ตอนที่ 182 เจ้าทึ่ม! ข้าจะไม่พูดกับเจ้าอีกแล้ว!
หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเย่ว์หยางก็ค่อยมีปฏิกิริยา เขาหันหน้าจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ด้วยเกรงว่านางจะรู้สึกกลัว เขาปลอบนางด้วยคำพูดว่า
“ความจริง ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกอยู่ในใจว่าอยากจะกัดเจ้าเด็กแสบนี่และกินให้หมดทั้งตัว
หลังจากจ้องกันอยู่นาน จนตาของเขาแทบจะหลุดออกจากเบ้า เขายังมีหน้ามาบอกว่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
“เจ้าไม่เห็นอะไรจริงๆ เหรอ?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถามอย่างประหม่าเล็กน้อย นางไม่อาจทนต่อสายตาเจ้าเด็กแสบนี่ได้ ขณะที่นางเอาขาที่พาดไหล่เย่ว์หยางลง
“ก็มันมืด ข้าก็เลยไม่เห็นอะไรทั้งนั้น...”
เย่ว์หยางพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
“อะไรนะ?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าคำพูดเหล่านี้คลุมเครือเกินไป เขาหมายความว่าอย่างไร กับคำว่ามืด? เขาชอบพ่นแต่เรื่องที่ไร้สาระจริงๆ
“นั่นก็ไม่มีความหมายอะไรนี่ ข้าหมายถึง ที่นี่มันไม่ค่อยสว่าง ข้าเลยเห็นอะไรๆไม่ค่อยชัด เพราะมันเกิดขึ้นเร็วมาก ยิ่งไปกว่านั้น ขาของเจ้าขาวจะตาย มันทำให้ข้าตาลาย ข้าก็เลยไม่เห็นอะไรจริงๆ!”
เย่ว์หยางตอบ แต่กลับเผยให้รู้สิ่งที่ตนเองอยากปกปิด
“เจ้าว่ายังไงนะ?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกรี๊ดและโกรธทันที
“ข้าเห็นไม่ชัดจริงๆนะ ข้าไม่เห็นชั้นในขาวที่มีลายลูกไม้เล็กๆ อยู่แถบด้านข้างไม่ถนัดเท่าไหร่..”
เย่ว์หยางยังพูดไม่ทันจบ ก่อนที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะหันมาโจมตีใส่เขาอย่างดุร้าย นางผลักเขาลงพื้น จากนั้นกัดเข้าที่ไหล่เขาอย่างแรง เย่ว์หยางเจ็บจนร้องลั่น
แต่เลือดชายเจ้าชู้ของเขาเริ่มเดือดอย่างคาดหวัง เขาพลิกร่างองค์หญิงลงไปอยู่ด้านล่างและตัวเองขึ้นมาทับร่างนาง เขาเอื้อมมือไปโดยตั้งใจว่าจะเปลี่ยนแม่เสือสาวนี้ให้เป็นลูกแกะให้ได้ จากนั้นจะใช้วิชาดั้งเดิมที่เรียกว่า “ปล้ำ” จัดการนาง ในทันใดนั้น...
“โอ๊ยย!”
ใครจะรู้กันว่าในความกังวลของเย่ว์หยาง เขาใช้กำลังไปแรงมาก เมื่อเขาพลิกตัวไปรอบๆ และกดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยู่ใต้เขา ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนร้องออกมาอย่างเจ็บปวด หิมะใต้ตัวพวกเขาก็ทรุดลงไม่สามารถรับน้ำหนักพวกเขาทั้งสองได้ ทั้งสองคนร่วงลงไปในทะเลสาบเทียมเมฆโดยไม่ได้ตั้งใจ
เนื่องจากการกระทำที่แข็งขืนของเขาใช้แรงมากไป ขาดความนุ่มนวล ในที่สุดก็ร่วงลงไปแช่น้ำเย็นทั้งคู่
ภารกิจปลุกปล้ำล้มเหลว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยากฆ่าเย่ว์หยางจริงๆ นางไม่คิดรื้อฟื้นเรื่องที่เขาเตะก้นนางอีกต่อไป แต่เขาก็ยังเกือบทำนางซี่โครงหักและตอนนี้ยังทำให้นางลงไปแช่ในน้ำเย็นอีก
นางไม่เคยเห็นคนที่ลามกช่างกระตือรือร้นและนิสัยรุนแรงมาก่อน
“ข้ายังมีชุดของเย่ว์ปิงอีกชุดหนึ่ง ไปเปลี่ยนชุดเจ้าก่อนเถอะ จะได้ไม่เป็นหวัด”
เย่ว์หยางเอาใจองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทันทีที่เขาช่วยนางขึ้นมาจากน้ำ เขานึกใคร่ครวญถึงประสบการณ์ที่ล้มเหลวของเขา ดูเหมือนว่าถ้าเขาต้องการประสบผลสำเร็จในการปราบนางให้อยู่หมัด
เขาไม่ควรกังวลมากเกินไป สิ่งที่เขาควรกังวลตอนนี้ก็คือ เขาเสียโอกาสดีๆ แบบนั้นไปแล้ว เขาน่าจะปราบนางได้สำเร็จ เนื่องจากแม่เสือสาวเป็นฝ่ายปล้ำเขาก่อน ตอนนี้ทุกอย่างพังทลายไปแล้ว ตอนนี้นางคงอยากจะฆ่าเขามากกว่า โอกาสดีๆ อย่างนั้นผ่านไปแล้ว
“ข้าเกลียดคนอย่างเจ้าจริงๆ!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตอนแรกก็อยากอาละวาด แต่เห็นว่าทั้งตัวของนางเปียกและชุดก็ฉีกขาด นางคิดว่านางคงไม่สามารถกลับบ้านโดยเผยให้เห็นก้นนางไปตลอดทางแน่ เรื่องนี้จะกลายเป็นหายนะ ถ้าขืนใครรู้เข้า ดังนั้น นางได้แต่ทนเก็บความโกรธไว้และรับชุดใหม่มาขณะที่ตวาดแว้ดใส่เย่ว์หยางอย่างโกรธเคือง
เย่ว์หยางรีบกล่าวคำขอโทษและตบอกตนเองรับรองว่า
“แม่เสือสาว! อย่าโกรธนักเลย, ข้าจะขอรับผิดชอบเจ้าเอง!”
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินเช่นนี้ นางแทบจะกระโดดกลับลงไปในทะเลสาบเทียมเมฆอีกครั้ง
มันเรื่องบ้าอะไรกัน ใครต้องการให้เขารับผิดชอบ?
เขาต้องการรับผิดชอบหรือ? อย่างนั้นเขาจะไม่ได้ประโยชน์แทนใช่ไหม... องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยากกรีดร้องออกมาดังๆ
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเปลี่ยนชุดเสร็จและออกมา นางตระหนักได้ว่า เจ้าเด็กนั่น เปลือยร่างท่อนบนและนั่งย่างปลาอยู่ที่กองไฟ พอเห็นเช่นนี้ นางอยากจะจับเขามัดกับคานและย่างเขาทั้งเป็นแทนปลาเหล่านั้น แต่เมื่อเขายื่นปลาย่างกลิ่นหอมฉุยให้นาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกหิวเล็กน้อย นางไม่พยายามทำดีด้วย แต่นางตัดสินใจกินให้อิ่มท้องก่อน แล้วค่อยแก้เผ็ดเจ้าเด็กนี่ภายหลัง
“เจ้าต้องไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครๆ, โดยเฉพาะโล่วฮัว ถ้านางได้ยินเรื่องแบบนี้ ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่อนสั่งเขาให้ปิดปากให้สนิท
นางไม่อาจทำอะไรอื่นได้
นางอาจทุบตีเขาได้ แต่บางทีนางไม่ใช่คู่มือของเขา นางทำได้เพียงแต่ด่าเขา แต่หน้าของเจ้าเด็กนี่หนากว่ากำแพงเมืองเสียอีก แล้วนางจะทำอะไรเขาได้? องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังเดือดดาล ไม่สามารถจะระบายอารมณ์ได้
ถ้าไม่ใช่เพราะนางเข้าเล่นงานเขาล้มลง ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อนของเขา บางทีนางคงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้
แต่เขาก็แค่ต้อง...
ไม่ใช่ความผิดของเขาเพียงคนเดียว นางก็ผิดบางส่วนด้วย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแอบถอนหายใจ ผู้ชายทั้งหมดในโลกนี้่ต่างก็กลัวทันทีที่พบนาง อย่างนั้นทำไม เจ้าเด็กนี่ถึงได้ไม่กลัวนางเลยแม้แต่น้อย? เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าเด็กนี่คือดาวข่มของนาง? พอนางคิดเรื่องนี้ขึ้น องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่กำมือต่อยเย่ว์หยางอีก
“เจ้าเพิ่งจะทุบตีข้าไปเมื่อกี๊นี้แล้ว ทำไมยังจะต่อยข้าอีก?”
เย่ว์หยางสับสน ทำไมอยู่ๆ แม่เสือนี่ก็ทุบเขาเสียอย่างนั้น?
“นี่เป็นการคิดบัญชี!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนดูเหมือนจะเอาแต่ใจขึ้นมาทันที ทำไมนางถึงต้องใช้เหตุผลในการทุบตีเขาด้วยเล่า?
“คิดบัญชีจากตรงไหน? เป็นการคิดบัญชีคืนจากการมองเจ้าหรือจากแตะต้องเจ้า??”
เย่ว์หยางทำเป็นจริงจังเหมือนนายธนาคาร เขายังยืนกรานต้องการความชัดเจนในการคิดบัญชีคืน
“คิดบัญชีจากการแตะเนื้อต้องตัวข้าน่ะเหรอ? เจ้าเพิ่งแตะเนื้อต้องตัวข้าไปนะ?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสับสนเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ทำไมนางไม่ได้รู้สึกแค่ตอนนี้?
“ไม่, ข้าต้องการ แต่ไม่มีเวลา แต่ข้าไม่ถือสาหรอกนะถ้าต้องเอาคืนกับเจ้าเต็มที่...”
เย่ว์หยางตอบอย่างจริงใจ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจทันที รีบถอยทันที
นางเตือนตนเองในใจนางเสมอว่าจะไม่ยอมให้เจ้าเด็กนี่ถือโอกาสเอาเปรียบนางได้ เมื่อเย่ว์หยางพยายามเข้ามาหานาง นางรีบถอยทันที และต่อยหมัดสวนจนเขากระเด็น อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะแสดงอาการดีใจ
นางเผลอเสียหลักล้มอยู่ข้างกองไฟ นางไม่ได้รับบาดเจ็บจากการล้ม แต่พอนางจะใช้มือซ้ายยันตัวเองลุกขึ้น กลับเผลอไปยันเข้ากับกองไฟจนไหม้มือ มันร้อนมากจนนางร้องลั่นพลางสะบัดมืออย่างเจ็บปวด
เย่ว์หยางรู้สึกว่าชีวิตรักของเขาต้องถูกใครบางคนสาปแช่งแน่ เขาเริ่มไม่สบายใจ
เขารีบระงับอารมณ์และเข้ามาจับมือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและถ่ายเทปราณก่อกำเนิดเพื่อรักษาบาดแผลให้นาง
ความจริง บาดแผลไฟไหม้เล็กน้อยไม่มีผลอะไรมากต่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้เป็นนักรบคนหนึ่ง แผลจะสมานตัวเองในเวลาไม่นาน
แต่นางชอบความอ่อนโยนของเย่ว์หยาง ภายนอกนางแกล้งเป็นอารมณ์ไม่ดี แต่ความจริงนางมีความสุขมากที่เย่ว์หยางใจจดใจจ่อพยายามรักษาบาดแผลให้นาง นางเบะปากใส่เขา
“ข้าไม่ต้องให้เจ้าช่วย ปล่อยมือข้านะ!”
เย่ว์หยางคิดว่าวันนี้อาจไม่ใช่วันมงคล ไม่เหมาะกับการปล้ำสาวเลยจริงๆ
ทั้งแต๊ะอั๋ง ทั้งปลุกปล้ำ ตอนนี้เขาต้องละเว้นไปก่อนเป็นดีที่สุด เขาควรรอเวลาที่เหมาะสมในอนาคตถึงจะทำได้ เขาไม่เชื่อว่า เขาจะไม่สามารถปล้ำแม่เสือสาวนี้ได้ หากเขาพบเตียงขนาดใหญ่สบายๆ ...
และเมื่อใดก็ตามที่เย่ว์หยางจำได้ยามเห็นดอกไม้ผลิบานเหมือนที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้ และความรู้สึกที่เขารู้สึกยามกดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลงกับพื้นได้ เขาจะรู้สึกถึงอารมณ์เปล่าเปลี่ยวที่แล่นอยู่ในตัวเขาแน่
“คนลามก, เช็ดน้ำลายของเจ้าซะ!”
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นสีหน้าลามกของเย่ว์หยางขณะจับมือนางถึงกับพูดไม่ออก
ชั่วขณะต่อมา นางเปิดม้วนเทเลพอร์ต เตรียมจะจากไป
ทันใดนั้น นางหันมาและทำท่าเหมือนเจ้าเมืองโล่วฮัว นางยื่นนิ้วมาที่เย่ว์หยาง
อาจเป็นได้ว่านางต้องการแตะริมฝีปากเขาเหมือนอย่างที่เจ้าเมืองโล่วฮัวทำหรือเปล่า? เย่ว์หยางกลืนน้ำลายเอื๊อก มันคงดีที่สุดถ้าเขาได้จูบอำลาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ถ้าเขามอบจูบที่เร่าร้อนให้นางได้ จูบที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินจะตามหลอนนางได้ทั้งวันทั้งคืน
อย่างนั้นอนาคตของเขากับนางก็ยังพอมีหวัง นิ้้วขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแทบดูเหมือนจะจูบริมฝีปากเย่ว์หยาง กลับลูบแก้มเขาเบาๆ ความรู้สึกไฟช็อตแล่นผ่านร่างเย่ว์หยางอีกครั้ง ขณะที่คลื่นความร้อนสะสมอยู่ที่ท้องน้อยเขา คลื่นความร้อนเหมือนกับกลายเป็นไฟระเบิดอยู่ในตัวเขาจนรู้สึกเหมือนกับกลายเป็นยอดมนุษย์หมาป่า
“ดูเหมือนว่าเจ้าทำหน้าลามกอีกแล้ว!”
จากนั้นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็รวบกำปั้นต่อยเข้าที่หน้าเย่ว์หยาง ก่อนจะหัวเราะลั่น
“อย่าแม้แต่จะคิด เจ้าคิดว่าข้าจะจูบอำลาเหมือนโล่วฮัวเหรอ? ฝันไปเถอะ!”
“จริงเหรอ?”
เย่ว์หยางกอดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทันที และจูบริมฝีปากนางราวกับสายฟ้าแล่บ เขาไม่สนใจว่าฝันหรือไม่ เขาจะคอยรับผลที่ตามมาหลังจากจูบนางไปแล้ว
ตุ้บ
เย่ว์หยางใช้แรงมากเกินอีกครั้ง ทำให้ปากและจมูกของเขากระแทกกับปากจมูกขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตามลำดับ
ทั้งคู่งอตัวด้วยความเจ็บปวด
ปฏิกิริยาแรกของเย่ว์หยางก็คือแอบถอนใจ วันนี้เขาซวยจริงๆ จะปล้ำสาวก็ยังไม่มีโชค องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหน้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด
“ข้าเคยเห็นคนโง่ๆ มาก่อน แต่ไม่เคยเห็นโง่ๆ อย่างเจ้าเลย โง่เหมือนหมู ข้าจะไม่คุยกับเจ้าอีกต่อไปแล้ว!”
นางโกรธ เดินเข้าประตูเทเลพอร์ตไป เย่ว์หยางตระหนักว่า ร่างของเขามักอยู่ในสภาพที่ควบคุมไม่ได้
พอเขามีความต้องการ ร่างของเขาจะปล่อยพลังจนแทบใกล้เคียงกับพลังปราณก่อกำเนิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
นี่แตกต่างจากตัวเขาตามปกติ ซึ่งเป็นเหตุผลให้เขายังประเมินความแข็งแกร่งของตนเองผิด... ถ้าเป็นเขาตามปกติ การผลักและจูบอำลาของเขาจะต้องเป็นไปอย่างราบรื่นมาก ถ้าเขาต้องการจะตำหนิบางอย่าง เขาควรจะตำหนิตนเองที่ไม่สามารถควบคุมพลังตนเองได้
เมื่อเขาควรจะปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับ 1 พลังนี้มักจะถูกปกปิดไว้ แต่ทันทีที่เย่ว์หยางพยายามใช้พลังของเขา เขามักจะเผลอปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดไปโดยไม่ได้ตั้งใจแทน แม้ว่าพลังปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ยังไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น แต่มันแข็งแกร่งกว่าพลังที่เย่ว์หยางเคยใช้
“กล่าวได้ว่าการตามจีบตามปล้ำสาวๆ เป็นวิชาที่แท้จริง”
เย่ว์หยางหัวเราะออกมา แม้ว่าเขาจะพลาดท่าในตอนนี้ แต่ก็ยังนับได้ว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง
เขาเกือบจะได้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแล้วเชียว แต่นางไม่โกรธที่เขามีสันดานลามก เพียงแต่โกรธที่เขาทะเล่อทะล่าป่าเถื่อน
นั่นแสดงว่าในใจของนางชอบเขาอยู่ แม้ว่าจะเล็กน้อยก็ตาม
ตอนนี้ถือว่าเขาพลาดท่าไปก่อน เพราะวันนี้เกิดเรื่องมากมาย เขาค่อยปราบนางในวันข้างหน้าก็ได้ ตราบใดที่เขายังมาพบกันในเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม แค่มีความรู้สึกและบรรยากาศที่เหมาะสม แม่เสือสาวนี้ คงหนีไม่พ้นเงื้อมมือเขาแน่
เย่ว์หยางเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีขึ้น ขณะที่เขาคว้าศพสิงเหมิ่งกลับเข้าไปในถ้ำ เขาวางศพสิงเหมิ่ง, กู่จุย และเสียนกงเรียงกัน จากนั้นเรียกปีศาจน้อยดอกหนามออกมา
ดูเหมือนว่าปีศาจน้อยดอกหนามจะโตขึ้นอีกเล็กน้อย ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดก็คือ เถาที่งอกอยู่บนก้นของเธอหายไปแล้ว
เมื่อเธอถูกเรียกออกมา เธอวิ่งไปรอบๆ พื้นที่ทั้งหมดอย่างร่าเริงและกระตือรือร้น
ความจริงเย่ว์หยาวเตรียมชุดมาให้ให้เธอ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าปีศาจบุปผาตัวน้อยไม่ชอบสวมใส่เสื้อผ้า? เธอไม่รู้วิธีสวมใส่มัน ขณะที่เธอพยายามเอากางเกงใส่เข้าที่หัวอย่างงุ่มง่าม เย่ว์หยางเหงื่อตกพูดไม่ออก เมื่อเขาเห็นอย่างนี้ เขารีบช่วยเธอให้ใส่เสื้อผ้าเหมือนกับว่าเขาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก กิ่งก้านรองของเธอได้กลืนกินร่างของสิงเหมิ่งและกู่จุยไปแล้ว
ขณะที่่ร่างของเสียนกง กลับกลายเป็นว่าก้านรองไม่ชอบกิน ปีศาจน้อยลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะเรียกถุงสปอร์ออกมาและปลูกลงไปในศพของเสียนกง ปล่อยให้สปอร์งอกงามอยู่ในร่างของเขา สปอร์เติบโตกลายเป็นต้นดอกหนามยักษ์ระดับ 3 ก่อนที่มันจะงอกรากออกมารวมกับดอกไม้ของกลุ่มปีศาจน้อยดอกหนาม
ศพของเสียนกงแค่เพิ่มเป็นดอกหนามยักษ์ได้อีกต้นงั้นหรือ? เย่ว์หยางเหงื่อตก
“ที่สำคัญ เขาเป็นวิญญาณเต่าพันปีเชียวนะ ข้าสังหารเขาอย่างยากลำบาก แม้ว่าเขาจะไม่เหมาะกับการกิน เจ้าไม่น่าทำเสียของเลย”
เย่ว์หยางอยากจะตีก้นน้อยๆ ของปีศาจดอกหนามที่แม้จะกินก็ยังต้องเลือก
เย่ว์หยางตัดสินใจพักอยู่ภายในถ้ำต่ออีกครึ่งวัน ปล่อยให้ปีศาจน้อยดอกหนามได้บริโภคพลังงานส่วนที่เหลือ
ขณะเดียวกัน เย่ว์หยางก็ฝึกควบคุมพลังปราณก่อกำเนิดขั้นที่ 1 ของเขา เขาไม่มีปัญหากับการปิดบังหรือจำกัดมันไว้ มันก็แค่ว่าเขาสูญเสียการควบคุมมันโดยไม่ได้ตั้งใจและใช้พลังก่อกำเนิดในบางครั้ง
หลังจากฝึกอยู่ชั่วขณะ เขาเรียกนางพญากระหายเลือดออกมาและสอนให้นางพูด นอกจากนี้เขายังพยายามถามนางถึงตำแหน่งสมบัติเทพที่นางรู้... นางพญากระหายเลือดยังคงพูดติดอ่างอยู่บ้าง นางยังไม่สามารถปรับตัวกับการพูดและถ่ายทอดความหมายของนางได้ หลังจากเย่ว์หยางรวบรวมคำพูดของนางทั้งหมด
เขาคาดว่ามีทางลับอยู่บนตำหนักลอยฟ้าที่จะนำไปสู่วงแหวนเทเลพอร์ต วงแหวนเทเลพอร์ตแห่งนี้จะส่งพวกเขาไปยังสมบัติลับ แต่ว่ามีอสูรที่แข็งแกร่งมากคอยปกป้องสมบัติอยู่ นางพญากระหายเลือดไม่สามารถบรรยายถึงอสูรเหล่านี้ได้ ดังนั้นดูเหมือนว่านางก็ไม่เคยไปที่นั่นเช่นกัน มีแต่มารดานางที่ได้ไปยังที่ตั้งสมบัติลับ
หลังจากสนทนาเรื่องนี้จบ เย่ว์หยางพาฮุยไท่หลางที่พลางตัวเป็นอสูรทองแดงระดับ 3 กลับไปยังสถาบัน
อย่างไรก็ตาม แม่เฒ่าอู่เถิงยังไม่ปรากฏตัว
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่อยู่ในสถาบัน เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ตามอาจารย์ตาเหยี่ยวเซี่ยโหวเว่ยเลี่ยออกไปฝึก ดังนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจพาเย่ว์ปิงกลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์
เขาเตรียมจะเปิดตัวให้คนในตระกูลทุกคนได้เห็นฉากที่เย่ว์ซวงประสบความสำเร็จในการทำสัญญากับคัมภีร์ ช่วยให้แม่สี่กู้ความภาคภูมิใจกลับมา
ก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของเขาไม่มากพอและเขาก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องราวในทวีปมังกรทะยาน ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถอาละวาดได้มากตามต้องการ
ตอนนี้เขาบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดระดับ 1 แล้ว ถ้าลุงใหญ่เย่ว์ซาน, ลุงรองเย่ว์หลิ่งหรือคนอื่นๆ บังอาจมาท้าสู้กับเขา เขาจะไม่ทำเป็นมีมารยาทกับพวกเขาอีกต่อไป เพื่อแม่สี่แล้ว เขาต้องสร้างสิ่งที่อัศจรรย์ให้มากที่สุด เพื่อที่ว่าคนอื่นๆ จะได้ตกตะลึงกันทั่วหน้า
พอเห็นปราสาทตระกูลเย่ว์สูงตระหง่าน เย่ว์หยางก็ยิ้มด้วยมุมปาก
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=192