ตอนที่ 211 เด็กน้อย! เจ้าคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรือ?
“ถูกแล้ว, ข้ามาที่นี่ก็ด้วยเหตุนี้”
ผู้เฒ่าหนานกงให้คำตอบยืนยันหลังจากเขาถวายความเคารพจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้
“โห!, ยินดีด้วย ผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเหอ!”
เซี่ยถู เซี่ยนิ่วและตระกูลของพวกเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก แม้แต่ประมุขตระกูล เซี่ยเทายังเลิกทำเป็นลมหมดสติไปด้วย เขารีบออกมาทันทีด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ขณะที่แสดงความยินดีกับผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อ แม้ว่าผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อจะดูสงบในภายนอก แต่ลักษณะของเขาก็ดูมีความสุข ฝ่ามือของพวกเขาสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นแต่แรกอยู่แล้ว
ได้กลายเป็นสมาชิกของพันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิดคือความใฝ่ฝันของนักรบที่มีมาตลอดชีวิต พวกเขารอเวลานี้มายาวนานเหลือเกิน
นักสู้ตระกูลเซี่ยยังคงส่งเสียงยินดีโห่ร้องไม่หยุดและเสียงก็ยังจะดังขึ้นไปอีก
เสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหวโดยรอบ
ในทางตรงกันข้าม เหล่านักสู้ของตระกูลเย่ว์กลับหดหู่และหม่นหมองใจ
พวกเขาเกือบจะได้รับชัยชนะของพวกเขาอยู่แล้วหลังจากที่พวกเขาสามารถลดขวัญกำลังใจของศัตรูพวกเขาอย่างยากลำบาก พวกเขาสูญเสียโอกาสที่จะเอาชนะศัตรู เนื่องจากการมาเยือนของนักสู้ปราณก่อกำเนิด ผู้เฒ่าหนานกง
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่รู้สึกกังวลในใจพวกเขาอย่างมาก ถ้าศัตรูของพวกเขาไดัรับคัดเลือกให้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิด อย่างนั้นพวกเขาจะเปิดตัวโต้ตอบอย่างรุนแรงแน่ ในตอนนั้นเย่ว์หยางคงจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ผู้ใดจะกล้าขวางในเมื่อนักสู้ปราณก่อกำเนิดต้องการโจมตีโต้กลับ? นักสู้ปราณก่อกำเนิดสามารถฆ่าคนทุกคนที่เขาต้องการก็ได้ ถ้ามีบางคนยั่วยุพวกเขาแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีสิทธิ์และเหตุผล ความคงอยู่ของนักรบธรรมดาก็เป็นเหมือนมดในสายตาของนักสู้ปราณก่อกำเนิด
พวกเขาเชื่อว่าเย่ว์หยางคงจะได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดสักวันในอนาคตแน่นอน เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ไม่เคยสงสัยในความสามารถของเย่ว์หยางเมื่อดูจากอัจฉริยภาพของเขา
อย่างไรก็ตาม จะกลายเป็นข้อเสียเปรียบสำหรับเย่ว์หยางขณะที่พวกเขาพบว่าสถานการณ์เป็นไปแบบนี้
ถ้าจุนอู๋โหย่วและคนที่เหลือไม่อยู่ต่อหน้าในตอนนี้ เย่คงและคนอื่นๆ คงจะรีบออกไปพาเย่ว์หยางหนีไปทันที
ขณะที่ยังมีชีวิตก็ย่อมมีความหวัง!
การสู้กับศัตรูเป็นการกระทำสุดท้ายที่เย่ว์หยางควรจะทำ เย่ว์หยางจะไม่มีปัญหากับการท้าสู้กับผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อ ถ้าเขาฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาหลายสิบปี
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เย่ว์หยางยังอายุน้อยเกินไปและยังใช้เวลาฝึกฝนมาไม่พอ แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์มาก พลังต่อสู้ของเขาก็ยังไม่อยู่ในระดับเดียวกับผู้เฒ่าที่กับฝึกฝนมานานถึง 200-300 ปี
“ยินดีจริงๆ ที่ได้พบกับท่าน ท่านหนานกง” ผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อคุกเข่าและทักทายผู้เฒ่าหนานกงท่ามกลางความตื่นเต้นและเสียงปรบมือแสดงความยินดีสนั่นหวั่นไหวจากกลุ่มนักสู้ของตระกูลเซี่ย
แม้ว่าผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อจะมีฐานะที่สูงส่งในหมู่นักสู้ทั่วไป แต่พวกเขาก็ยังไม่มีทางขึ้นชั้นไปเทียบเคียงกับผู้เฒ่าหนานกงได้
ผู้เฒ่าหนานกงเป็นประธานสมาชิกสภาพันธมิตรปราณก่อกำเนิด เมื่อพันปีที่แล้ว ท่านเป็นผู้ส่งคำเชิญนักสู้ปราณก่อกำเนิดในทวีปมังกรทะยานให้เข้ากับพันธมิตรปราณก่อกำเนิด ชิงซงและเฮย์เฮ่อมีอายุแค่เพียงสองร้อยห้าสิบปีถือว่ายังเป็นเด็กน้อยเมื่อเทียบกับผู้เฒ่าหนานกง
นักสู้ของตระกูลเซี่ยระเบิดเสียงโห่ร้องดังสนั่น ขณะที่พวกเขาเห็นผู้เฒ่าหนานกงยื่นมือออกมาประคองให้ผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อลุกขึ้น
เป็นไปตามคาด ผู้ที่เขาเชื้อเชิญก็คือผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อที่มีทรงพลังมากที่สุด
ตอนแรก ทุกคนยังคงกังวลเล็กน้อย ขณะที่ยังมีนักรบที่มีพรสวรรค์และทรงพลังหลายคนในฝั่งของตระกูลเย่ว์ ตัวอย่างเช่น มีราชันย์ฟ้าบูรพาผู้มีพลังใกล้ถึงนักสู้ระดับ 8
ชิงซงและเฮย์เฮ่อรู้สึกสัมผัสได้ว่าพวกเขากำลังจะร้องไห้ สวรรค์ส่งเสริมปณิธานคนที่ฝึกฝนมาอย่างหนักจริงๆ ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับผลตอบสนองหลังจากที่พวกเขาอดทนฝึกฝนมามากกว่าสองร้อยปี โลกของนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็เปิดประตูต้อนรับพวกเขาในที่สุด พวกเขาเดินตามเส้นทางนักสู้ปราณก่อกำเนิดมานานกว่าสองร้อยปี
ตั้งแต่พวกเขายังอายุน้อยจนกระทั่งพวกเขาผมขาวโพลนขณะที่พวกเขาอายุมากขึ้นทุกที พวกเขาเหมือนเป็นทาสจนกระทั่งถึงวันนี้ เป็นวันที่พวกเขาได้พบผู้ส่งคำเชิญอย่างผู้เฒ่าหนานกง ขณะที่พวกเขาคิดอยู่นั้น ผู้เฒ่าทั้งสองตัวสั่นรู้สึกถึงอารมณ์ที่หลากหลาย พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นและมองหน้ากันและกันด้วยน้ำตาคลอเบ้าเหมือนกับว่าพวกเขากำลังกอดกันและกันร้องไห้ด้วยความปลาบปลื้มใจ
อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าหนานกงพูดคำบางคำอย่างสุภาพ แต่ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง
“พวกท่านเป็นใครกัน? ข้าขอโทษจริงๆ ข้าคิดว่าทั้งสองท่านคงจะเข้าใจผิดเล็กน้อย!”
คำพูดเหล่านี้เหมือนฟ้าผ่ายามกลางวันแสกๆ
ชิงซงและเฮย์เฮ่อผิดหวังอย่างมาก เป็นไปได้หรือที่ผู้เฒ่าหนานกงไม่ได้มาที่นี่เพื่อส่งคำเชิญให้เขา?
เสียงโห่ร้องดีใจจากตระกูลเซี่ยหยุดชะงักทันที
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
เงียบเหมือนกับสถานที่นี้ทั้งหมดมีแต่คนตาย นักรบเกือบทั้งหมดจ้องมองผู้เฒ่าหนานกงพลางคิดว่าพวกเขาไม่เข้าใจคำพูดของเขาไม่ว่าพวกเขาจะพยายามคิดหาคำตอบมากเพียงไรก็ตาม
ผู้เฒ่าหนานกงไม่ได้มาที่นี่เพื่อส่งคำเชิญชิงซงและเฮย์เฮ่อหรือ?
ราชันย์ฟ้าบูรพามีความสงสัยปรากฏอยู่เต็มสีหน้าไม่อาจอดทนมองดูสถานการณ์เฉยๆ ได้ถึงกับเต้นผางทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าหนานกง
“ท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อเชิญพวกเขาเข้าร่วมพันธมิตรปราณก่อกำเนิดหรอกหรือ?”
“พลังและความสามารถของพวกเขานับว่าไม่เลว แต่ว่าพวกเขายังจำเป็นต้องฝึกหนักขึ้น ขณะที่ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่สำหรับพวกเขาที่จะไปให้ถึงระดับปราณก่อกำเนิดได้”
ผู้เฒ่าหนานกงส่ายหน้าน้อยๆ ขณะที่เขากวาดสายตาผ่านชิงซงและเฮย์เฮ่อ การปฏิเสธของเขาทำให้นักรบตระกูลเซี่ยผิดหวังแม้แต่ผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อถึงกับทรุดตัวเป็นลม จากนั้นเขาผงกศีรษะเบาๆ พูดว่า
“ข้ามาที่นี่เพื่อเชิญคนอื่น”
ราชันย์ฟ้าบูรพาตะโกนลั่น “หา!” มันเป็นคำตื่นเต้นที่สุดที่เขาเคยได้ยินมา
เขาปรบมือและตะโกนใส่ชิงซงและเฮย์เฮ่อที่เป็นลมอยู่ว่า
“พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของเต่าแก่มาบ้างไหม? ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังก็ได้ เนื่องจากข้ากำลังดีใจมากๆ กาลครั้งหนึ่ง ยังมีเต่าแก่สองตัวอยู่ในโลกนี้ พวกมันมักจะเห็นภาพหลอนความสำเร็จของตัวเองอยู่เสมอ พวกมันเอาแต่อยู่ภายใต้โลก ไม่รู้อะไรในโลก ช่างหน้าด้านคิดเอาเองว่าพวกมันสามารถปีนออกมาและบินไปในท้องฟ้าได้ พวกเจ้าคิดว่าพวกมันยังจะบินได้หรือ? เป็นไปได้ไหมที่พวกมันจะบินได้ด้วยใบหน้าหนาๆ ของพวกมัน? ขอแสดงความยินกับผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อที่ได้รับเชิญเข้าร่วมเป็นพันธมิตรปราณก่อกำเนิด ฮ่าฮ่าฮ่า! นี่นับเป็นข่าวดีที่ยิ่งใหญ่แน่นอน! ข้าจะขอเป็นตัวแทนอาณาจักรเทียนหลอแสดงความยินดีกับเต่าทั้งสองตัวที่จะได้บินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่สิ ข้าต้องแต่งบทกวีแสดงความตื่นเต้นของข้าต่อความไร้ยางอายของเต่าผู้ไร้เทียมทาน ไม่มีใครสามารถเอาชนะพวกมันขณะที่พวกมันปลดปล่อยความโง่เง่าออกมา!”
เฟิงขวงรับลูกต่อ
“กองทัพอาณาจักรต้าเซี่ยก็อยากจะแสดงความยินดีกับพวกท่านทั้งคู่หลังจากราชันย์ฟ้าบูรพายินดีไปแล้ว!”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่อาจทนอยู่เฉยๆ ได้ เขาผงกศีรษะและพูดว่า
“สถาบันฉางชุนเฉิงทั้งหมดอยากจะขอแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อจนถึงแดนยมโลกเอ๊ย.. หมายถึงการที่ท่านได้รับเกียรติเข้าถึงชั้นปราณก่อกำเนิด”
แม้ว่าเฟิงเสี่ยวหวินและเสวี่ยเวิ่นเต้าจะไม่พูดอะไรสักคำ แต่พวกเขาพยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนักและไม่แสดงอาการออกมา เพราะมันเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน
เหยียนเชียนจ้งก็ได้สนับสนุนให้ผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อแสดงอำนาจของเขา แต่ตอนนี้ เขาอยากเอาปี๊บคลุมหน้าไม่อาจทนมองใครได้อีกต่อไป
แม้แต่เขาก็รู้สึกอับอายแทนผู้เฒ่าทั้งสอง
ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้ เขาคงปฏิเสธที่จะตีสนิทกับตระกูลเซี่ยอย่างแน่นอน พวกเขาเป็นสหายที่ล้มเหลว เหยียนเชียนจ้งลอบตกลงใจว่าคงต้องแยกทางกัน เขาตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ย ไม่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ลับๆ ของพวกเขา ดูเหมือนว่าตระกูลเซี่ยจะตกต่ำอย่างหนักหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้และจะไม่สามารถแตะต้องตระกูลเย่ว์ได้อีกต่อไป มีผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์หลายคนถือกำเนิดขึ้นมาในตระกูลเย่ว์ เห็นได้ชัดว่า ตระกูลเหยียนยังคงต้องเป็นตระกูลในลำดับที่สี่ต่อไปโดยที่ชะตาของพวกเขา คงไม่สามารถเอาชนะเหนือตระกูลเย่ว์ได้
“นอกจากแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อแล้ว ตระกูลเย่ว์ยังอยากจะแสดงความขอบคุณที่พวกท่านทั้งสอง แสดงน้ำใจให้เสี่ยวซานของเราเห็นว่ารุ่นผู้เยาว์ควรจะประพฤติตัวเช่นไร พวกท่านทั้งคู่สั่งสอนได้ดีจริงๆ!”
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่หัวเราะชอบใจพลางปรบมือประชด จุนอู๋โหย่ว, อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า, เฟิงขวงและเขารู้ผลลัพธ์อยู่ก่อนแล้ว พวกท่านแค่ทนอยู่เงียบๆ และเริ่มตอบโต้อย่างเจ็บแสบหลังจากผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อสูญเสียความภาคภูมิใจและเพื่อข่มความเย่อหยิ่งของพวกเขาด้วย
นักรบตระกูลเย่ว์ต่างก็ปรบมืออย่างสุดกำลัง เสียงโห่ร้องดังกว่าที่ตระกูลเซี่ยเคยทำถึงสิบเท่า
ตอนนี้นักสู้จากตระกูลเซี่ยปรารถนาจะแทรกแผ่นดินไปหลบอยู่เนื่องจากความขายหน้าครั้งใหญ่นี้
ผู้เฒ่าชิงซงและผู้เฒ่าเฮย์เฮ่อ ผู้อยู่อย่างสบายมาทั้งชีวิตและมีผู้คนคอยป้อยอเอาใจพวกเขามาตลอดชีวิต ยังแทบไม่อาจทนรับสถานการณ์อัปยศครั้งนี้ได้ ทั้งสองคนทั้งรู้สึกโกรธและอับอายไปพร้อมกัน ขณะที่พวกเขาโกรธจัด พวกเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์และลมหายใจของตนเองได้ ทำให้รู้สึกมึนงงและเลือดก็พุ่งออกมาจากคอพวกเขา
ทั้งสองกระอักโลหิตออกมาเป็นลำยาว
พอทั้งสองกระอักโลหิตออกมาแล้วก็ล้มลงกับพื้นแทบจะพร้อมกัน
ตอนแรก เซี่ยเทาต้องการจะวิ่งออกไปช่วยประคองหลังผู้เฒ่าชิงซงและผู้เฒ่าเฮย์เฮ่อ แต่เซี่ยถูดึงเสื้อผ้าของเขาเบาๆ และเกลี้ยกล่อมเขา
ชิงซงและเฮย์เฮ่อจบสิ้นแค่นี้แล้ว พวกเขาสูญเสียความภาคภูมิใจไปแล้ว ถ้าตระกูลเซี่ยสนิทกับเขามากไป พวกเขาอาจจะถ่วงตระกูลเซี่ยตกต่ำไปด้วย ที่สำคัญยิ่งกว่า เนื่องจากผู้เฒ่าหนานกงไม่ได้มาที่เพื่อเชิญชิงซงและเฮย์เฮ่อ อย่างนั้นบางทีเขาคงมาเชิญนักสู้จากตระกูลเย่ว์ก็ได้ ผู้ที่เป็นไปได้มากที่สุดน่าจะเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีแนวโน้มมากที่สุดในอนาคต
แม้ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะยังไม่มีความแข็งแกร่งระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่นางมีพรสวรรค์อยู่แล้ว คงไม่เป็นปัญหาสำหรับนางที่จะบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดได้
ผู้เฒ่าหนานกงชื่นชอบคนที่มีพรสวรรค์ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาเชิญนางล่วงหน้า
เมื่อผู้เฒ่าหนานกงเดินตรงมาที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เซี่ยถูพยักหน้าแอบคิดว่าเขาเดาได้ถูกต้อง
แม้ว่าผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อทั้งคู่จะเป็นนักสู้ระดับ 8 ชั้นกลาง แต่ศักยภาพของเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว พวกเขาชราแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่า พวกเขาไม่มีความก้าวหน้ามานานกว่าสิบปีแล้ว ถ้าผู้เฒ่าหนานกงพิจารณเลือกเขาไว้ เขาน่าจะมาเชิญผู้เฒ่าทั้งสองไปก่อนหน้านั้นแล้ว ขณะที่เซี่ยถูรำลึกเรื่องเหล่านี้ในตอนนี้
เขารู้สึกว่าตระกูลเซี่ยดีใจเร็วเกินไป แค่เพียงพวกเขาเริ่มบุกโจมตีตระกูลเย่ว์ในเวลานี้ พวกเขาลงมือเคลื่อนไหวก่อนที่จะทำการสอบสวนที่นำไปสู่การพลาดพลั้งอย่างคาดไม่ถึง แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะมีคนหนุนหลังพวกเขา แต่ก็ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับตระกูลเย่ว์ที่มีรากฐานที่แข็งแกร่ง ไม่ต้องพูดถึงในด้านอื่นๆ เอาแค่เปรียบเทียบประมุขตระกูลทั้งสอง ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ก็ห่างไกลกับเซี่ยเทาสุดกู่เสียแล้ว
ขณะที่เซี่ยถูสังเกตอย่างระมัดระวัง เขาพบว่าแม้แต่รักษาการประมุขตระกูล เย่ว์ซาน ที่ยังคงอยู่ในความสงบและเงียบมาตลอดก็ยังยอดเยี่ยมกว่าและแข็งแกร่งกว่าพี่ชายของเขา
เย่ว์ซานยังคงนิ่งแม้ขณะที่ทุกคนยังส่งเสียงเชียร์ผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อ เทียบเย่ว์ซานกับพี่ชายของเขาแล้วนับว่ายังคู่ควรแก่การเอ่ยถึงอีกหรือ?
แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะยังไม่จบ เซี่ยถูก็รู้ว่าตระกูลเซี่ยพ่ายแพ้ในศึกนี้เสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาพ่ายแพ้ย่อยยับอย่างน่าสมเพช พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างกระเหี้ยนกระหือโดยไม่ค้นหาดูความแข็งแกร่งของตระกูลเย่ว์และไม้ตายเด็ดของพวกเขาที่ซ่อนไว้ จากนั้นหลายอย่างก็หลุดมือไป
เซี่ยถูรู้สึกกลัวในใจขณะที่เขามองดูคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้มีกลิ่นอายเหมือนกับจ้าวปีศาจ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนี่คงไม่ยอมปล่อยตระกูลเซี่ยอย่างง่ายๆ แน่ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน... ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้เชิญให้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรปราณก่อกำเนิด ตระกูลเย่ว์ก็จะพลอยมีหน้ามีตาไปด้วย ตอนนี้ตระกูลเซี่ยตกอยู่ในอันตรายแล้ว
เซี่ยถูหลับตาลงอย่างเจ็บปวด
“ข้าเหรอ? ท่านกำลังตามหาข้าเหรอ? ข้าไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด และข้ายังอยู่ห่างไกลจากระดับนั้น”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูผู้เฒ่าหนานกงอย่างตื่นเต้น ขณะที่เขาเดินตรงมายังตำแหน่งที่นางยืนอยู่ นางโบกมือพัลวันและพูดว่า
“ท่านต้องเข้าใจผิดไปแล้ว”
“แม่หนู, มีช่องว่างสำหรับเจ้ากับขอบเขตปราณก่อกำเนิดแน่นอน แต่มันมีเพียงเล็กน้อยมาก เพียงแต่เจ้าไม่รู้วิธีปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดเท่านั้นเอง ถ้าหนุ่มน้อยที่อยู่ข้างๆ เจ้า ยินดีจะแนะนำเจ้าให้เกิดความก้าวหน้าได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดได้นะแม่หนู, ข้าเชื่อว่าวันเวลาที่ข้าจะมาส่งคำเชิญให้เจ้า คงอยู่อีกไม่นานนัก ความจริงวันนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อเชิญพ่อหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เจ้าต่างหาก”
ผู้เฒ่าหนานกงยิ้มให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน จากนั้นเขาจึงผงกศีรษะให้เย่ว์หยางและตามมาด้วยการแสดงมารยาทที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
“อะไรนะ?”
ไม่เพียงแต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเท่านั้น แม้แต่ทุกคนถึงกับตกตะลึงกันไปทั้งหมด
แน่นอนว่า ทุกคนตกใจกันทั้งหมดยกเว้นจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ที่เคยเห็นว่าเย่ว์หยางสังหารถูเฉิงและขวงจั่นที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร
ยอดฝีมือตระกูลเซี่ยแทบจะลมจับด้วยความตกใจ ผู้เฒ่าหนานกงมาที่นี่เพื่อส่งคำเชิญคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์อย่างนั้นหรือ?
เป็น...เป็นไปไม่ได้!
เซี่ยถูรู้สึกว่าหัวใจของเขาแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ สำนึกถึงอันตรายที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในตัวของเขาทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก สิ่งที่เป็นไปไม่ได้และน่ากลัวที่สุดเกิดขึ้นแล้ว ตระกูลเย่ว์มีนักสู้ปราณก่อกำเนิด และนักสู้ปราณก่อกำเนิดกลับเป็นคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้โหดเหี้ยมอำมหิตและเกลียดชังตระกูลเซี่ย
เวลานี้ตระกูลเซี่ยอาจตกอยู่ในภัยพิบัติจนตระกูลเซี่ยถูกทำลายทั้งหมด เซี่ยถูจำได้ถึงวิธีที่เย่ว์หยางแสดงออกและพูดออกมาและเขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าเจ้าเด็กนี่อาจเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด มิฉะนั้น เขาคงไม่หยิ่งผยองและมีความมั่นใจมากขนาดนั้น
ถ้าเป็นแค่ผู้เยาว์ธรรมดาๆ เขาจะกล้าขู่ฆ่าผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อได้อย่างไร?
สายตาของเย่ว์ซานเย็นเยียบ ดูเหมือนเขาจะรู้ความจริงว่าเย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มือของเขากลับไม่เชื่อฟัง มันสั่นอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเขามองดูวิธีที่ผู้เฒ่าหนานกงประเมินเย่ว์หยาง
ราชันย์ฟ้าบูรพาตะลึงงันขณะที่เขามองดูเย่ว์หยาง เขาทำอะไรไม่ถูกอยู่นาน
ทันใดนั้น เขาวิ่งเขาหาเย่ว์หยางแล้วจับปกคอเสื้อเย่ว์หยางยกขึ้น คำรามใส่เย่ว์หยางราวกับปีศาจ
“เด็กน้อย! เจ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเหรอ?”
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=230