ตอนที่แล้วตอนที่ 164 จักรพรรดินีราตรี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 166 พบสาวๆ อีกครั้ง

ตอนที่ 165 น้ำพุแห่งความเยาว์วัย


“เมื่อเจ้ามาถึงชั้นที่หก หอทงเทียนได้ ถ้าไม่มีใครเป็นเพื่อนพาเจ้าท่องเที่ยว อย่างนั้นเจ้ามาหาข้าก็ได้ ว่าแต่ใครเป็นคนแนะนำเจ้าเข้าหอทงเทียน?”

เสียงหวานของจักรพรรดินีราตรีที่ก้องกังวาน อยู่ๆ นางก็ถามคำถามที่เย่ว์หยางยังหาคำตอบไม่เจอเป็นเวลานาน

“ข้าไม่รู้”

เมื่อเย่ว์หยางเข้าหอทงเทียน คนที่แนะนำเขาก็คือหญิงสาวแสนสวยอกโตนางหนึ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

เขาแค่พบเจอนางเพียงครั้งเดียว จากนั้นมาก็ไม่พบร่องรอยนางอีกเลย

เล่ากันว่าที่ค่ายฉางอู่ปกติจะดูแลโดยผู้เฒ่ากุ่ยลู่ และแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่แม่หญิงงามอกโตที่มีใบหน้าดูเกียจคร้านแต่มีเสน่ห์ยั่วยวน เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจได้ว่าบังเอิญเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร

เขาจำเป็นต้องไปหอทงเทียนเพื่อตามหาเย่ว์ปิงและนางก็อยู่ที่นั่นแล้ว เตรียมตัวรับเขา ช่างเป็นเรื่องที่แปลกเมื่อเย่ว์หยางกลับมาที่ค่ายฉางอู่อีกครั้ง เขาพยายามหาข้อมูลลับๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่าสาวสวยทรงโตนั้นเป็นใคร ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้น ไม่มีใครกล้ายกเรื่องนางเป็นหัวข้อสนทนาอีกด้วย เหมือนกับว่าสาวงามทรงโตนางนั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว

เย่ว์หยางจำได้ว่าในตอนแรกเมื่อมีบุรุษวัยกลางคนถามเขาที่ประตูทางเข้าหอทงเทียน เขากลัวมากเมื่อเขาได้ยินว่าเป็นนาง

ปกติ นักรบที่มีความสามารถเพียงพอเป็นยามเฝ้าประตูหอทงเทียน จะไม่มีทางขลาดกลัวอย่างนี้

อาจเป็นได้ว่าแม่นางคนงามทรงโตคงจะน่ากลัวยิ่งกว่าจ้าวปีศาจเสียอีก?

กับสิ่งที่เย่ว์หยางพูด จักรพรรดินีราตรีแสดงออกว่านางไม่เชื่อ

ใจเย่ว์หยางถึงกับตื่นเต้น เขาอธิบายถึงลักษณะของหญิงงามทรงโตเพียงเล็กน้อย จากนั้นทำเป็นเหมือนว่าไม่สนใจ เขากล่าวว่า “แน่นอนว่า ข้าไม่รู้จักคนที่แนะนำข้าให้เข้าหอทงเทียน ฟังจากที่เจ้าอ้วนบอก ปกติจะเป็นผู้เฒ่าลู่คอยรับหน้านักรบที่ค่ายฉางอู่ แต่ข้าก็ได้รับการยอมรับในวันนั้นเลย”

เมื่อจักรพรรดินีราตรีได้ยินเช่นนี้ นางเงียบไปชั่วขณะ

ขณะที่เย่ว์หยางเริ่มจะมีข้อสงสัยในใจเขา ว่าเขาพูดบางอย่างผิดไปหรือเปล่า ทันใดนั้นจักรพรรดินีราตรีก็พึมพำอย่างอิจฉาว่า

“ข้ารู้ว่าเป็นนาง! ด้วยทักษะปราณก่อกำเนิดของนาง แน่นอนว่า มันจะช่วยอำนวยความสะดวกให้นางหาคนได้ดีกว่า... ฮึ่ม, ข้าเกลียดนางที่สุด นางชอบชิงลงมือตัดหน้าข้าอยู่เรื่อย! นางให้บัตรอะไรกับเจ้า? บัตรแก้วผลึกหรือ? ฮืมม.. นางใจกว้างจริงๆ นางมอบเงื่อนไขอะไรจากเจ้า? ผลภูมิปัญญาปีละผลหรือ? นั่นง่ายมาก, นี่เห็นได้ชัดว่านางแอบชิงลูกศิษย์ตัดหน้าข้า! ไม่ยุติธรรมเลย นางเมินข้อตกลงระหว่างนักสู้จริงๆ ด้วย เจ้าก็หน้าโง่! ไปตอบตกลงให้นางเป็นผู้แนะนำเจ้าเข้าหอทงเทียนได้อย่างไร? ในฐานะที่นางเป็นผู้แนะนำของเจ้า เจ้าจะไม่มีทางได้ประโยชน์อะไรเลย เจ้าพลาดท่าสูญเสียหนักซะแล้ว!”

“ไม่เป็นไรหรอก ก็เหมือนกับที่บัณฑิตทั้งหลายกล่าวไว้ เป็นผู้ด้อยโอกาสก็เป็นพรอย่างหนึ่ง”

เย่ว์หยางถือโอกาสทำให้สถานการณ์แย่

“แน่ละสิ, เป็นพรอย่างหนึ่ง!”

จักรพรรดินีราตรีโกรธ และไม่พูดอยู่นาน

หลังจากผ่านไปชั่วขณะ อยู่ๆ นางก็พูดต่อ

“ข้าจะให้ภารกิจเจ้าด้วยเช่นกัน ถ้าเจ้าทำได้สำเร็จ อย่างนั้น ข้าจะใคร่ครวญยอมสอนเด็กน้อยโง่เง่าอย่างเจ้าที่ไม่รู้ความอะไรเลยก็ได้ เป็นภารกิจง่ายๆ ในใจกลางเหวสิ้นหวัง ใต้ดินหลายพันเมตร มีบึงเต่าดำแห่งหนึ่ง มีเต่ามังกรที่ได้รับบาดเจ็บตัวหนึ่งอาศัยอยู่ จงรักษามันและเก็บมุกเต่าดำจากนั้นกลับมาหาข้า”

สิ่งที่นางพูดช่างง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปาก อย่างไรก็ตาม พอคิดดูอีกที เรื่องนี้อาจจะหนักยิ่งกว่าภารกิจผลภูมิปัญญาที่แม่หญิงงามทรงโตที่ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหนมอบให้เขา เป็นสิบเท่า

ใครเคยไปถึงใจกลางเหวสิ้นหวังมาก่อนบ้างไหม?

ไม่มีใคร

แม้ว่าจะมีคนที่เคยไปที่นั่นมาก่อน ก็น่าจะเป็นนักสู้ระดับเดียวกับจักรพรรดินีราตรี พวกเขาคงเป็นพวกเทพสงครามทั้งหมดที่คอยปกป้องประเทศ นักรบธรรมดาไม่สามารถจะจินตนาการถึงระดับที่พวกเขาเป็นอยู่แน่

เรื่องใจกลางเหวสิ้นหวังยังไม่ต้องคิดถึง ก่อนอื่นให้รักษาเต่ามังกร แล้วค่อยรับเอามุกเต่าดำกลับมาเหรอ?

ดูเหมือนจะไร้สาระพอแล้ว

แค่หาผลมังกรเปลือกแข็งที่ก้นรังมดและไปพบกับสื่อจินโหวก็ทำให้เขาเกือบตายไปแล้ว ถ้าเขายังต้องพบคนที่มีพลังมากกว่าสื่อจินโหวขณะที่ไปใจกลางเหวสิ้นหวัง อย่างนั้นก็คงจบกัน เขาไม่ใช่แมวเก้าชีวิตสักหน่อย ถ้าเขาตาย ก็คือตายจริงๆ

ยิ่งกว่านั้น เขายังมีภารกิจเก็บหญ้าประกายดาวที่ได้รับมาจากแม่เฒ่าอู่เถิง ถ้าเขามีความสามารถสำเร็จภารกิจเก็บมุกเต่าดำได้ เขาเชื่อว่าแม่เฒ่าอู่เถิงคงไม่ให้ภารกิจเก็บหญ้าประกายดาวกับเขาแน่ๆ เนื่องจากแม่เฒ่าอู่เถิงไม่ให้ให้ภารกิจเขา ก็คงหมายความว่า เขาไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ พอคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว เย่ว์หยางถามว่า

“เต่ามังกรเป็นอสูรระดับไหนกัน?”

“แพลตตินัมระดับ 6 เดิมทีมันเป็นแพลตตินัมระดับ 10 แต่มันถูกคนทำร้ายบาดเจ็บ”

คำพูดของจักรพรรดินีราตรีแทบจะทำให้เย่ว์หยางเป็นตะคริวจมน้ำในบ่อ

“แม้แต่อสูรแพลตตินัมระดับ 10 ก็ยังบาดเจ็บงั้นหรือ?”

เย่ว์หยางไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า นี่เป็นการกระทำของนักสู้แบบไหน

“เจ้าก็สามารถทำได้ในอนาคตเช่นกัน”

จักรพรรดินีราตรีหัวเราะคิกคัก

“อย่างนั้น มุกเต่าดำคืออะไร?”

เย่ว์หยางได้ยินเรื่องมุกมังกรขาวมาก่อน เมื่อตอนที่เข้าไปรักษากลุ่มทหารที่ถูกวางยาพิษ จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ให้สมบัติแก่นิกายเขาหมอก มุกมังกรขาว จากนั้นนิกายเขาหมอกส่งผู้เฒ่าเทียนโส่วมารักษาพวกเขา อย่างไรก็ตาม ในที่สุด มันเป็นเหตุให้ผู้เฒ่าเทียนโส่วตัวปลอมเข้ามาแทน

ข้าจะบอกเจ้าว่ามุกเต่าดำใช้ทำอะไรในภายหลัง แต่มันก็จำเป็น เพียงเมื่อเจ้ารวบรวม มุกมังกรฟ้า, มุกพยัคฆ์ขาว, มุกนกชาดและมุกเต่าดำ, เจ้าจะได้รับการยอมรับว่าเป็นนักสู้แท้จริง พ่อหนุ่ม, เจ้าไม่รู้หรือว่าชั้นที่สูงที่สุดของหอทงเทียนมีอยู่มากมาย?

เกาะเล็กๆ ที่นั่นก็มีขนาดใหญ่กว่าทวีปมังกรทะยาน หรือแม้แต่แดนปีศาจด้วยซ้ำ เรามาจากทวีปมังกรทะยาน แต่ยังมีนักสู้ผู้ที่มาจากสถานที่อื่นๆ ทุกคนแข่งขันกันและกันเพื่อที่จะขึ้นไปยังชั้นที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไป รูปแบบการแข่งขันคือสิ่งที่เจ้าไม่สามารถจินตนาการได้ในตอนนี้

เปรียบเทียบกันแล้ว ทวีปมังกรทะยานก็เป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ กับจุดเริ่มต้นมังกรทะยานที่เป็นอยู่นี้ เราสามารถพัฒนาไปได้สูงกว่าเก่า เมื่อไปถึงดินแดนระดับสูงได้ในที่สุดจากนั้นแล้วมองย้อนกลับมา ชีวิตคนธรรมดาช่างน่าตลกจริงๆ ก็เหมือนกับที่เห็นเจ้างุ่นง่านเป็นมดขณะนี้ไงเล่า

มีนักสู้จากทวีปมังกรทะยานน้อยลง แต่เราก็ยังคงเป็นปึกแผ่น มาตรฐานของเราจะมีความสามารถในการรวบรวมมุกทั้งสี่ได้ จากนั้นเจ้าจะได้รับการยอมรับในฐานะนักสู้และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเรา สำหรับเต่ามังกรที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ตอนนี้ จัดการได้ง่ายที่สุดแล้ว เพราะทันทีที่เต่ามังกรได้รับการรักษาจากคนอื่น

จากนั้นมันจะฟื้นฟูพลังต่อสู้เดิมของมันได้และออกไปจากเหวสิ้นหวัง จากนั้นมันจะกลับเข้าไปยังหอทงเทียน มันไม่สามารถอยู่ในเหวสิ้นหวังได้ตลอดไป” คำพูดของจักรพรรดินีราตรีทำให้เย่ว์หยางกังวล

มันไม่ใช่ภารกิจที่จะทำคนเดียวได้สำหรับเขา ถ้าคนอื่นก็สามารถรักษามันได้เช่นกัน

แต่แม้ว่าเย่ว์หยางจะรับทำ แต่เขาไม่รู้จักวิธีรักษาสัตว์อสูรเลย เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องตลกพอก็ได้ มีแต่สวรรค์ที่รู้จักวิธีรักษาเต่ามังกร

จักรพรรดินีราตรีไม่ได้บอกวิธีแก่เขา

นางไม่ได้บอกใบ้อะไรทั้งนั้น

ดูเหมือนว่าความลับนี้คงไม่บอกกับคนอื่น ต้องเป็นเย่ว์หยางค้นหาด้วยตนเอง

ด้วยแววตาทิพย์ของเขา เขาถามว่า

“มีความสัมพันธ์อะไรในระหว่างมุกมังกรขาวและอีก 4 มุก คือมุกมังกรฟ้า, มุกพยัคฆ์ขาว, มุกนกชาด (แดง) และมุกเต่าดำ? พวกมันอยู่ในระดับเดียวกัน หรือในระดับสูงกว่า?”

“มุกมังกรขาวเป็นมุกมังกรที่เป็นที่ต้องการเพื่อให้นักสู้ระดับ 7 (ยอดมนุษย์) เลื่อนขั้นไปเป็นระดับ 8 (จักรพรรดิ) มันแตกต่างจากมุกอื่นเล็กน้อย มุกมังกรขาวไม่เป็นไรมาก แต่เราไม่ยอมรับมาตรฐานของนักสู้ระดับ 8 ของทวีปมังกรทะยานว่าเป็นนักสู้ที่แท้จริง”

คำพูดของจักรพรรดินีราตรี ทำให้เย่ว์หยางอึ้ง

นักสู้ระดับ 8 (จักรพรรดิ) ยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักสู้ที่แท้จริง

อย่างนั้นนักสู้ระดับ 7 และระดับ 6 ก็เป็นเพียงคนธรรมดาไม่ใช่หรือ? ไม่น่าแปลกใจที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดจะมองเห็นนักสู้ระดับต่ำกว่า 5 เป็นเหมือนมดแมลง

เย่ว์หยางกลืนน้ำลายเอื๊อก จากนั้นถามว่า

“อย่างนั้นระดับไหนที่พวกท่านจะพิจารณายอมรับว่าเป็นนักสู้ที่แท้จริง?”

จักรพรรดินีราตรีหัวเราะเบาๆ

จากนั้นผ่านไปชั่วขณะ นางจึงตอบ

“ข้าคิดว่าบอกเจ้าไว้ก่อน ก็คงไม่เป็นไร เพราะเจ้ามันเด็กโง่ แต่ก็มีศักยภาพสูงส่ง ในทวีปมังกรทะยาน จะเป็นนักสู้ที่แท้จริงได้ เจ้าต้องเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด นักสู้ระดับ 7 (ยอดมนุษย์) เป็นแต่เพียงสัมผัสขอบเขตปราณก่อกำเนิด ขณะที่นักสู้ระดับ 8 (จักรพรรดิ) เป็นแค่เพียงผู้เริ่มฝึกเพื่อกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ยอมรับพวกเขาในฐานะนักสู้ที่แท้จริง มีแต่ระดับ 9 (เซียน) และเหนือกว่านั้นถึงจะเรียกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิด ยิ่งไปกว่านั้น ในเขตปราณก่อกำเนิดยังแบ่งออกเป็น 9 ชั้นระดับ ระดับเซียนขั้นต้นในทวีปมังกรทะยานเทียบเท่ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ขณะที่ระดับ 9 ขั้นกลาง เทียบกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดขั้น 2 และระดับ 9 ขั้นสูง เทียบเท่ากับปราณก่อกำเนิดขั้นที่ 3...”

“ข้าอยากเป็นลม”

เย่ว์หยางตระหนักได้ว่า เขายังอยู่ในระดับเริ่มต้น

เย่ว์หยางรู้ว่าแม้ว่าเขาจะบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิด แต่พลังของเขายังตามอยู่ไกล

เขาแค่ฝึกมาได้เพียงครึ่งปี ในเรื่องทักษะและความรู้ เขาไม่สามารถเทียบได้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ฝึกฝนตนเองมานานหลายร้อยปี ฝีมือเขายังตามหลังนักสู้ระดับ 7 และระดับ 8 ด้วยซ้ำ

ตอนนี้ ถ้าเขาพยายามจนสุดความสามารถ เขาคงอยู่แค่ในระดับ 6 ชั้นสูงและทำได้เพียงเอาชนะนักสู้ระดับ 6 ขั้นกลางด้วยการสู้อย่างสุดกำลังของเขา

สำหรับนักสู้ระดับ 6 ขั้นต้น หลังจากออกมาสู้ข้างนอกโพรงมดแล้ว เย่ว์หยางตระหนักได้ว่าเขาสามารถเอาชนะพวกเขาได้ง่ายจริงๆ

พวกระดับ 5 และต่ำกว่าก็เหมือนกับมดแมลงสำหรับเขา เขาสามารถฆ่าได้ง่ายดายมาก

สำหรับการเอาชนะสื่อจินโหวได้ นอกจากเพราะความสามารถของตัวเขาเองแล้ว ยังเป็นเพราะเจ้าผู้นั้นประมาทเขาและยังผ่านการต่อสู้มากับแม่เฒ่าฉือก่อน ทำให้เขาสูญเสียพลังต่อสู้ไปมาก

นั่นคือเหตุผลที่เขาหนีไปอย่างง่ายๆ ถ้าสื่อจินโหวมีความแข็งแกร่งเดิมอยู่จริงๆ และจู่โจมเขาอย่างสุดกำลังตั้งแต่เริ่มแรก เย่ว์หยางมีหวังปวดหัวแน่นอน หากสื่อจินโหวต่อสู้กับเขาในสภาพพร้อมสุด เขาอาจจะกลายเป็นผู้ชนะไปในที่สุดก็ได้

เย่ว์หยางรู้สึกว่า เขาอาจสู้กับสื่อจินโหวได้ ถ้าเขาสามารถเข้าใจพลังหยินของเขาและช่ำชองทักษะการควบคุมน้ำและน้ำแข็ง จากนั้นชำนาญทักษะกระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดขั้นที่ 4

สื่อจินโหวจำเป็นต้องใช้เวลาฟื้นตัวหนึ่งปี ก่อนที่เขาจะกลับมาทวีปมังกรทะยาน เย่ว์หยางก็จะเข้าใจถึงพลังหยางและเชี่ยวชาญทักษะการใช้ไฟ มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมแล้ว

เมื่อเจ้านั่นกลับมาจากแดนปีศาจ บางทีเขาอาจเอาชนะเจ้านั่นได้แล้ว

นี่เป็นเพราะการบรรลุขอบเขตกระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดขั้นที่ 4 ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เย่ว์หยางคาดว่า บางทีเขาอาจบรรลุขั้นที่ 4 โดยใช้เวลาน้อยกว่า 3 เดือนก็ได้

หลังจากบรรลุขอบเขตนั้นแล้ว เขาจะสามารถเปิดคัมภีร์เทพฤทธิ์ได้ไหม?

เย่ว์หยางยังคงมีความหวังในใจเขา ถ้านั่นเป็นไปได้ อย่างนั้นเขาจะเปลี่ยนให้สื่อจินโหวเป็นอาหารกลางวัน และใช้เป็นปุ๋ยให้ต้นดอกหนามของเขา

“ข้าค่อนข้างชอบเจ้านะ และมีความคิดจะให้คำแนะนำบางอย่างแก่เจ้าก่อน แต่เนื่องจากว่าเจ้าถูกนางชิงตัดหน้าไปแล้ว ก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างนักสู้ ข้าไม่สะดวกที่จะเข้าไปวุ่นวายกับเจ้า ถ้าเจ้าต้องการเรียนรู้จากข้า ข้าจะต้องให้ภารกิจเจ้าก่อน มาพบข้าอีกครั้งเมื่อเจ้าได้มุกเต่าดำมาแล้ว!”

จากนั้น จักรพรรดินีราตรี คิดบางอย่างได้ทันทีจากนั้นจึงถามว่า

“ว่าแต่ เดิมทีเจ้าตั้งใจไปทำอะไรที่เหวสิ้นหวัง?”

“ข้าต้องการไปเก็บหญ้าประกายดาว มันเป็นภารกิจอย่างหนึ่งที่แม่เฒ่าอู่เถิงมอบให้ข้าทำ”

เย่ว์หยางพยายามทดสอบท่าทีโต้ตอบของจักรพรรดินีราตรี เมื่อได้ยินชื่อแม่เฒ่าอู่เถิง

“พี่อู่เถิงเป็นครูเจ้าเหรอ? นางดีมากนะ แต่น่าเสียดายที่นางไม่สามารถฟื้นสภาพได้หลังจากถูกคนทำร้ายบาดเจ็บหนักในอดีต..”

ท่าทีของจักรพรรดินีราตรีทำให้เย่ว์หยางรู้สึกนับถือแม่เฒ่าอู่เถิงมากขึ้น แม้จะเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งขนาดจักรพรรดินีราตรีผู้เป็นองครักษ์พิทักษ์ฟ้าของอาณาจักรเทียนหลัวก็ยังพูดถึงแม่เฒ่าอู่เถิงด้วยความนับถือ เห็นได้ชัดว่านางเป็นหนึ่งในนักสู้ระดับสูง หรืออย่างน้อย นางก็เคยเป็นหนึ่งในพวกเขา

ในที่สุด จักรพรรดินีราตรี ก็ให้คำแนะนำกับเย่ว์หยางอย่างใจดี

“ความจริง เจ้าจะไม่สามารถเก็บหญ้าประกายดาวได้ ข้าสามารถแนะนำเจ้าให้พาหญิงสาวที่รู้จักพื้นที่นี้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ข้าไม่รับรองว่านางจะยินดีช่วยเหลือเจ้า นางชื่อโล่วฮัว นางมักจะพำนักอยู่ในสวนลอยฟ้าในเมืองโล่วฮัว ที่หอทงเทียนชั้น 4 เจ้าสามารถไปที่สมาคมนักรบในหอทงเทียนส่งข้อความถึงนางได้ บอกว่าข้าแนะนำเจ้าให้นาง จากนั้นนางอาจยอมช่วยเจ้าก็ได้”

“ข้ารู้จักเจ้าเมืองโล่วฮัว เราเคยร่วมกันสู้กับขุนพลปีศาจมาก่อน เมื่อตอนไปเก็บดอกไม้งามปีศาจ ตอนนี้ เราตั้งใจไปเก็บหญ้าประกายดาวด้วยกัน!”

เย่ว์หยางประหลาดใจแกมดีใจและพยายามอ้างอิงผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขา

“เจ้ารู้จักโล่วฮัวเหรอ? ฮะฮะฮะ...”

เมื่อจักรพรรดินีราตรีได้ยินเขา นางหัวเราะลั่นอย่างสบายใจ ดูเหมือนว่านางยินดีกับตัวเองเล็กน้อย

นี่ยิ่งทำให้เย่ว์หยางใจไม่ดี มีบางอย่างที่ไม่ดีกับเขาที่รู้จักเจ้ามืองโล่วฮัวหรือ?

เย่ว์หยางเริ่มจิตใจร้อนรน เป็นไปได้ไหมว่า เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ใช่พลเมืองต้าเซี่ย และเป็นพลเมืองเทียนหลัว? นางมีสัมพันธ์ใดกับจักรพรรดินีราตรี?

“เจ้าสามารถไปเก็บหญ้าประกายดาวกับโล่วฮัวทำภารกิจของพี่อู่เถิงให้เสร็จก่อน นางเป็นผู้มีความรู้ดีมาก ดังนั้นเจ้าสามารถเรียนรู้เรื่องวิชาแพทย์จากนางให้มากไว้ จากนั้น เจ้าสามารถมาเหวสิ้นหวังเพื่อมาเก็บมุกเต่าดำพร้อมกับโล่วฮัว นางจะช่วยเจ้าได้มากแน่นอน เอาอย่างนี้เป็นไง ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งปี ไม่, ครึ่งปีดีกว่า เมื่อเจ้าได้รับมุกเต่าดำมา ข้าจะบอกความลับแก่เจ้าเพิ่มเติม.. สำหรับตอนนี้ ข้าจะให้บางอย่างกับเจ้า ก่อนที่จะส่งเจ้าออกไป!”

จักรพรรดินีราตรีพูดด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะก้องกังวาลอีกครั้ง

ในทันใดนั้น ของสองสิ่ง ปรากฏขึ้นในมือของเย่ว์หยาง

อย่างหนึ่งเป็นแผนที่ ดูเหมือนจะเป็นแผนที่นำไปสู่ใจกลางเหวสิ้นหวัง

อีกสิ่งหนึ่งเป็นขวด

มันทำมาจากหยกขาวและมีลวดลายที่ละเอียดมาก จุกปิดขวดทำจากไม้สีม่วงแดง ให้ความรู้สึกอบอุ่นยามสัมผัสและสบาย มีกลิ่นหอมที่ซึมลึกลงไปในหัวใจเย่ว์หยาง

ต้องมีของเหลวบางอย่างอยู่ข้างใน เย่ว์หยางสามารถรู้สึกว่าของเหลวจะสั่นอยู่ข้างในเมื่อเขาเขย่าขวดเบาๆ มันก็แค่ว่าเขาไม่รู้ว่าอะไรอยู่ข้างใน

“อะไรอยู่ข้างในขวดนี้?”

เย่ว์หยางอยากรู้อยากเห็น

“มันคือน้ำพุแห่งความเยาว์วัย คนธรรมดาจะดูอ่อนเยาว์ลง 10 ปีเมื่อพวกเขาดื่มนี่ลงไป ขณะที่นักรบ จะมีพลังภายในเพิ่มขึ้นอีกมาก ถ้าเจ้าต้องการปรุงยาเทพยุทธ์ในอนาคต เจ้าจะต้องใช้น้ำพุแห่งความเยาว์วัยนี้ อะไรนะ? เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องยาเทพยุทธ์เหรอ? มันเป็นของดีกว่ายาปลุกพลังยุทธ์ ยาปลุกพลังยุทธ์จะช่วยปลุกศักยภาพและความสามารถของบุคคล แต่ยาเทพยุทธ์จะเป็นอีกอย่าง มันจะช่วยเพิ่มศักยภาพและพลังความสามารถของคนได้... ช่างมันเถอะ ข้าค่อยเล่าให้เจ้าฟังครั้งต่อไป!”

จักรพรรดินีราตรียังพูดไม่ทันจบเมื่อเย่ว์หยางรู้สึกว่าท้องฟ้าหมุนเร็ว ทันใดนั้นเขาถูกแรงอย่างหนึ่งเหวี่ยงออกมา

เมื่อเขาเรียกความรู้สึกกลับมาได้ เขาก็ยืนอยู่หน้าวังหลวงที่ใหญ่โตโอฬาร

ภายใต้เท้าของเขาก็คือวงแหวนเทเลพอร์ตของวังหลวง

เย่ว์หยางไม่รอให้ทหารเริ่มต้นสอบสวนเขาและเขาเปิดม้วนเทเลพอร์ตกลับไปสถาบันฉางชุนเฉิงทันที แน่นอนว่า ก่อนอื่นเขาเก็บน้ำพุแห่งความเยาว์วัยและแผนที่ใจกลางเหวสิ้นหวังไว้ในแหวนลิช

ที่ทางเข้าสถาบันฉางชุนเฉิง อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ากำลังรออยู่พร้อมกับเย่ว์ปิง, อี้หนาน, เย่คง, เจ้าอ้วนไห่ และพี่น้องสกุลหลี่

“พี่สาม!”

เย่ว์ปิงเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามากอดเขา

“ยังดีนะที่เจ้าปลอดภัย...”

อี้หนานก็ต้องการกอดเย่ว์หยางจริงๆ แต่นางพบว่าคงเป็นเรื่องน่าอาย ถ้าขืนยังทำลงไปต่อหน้าคนอื่น ดังนั้นนางได้แต่หักห้ามใจ

“ปิงเอ๋อ! ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ทางอาณาจักรเทียนหลัวส่งองครักษ์พิทักษ์ฟ้า 2 คนไปช่วยแล้ว ขุนพลเฒ่าหม่าและคนอื่นจะปลอดภัย ข้าสัญญากับขุนพลเฒ่าหม่าว่าจะกลับไปทักทายเขา”

เย่ว์หยางลูบผมนุ่มสลวยของเย่ว์ปิงและยิ้มให้อี้หนานก่อนจะพยักหน้าให้เย่คงและคนอื่นๆ

“ไม่ต้องกลัว แล้วข้าจะดูแลพวกเขาให้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!”

อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพยักหน้าทันที เมื่อเห็นเย่ว์หยางมองเขาเป็นคนสุดท้าย

“รองครูใหญ่ ข้าตระหนักว่าความจริง เรามีทักษะธรรมชาติร่วมกัน...”

เจ้าอ้วนไห่รู้สึกว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามีผิวหน้าหนาเหมือนเขา เขายังกล้าพูดว่าเขาจะปกป้องพวกเขา เมื่อเขาเป็นเพียงนักสู้ระดับ 5 เขาไม่กลัวฟ้าผ่าหรือไง? อย่าว่าแต่เจ้าอ้วนไห่เลย แม้แต่เย่คงและคนอื่นๆ ทุกคนก็รู้สึกเหมือนกัน ถ้าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าแข็งแกร่งจริงๆ พอๆ กับที่เขาโอ้อวด อย่างนั้นทำไมเขาจึงต้องพาพวกเขาไปพบกับอาจารย์ตาอินทรีเสี่ยโหวเว่ยเลี่ยเพื่อขอให้เขาคุ้มครองด้วยเล่า?

“เจ้าอ้วน ดูเหมือนว่าเจ้าต้องโดนตบสักที”

อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเกือบจะคลั่ง โชคดีที่ยังมีเย่ว์หยาง เจ้าเด็กที่รู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา เขารู้ว่าต้องไปหาเขาทันที เมื่อต้องการให้เขาคุ้มครอง มิฉะนั้น บางทีเขาคงเฉาตายไปก็ได้

เย่ว์หยางหัวเราะให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า จากนั้นเขาเปิดม้วนเทเลพอร์ตและเทเลพอร์ตไปอยู่ห่างจากเมืองซือว่าง 2-3 กิโลเมตรอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับฮุยไท่หลาง

สถานการณ์เมืองซือว่างตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่?

ด้วยองครักษ์พิทักษ์ฟ้า 2 คนที่ถูกส่งออกมา ไม่ว่าพวกวังปีศาจจะชิงรุกเข้ามาได้มากขนาดไหนก็ตาม พวกเขาจะสามารถยันอยู่ได้ใช่ไหม?

การเทเลพอร์ตกลับมา เย่ว์หยางไม่ได้หวังจริงๆ ว่าพวกวังปีศาจจะหนีและหลบเลี่ยงการรบ แต่เขาหวังว่าการต่อสู้ขนาดใหญ่จะปะทุขึ้นทั้งสองฝ่าย บางทีเขายังสามารถได้ประโยชน์จากกลุ่มที่สามและเลือกเอาผลประโยชน์ของการต่อสู้ทั้งหมด แม้ว่าเขาจะจัดการนักสู้จากวังปีศาจไม่กี่คน พวกเขาก็ยังเป็นปุ๋ยชั้นดีของต้นดอกหนามของเขา

ปุ๋ยจ๋า ข้ากำลังมาแล้ว

เย่ว์หยางรีบวิ่งเข้าไปในประตูเทเลพอร์ตทันที

ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=171

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด