ตอนที่ 185 ข้าจะมอบความตายให้เจ้า! P.1
“รอเดี๋ยว! พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าปรากฏตัวกะทันหันในที่ไม่ห่างกัน พลางตะโกนลั่น
“พวกเจ้าทำให้ข้าวิ่งวุ่นตามหาไปทั่ว...”
“เร็วเข้า รีบมาช่วยเรา เราจะไปช่วยแม่สี่!”
เย่ว์หยางตะโกนลั่น และวิ่งเข้าไปหาอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าคว้าแขนของเขา ก่อนที่จะลากเขาตรงไปที่ประตูเทเลพอร์ต
“จะ..เจ้าโง่! ปล่อยข้านะ! เราพบแม่สี่ของเจ้าแล้ว! เจ้าจะไปช่วยแม่สี่ของเจ้าโดยแบกน้องสาวขึ้นหลังไปเหรอ? เจ้าทำเรื่องเหลวไหลอะไรอยู่นี่?”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารีบมาฉุดรั้งเย่ว์หยางไว้ เย่วหยางและเย่ว์ปิงทั้งคู่ตะลึงเมื่อได้ยินเขาพูด แม่สี่ได้รับการช่วยเหลือแล้วหรือ? เป็นไปได้หรือว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไปช่วยแม่สี่และพานางกลับมา? เขารู้ได้อย่างไรว่าแม่สี่และเด็กหญิงถูกลักพาตัว?
“เหลวไหล!, ถ้าข้าปล่อยเย่ว์ปิงไว้ตามลำพัง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าศัตรูยังคงวนเวียนอยู่และตัดสินใจทำร้ายนาง? ท่านเองก็ยังไม่อยู่ที่นี่ ปล่อยนางไว้ที่นี่ตามลำพังแล้วข้าจะวางใจได้อย่างไร?!”
เย่ว์หยางไม่คิดว่าการปล่อยเย่ว์ปิงไว้ในที่นี้ตามลำพังจะเป็นความคิดที่ดี แม้ว่าเขาอาจจะไม่สะดวกบ้างที่จะแบกนางไปช่วยแม่สี่ในขณะเดียวกัน แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยนางไว้ตามลำพัง
ถ้าเขาปล่อยเย่ว์ปิงไว้ตามลำพัง นางจะเจอเรื่องน่ากลัวและไม่ปลอดภัยขนาดไหน? บางทีนางอาจคิดมากจนเป็นบ้าก็ได้
นางจะตกเป็นเป้าหมายให้ศัตรูโจมตีได้ง่าย.. ไม่ว่าเย่ว์หยางต้องเหนื่อยขนาดไหน, เขาก็จะไม่ทอดทิ้งน้องสาวของเขา สำหรับข่าวของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเรื่องแม่สี่ ถ้านางได้รับการช่วยเหลือจริง นั่นเป็นข่าวที่ดีที่สุดที่เคยได้ยินมา
เย่ว์หยางและเย่ว์ปิงไม่ได้ถามรายละเอียดการช่วยเหลือมากนัก ขณะที่พวกเขายินดีขึ้นมาทันทีต่างก็ร่าเริงกอดกันและกัน
หลังจากยืนยันข่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า ในที่สุดเย่ว์หยางก็เชื่อว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่ได้โกหกเขา ทันใดนั้นทั้งร่างของเขาก็ถูกความอ่อนเพลียเข้ามาแทนที่
เขาไม่ได้ทำอะไรเลย กลายเป็นว่าเขาวิ่งวุ่นวนไปมาตลอดทั้งวัน
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม่สี่ก็ได้รับการช่วยเหลือจนได้
อย่างไรก็ตาม อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่ได้อ้างเอาเครดิตเป็นของตนเอง เขาโบกมือพัลวันพูดว่า
“ข้าไม่ใช่คนช่วยนางออกมา แต่เป็นฝ่าบาทและท่านแม่ทัพไห่นำกลุ่มทหารไปช่วยนางเป็นการส่วนตัว เมื่อข้าได้ยินข่าว แม่สี่ของเขาก็ได้รับการช่วยเหลือมาแล้ว ข้าเพียงรับหน้าที่ตามหาเจ้าทั้งสองคน ตัวการที่พยายามจะปล้นแม่สี่ของเจ้าคือบริวารของราชันย์พันปีศาจ พลังของพวกมันแข็งแกร่งมาก แม้แต่แม่ทัพไห่และขุนพลเฟิงขวงยังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โชคดีที่ทั้งสองคนยังปลอดภัย ไปกันเถอะ แม่สี่ของพวกเจ้ากำลังรอพวกเจ้าทั้งคู่อยู่ ตอนนี้ สถานการณ์อันตรายจริงๆ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะความช่วยเหลือด้วยทักษะธรรมชาติเปิดเผยของท่านมหาอำมาตย์ช่วยแม่สี่ของเจ้าไว้ล่ะก็ แผนการของราชันย์พันปีศาจอาจเป็นไปโดยราบรื่น ใครกันจะคิดว่าพลังของราชันย์พันปีศาจจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้”
พอพูดถึงราชันย์พันปีศาจแล้ว สีหน้าของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ากลายเป็นเคร่งเครียด
“ท่านปู่กับขุนพลเฟิงขวงได้รับบาดเจ็บหรือ? ราชันย์พันปีศาจเป็นคนแบบไหนกันแน่?”
เย่ว์ปิงตกใจ
ในทวีปมังกรทะยาน แม้ว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่จะเป็นนักสู้ระดับ 6 ชั้นสูง แต่ก็ไม่ใช่นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ชื่อเสียงของเขาในการศึกนั้นยอดเยี่ยมมาก เขานำกลุ่มทหาร 500 นายเข้าต่อสู้กับทหาร 200,000 คนและป้องกันกำแพงเมืองซึ่งตั้งอยู่ใกล้หน้าผาไว้ได้ตลอดเวลานานหนึ่งเดือน
แม้ว่าแม่ทัพไห่จะได้ปราการป้องกันโดยธรรมชาติช่วยปกป้องเมืองไว้ แต่ความสำเร็จในการป้องกันเมืองแบบยอมตาย ก็คือสิ่งที่แม่ทัพหรือขุนพลคนอื่นๆ ไม่อาจหวังว่าจะทำได้ แต่เป็นเพราะการศึกครั้งนี้เอง ผู้เฒ่าไห่จึงได้รับสมญานามว่า “บุรุษเหล็กเย่ว์” “กำแพงเหล็กเย่ว์”
การศึกครั้งนั้นทำให้ชื่อเสียงของผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ขจรขจายไป
และจากการศึกครั้งนั้น ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ต้องสูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ ไม่ได้ถอนตัวจากการสู้รบหลังจากต้องพิการจากสงคราม แต่เขากลับแสดงให้เห็นถึงความสามารถและทักษะพิเศษ แข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นตามเวลา สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งเดียวของเขาจะไม่สิ้นสุดจนกระทั่งทหารของเขาเอาชนะศึกได้ถึงพันครั้ง พวกเขาเข้าไปต่อสู้ในแดนปีศาจ
แต่ก็เป็นที่ๆพวกเขาจำต้องถอนกำลังกลับ เพราะความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงในด้านกำลัง ทหารของเขาไม่ค่อยพ่ายแพ้ เขาเป็นผู้น่าเชื่อถือที่สุดในอาณาจักรต้าเซี่ย เป็นแม่ทัพใหญ่ที่เหมือนกับเทพสงคราม
สำหรับเฟิงขวง ไม่จำเป็นต้องยืนยันความแข็งแกร่งของเขา แม้ว่าทหารของเขายังไม่มีพลังทัดเทียมพอๆ กับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ แต่พลังของเขาอยู่ในระดับไม่มากไม่น้อยกว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่
แค่ได้ยินฉายาว่า “พันกระดูกผุ” ผู้คนก็จะรู้ได้ว่าเฟิงขวงเป็นคนแบบไหน
จำนวนของศัตรูที่เสียชีวิตภายใต้พลังสังหารของเขาไม่ว่าจะเป็นทหารจากทวีปมังกรทะยานหรือปีศาจและสัตว์ประหลาดจากแดนปีศาจมีจำนวนเกินพัน
นั่นคือสาเหตุที่เขาได้รับขนานนามว่า พันกระดูกผุ จากคนทั่วไป
แม้กับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, ขุนพลเฟิงขวงและจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ร่วมมือกันต่อสู้ศัตรู พวกเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บถึงสองคน เป็นที่ชัดเจนว่าพลังของศัตรูน่ากลัวอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางและเย่ว์ปิงไม่เคยได้ยินชื่อราชันย์พันปีศาจมาก่อน เขาเป็นใครกันแน่? เป็นเจ้าปีศาจในแดนปีศาจหรือ? หรือว่าเป็นราชาพ่อมดปีศาจ หรือเป็นฉายาของนักสู้ชาวมนุษย์? หรือว่าเป็นราชาของอาณาจักรเล็กๆ?
เมื่อเย่ว์หยางคิดเรื่องนี้ หน้าผากของเขาก็ย่นขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้าของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าได้ว่าเคร่งเครียดขนาดไหน มันทำให้เย่ว์หยางสั่นเล็กน้อย แม้ว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าคิดว่าเขาเป็นคนน่ากลัวมาก แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จัดการได้ง่าย
“ราชันย์พันปีศาจ คือปีศาจที่น่ากลัวมากตนหนึ่ง มันโหดร้ายมาก การฆ่าเหมือนกับจะเป็นนิสัยที่สองของมัน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังได้รับการฝึกทักษะมาหลากหลาย เมื่อสามพันปีที่แล้ว เนื่องจากความโหดร้ายที่เขามีต่อมนุษย์ เขาถูกนักสู้ชาวมนุษย์ในอดีตผนึกเอาไว้ อย่างไรก็ตาม สาวกผู้ภักดีต่อเขายังคงแน่วแน่ติดตามเขามาตลอด ขณะนี้ก็เริ่มสะสมความแข็งแกร่งทีละนิดทีละนิด ผ่านมารุ่นแล้วรุ่นแล่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมื่อพวกเขารู้สึกว่าพวกเขามั่นใจมากพอกับความสามารถของพวกเขาที่จะทำลายผนึกราชันย์พันอสูร พวกเขาจึงต่อต้านและเข้าโจมตีพวกเรา อย่างน้อยมีสงครามนองเลือดระหว่างมนุษย์กับสาวกบริวารเหล่านี้ผู้ต้องการช่วยเหลือราชันย์พันปีศาจในหลายร้อยปี หรือมากกว่านั้น คนในครอบครัวของสาวกของราชันย์พันปีศาจที่ตายในการต่อสู้เหล่านี้ได้ร่วมมือกับแดนปีศาจและสร้างสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับวังปีศาจ พวกเขามีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก เป็นเรื่องยากมากที่จะกำจัดพวกเขาแบบขุดรากถอนโคน ยิ่งไปกว่านั้น อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาได้สร้างนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งไว้แล้ว และพวกเขาก็ปกปิดซ่อนความแข็งแกร่งของพวกเขาไว้อย่างดี ในร้อยปีล่าสุด พวกเขาเริ่มสร้างปัญหากวนใจเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมาเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขา แต่ล้มเหลว ตอนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาเริ่มจะก่อความวุ่นวายอีกครั้ง ถ้าสาวกผู้แข็งแกร่งนี้สามารถเปิด”บันไดสวรรค์“และหา”ผลึกฟื้นสวรรค์“ได้พวกเขาจะทำลายผนึกขังราชันย์พันปีศาจได้สำเร็จ ถ้าพวกเขาคืนชีพให้ราชันย์พันอสูรได้สำเร็จ โลกนี้อาจจะเปลี่ยนไปเป็นนรกที่เต็มไปด้วยเปลวไฟและแม่น้ำโลหิต”
เมื่ออาจารย์จิ้งจอกเฒ่าอธิบายเรื่องนี้ เขามองดูเย่ว์ปิงโดยไม่ได้ตั้งใจ
เย่ว์หยางสับสนเล็กน้อย อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่ได้อธิบายว่าทำไมสาวกของราชันย์พันปีศาจถึงต้องการลักพาตัวแม่สี่ เขากลับมองเย่ว์ปิงด้วยสายตาแบบนั้นแทน เกิดอะไรขึ้น?
เป็นไปได้หรือว่าแม่สี่จะเกี่ยวข้องกับผนึกและการคืนชีพของราชันย์พันปีศาจ
การเทเลพอร์ตทำโดยผ่านเข้าไปทางประตูเทเลพอร์ตของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า เย่ว์หยางและเย่ว์ปิงมาถึงที่ท้องพระโรงวังหลวงและเห็นแม่สี่เพิ่งได้รับการช่วยเหลือกลับมา
แม่สี่ดูเหมือนว่ายังมีความกลัวหลงเหลืออยู่ สีหน้าของนางซีดขาวเหมือนคนตาย นางอยู่ในชุดบัณฑิตของจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ มือและเท้าเปลือย เผยให้เห็นร่างอวบเล็กน้อย เห็นชัดว่านางเปลือยกายอยู่ภายในชุดนั้น อาจเป็นได้ว่านางถูกพวกนอกรีตพวกนั้นเอาเปรียบมาหรือ? ใจของเย่ว์หยางรับรู้ได้ทันที และรู้สึกเสียใจอย่างมาก แม่สี่วิ่งตรงมาหาเย่ว์ปิงและกอดลูกสาวนางไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะร้องออกไห้มาดังๆ
“แม่!”
เย่ว์ปิงรีบกอดมารดานางทันที พลางร้องไห้เหมือนกับว่าเป็นวาระสุดท้ายของโลก “แม่!” เย่ว์ปิงกอดมารดาแน่น ร้องไห้จนแทบไม่ได้หายใจ
“โอว!”
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ไม่สามารถทำอะไร ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เขาเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่สามารถทนดูภาพนั้นได้
“โชคดีที่เราช่วยนางทันเวลา มิฉะนั้น ผลที่ตามมาคงจะคาดไม่ถึง หลานเย่ว์หยาง นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า มันเป็นความผิดของพวกเราที่ละเลยหน้าที่เรา บริวารของราชันย์พันปีศาจเจ้าเล่ห์กันมากทุกคน พวกเขาวางสายลับไว้ในตระกูลเย่ว์ เมื่อเราตระหนักว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ พวกมันก็เคลื่อนไหวกันแล้ว”
เนื่องจากผลงานของเย่ว์หยางที่จับผู้อาวุโสเทียนเจิ้นตัวปลอมได้ในสถานพยาบาล ขุนพลเฟิงขวงมีความประทับใจที่ดีต่อเย่ว์หยาง ขุนพลเฟิงขวงที่ปกติไม่ค่อยพูดเอง เริ่มจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เย่ว์หยางฟัง
“สตรีในร้านขายเหล้าอยู่ฝ่ายเจ้าใช่ไหม? พวกนางเฉียบแหลมมาก พวกนางขยับเคลื่อนไหวทันทีที่ได้รับทราบข่าว พวกนางเป็นผู้ช่วยให้แม่สี่หลบหนี ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนาง แม่สี่ของเจ้าบางทีคงเสียชีวิตไปแล้วตอนนี้...”
“พวกเจ้าควรจะพักอยู่วังหลวงสักระยะก่อน ข้ายังไม่รู้เรื่องอื่น แต่อยู่ในวังยังปลอดภัยกว่าแน่นอน”
เย่ว์หยางรู้ว่าจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้เป็นกษัตริย์ที่ไม่ธรรมดา แต่เขาไม่เคยคิดว่า พระองค์จะออกนอกวังไปเพื่อไล่ล่าคนร้ายและช่วยแม่สี่กลับมา ความประทับใจในฮ่องเต้พระองค์นี้กลับกลายเป็นดีขึ้น
ชายชราผมขาวอุ้มเด็กหญิงเข้ามาทันที เด็กหญิงยังร้องไห้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เธอเห็นเย่ว์หยาง เธอรีบโดดลงพื้นและโผเข้าหาอ้อมอกเย่ว์หยางทันที
ไม่ใช่เรื่องดีเมื่อเด็กหญิงร้องไห้ เธอร้องไห้สุดเสียงเท่าที่เธอจะทำได้โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เธอต่างจากแม่สี่และเย่ว์ปิงที่กอดกันและกันเช็ดน้ำตาอยู่เงียบๆ เธอกลับร้องไห้เสียงดังเท่าที่จะดังได้ โดยเฉพาะเมื่อเธอเห็นเย่ว์หยาง เสียงร้องของเธอแทบจะทำให้ท้องพระโรงพังราบ เธอร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัวโดยไม่คำนึงสิ่งใดทั้งสิ้น
“อย่าร้องเลยนะ, อย่าร้อง, เป็นเด็กดีนะ อย่าร้อง...”
เย่ว์หยางรีบปลอบเธอ
“ซวงเอ๋อลูกแม่, รีบมานี่เร็ว ให้แม่กอดลูกด้วย!”
แม่สี่รีบคลายกอดเย่ว์ปิงและเดินมาหาเด็กหญิงต้องการจะกอดเด็กหญิง
“พี่เสี่ยวซาน, พี่เสี่ยวซาน!”
ใครจะคาดกันว่าเด็กหญิงหันหัวหนีไม่ยอมปล่อยมือจากเย่ว์หยางไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอกอดเย่ว์หยางแน่นไม่ยอมปล่อย ทุกคนคิดว่าเด็กหญิงติดพี่ชายมากเกินไปแม้แต่มารดาก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้ในเวลาแบบนี้
“ซวงเอ๋อ, แม่คิดว่า แม่จะไม่ได้เห็นเจ้าอีกต่อไปแล้ว!”
แม่สี่กอดเยว์หยางและเย่ว์ปิงรวมกันร้องไห้เสียงดังลั่น
“ฮือออ!”
เย่ว์ปิงยังคงวิ่งมากอด กอดทั้งพี่ชายของนางและมารดานางร้องไห้ลั่น
“แม่สี่... ชุดของท่านไปไหน?”
เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเขากอดอีกฝ่ายพร้อมกับเด็กหญิง ภายในชุดยาวที่นางสวม นางไม่ได้สวมอะไรเลย เป็นไปได้ไหมว่านางถูกคนพวกนั้นทำอะไรที่ไม่ดี?
“อะแฮ่ม.. แม่สี่ของเจ้าไม่เป็นไร เรามาทันเวลา เพียงแต่ชุดของนางฉีกขาด”
ขุนพลเฟิงขวงยื่นมือออกมาแตะไหล่ของเย่ว์หยาง
" สำหรับเจ้าคนร้ายพวกนั้น ข้าสังหารพวกมันหมดแล้ว เจ้าต้องขอบคุณบริวารผู้ภักดีของเจ้า พวกเขาปกป้องแม่ของเจ้าอยู่หน้ารถม้าจนถึงที่สุด เพียงเมื่อพวกเขาเห็นข้าช่วยแม่เจ้า ก็ทำให้พวกเขาผ่อนคลายลมหายใจสุดท้ายจากไปอย่างสงบ แม้ว่าพวกเขาจะเกิดอยู่ในครอบครัวคนชั้นต่ำ แต่ข้าก็นับถือพวกเขาจากใจจริง พวกเขาสมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษและวีรสตรี”
“บริวารของข้าหรือ?”
เย่ว์หยางตกใจ เขามีบริวารตั้งแต่เมื่อไหร่?
เมฆหมอกแห่งความสงสัยในใจเขา เหมือนกับเมฆทะมึนที่ปกคลุมดวงอาทิตย์
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ตรงไหนสักที่
เขารู้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปรกติตรงไหนสักแห่ง อาจเป็นที่ช่วงเวลาปรากฏตัวของราชันย์พันปีศาจกระมัง? หรือว่าเป็นวัตถุประสงค์ของการโจมตีพวกเขา? พวกเขาบอกว่าเขามีบริวาร มีความรู้สึกแปลกที่เขาไม่สามารถสลัดออกไปได้...
เย่ว์หยางรู้สึกกังวลในใจเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนกับว่าโลกกำลังหมุนไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง
เขาไม่สามารถเข้าใจเหตุผลได้ แต่ทันใดนั้น เขาเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง
เขาไม่สามารถจะทำอะไรได้ ทำได้แต่เพียงหลับตาลงและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อใช้ปราณก่อกำเนิดขจัดอาการปวดหัวและขับไล่ความมึนงงในหัว คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อปราณก่อกำเนิดโคจรเข้าไปในสมอง เขากลับปวดศีรษะมากกว่าเดิม มันเหมือนกับว่าสมองของเขาถูกเข็มนับไม่ถ้วนทิ่มแทงจนอึดอัดเหลือประมาณ...
โดยเฉพาะนัยน์ตาของเขาซึ่งเป็นอวัยวะที่มีสัมผัสไวที่สุดในร่างกาย ยังรู้สึกทรมานด้วยความเจ็บปวดจากการถูกปราณก่อกำเนิดของเขากระตุ้น ท่ามกลางความเจ็บปวดหนักของเขา ทันใดนั้นเย่ว์หยางก็รู้แจ้งชัด
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=195