ตอนที่ 189 ร่วมมือช่วยเหลือแม่สี่
ในมิติประลองนางเซียนหงส์ฟ้าขมวดคิ้วเล็กน้อย
นางพึมพำกับตนเอง
“ทำไมเจ้าเด็กน้อยนั่นถึงตั้งค่าจุดหมายเทเลพอร์ตจากที่นี่ออกไปเล่า? เป็นนิสัยของเขาหรือ? ไม่น่าจะใช่ ถ้านี่เป็นความเคยชินของเขา อย่างนั้นเขาไม่เห็นต้องพยายามปิดบังเรานี่นา... คงต้องมีความลับบางอย่าง อาจเป็นไปได้ไหมว่าเขาต้องการกลับมาเก็บศพถูเฉิงกับขวงจั่น? แต่เครื่องมือที่ถูเฉิงและขวงจั่นใช้เป็นของที่จดจำเจ้าของได้ ถึงเขาจะได้ไปก็ไม่มีประโยชน์ นั่นก็แปลก เราจะแอบดูสักหน่อย.. แต่ถ้าเราใช้”นัยน์ตาแห่งความจริง“ที่นี่ เขาคงจะโกรธจริงๆ ถ้าตรวจพบเข้า เฮ้อ.. อย่างนั้นก็ช่างเถอะ... สักวันข้าจะขุดคุ้ยความลับของเจ้าออกมาให้ได้!”
“อย่างนั้นทำไมเจ้าไม่รอเขาอยู่ที่นี่เสียเลยเล่า? ด้วยประสาทรับรู้ของเขา เขาคงตรวจเจ้าไม่พบ!”
เสียงของจักรพรรดินีราตรีสะท้อนก้องออกมา
“โธ่เอ๊ย! ทำเอาข้าตกใจหมด, จักรพรรดินีราตรี เจ้ายังไม่จากไปอีกหรือ?”
นางเซียนหงส์ฟ้าสะดุ้งด้วยความกลัว นางเอามือทาบอกขณะตำหนิจักรพรรดินีราตรีในลักษณะเขินอาย
“ไม่ต้องทำท่าเขินอายกับข้าหรอก มันใช้กับข้าไม่ได้ผล ปีศาจกฎฟ้า! ถ้าเจ้าไม่ถือสาที่ข้าพูด ข้าอยากจะเตือนเจ้าขอให้อยู่ห่างจากเย่ว์หยางไว้ มิฉะนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ” เสียงของจักรพรรดินีราตรีอ่อนโยนเหมือนสายลมแสงแดดที่ไล้อยู่บนผิวทะเลสาบ
“ขอบคุณที่เตือน แต่ก็แค่นั้นแหละ เจ้าก็รู้ว่าเขาอันตราย อย่างนั้นทำไมเจ้าไม่อยู่ห่างจากเขาบ้างล่ะ?”
นางเซียนหงส์ฟ้ายิ้มชวนมองขณะตอบกลับ
“เพราะเขามีคู่แล้วกับโล่วฮัวของเรา ยังไงก็จะเป็นครอบครัวเดียวอยู่แล้ว เห็นชัดว่าข้าต้องดูแลระมัดระวังเขา ดังนั้นข้าไม่ยอมให้เจ้าพาตัวเขาไปวังปีศาจแน่ นอกจากนี้ เจ้าอย่าทำอะไรที่โง่เขลาเลยเป็นดีที่สุด ข้าได้ฟังจากน้ำเสียงของพี่สาวเจ้า ดูออกว่าตอนนี้นางโกรธจริงๆ ปีศาจกฎฟ้า! เจ้าไม่กลัวว่านางจะจับเจ้าขังไว้ในเคหาสน์ดำสักร้อยหรือสองร้อยปีหรือ? ข้าจำได้ว่า เจ้าเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาไม่นานมานี้ใช่ไหม? เจ้าคิดว่าเจ้ามีฝีมือก้าวหน้ามากพอจะต้านทานพี่สาวเจ้าได้ไหม?”
จักรพรรดินีราตรีไม่ได้ปรากฏตัว มีแต่เพียงเสียงของนางที่ก้องออกมา มีแววขบขันเล็กน้อย
“ข้าต้องการใช้ชีวิตอย่างอิสระ ตราบใดที่ข้ายังมีความสุข ข้าไม่สนใจว่าข้าจะถูกผนึกไว้หรือไม่”
หน้าของนางเซียนหงส์ฟ้าเปลี่ยนไปทันที เมื่อมีการพูดถึงตอนที่นางถูกผนึกเอาไว้ เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ใจเย็นเหมือนกับที่นางแสดงออก
“อย่างนั้นก็แล้วแต่เจ้า”
จักรพรรดินีราตรีหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เสียงนางจะค่อยๆ หายไป นางซ่อนตัวเองอย่างเงียบกริบและไปจากมิติประลองอย่างเงียบเช่นกัน
“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ข้าก็จะก่อกวน! ไม่มีใครชอบข้าอยู่แล้วนี่ ฮ่าฮ่าฮ่า, ข้ามันเป็นผู้หญิงไม่ดี เป็นผู้หญิงเลว ดังนั้นข้าก็ต้องทำเลวสิ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
นางเซียนหงส์ฟ้าเหม่อมองอย่างว่างเปล่าเป็นเวลานาน ในที่สุดนางก็หัวเราะออกมาดังๆ นางหัวเราะจนไหล่นางสั่นไหวและน้ำตาไหลออกมา
นางยังคงหัวเราะต่อไปขณะที่วาดวงเวทอักขระโบราณเพื่อเปิดช่องว่างมิติ ก่อนที่จะหายลับไปในมิติที่เบาบาง
ก่อนที่นางจะหายไป นางถอนหายใจจนเสียงดังก้องไปทั่วมิติประลอง
มันเลือนรางมาก จนแทบไม่ได้ยิน
เทือกเขาสุนัขโหย
ยามนี้ท้องฟ้ามีเมฆดำทะมึนปกคลุม แม้ว่าจะมีแต่เพียงฝนพรำ แต่ทุกที่มีน้ำเจิ่งนองเป็นแอ่งๆ
เย่ว์หยางพบว่าเขาเจ็บปวดไปทั้งร่าง แต่ก็ยังคิดจะช่วยแม่สี่ให้ได้ เขาฝืนใจเดินไปข้างหน้า ตอนนี้ ไม่มีพลังปราณในร่างกายเหลือพอจะเรียกนางพญากระหายเลือด โชคดีที่ยังมีเสี่ยวเหวินหลีปีศาจน้อยที่ว่าง่ายเชื่อฟังยิ่งนัก
เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวเหวินหลีใช้วิธีใด แต่เธอเข้าไปในคัมภีร์เทพฤทธิ์และเรียกนางพญากระหายเลือดให้เย่ว์หยาง
ขณะนี้ ทิศทางที่เสี่ยวเหวินหลีชี้นำไม่ใช่หุบเขาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปมังกรทะยาน
แม้ว่าจะมีเสียงแปลกๆ ดังออกมาจากหุบเขาใหญ่เป็นบางครั้ง เหมือนกับมีการต่อสู้อย่างต่อเนื่องที่เย่ว์หยางต้องการจะตรวจสอบ ในที่สุดเขาตัดสินใจเชื่อความรู้สึกของเสี่ยวเหวินหลี
ตำแหน่งที่เธอชี้ก็คือสถานที่อยู่ด้านหลังแนวเขาสุนัขโหย
มีภูเขาและหุบเขาไม่กี่แห่งที่ไม่เชื่อมต่อกับตอนกลางขวางทางพวกเขาไว้ ถ้าเย่ว์หยางต้องการไปถึงที่ซึ่งเสี่ยวเหวินหลีชี้บอก เข้าต้องอ้อมเทือกเขาสุนัขโหยไป จึงจะไปได้ถูกทาง
แม้ว่านางพญากระหายเลือดจะสามารถยกเย่ว์หยางบินขึ้นท้องฟ้าได้ แต่นางไม่สามารถพาเขาบินไปได้ไกลนัก ยิ่งไปกว่านั้น เย่ว์หยางยังห่วงกังวลถึงแม่สี่อย่างมาก ดังนั้นเขาสั่งให้นางพญากระหายเลือดไปช่วยแม่สี่ก่อน ถ้าเขาสามารถช่วยเหลือแม่สี่ได้เร็วขึ้นหนึ่งวินาที เขาก็จะสามารถไปได้เร็วขึ้นอีกหนึ่งวินาที
“หาแม่สี่ให้พบโดยเร็ว ถ้าเจ้าไม่สามารถกลับมารายงานข้าได้โดยเร็ว อย่างนั้นจงอยู่ที่นั่นและแอบปกป้องดูแลความปลอดภัยของนาง เจ้าเข้าใจความตั้งใจของข้าไหม?”
เย่ว์หยางรู้ว่าไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดในเทือกเขาสุนัขโหยอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม นิกายพันปีศาจอาจมีนักสู้ชั้นเตรียมปราณก่อกำเนิดบางส่วนก็ได้ เขาไม่กล้าตั้งสมมติฐาน ขณะที่เขาสั่งนางพญากระหายเลือดให้สืบหาเบาะแสแม่สี่ เขารีบลากสังขารที่เจ็บปวดและอ่อนเพลียไปตามทิศทางที่เสี่ยวเหวินหลีบอก
ตามคำแนะนำของเสี่ยวเหวินหลี ในที่สุดเย่ว์หยางก็ไปถึงอีกด้านหนึ่งของเทือกเขาสุนัขโหยหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ในอีกด้านหนึ่งของเทือกเขาสุนัขโหยมีหน้าผาที่ใหญ่มาก ครึ่งทางของหน้าผามีหินตะปุ่มตะป่ำยื่นออกมา ถัดจากนั้นไปมีภูเขาที่สูงตระหง่าน
ชื่อของสันเขานี้ฟังดูไม่ค่อยเพราะ มันชื่อว่า “ผาขาสุนัข” ไม่ใช่เป็นเพราะมันตั้งอยู่ด้านหลังเทือกเขาสุนัขโหย แต่เพราะตำนานกล่าวไว้ว่า กาลครั้งหนึ่ง เกิดสงครามขึ้น มีคนทรยศไร้ยางอายปล่อยให้ศัตรูแทรกซึมเข้าไปในค่ายของตนเองผ่านเส้นทางลับในหน้าผานี้ และบงการให้โจมตีกองทัพของเขาจากข้างหน้าและข้างหลัง
จนทำให้ทัพของเขาเองพ่ายแพ้สิ้นเชิง... เพื่อให้จดจำการกระทำที่น่ารังเกียจของคนทรยศผู้นี้ อนุชนรุ่นต่อมาจึงตั้งชื่อหน้าผาแห่งนี้ที่มีทางลับว่า “หน้าผาขาสุนัข”
เย่ว์หยางไม่รู้จักตำนานว่าจริงหรือเท็จ แต่คงมีทางเล็กเชื่อมอยู่ภายในหน้าผาแห่งนี้ ความจริงเรื่องนี้ได้รับการยืนยันโดยสมาคมนักรบ
ถ้าสมาคมนักรบไม่ได้ยืนยันไว้ พวกเขาจะไม่วาดแนวเส้นแสดงทางเดินลับไว้บนแผนที่
เขาไม่เห็นนางพญากระหายเลือดแม้แต่น้อย เย่ว์หยางกล้ำกลืนความเจ็บปวดในร่างกายและปืนขึ้นหน้าผาลื่นที่นักรบธรรมดาจะไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ ก็แค่ช่วงเวลานี้ที่เขาตระหนักว่ามีโลกใหม่เกิดขึ้นบนนั้น ในหน้าผาที่ลื่นอันตราย มีถ้ำที่ไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อมองจากข้างล่างขึ้นไป
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่มีฮุยไท่หลางที่มีประสาทรับกลิ่นแหลมคม เขาก็ยังสามารถได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรงลอยออกมาจากภายในถ้ำ
ขณะที่เขาเตรียมจะเข้าไปในถ้ำภายในภูเขา มีเงาดำปรากฏที่ด้านหลังของเขาทันที
ดาบฮุยจินระเบิดพลังออกมาพร้อมกับการฟัน
เมื่อมีพื้นที่กว้างขนาดเส้นเชือกเหลืออยู่ ก่อนที่เย่ว์หยางจะฟันศีรษะของอีกฝ่าย เขาต้องรีบชะงักดาบฮุยจินทันที
นั่นเป็นเพราะเย่ว์หยางตระหนักว่าคนที่ปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขาคือผู้อำนวยการคนงามที่สัญญาว่าจะไปช่วยน้องสาวของเขา นางยังคงสวมชุดแต่งกายเดิม แต่มีผ้าคลุมปิดบังหน้านางไว้ ยังมีร่องรอยเลือดไหลออกจากปากของนาง
แต้มเป็นดวงเหมือนดอกเชอรี เย่ว์หยางรู้สึกผิดมากที่มองเห็นอย่างนั้น นางฝืนสังขารใช้ทักษะธรรมชาติหัวใจร่ำร้องเพื่อค้นหาแม่สี่... แล้วตอนนี้.. นางยังต้องตามหาน้องสาวให้เขาอีก ด้วยเหตุนี้นางจึงเปลี่ยนเส้นทางมาที่แนวเขาสุนัขโหยแทน เย่ว์หยางประคองร่างผู้อำนวยการคนสวยที่โอนเอนไปมาถามนางเบาๆ ว่า
“ท่านเป็นไรหรือเปล่า?”
“ข้าไม่เป็นไร ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นอาการป่วยเดิมของข้า ไม่มีอะไรมาก”
ผู้อำนวยการคนงามมีผ้าขาวคลุมหน้านางไว้ นางกลับปลอบโยนเย่ว์หยางแทน
“แม่สี่ของเจ้ายังปลอดภัย อู๋เสียคอยแอบปกป้องนาง ขณะที่เชี่ยนเชี่ยนกับโล่วฮัวรอหาโอกาสช่วยนาง ส่วนข้าร่างกายอ่อนแอ ข้าไม่อาจช่วยอะไรได้มากนัก ดังนั้นข้าจึงรอเจ้าอยู่ด้านนอก เข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้เลย พวกนางจะมั่นใจยิ่งขึ้นถ้ามีเจ้าอยู่กับพวกนางด้วย!”
ร่างของผู้อำนวยการคนงามสั่นไม่หยุด ขณะที่นางพูด เลือดก็ยังไหลออกจากมุมปากนางจนย้อมผ้าคลุมหน้าขาวเป็นสีแดง
“อู๋เสียเหรอ?”
เย่ว์หยางนิ่งงัน นั่นคือชื่อของหญิงสาวลึกลับที่ดูเหมือนจะรักการอ่านหรือ?
พอเห็นว่าร่างของผู้อำนวยการคนงามเซและล้มลงกับพื้น เย่ว์หยางรีบเข้าไปประคองนางลุกขึ้นทันที และทาบฝ่ามือที่หลังนางและเดินปราณก่อกำเนิดของเขาเพื่อรักษาแผลให้นาง
ผู้อำนวยการคนงามแข็งขืนเหมือนกับต่อต้านอย่างอ่อนล้า
“เจ้าต้องไม่เสียพลังของเจ้า อาการป่วยของข้าเกินจะเยียวยาแล้ว ขอให้สงวนพลังของเจ้าเอาไว้ต่อสู้ในตอนนี้ก่อน ข้าจะยังไม่เป็นไร ถ้าข้ากลับไปพัก! ข้าหาตัวน้องสาวเจ้าไม่พบ นางอาจถูกมหาอำมาตย์ช่วยเหลือไปแล้ว... ถ้าเจ้าพบอู๋เสีย อย่าบอกนางว่าข้าใช้ทักษะหัวใจร่ำร้อง ถ้านางถาม ก็แค่บอกนางว่า ตอนเจ้ามา เจ้าไม่พบเห็นข้า...”
นางพูดไม่ทันจบนางก็ลดศีรษะลงไปที่พื้น
เย่ว์หยางรีบกอดนางไว้ในอ้อมอกและถ่ายเทปราณก่อกำเนิดบางส่วนให้นาง
ทันทีที่ปราณก่อกำเนิดของเขาโคจรไปทั่วร่างของนาง เย่ว์หยางก็ตระหนักว่าร่างกายของผู้อำนวยการคนงามนี้อ่อนแอและเปราะบาง ขนาดที่เขาเองยากที่จะเชื่อได้ แม้แต่ผู้เฒ่าที่นอนรักษาตัวอยู่บนเตียงดื่มยาประทังชีวิตทุกๆ วันก็ยังจะดูแข็งแรงกว่านาง ที่สำคัญที่สุด เย่ว์หยางตระหนักว่ามีพลังงานที่แปลกในร่างกายนางคอยดูดกลืนพลังชีวิตนางไม่หยุดหย่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังที่แปลกในร่างกายนางชนิดนี้ นางคงจะไม่อ่อนแอนัก.. ปราณก่อกำเนิดที่เย่ว์หยางถ่ายเทลงไปในร่างกายนางเหมือนกับหายในไปอากาศที่เบาบาง ถูกพลังงานนั้นดูดกลืนไปหมดสิ้น มีเพียงส่วนพลังงานเพียงเล็กน้อยที่เหลืออยู่ในร่างของผู้อำนวยการคนงาม
ผู้อำนวยการคนงามค่อยๆ ฟื้นขึ้น ตอนแรกนางดิ้นรนจะออกจากอ้อมอกของเย่ว์หยาง
ท่าทีต่อมาของนางคือแตะที่หน้านางเพื่อตรวจสอบว่าผ้าคลุมหน้าของนางยังคงอยู่
หลังจากนางทราบว่าเย่ว์หยางไม่ได้แตะต้องผ้าคลุมหน้าของนาง ดูเหมือนนางลอบถอนหายใจ เย่ว์หยางต้องการช่วยประคองนาง แต่ผู้อำนวยการคนงามโบกมือยืนกรานปฏิเสธ
“อย่าเสียเวลากับข้าอีกต่อไป รีบไปช่วยแม่สี่ของเจ้าได้แล้ว! ข้ากลับบ้านด้วยตัวเองได้ เจ้าไม่ต้องห่วงข้า อาการข้าเป็นเช่นนี้มาไม่กี่สิบปี และข้าก็ยังไม่ตาย ข้าไม่ตายง่ายนักหรอก เจ้า.. เจ้าไม่ได้แตะต้องผ้าคลุมหน้าของข้าใช่ไหม?”
ผู้อำนวยการคนงามเปิดม้วนเทเลพอร์ต แต่ก่อนที่นางจะเข้าประตูเทเลพอร์ตไป นางหันกลับมาถามด้วยเสียงที่สั่นและและอ่อนล้า
“ไม่!”
เย่ว์หยางสั่นศีรษะ
ความจริง เขาเพิ่งแอบมองใบหน้าของผู้อำนวยการคนงามไปแล้ว และตระหนักว่านอกจากสีหน้าซีดเหมือนคนตายแล้ว นางนับเป็นหญิงงามมาก
แต่เย่ว์หยางไม่รู้จักหน้าของผู้อำนวยการคนงาม เขารู้สึกว่า เขาไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อน
ตั้งแต่เริ่มต้น เขาคิดว่านางคือหญิงงามลึกลับที่รักการอ่านหนังสือ แต่ข้อสงสัยนั่นกระจ่างอย่างรวดเร็ว เพราะหญิงงามลึกลับไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับผู้อำนวยการคนงาม เสียงของพวกนางคล้ายกันเล็กน้อย แต่ถ้าเขาพยายามสังเกตอย่างระมัดระวัง เสียงของพวกนางยังคงต่างกัน
คำพูดของผู้อำนวยการคนงามและท่าทีของนางทำให้เย่ว์หยางแปลกใจมาก
มันเหมือนกับว่านางรู้จักเขามาตั้งแต่แรก เหมือนกับว่านางพยายามปิดบังความลับบางอย่างจากเขา นางฝืนสังขารตนเองช่วยเขาตามหาแม่สี่ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอและเปราะบางของนาง...
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางสับสนที่สุดก็คือหญิงงามลึกลับที่รักการอ่านดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเขา ยิ่งไปกว่านั้น ยามที่ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายที่สุด นางยังคงเสียสละตนเองปกป้องเขา พวกนางทั้งสองมีความสัมพันธ์ใดกันแน่?
นางทั้งสองคน มีความสัมพันธ์กับสหายผู้น่าสงสารอย่างไร?
มิฉะนั้น พวกนางคุ้นเคยกับบิดามารดาของสหายผู้น่าสงสารหรือเปล่า?
“ถ้าไม่ใช่ก็ดีไป อย่างนั้นก็ดี”
ร่างของผู้อำนวยการคนงามสั่นเล็กน้อยก่อนจะล้มลงอีกครั้ง นางต้องการจะรีบจากไป แต่เย่ว์หยางรีบคว้ามือนางไว้ เขารีบถ่ายเทปราณก่อกำเนิด ขณะที่เขาแข็งใจถามด้วยความลังเลเล็กน้อย
“เรารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?”
“ไม่เลย, เราไม่รู้จักกันมาก่อน ข้ารู้เรื่องของเจ้าเมื่อเจ้ามาเข้าเรียนที่สถาบันฉางชุนเฉิง”
คำตอบของผู้อำนวยการคนงามทำให้เย่ว์หยางสับสนขึ้นไปอีก สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางสับสนมากยิ่งขึ้นก็คือดูเหมือนว่านางจะไม่ได้โกหก ผู้อำนวยการคนงามดิ้นรนผลักมือออกเบาๆ เย่ว์หยางเกรงว่าร่างกายที่อ่อนแอของนางจะล้มลง ดังนั้นเขาปล่อยนางทันที แต่คอยประคองนางห่างๆ เตรียมส่งนางจากไป ก่อนที่ผู้อำนวยการคนงามจะเข้าประตูเทเลพอร์ตไป นางหันศีรษะกลับมาและพยักหน้าเบาๆ
“เมื่อก่อนนี้ ข้าเคยได้ยินเรื่องราวของเจ้า แต่ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน.. เมื่อข้าได้ยินว่าเจ้าช่วยลากรถม้าให้แม่สี่และน้องสาวของเจ้าโดยสารเข้าปราสาทตระกูลเย่ว์ ข้ารู้สึกยินดีกับเจ้า ลูกผู้ชายตัวจริงควรทำแบบที่เจ้าทำนั่นแหละ รีบไปตามหาแม่สี่ของเจ้า อย่าเสียเวลากับข้าอีกต่อไปเลย เจ้ากับข้าไม่ได้มีสัมพันธ์ใดต่อกัน...”
พอเห็นร่างอ่อนแอของผู้อำนวยการคนงามหายลับไปแล้ว เย่ว์หยางรีบหันไปและพุ่งเข้าไปในถ้ำ
เขาไม่เชื่อว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับผู้อำนวยการคนงามเลย พวกเขาต้องมีความเกี่ยวข้องกันสักอย่างแน่ ยิ่งไปกว่านั้น หญิงงามลึกลับผู้รักการอ่านต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า ถ้านางไม่บอกเขา เขาก็คงไม่สามารถบังคับให้นางตอบได้
เขาค่อยพยายามเลียบเคียงถามแม่สี่หลังจากพบนาง นางคงไม่บอกความจริงเขาแน่นอน
มีทางเดินมากมายในถ้ำภูเขาทั้งโค้งและคดเคี้ยว เย่ว์หยางเห็นว่ามีเวทีใหญ่ในด้านหน้า เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงมากมาย มีศพนับไม่ถ้วนและอาวุธเกลื่อนอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่ามีการต่อสู้อย่างหนักลามมาถึงตรงนั้น ข้างในมีทางออกไม่กี่แห่งที่จะนำออกไปจากห้อง เย่ว์หยางรู้สึกกังวล เขาควรจะไปทางไหน?
จากนั้น เขาเห็นนางพญากระหายเลือดบินออกมาจากทางออกหนึ่งทันที เย่ว์หยางดีใจทันที
“ข้างหน้า, แม่น้ำ, ข้า..รอ..”
เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจถึงคำที่นางพญากระหายเลือดพยายามบอก แต่เมื่อเขาพุ่งออกไป เขาก็ตระหนักว่ามีแม่น้ำใต้ดินขวางอยู่ข้างหน้าเขา นางพญากระหายเลือดชี้ลงไป แสดงเครื่องหมายบางอย่างที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแกะสลักไว้บนก้อนหินที่ด้านล่างแม่น้ำ นางพญากระหายเลือดไม่รู้วิธีว่ายน้ำ และนางเกรงว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถหานางพบ ดังนั้นนางจึงรอเย่ว์หยางอยู่ด้านนอก
เย่ว์หยางรีบเรียกนางกลับเข้าไปในคัมภีร์และโดดลงไปในน้ำที่เย็นเหมือนน้ำแข็ง เขาดำลงไปก้นแม่น้ำตามเครื่องหมายที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำไว้
หลังจากผ่านไปสิบนาที เย่ว์หยางยังไม่สามารถหาช่องว่างเปลี่ยนลมหายใจ
เย่ว์หยางหน้านิ่วเมื่อเห็นแม่น้ำสายนี้ คนที่ลักพาตัวแม่สี่ไปคงเป็นนักรบที่มีวิชาดำน้ำ แต่แม่สี่เป็นแค่คนธรรมดา อย่างนั้นนางจะเป็นอย่างไร?
ระยะทางราวห้ากิโลเมตรโดยรอบห่างจากแม่น้ำใต้ดินที่เย่ว์หยางอยู่ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวกำลังอยู่ในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือด ความสามารถของพวกนางแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้มาก
แต่คู่ต่อสู้ของพวกนางมีจำนวนคนที่มากกว่า และวัตถุประสงค์ของพวกเขาคือถ่วงเวลาเอาไว้ พวกนางเผชิญนักรบที่แข็งแกร่งสามคนกำลังว่ายอยู่ในน้ำ คอยหลบเลี่ยงการต่อสู้กับพวกนางซึ่งหน้า ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเชี่ยวชาญเรื่องอสูรน้ำ พวกเขารออยู่ภายใต้ทะเลสาบและป้องกันช่องทางเข้าเอาไว้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวไม่มีอสูรวารี ดังนั้นการโจมตีของพวกนางจึงใช้กับศัตรูไม่ได้
พวกนางรอให้เย่ว์หยางมา แต่เมื่อเขายังไม่มาเป็นเวลานาน จิตใจของนางทั้งสองเริ่มกังวลมากขึ้น
อีกที่หนึ่งในอุโมงค์ใต้ทะเลสาบ สถานการณ์ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ศัตรูคอยจู่โจมใส่อย่างไม่ลดละ ขณะที่หญิงงามลึกลับคอยปกป้องไว้
นางปีศาจที่มีปีกอยู่ด้านหลังและบุรุษผอมผู้มีกรงเล็บหมาป่าคอยโจมตีอย่างต่อเนื่อง
หญิงงามลึกลับผู้รักการอ่านใช้พลังและความสามารถสูงสุดของนางเพื่อหยุดยั้งทั้งสองให้ได้
ทั้งสองตนนี้มีความแข็งแกร่งราวๆ นักสู้ระดับ 7 และสูงกว่า ดูเหมือนว่าจะมียอดฝีมือไม่กี่คนในนิกายพันปีศาจ พวกเขาหันมาโจมตี แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจความเคลื่อนไหวสุดยอดของสตรีลึกลับได้ แสงเทเลพอร์ต, อัญเชิญฉับพลัน และพายุสายฟ้า
แม้ว่าหญิงงามลึกลับจะไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูและผลักดันพวกเขากลับไปได้
แต่นางก็ยังอดทนและไม่ยอมให้ศัตรูของนางเดินหน้าเข้ามาแม้แต่นิ้วเดียวได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่อันตราย จะมีวงแหวนอักขระสีทองปรากฏที่ระหว่างคิ้วของหญิงงามลึกลับและทำให้พลังของนางเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า นางจึงสามารถผลักดันศัตรูทั้งสองให้ถอยกลับไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็แค่ว่าช่วงเวลาที่วงแหวนอักขระโบราณปรากฏขึ้นจะอยู่ในช่วงที่คับขันที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น สภาวะเช่นนั้นจะคงอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น หญิงงามลึกลับสามารถทำได้เพียงใช้ความสามารถนั้นช่วยสนับสนุนนาง นางไม่สามารถใช้มันเพื่อป้องกันศัตรูแข็งแกร่งสองตนที่ร่วมมือกันต่อสู้นาง
ถัดออกมาที่ด้านหน้า ลึกลงไปในอุโมงค์ใต้ดิน ระยะห่างจากหญิงงามลึกลับราวๆ สิบกิโลเมตร อี้หนานแบกแม่สี่ที่หมดสติวิ่งไปข้างหน้าขณะที่นางกัดฟันวิ่ง
นางมีเพียงความคิดประการเดียวอยู่ในใจ
และนั่นก็คือถ่วงเวลาให้นาน ทั้งนี้เป็นเพราะนางรู้ว่านางสามารถช่วยได้ถ้านางถ่วงเวลานานออกไป ถ่วงเอาไว้จนกว่าเย่ว์หยางจะมาถึงที่นี่
เย่ว์หยางจะแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ได้อย่างรวดเร็ว เขาจะทำได้แน่นอน
นักสู้อื่นๆ ในอาณาจักรต้าเซี่ยจะต้องรีบมาช่วยพวกนางเร็วไว.. ตราบใดที่นางยังยื้อเวลาออกไปได้ครู่หนึ่ง พวกนางจะปลอดภัย อี้หนานกัดริมฝีปากจนเลือดออก แต่นางไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย นางแบกแม่สี่วิ่งไปข้างหน้าไม่ยอมหยุดทำอย่างเต็มที่เพื่อหลบหนีและวิ่งให้เร็วกว่าศัตรูที่ิวิ่งไล่หลังตามมา ด้านหน้ามืดสนิท นางไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอนางอยู่ข้างหน้า แต่นางไม่มีทางเลือก นางได้แต่วิ่งไปข้างหน้า
วิ่งไปข้างหน้า อย่างอดทน นั่นคือหนทางเดียวที่จะชนะ
เย่ว์หยางว่ายน้ำออกมาจากแม่น้ำใต้ดิน และเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะโกนอย่างหงุดหงิด นางต้องการฟันศัตรูของนางหลายครั้ง แต่เพราะลอยตัวอยู่ในน้ำ การโจมตีของนางจึงพลาดเป้าหมาย
ศัตรูของนางใช้สภาพแวดล้อมในทะเลสาบลึกลดพลังโจมตีของนางลงไปได้มาก
“เย่ว์หยาง! รีบมาตรงนี้เร็ว เราช่วยแม่สี่ได้แล้ว แต่ที่นี่ดูเหมือนอุโมงค์ทิ้งร้าง มีการปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนาป้องกัไม่ให้เราใช้ม้วนเทเลพอร์ต.. แม่สี่อยู่ข้างหน้ากับอี้หนาน มีศัตรูกำลังไล่ตามพวกนางอยู่ในตอนนี้ เราต้องรีบไปช่วยพวกนาง เจ้าพวกนี้ไม่ใช่เป็นแต่เพียงสาวกนิกายพันปีศาจเท่านั้น พวกมันยังมียอดฝีมือจากนิกายสาขาอีกด้วย พวกมันต้องการใช้แม่สี่เป็นเครื่องบูชายัญเพื่อเปิดบันไดสวรรค์ เราต้องไปให้เร็ว อี้หนานได้รับบาดเจ็บ นางอาจทนได้ไม่นานนัก”
เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่สามารถใช้พลังความสามารถของนางได้เต็มที่ในที่แบบนี้ นางจึงรู้สึกกังวลมาก เมื่อนางเห็นเย่ว์หยางมา นางรู้สึกยินดีมากและรีบวิ่งเข้ามาอยู่ด้านข้างเขาทันทีเพื่อบอกเล่าสถานการณ์ปัจจุบัน
“อย่าพูดต่อไปเลย มาช่วยกันเร็ว!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกโล่งใจมากเมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางมาถึงแล้ว
ช่างดีจริงๆ ที่เจ้าเด็กนี่มาถึงจนได้!
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=203