ตอนที่ 187 เสริมพลังสามชั้น P.1
แม้ว่าความแตกต่างกันระหว่างนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสองและระดับหนึ่งจะต่างกันแค่ระดับเดียว แต่มันเป็นช่องว่างที่เอาชนะกันไม่ได้
ในบรรดากลุ่มนักสู้ปราณก่อกำเนิด แม้จะพิจารณาอย่างระมัดระวังและรอบคอบ ประมุขนิกายพันปีศาจไม่ได้รู้สึกว่าเย่ว์หยางที่เพิ่งจะเลื่อนชั้นเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดมาไม่ถึงสองวัน จะเอาชนะถูเฉิงผู้มีประสบการณ์ในการต่อสู้ได้
เย่ว์หยางยังไม่เข้าใจพลังปราณก่อกำเนิดอย่างถ่องแท้ ขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาต่อสู้บนหอทงเทียนชั้นสูงๆ มาหลายปีแล้ว เขายังเป็นคนรุ่นเยาว์ที่อายุยังน้อยและมีความแข็งแกร่งไม่พอ
ขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แตกต่างมีพลังที่ลึกซึ้งและมีสัตว์อสูรที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเทียบกันอย่างไร เย่ว์หยางก็ยังห่างไกลจากมารสังหารที่ฝึกตัวมามากกว่าสองร้อยปีและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดี แม้แต่จุนอู๋โหย่ว, มหาอำมาตย์และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ก็ยังไม่มั่นใจเย่ว์หยางเต็มร้อย
พวกเขาสนับสนุนเย่ว์หยางก็เพราะ ประการแรกนี่คือข้อเสนอของจักรพรรดินีราตรี และจักรพรรดินีราตรีไม่เคยทำร้ายเย่ว์หยาง ประการที่สอง เพราะข้อสังเกตของปีศาจกฎฟ้า เนื่องจากนางเป็นผู้เปิดศักยภาพของเย่ว์หยางช่วยเหลือเขาโดยเฉพาะจนเขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แท้จริง
นางจึงเป็นผู้เข้าใจความสามารถของเขาได้ดีที่สุด เพราะนางไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ และคิดว่าเย่ว์หยางอาจสามารถเอาชนะถูเฉิงได้ เพราะเหตุนั้นจุนอู๋โหย่วและคณะจึงไม่คัดค้านด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ปลดเปลื้องความหนักใจของจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ มากที่สุดก็เพราะผู้แนะนำของเย่ว์หยางก็คือ “นาง”
“นาง”เป็นผู้แนะนำของเย่ว์หยาง
แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเพิ่มการสนับสนุนเย่ว์หยางด้วยความมั่นใจ
แม้ว่าเขาอาจไม่จำเป็นต้องชนะ แต่พวกเขาเชื่อว่าเขาคงไม่ถึงกับแพ้ ในการต่อสู้ครั้งนี้ แม้ว่าจะเสมอหลังจากสู้กันจนลมหายใจสุดท้ายของพวกเขา แต่สำหรับเย่ว์หยางเด็กหนุ่มวัยยี่สิบปีสามารถสู้เสมอกับถูเฉิงผู้มีชื่อเสียงมานานสองร้อยปีได้ นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งเสมอกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสองก็ถือได้ว่าชนะอย่างมีนัยสำคัญ
เย่ว์หยางยังอายุน้อยและมีศักยภาพไม่สิ้นสุด ขณะที่ถูเฉิงมีชื่อเสียงมานานแล้วและความแข็งแกร่งของเขาก็ถึงจุดสูงสุดแล้ว
“ฮ่าห์”
ถูเฉิงกระโดดขึ้นไปกลางอากาศทันทีและตะโกนดังอย่างไม่คาดคิดเมื่อเย่ว์หยางตอบสนองการโจมตีของเขาได้ทันที
ร่างของเขาหยุดนิ่งและแขนทั้งสองอ้ากว้าง
คลื่นกระแทกแรงระเบิดกระจายออกมาเป็นชุด ลำแสงสีทองกระจายออกมาจากฝ่ามือทั้งสองและทำให้เย่ว์หยางกระเด็นออกไปด้วยแรงระเบิด ถูเฉิงรู้ว่าเย่ว์หยางมีทักษะธรรมชาติที่ใช้พันธนาการคนอื่นได้
ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันระมัดระวังจึงได้ถูกเขาทุบตี แต่ตอนนี้เขาคิดวิธีรับมือเย่ว์หยางไว้แล้ว และมันใช้โจมตีในช่วงกลาง ทักษะพันธนาการของเขาทรงพลังแน่นอน แต่ทักษะที่แข็งแกร่งแบบนั้นจะใช้ได้ไม่กี่ครั้งแน่นอน และกว่าจะใช้ได้ก็ในระยะยาว ถูเฉิงคาดการณ์ว่าทักษะแฝงของเย่ว์หยางต้องใช้อย่างเต็มกำลังของมัน ถ้าเขาจะใช้จัดการศัตรูของเขา ก็ต้องอยู่ในระยะที่ใกล้มาก
ดังนั้น เขาตัดสินใจว่าเขาจะไม่ให้เย่ว์หยางมีโอกาสเช่นนั้น เขาจะอัดพลังคลื่นกระแทกฝ่าอากาศใส่เย่ว์หยาง
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถฆ่าเย่ว์หยางได้ แต่เขามีวิธีที่เหี้ยมโหดเป็นร้อยวิธีใช้จัดการเจ้าเด็กคนนี้ได้
หนึ่งในนั้นก็คือทำลายความคิดที่จะสู้ของคู่ต่อสู้ของเขาและจัดการกำจัดความมุ่งมั่นของคู่ต่อสู้ของเขา ตราบใดที่เจ้าผู้นี้สูญเสียจิตใจของนักสู้ไปและกลายเป็นคนขลาดเขลาที่เอาแต่นั่งด้วยความหวาดหวั่นไม่อาจจะยกหมัดขึ้นได้ เมื่อเป็นอย่างนั้นต่อให้เขามีศักยภาพ ก็ไม่มีประโยชน์
ถูเฉิงเคยเห็นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์กลายเป็นคนขี้ขลาดและไร้ประโยชน์หลังจากประสบความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถมาแล้ว
ตอนนี้ เขาจะทำลายความหยิ่งยโสของเจ้าเด็กนี่โดยสิ้นเชิง
“เจ้าอยากเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดใช่ไหม? จ่ายค่าเทอมหรือยัง!”
ถูเฉิงประเมินแล้วว่าอยู่ในระยะปลอดภัย เขาหายวับมาปรากฏตัวที่ด้านหลังของเย่ว์หยาง ขณะที่เย่ว์หยางควงหมัดของเขา ถูเฉิงเรียกคัมภีร์แพลตตินัมตนออกมาและกางโล่แสงขึ้นกระแทกเย่ว์หยางกระเด็นออกไป เขาเตรียมใช้คัมภีร์ตอบโต้กลับเย่ว์หยางอย่างแม่นยำและแยบยล ทำให้เขาอยู่ในความสิ้นหวัง
ขณะเดียวกันเมื่อเย่ว์หยางถูกสะท้อนกระเด็นออกไป ถูเฉิงเรียกอสูรยักษ์โบราณสายเสริมพลังที่มีขนาดเนินเขาย่อมๆ ออกมา
อสูรยักษ์โบราณสีทองที่ถูกเรียกออกมากู่ร้องในอากาศและผสานร่างเข้ากับร่างของถูเฉิง
ในขณะนั้น ร่างของถูเฉิงมีขนาดใหญ่ขึ้นหลายเท่า
ตอนนี้ ร่างของถูเฉิงสูงประมาณสิบเมตร แค่นิ้วมือของเขาก็ใหญ่เกือบเท่ากับต้นขาของเย่ว์หยาง ฝ่ามือของเขาสามารถกำรอบตัวเย่ว์หยางได้
แค่เรียกอสูรยักษ์โบราณสายเสริมพลังยังไม่เพียงพอ ถูเฉิงตั้งใจจะทำให้เย่ว์หยางสิ้นหวังและรู้สึกด้อยพลังจึงตั้งใจจะบดขยี้จิตวิญญาณที่คิดจะสู้ของเขา อสูรอัญเชิญตัวที่สองถูกเรียกออกมาในท่ามกลางแสงสีทอง
ที่เรียกออกมาตอนนี้ ก็คือ มังกรยักษ์ทอง
เย่ว์หยางเห็นมังกรบินมาก่อนแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมังกรยักษ์
“อสูรเสริมพลังตัวที่สอง!”
ถูเฉิงตะโกน มังกรทองยักษ์คู่ใจและน่ากลัวเปลี่ยนเป็นลำแสงสีทองและเข้าไปรวมกับตัวเขา
ปีกมังกรยักษ์งอกออกมาจากหลังของถูเฉิง ทั้งหมดนี้ทำให้ถูเฉิงเกือบดูเหมือนมนุษย์ที่มีรูปร่างคล้ายมังกรยักษ์ นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้ที่คุ้นเคยกับถูเฉิงรู้ว่า ถ้าเสริมพลังด้วยอสูรยักษ์โบราณก่อนก็จะเพิ่มขนาดและความแข็งแกร่งให้เขา จากนั้นเสริมพลังชั้นที่สองจะทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นแทน การเสริมพลังชั้นที่สองจะเพิ่มทักษะพลังกดดันและลมหายใจมังกรและการบินของมังกรทองในตัวของเขาด้วย
ด้วยทักษะทั้งสามนี้ ชัยชนะของถูเฉิงเป็นอันได้รับประกันแน่นอน
ระดับ, พลังรบของศัตรูของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์อสูรของเขาไม่อาจเอามาเทียบกับเขาได้เลย... แค่ทักษะพลังกดดันก็สามารถลดพลังต่อสู้ของศัตรูลงไปได้ถึงครึ่งหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ เขายังมีพลังลมหายใจมังกรอันน่ากลัวยิ่งกว่าไฟนรกและพลังบินทำให้เป็นไปไม่ได้ที่ศัตรูจะหนีเขาได้พ้น
การต่อสู้ครั้งนี้อาจชนะได้โดยไม่ต้องสู้ด้วยซ้ำ
กลุ่มของนักสู้ปราณก่อกำเนิดแต่ละคนต่างคิดหาวิธีสู้ในใจตนเอง มีเพียงนางเซียนหงส์ฟ้าที่ยืนแยกออกมาต่างหาก มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของนาง เหมือนกับว่านางเยาะเย้ยความโง่ของถูเฉิงที่สูญเสียความพยายามเปล่า
บุรุษหนุ่มหล่อชุดม่วงจากวังปีศาจแสดงความเกลียดมากขึ้นมองดูเย่ว์หยาง เมื่อเขาเห็นหน้าของนางเซียนหงส์ฟ้า
แต่เขาไม่แสดงอาการเช่นนี้โดยเปิดเผย เหมือนกับงูพิษที่ซ่อนสีที่แท้จริงไว้ในส่วนลึกของมัน
“ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นหมูย่าง!”
ถูเฉิงพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางจากระยะสิบเมตร เขาอ้าปากใหญ่ออกและพ่นลมหายใจมังกรออกมา
“....”
เย่ว์หยางไม่ได้ถอย กลับก้าวหน้า พุ่งเข้าหาหน้าของถูเฉิงโดยตรง
ในท่ามกลางลมหายใจมังกร เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์เงิน และกางโล่ทำให้ลมหายใจที่พ่นมาถึงแฉลบออกไปทันที ทุกคนตกใจอย่างหนัก เจ้าผู้นี้สามารถเรียกคัมภีร์ได้ฉับพลันหรือนี่?
ถ้าพวกเขาไม่ทันได้สังเกตว่าคัมภีร์อัญเชิญของเขา แท้จริงยังเป็นระดับเงิน คงไม่มีผู้ใดเชื่อว่านี่คือเด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงยี่สิบปี ความสามารถในการใช้ทักษะอัญเชิญคัมภีร์ฉับพลันไม่ใช่ทักษะที่คนอายุขนาดนั้นจะทำได้เชี่ยวชาญ
จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เป็นพวกที่แปลกใจอย่างที่สุด พวกท่านทั้งคู่รู้ว่าเจ้าเด็กผู้นี้เพิ่งจะทำสัญญากับคัมภีร์มาได้ไม่นาน เพิ่งจะผ่านไปได้เพียงครึ่งปี เขาก็เชี่ยวชาญในการอัญเชิญได้ฉับพลันเสียแล้ว เป็นทักษะที่คนอื่นไม่สามารถจะทำให้เชี่ยวชาญภายใจยี่สิบปีด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นอัจฉริยะมาก่อน แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เคยเห็นอัจฉริยะระดับที่น่ากลัวขนาดนั้น...
มันแตกต่างกันที่ระยะเวลาครึ่งปีกับยี่สิบปี
บรรดาผู้ที่เรียนรู้ทักษะนั้นได้ภายในยี่สิบปีได้ก็นับว่าเป็นอัจฉริยะได้แล้ว แต่ความก้าวหน้าของเขาทำให้ผู้คนพูดไม่ออกเลยจริงๆ
นอกจากนี้ เจ้าผู้นี้ยังมักทำตัวเหมือนกับสวะที่ไร้ประโยชน์มาก่อน จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ถึงกับเหงื่อแตกไม่หยุด กลับกลายเป็นว่าเจ้าเด็กนี่ก็ยังแกล้งทำตัวเป็นไร้ประโยชน์
ถูเฉิงที่ตอนแรกตั้งใจจะเผาเย่ว์หยางให้ไหม้เกรียมกลับต้องโดนลมหายใจมังกรของเขาเผาหน้าแทน เขาร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด นักสู้ปราณก่อกำเนิดฝั่งตรงข้ามถึงกับขมวดคิ้วเมื่อพวกเขาเห็นเช่นนี้
เจ้าเด็กนี่กางโล่แสงของตนเองขึ้นเพื่อป้องกันต่อต้านลมหายใจมังกรได้ทันเวลา ถ้าเขากางโล่แสงไกลเกินหนึ่งเมตร มันก็สามารถสะท้อนไปถึงถูเฉิงได้ ถ้าเขากางโล่ใกล้กว่าหนึ่งเมตร ลมหายใจมังกรจะระเบิดถูเฉิงกระเด็นไปเหมือนลูกกระสุน เขาเข้าใจระยะทางได้ถูกต้อง
หากเป็นพวกเขา พวกเขาจะสามารถทำได้ดีกว่าไหม?
ไม่มีใครตอบคำถามออกมาดังๆ แต่คำตอบในใจของพวกเขาเป็นเหมือนกันหมด พวกเขาไม่สามารถทำได้ดีกว่า
“พายุลมกรด!”
แม้ว่าถูเฉิงจะทรมานกับลมหายใจมังกรที่สะท้อนใส่ตนเอง แต่มันก็แค่ทำให้เขาเจ็บตัวเล็กน้อย เขาไม่ได้บาดเจ็บเลย อย่างไรก็ตาม เขาเสียหน้ามากจนบินขึ้นไปด้วยความโกรธ เขาเริ่มหมุนตัวและมือของเขาเหมือนกับตะไลเพลิง สร้างพายุลมกรดล้อมใส่โล่ป้องกันขณะที่มันหมุน
โล่ป้องกันของคัมภีร์จะถูกเชื่อมโยงกับสภาพจิตใจของเจ้าของ จำนวนการโจมตีเพียงเล็กน้อยไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อผู้ใช้มัน
แต่การโจมตีระยะยาวนานและแรงสะเทือนที่น่ากลัวจะมีผลต่อสภาพจิตใจของเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญ
ถ้าผู้โจมตีเป็นนักสู้ระดับหกหรือต่ำกว่า อย่างนั้นแม้ว่าเขาจะโจมตีต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ก็จะไม่มีผลกระทบมากนักแม้แต่นักสู้ที่ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญทองแดง...
แต่ถูเฉิงเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด แม้ว่าพายุลมกรดที่เขาสร้างขึ้นจะไม่มีพลังมากพอทำลายโล่ป้องกันได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะส่งผลต่อสภาพจิตใจของเย่ว์หยางแน่นอน ในการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ แม้แต่ผลกระทบเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้นักสู้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้
เย่ว์หยางไม่ได้ซ่อนอยู่ภายในโล่ป้องกันเพื่อรอให้พายุลมกรดผ่านไป พายุลมกรดแบบนี้สร้างด้วยพลังแบบนี้ ถูเฉิงสามารถสร้างขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้
เขาเก็บคัมภีร์ของเขาทันทีแล้วไปปรากฏตัวที่ด้านหลังของถูเฉิงโดยไม่คาดคิด
เขาใช้มือทั้งสองคว้าตัวถูเฉิงที่ตัวใหญ่พอๆ กับเนินเขาย่อมๆและยกเขาชูขึ้นแล้วทุ่มเขาใส่พายุลมกรด ทันใดนั้นถูเฉิงถูกลมกวาดขึ้นท้องฟ้าทันที
“เทเลพอร์ตและพันธนาการ!”
พวกนักสู้ปราณก่อกำเนิดขมวดคิ้วอีกครั้ง
ไม่มีอะไรแปลกที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดจะเชี่ยวชาญทักษะเทเลพอร์ต แต่เจ้าเด็กนี่เพิ่งเลื่อนขึ้นเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด และเพิ่งจะผ่านมาได้แค่สองวันเท่านั้น เขาเรียนรู้ทักษะนี้ได้อย่างไร? ที่ประหลาดที่สุดก็คือวิธีที่เจ้าผู้นี้เทเลพอร์ตออกมาจากโล่แสงของตนเอง ก่อนที่โล่ป้องกันจะหายไป
ผู้ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญสามารถเดินออกมาจากในโล่ได้ แต่พวกเขาไม่สามารถเทเลพอร์ตออกมาได้ เป็นไปได้ไหมที่พวกเขามองผิดไป? หรือเจ้าเด็กนี่ความสามารถถึงระดับที่เก็บคัมภีร์ของตนเองได้ฉับพลัน และขณะเดียวกันก็สามารถเทเลพอร์ตได้ทันที?
พายุลมกรดหายไปและถูเฉิงร่วงลงมาจากอากาศ ปฏิกิริยาของเขาว่องไวมาก เขากางปีกยักษ์ของเขาออกเมื่อตอนเกือบจะร่วงถึงพื้นและยืนได้ทันที
แม้ว่าเขาจะไม่ลื่นล้มลงก็ตาม แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าชื่อเสียงของเขามันมลายหายไปสิ้นแล้ว
เจ้าเด็กนี่ต้องคืนความภาคภูมิใจของเขามาให้หมด นี่คือความอัปยศอดสูครั้งใหญ่ยิ่งกว่าตบหน้าของเขาอย่างเหี้ยมเกรียม
ลมหายใจมังกรสะท้อนใส่ตัวเขาเอง และพายุลมกรดของเขาก็ถูกใช้มาเล่นงานเขาเอง
ไฟโทสะในใจถูเฉิงถูกโหมกระพือขึ้น
เขาไม่เชื่อว่าด้วยพลังปราณก่อกำเนิดระดับสองของเขา มีหรือที่เขาจะไม่สามารถเอาชนะพลังปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งของเจ้าเด็กนี่ เขาตัดสินใจใช้วิธีที่ตรงที่สุด ด้วยพลังยิ่งใหญ่ที่สุด เขาสามารถรวบรวมพลังถึกเถื่อนในตัวเขาแล้วเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาโดยตรง
เป็นไปได้หรือว่าเจ้าเด็กนี่จะสะท้อนหมัดของเขามาเล่นงานเขาเอง?
“เฮอะ!”
ถูเฉิงชูกำปั้นยกของเขาและพุ่งเข้าใส่เย่ว์หยางอย่างรุนแรง
ด้วยเสียงที่ดังสนั่น เย่ว์หยางกระเด็นออกไปสิบเมตร
ถูเฉิงยินดีกับตัวเอง ทักษะพันธนาการของเย่ว์หยางใช้ไม่ได้ผลทุกอย่าง บางทีอาจมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนครั้งที่สามารถใช้ได้ ภายใต้การโจมตีที่หนักหน่วง เจ้าเด็กนี่คงจะต้องคุกเข่ากับพื้นและขอยอมแพ้
เมื่อเขาคิดเรื่องที่เจ้าเด็กนี้จะคุกเข่ายอมแพ้ต่อหน้าเขา เจ้าเด็กนี่จะต้องเสียงสั่นร้องไห้น้ำตานองเพื่อขอให้เขายกโทษ ถูเฉิงยินดีเหลือประมาณ ผู้ที่จะหัวเราะคนสุดท้ายจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง สหายน้อย, เจ้ายังอ่อนหัดนัก
เขาชูหมัดเป็นครั้งที่สอง และต่อยออกไปเต็มกำลัง
เขาเยาะเย้ยเย่ว์หยางให้มากเท่าที่จะทำได้ เขาแสยะยิ้มกล่าวว่า
“สหายน้อย! เจ้ากินนมแม่มาไม่พอหรือ? ทำไมถึงมีเรี่ยวแรงเล็กน้อยแค่นั้น? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
กลุ่มนักสู้ปราณก่อกำเนิดฝ่ายตรงข้ามทุกคนรู้สึกว่าไม่มีความน่าระทึกใจในการต่อสู้ระหว่างนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสองกับระดับหนึ่ง
ความแตกต่างเห็นกันได้ชัดเจนมากและไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้โดยใช้เทคนิคชั้นเชิง
ประมุขนิกายพันปีศาจรู้สึกได้ เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีในขณะนี้ เขามองไปที่จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และพบว่า แม้พวกเขาจะมีสีหน้ากังวลปรากฏอยู่ แต่ก็ยังห่างจากอาการตื่นตระหนก
นี่แสดงว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดใหม่ผู้นี้ยังมีความแข็งแกร่งเหลืออยู่และไม่สามารถจะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ เมื่อเขามองดูนางเซียนหงส์ฟ้า ใจเขาก็สั่นสะท้าน ตอนนี้ยิ้มของนางเซียนหงส์ฟ้ากว้างกว่าปกติ สีหน้าของนางเหมือนกับว่ากำลังมองดูพยัคฆ์หนุ่มที่ยังไม่รู้จักวิธีล่าเหยื่อ
แต่ก็จะจับควายป่าได้สำเร็จอยู่ดี พยัคฆ์หนุ่มดูเหมือนพยายามจะฝึกทักษะล่าอย่างต่อเนื่อง และไม่อาจทนที่จะจับเหยื่อของมันกิน...
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=199