ตอนที่ 179 สาวงามเมื่อตอนนั้น P.2
“อย่างนั้นขอให้ข้าได้ถามท่านสัก 2-3 คำถามเถอะ”
เย่ว์หยางไม่ต้องการรู้ความจริงในส่วนที่เขาจะต้องแบกรับความรับผิดชอบ เขาแค่อยากรู้อยากเห็นและจุ้นจ้านเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงถามว่า
“บอกหน่อยได้ไหมว่าท่านเป็นใคร?”
“ข้าคือผู้แนะนำให้เจ้าเข้าหอทงเทียน”
นางตอบเบาๆ
“อย่างนั้นผู้แนะนำคือใคร?”
เย่ว์หยางไม่เข้าใจ
“ฮืม... ผู้แนะนำเป็นเหมือนกับอาจารย์หรือพี่เลี้ยง แต่เจ้าไม่ต้องกลายเป็นศิษย์ข้าอย่างเป็นทางการก็ได้ ข้าจะให้คำแนะนำเท่าที่เจ้าต้องการโดยเจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรตอบแทนเลย ข้าจะไม่บังคับให้เจ้าเรียนรู้อะไรๆ โดยเฉพาะ ถ้าเมื่อถึงเวลา เจ้าไม่ต้องการข้าให้เป็นผู้แนะนำอีกต่อไป เจ้าสามารถตัดความสัมพันธ์นี้ได้เลย ความจริงนักสู้ทุกคน จะมีนักสู้รุ่นพี่คอยแนะนำอยู่แล้ว เจ้าไม่ใช่เพียงคนเดียว”
หญิงงามพยักหน้าให้เบาๆ
“แต่ท่านยังไม่ได้สอนอะไรข้าเลย!”
เย่ว์หยางเหงื่อตก ผู้แนะนำแบบนี้ ขาดความรับผิดชอบเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
“เมื่อครั้งสุดท้าย ข้ามีน้องสาวที่ฉลาดและมีปัญญาไว นางมีศักยภาพที่ดีมาก ข้าปรารถนาจากส่วนลึกของหัวใจอยากให้นางเพิ่มระดับฝีมือได้เร็วโดยไม่ใช้ทางลัด เพื่อให้นางกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ ดังนั้น ข้าจัดตารางการฝึกที่เหมาะสมที่สุดให้กับนาง ให้สัตว์อสูรที่เหมาะสมที่สุดและให้สมบัติที่ดีที่สุดแก่นาง ข้าให้ทุกอย่างที่ดีที่สุดแก่นาง และตามใจความปรารถนาของนางทุกอย่าง แต่ในที่สุด นางเลือกเส้นทางที่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะทำได้ หลังจากนางยกระดับกลายเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุด นางตัดความสัมพันธ์กับข้าทันที และแตกหักกับข้า นางคิดว่าการจัดการของข้าเป็นความผิดพลาด เสรีภาพในชีวิตของนางถูกจำกัด นั่นทำให้นางรู้สึกว่า ทุกอย่างถูกวางแผนไว้เพื่อนาง.... หลังจากนั้น ข้ากลับมามองย้อนการกระทำของข้า บางทีก็ถูก เสรีภาพคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกนี้ ข้าไม่มีอะไรให้เจ้า แต่ข้าให้เสรีภาพแก่เจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องรับการจัดการหรือภารกิจจากข้า เจ้าจะมีเสรีภาพตามต้องการ เจ้าไม่จำเป็นต้องฝึกฝนในดินแดนบางแห่งหรือภายใต้แรงกดดันของการจัดขั้นลำดับเหมือนคนอื่น.. ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ฝึกอย่างมีความสุขและทำสิ่งที่เจ้าทำแล้วมีความสุข ไม่ว่าสิ่งที่เจ้าทำจะถูกหรือผิดก็ตาม ข้าจะไม่ก้าวก่าย ในฐานะของผู้แนะนำคนหนึ่ง เจ้าเป็นอิสระ!”
หญิงงามยกตัวอย่างช้าๆ เสียงของนางค่อยๆ นุ่มลง
“เสรีภาพเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ใช่บอกว่าจะดีไปเสียทุกอย่าง”
เย่ว์หยาวคิดว่า เสรีภาพก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะมีคนคอยแนะนำเขา
“เจ้าอยากรู้เรื่องอะไรอีก?”
หญิงงามถามต่อ
“อ่า.. ยกตัวอย่าง สภาพร่างกายปัจจุบันของข้า เกิดอะไรขึ้น?”
เย่ว์หยางรู้สึกว่าความแข็งแรงของเขาเพิ่มขึ้น แต่เขาไม่รู้วิธีควบคุมมัน นี่ทำให้เขาปวดหัวอย่างหนัก
“สภาพร่างกายของเจ้าในปัจจุบันนี้อยู่ในสภาพกายปราณก่อกำเนิด ในสภาพแบบนี้ การใช้ชีวิตในทวีปมังกรทะยานจะทำให้เจ้าพบเรื่องยุ่งยาก เพราะสิ่งที่เจ้าสัมผัสจะถูกทำลาย เมื่อเจ้ากอดคนรัก เขาหรือนางก็อาจกระดูกหักได้ ดังนั้นหลังจากบรรลุแดนปราณก่อกำเนิดแล้ว เจ้าไม่อาจอยู่ในทวีปมังกรทะยานได้ต่อไป ถ้าเจ้าไม่รู้วิธีควบคุมมัน”
หญิงงามหัวเราะทันที
เสียงหัวเราะของนางนุ่มนวล ฟังแล้วน่าเพลินใจ
มันเหมือนกับลมพัดถูกหน้าอย่างแผ่วเบา อ่อนโยนทำให้เกิดกำลังกายและกำลังใจ
“อย่างนั้นข้าจะทำยังไง?”
ตอนนี้เย่ว์หยางรู้สึกว่าการมีผู้แนะนำเป็นเรื่องสำคัญ เพียงแต่อาศัยตนเองเพื่อเข้าใจหลายเรื่องใช้เวลานานเกินไป
“คนโดยทั่วไปจะเรียนรู้วิธีควบคุมความแข็งแกร่งเสียก่อน หลังจากเรียนรู้ทักษะปกปิดตนแล้ว จากนั้นพวกเขาถึงจะค่อยๆ ยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตปราณก่อกำเนิด อย่างไรก็ตาม เจ้าแตกต่างจากพวกเขานิดหน่อย เจ้ายังคงเป็นเด็กที่ไม่รู้อะไร แต่เจ้าพัฒนาระดับเข้าสู่เขตแดนปราณก่อกำเนิดกลายเป็นหนึ่งในนักสู้ปราณก่อกำเนิด นั่นคือสาเหตุให้เจ้าตกอยู่ในสภาพปัจจุบัน ตอนนี้เจ้าครอบครองความแข็งแกร่งของนักสู้ระดับ 9 (ปราชญ์นักสู้) แต่เจ้ากลับใช้พลังของนักสู้ระดับ 6 ควบคุมมัน แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้”
หญิงงามยังไม่หันศีรษะกลับมา นางยื่นมือกลับไปข้างหลัง นิ้วสีขาวของนางสัมผัสเข้ากับระหว่างคิ้วเย่ว์หยางเบาๆ
ความรู้ค่อยๆ ก่อตัวอยู่ในสมองของเย่ว์หยางเอง ทำให้จู่ๆ เขามองเห็นแสง
อย่างนั้น นั่นคือสิ่งที่มันเป็น
ความรู้ใหม่ทั้งหมดผุดขึ้นภายในสมองของเย่ว์หยาง
ขณะเดียวกัน มันผสามรวมกับสภาวะปัจจุบันของเขา ผสมผสานกลายเป็นความผุดรู้ทำให้เขาเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การเรียกปราณ การใช้วิธีปกปิดพลังของเขา เย่ว์หยางพบทันทีว่าพลังในร่างของเขาทั้งหมดถูกผนึกไว้ในร่างของเขาสิ้นเชิง มันหลับอยู่อย่างเงียบๆ รอเวลาให้เขาปลุกมันเมื่อเขาต้องการใช้มัน ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ร่างของเขาก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ความรู้สึกตื่นเต้นที่ควบคุมการกระทำได้สมบูรณ์แบบได้กลับมาอีก
เขาขยับแขนขาของตนเองเล็กน้อย ก็รู้ได้ว่า เป็นเรื่องน่าปลื้มใจที่ได้กลับเป็นคนปกติ
หลังจากตกอยู่ในสภาพกายปราณก่อกำเนิดแตะต้องอะไรก็สลายกลายเป็นชิ้น ชีวิตแบบนั้นน่ากลัวเกินไปจริงๆ
โชคดีที่เขาอยู่ข้างนอก ถ้าเขาอยู่ภายในสถาบันฉางชุนเฉิงหรือที่้บ้าน เขาอาจทำร้ายเย่ว์ปิงและเย่ว์ซวงก็ได้หากว่าเขาดึงหรือแตะต้องพวกนาง
สภาพปัจจุบันของเขาดีที่สุดแล้ว เขาเป็นแค่คนธรรมดาในเวลาปกติ แต่ระหว่างต่อสู้ เมื่อต้องการยกเลิกการยับยั้งพลัง เขาสามารถปลดผนึกและต่อสู้ในสภาวะปราณก่อกำเนิด นี่ถือว่า หินก้อนเดียวยิงนกได้สองตัว
“มีบางสิ่งบางอย่างที่ปล่อยไว้โดยไม่พูดถึงยังจะดีกว่า แม้ว่าเจ้าอาจสับสนและยุ่งเหยิง แต่เจ้าค่อยๆ คลำหาเกี่ยวกับเรื่องการยกระดับ ก็จะสามารถเข้าใจได้ นอกจากนี้ภายในดินแดนและสภาพแวดล้อมต่างๆ เจ้าจะได้พบกับบุคคลทุกประเภท ปฏิสัมพันธ์ เรียนรู้และฝึกกับพวกเขาจะสามารถทำให้เจ้าค่อยๆ เรียนรู้ได้ดี มันเป็นกระบวนการที่น่าสนใจไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้ เจ้ายังเป็นหนุ่มน้อย เจ้ายังคงมีความภูมิใจเป็นของตนเอง บางทีเจ้าไม่ชอบให้คนอื่นจำกัดเจ้ามากเกินไป ดังนั้นสิ่งที่เจ้าต้องการรู้ ข้าจะบอกเจ้าในครั้งต่อไป จงฝึกให้หนัก ข้าจะกลับมาหาเจ้าหลังจากผ่านไปหนึ่งปี....”
หญิงงามดูเหมือนเตรียมจะจากไป
“เดี๋ยวก่อน, พี่เลี้ยงคนสวย ท่านชื่ออะไร?”
เย่ว์หยางรีบถามชื่อหญิงงาม
“ชื่อไม่ใช่เรื่องสำคัญของผู้แนะนำ แต่ถ้าเจ้าต้องการรู้จริงๆ หลังจากเจ้าขึ้นไปถึงหอทงเทียนชั้นหก เจ้าจะได้เห็นป้ายรายชื่อของนักรบชั้นสูง ชื่อของข้าอยู่ที่ด้านบนสุด”
หญิงงามยิ่งทำให้เย่ว์หยางอยากรู้ขึ้นไปอีก
“อย่างนั้นท่านแข็งแกร่งขนาดไหน?”
เย่ว์หยางคิดว่าถ้านางแข็งแกร่งมาก อย่างนั้น เขาคงได้รับประโยชน์จากการเกี่ยวข้องกับนาง ครั้งต่อไป ถ้าเขาพบคนอย่างนางเซียนหงส์ฟ้า เขาจะเอาชื่อของนางมาขู่กลุ่มอื่นให้กลัว นางเป็นเพียงปีศาจกฎฟ้าไม่ใช่หรือ? พี่เลี้ยงของเขาเองเป็นถึงระดับมือโปรฯ ในรายชื่อของนักสู้หอทงเทียนชั้นหก หญิงงามยิ้มให้เหมือนกับว่านางเห็นความคิดของเย่ว์หยาง
“ยังคงมีรายนามนักสู้ระดับสูงในหอทงเทียนชั้นเก้าอีกนะ”
“ท่านก็ยังเป็นสุดยอดของนักสู้ที่จัดลำดับไว้ใช่ไหม?”
เย่ว์หยางตกใจจนเกือบเป็นลม
“ไม่มีการจัดลำดับสุดยอดไว้ในรายชื่อนั้น เพราะนักสู้ที่อยู่ในบอร์ดรายชื่อไม่เคยต่อสู้อย่างเป็นทางการมาก่อน ในโลกอื่น ข้าเป็นหนึ่งในนักสู้ระดับแนวหน้า”
คำพูดของหญิงงามแทบทำให้เย่ว์หยางทรุดลงกับพื้น อะไรคือความแตกต่างของนักสู้ระดับสุดยอดกันแน่
“คำถามสุดท้ายแล้วนะ พี่เลี้ยงคนงาม! ท่าน..มีคนรักหรือยัง?”
เย่ว์หยางเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะไปหาลำไพ่พิเศษเป็นพวกปาปารัซซี่ เพราะชอบซอกแซกเป็นอย่างมาก
“ถ้ามีมนุษย์ที่สามารถผ่านทะลุไปถึงหอทงเทียนชั้นสิบได้และเข้าไปถึงชั้นที่สิบเอ็ด ข้าอาจจะรับพิจารณาไว้ ที่สำคัญคือ ข้าเป็นโสดมาพันปีแล้ว ก็ชักจะเหงาบ้างเหมือนกัน”
คำพูดของหญิงงามถือเป็นคำเตือนอย่างแรงที่แทบจะทำให้เย่ว์หยางตัดใจ แต่สิ่งที่แทบทำให้เย่ว์หยางสลบได้ก็คือพี่สาวนางนี้ดูแล้วอายุไม่น่าเกินยี่สิบปีกลับกลายเป็นแม่มดพันปีเสียได้.... ไม่ต้องไปคิดถึงมัน แม้แต่นางพญางูขาวไป่ซู่เจินก็ต้องบำเพ็ญตบะเป็นพันปีถึงกลายมาเป็นนางพญางูขาวได้ เทียบกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีแล้ว นี่ไม่เท่าไหร่ นางหลับงีบเดียวกินเวลาหมื่นปี นั่นน่ากลัวยิ่งกว่า!
เย่ว์หยางเห็นพี่เลี้ยงสาวคนงามขีดเส้นในกลางอากาศสร้างรอยแยกในกลางอากาศได้ทันที จากนั้นก็หายเข้าไปในนั้น เย่ว์หยางไม่ได้ตกใจอีกต่อไป ใจของเขาเริ่มชาด้านกับเรื่องน่าตกใจในชีวิตมาพอแล้ว
เทียบกันแล้ว จ้าวปีศาจฮาซินก็ยังถูกจำกัดอยู่ในขอบเขตพื้นที่เล็กๆ อย่างน่าสงสาร
เย่ว์หยางรู้สึกว่าก็ยังดี แม้ว่าจ้าวปีศาจฮาซินจะน่าสงสาร แต่เจ้าผู้นี้ก็เป็นศัตรูของเขาแน่นอน คนอย่างพี่สาวคนงามกลับโลดแล่นอยู่ในพื้นที่หอทงเทียนชั้นเก้าและชั้นสิบได้ เจ้าปีศาจฮาซินอย่างมากก็เป็นเหมือนกรรมกรอยู่ในหอทงเทียนชั้นเจ็ดหรือชั้นแปด ถ้าเขาสามารถมองเห็นชายกระโปรงพี่เลี้ยงสาวคนสวยนี้ได้ เขาคงจะมีความสุขยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเย่ว์หยางคำนวณอย่างรอบคอบชั่วขณะ เขาพบว่าแม้ว่าเขาจะครอบครองพลังปราณก่อกำเนิดขั้นที่หนึ่ง เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะจ้าวปีศาจฮาซินได้ดั่งใจ
แต่พอเขาอัญเชิญคัมภีร์ที่บันทึกไว้ว่า ปีศาจผู้นี้เป็นจ้าวปีศาจระดับ 8 เป็นไปได้ไหม.... เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด?
ฮาซินแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?
เย่ว์หยางรีบปฏิเสธความคิดนั้น
ถ้าสิ่งที่แม่เฒ่าอู่เถิงและจักรพรรดินีราตรีพูด..ถูกต้อง อย่างนั้นตามมาตรฐานระดับของหอทงเทียน นักสู้ระดับเก้า (ปราชญ์นักสู้) ถือว่าเป็นนักสู้ปราณธรรมชาติระดับ 1 เย่ว์หยางรู้สึกว่าพลังของจ้าวปีศาจฮาซิน เกือบจะเท่าปราณก่อกำเนิดระดับสี่หรือห้า หรือบางทีเขาอาจยังไปไม่ถึงระดับนั้น
เย่ว์หยางยังคงปรามาสศัตรูผู้แข็งแกร่งผู้นี้ในใจ และหงุดหงิดอยากจะแช่งจ้าวปีศาจฮาซินให้เป็นคนแคระน่าสงสาร
ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะความหวาดสะดุ้งที่ต้องเจอกับจ้าวปีศาจฮาซินที่มีต่อเย่ว์หยางเป็นเรื่องใหญ่เกินไป แต่ปัจจุบันนี้ มีเพียงเขาและนางเซียนหงส์ฟ้าที่สามารถเจาะโล่แสงของคัมภีร์อัญเชิญได้
คนอื่นอย่างสื่อจินโหว ไม่สามารถทำอะไรกับโล่แสงป้องกันได้
ความแตกต่างอยู่ตรงนี้
“รอจนกว่าข้าฝึกปราณก่อกำเนิดจนถึงระดับห้าหรือระดับหกก่อน จากนั้นข้าจะเดินทางไปแดนปีศาจเพื่อฆ่าจ้าวปีศาจฮาซิน ไม่ว่าจะเป็นนางสนมและเจ้าหญิงที่เขามี เขาจะจับพวกนั้นมาเป็นสาวใช้ของเขา”
เย่ว์หยางปล่อยจินตนาการตนเองให้เตลิด พอเมื่อมีเสียงครางเบาๆ ดังมาจากภายใน ดูเหมือนว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะฟื้นแล้ว เย่ว์หยางรีบลงไปข้างใน เขาจะคิดเรื่องสาวใช้เอาไว้คราวหน้า แต่ตอนนี้เขาต้องดูแลสตรีสูงศักดิ์นางนี้ก่อน นี่เกี่ยวข้องกับชีวิตรักของเขาในภายหน้า...
เมื่อเขาลงมาถึงคราวแรก เขาตระหนักได้ว่าหญิงงามลึกลับที่ถูกนางเซียนหงส์ฟ้าแทงหัวใจ ลุกขึ้นนั่งแล้วและใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกนางไว้ ดูเหมือนว่านางยังเจ็บอยู่
“อย่าเพิ่งขยับ, ข้าจะช่วยตรวจดูให้เจ้า!”
เย่ว์หยางอาสาทันที
“.....”
เจ้านี่ทำตัวเป็นคนดี หรือเป็นคนลามกแท้ๆ กันแน่? ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หญิงงามลึกลับก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเขา
*** เย่ว์หยางแค่บรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดจากภายในฝัน และพลังภายในเท่านั้น แต่สภาพร่างกายยังไม่พร้อมจะเป็นสู้ปราณก่อกำเนิด (เปลี่ยนเอ็นผลัดกระดูก) ร่างกายยังอยู่ในสภาพนักรบระดับ 6 เท่านั้น ตอนนี้เย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเต็มรูปแบบแล้ว***
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=189