้หนาน เย่ว์หยางก็รู้สึกชุ่มชื่นใจขึ้น
“เพราะเจ้าพูดออกมาแบบนั้น เราจะกลับไปได้ไหม? เจ้าไม่ต้องการติดตามเรากลับไปหอทงเทียนชั้นหกเพื่อทดสอบศักยภาพของเจ้าหรือ? จะปล่อยเราไปจริงๆ หรือ?”
องครักษ์เทพสงครามคนซ้ายมือถามเย่ว์หยาง ดูราวกับว่านางประหลาดใจในพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ของเขาถึงขนาดผลักไสพวกนางออกไป
“คงไม่ต้องตามส่งพวกเจ้าหรอกนะ!”
เย่ว์หยางทำทีแข็งขืนยืนกรานจนถึงที่สุด แต่จริงๆ แล้วเขาอยากจะทุบตีตนเองยิ่งนักอยู่ภายในใจ
พวกนางเป็นสาวมังกรระดับสูง แต่เขากลับบอกปัดปฏิเสธพวกนางเสียอย่างนั้น
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคาดเดาความในใจเขาได้ถูก ทั้งหมดก็เพื่อศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่ไร้ประโยชน์ เขาถึงกับบอกปัดปฏิเสธสาวมังกรได้ เขาสามารถจะรับทั้งสองนางไว้ได้ แต่ตอนนี้ความหวังนั้นหมดไปแล้ว
จู่ๆ ผู้เฒ่าหนานกงก็ปรบมือแล้วยกย่องเย่ว์หยางว่า
“เย่ว์หยาง! จื้อจุนเคยพูดถึงเจ้าให้ข้าฟังมาก่อน 2-3 ครั้ง นางบอกว่าเจ้าเป็นคนที่รักอิสระ การกระทำของเจ้าเอาแน่นอนไม่ได้ ความคิดของเจ้าก็มีความยืดหยุ่น เจ้ามุ่งมั่นที่จะเป็นอิสระและเกลียดการผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์และข้อบังคับ มาถึงตอนนี้ที่ข้าคิดเห็นเรื่องเจ้าเป็นส่วนตัว นางวิจารณ์เจ้าได้ถูกต้องจริงๆ ข้าสามารถให้คำรับรองเจ้าได้เลยว่าพันธสัญญาในพันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิดไม่ใช่กฎเกณฑ์ที่ใช้ผูกมัดนักสู้ปราณก่อกำเนิดแน่นอน พวกเขาส่วนหนึ่งเป็นผู้ปกป้องทวีปมังกรทะยาน ขอให้ข้าแนะนำเรื่องอย่างนี้ให้เจ้าก่อน ก่อนที่เจ้าจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพันธสัญญานักสู้ปราณก่อกำเนิด ศัตรูนับไม่ถ้วนก็คงพยายามจะฆ่าเจ้า อย่างนั้นวันนี้เจ้ายังจะอยู่ที่นี่ได้อีกหรือ? ดังนั้นพวกเราจึงต้องจำกัดการแสดงออกของนักสู้ปราณก่อกำเนิดในทวีปมังกรทะยาน แต่ถ้ากลับกลายเป็นว่าอยู่ในสถานที่อื่นแทน พวกเขาปรารถนาจะทำอะไรก็ตาม ก็ทำได้โดยไม่มีข้อจำกัด จะมีอิสระมากกว่าอยู่ในทวีปมังกรทะยาน”
แม้ว่าปณิธานของเย่ว์หยางจะสั่นคลอนเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่ต้องการถูกรังแกอยู่ในหอทงเทียนชั้นหกแน่นอน
ในทวีปมังกรทะยาน เขาจะยังไม่พบกับศัตรูมากนัก
นอกจากองครักษ์พิทักษ์ฟ้าที่เป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่ง คนอื่นๆ ก็ยังไม่เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของเขา พวกนิกายพันปีศาจก็รอต่อสู้กับเขาอยู่ที่นั่น ก่อนที่เขาจะมีความแข็งแกร่งในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 เขาจะยังไม่ไปหอทงเทียนชั้นหกแน่นอน มิฉะนั้น เขาอาจตกไปในกับดักที่น่ากลัวของประมุขนิกายพันปีศาจก็ได้
แม้ว่าการไล่ตามจีบหญิงก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ความปลอดภัยในชีวิตของเขาต้องมาก่อน
ขอเพียงเขามีชีวิต เดี๋ยวก็หาผู้หญิงได้ แต่ถ้าเขาตาย อย่างนั้นโล่วฮัวและสาวอื่นๆ ก็จะกลายเป็นหม้าย อย่างนั้นจะเป็นเรื่องเศร้ามิใช่หรือ..
องครักษ์เทพสงครามคนซ้ายมือที่จริงจังเข้มงวดมากกว่าบินมาอยู่ข้างๆ เขาและให้เครื่องประดับรูปจันทร์เสี้ยวชั้นแพลตตินัมกับเย่ว์หยางและกล่าวว่า
“จื้อจุนบอกว่าถ้าท่านปฏิเสธคำขอของเรา อย่างนั้นให้เรามอบสิ่งนี้ให้ท่าน!”
เย่ว์หยางอึ้ง, เป็นไปได้ไหมว่า พี่สาวที่เป็นผู้แนะนำของเขาผู้ลึกลับรู้ว่าเขาจะปฏิเสธพวกนางตั้งแต่แรก?
“นี่อะไรกัน?”
เย่ว์หยางตระหนักว่า แม้ว่าสิ่งนี้จะดูง่ายๆ ธรรมดาเหมือนกับสร้อยหยกดำของเขา แต่ในความเป็นจริง มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เขาไม่สามารถตรวจสอบได้ แม้จะใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 4 ตรวจดูก็ตาม
องครักษ์เทพสงครามคนขวามือพยักหน้าด้วยท่าทางน่ารักและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงปกติว่า
“นั่นเป็นของดีนะ ท่านก็รู้!”
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=232