ตอนที่ 161 อย่าอวดมากนัก เดี๋ยวจะถูกฟ้าผ่า
“ปีกดำถันอู่ฟั่ง คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้าเอง”
ขุนพลเฒ่าหม่า รับดาบที่มีผู้ยื่นส่งให้เขาและก้าวยาวเข้าจู่โจม
ในใจเขา เขารู้สึกว่าพวกเขาต้องไม่แพ้เย่ว์หยาง เด็กหนุ่มคนนี้
มันไม่สำคัญว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์อันตรายและต้องบังคับตนเองให้เข้มแข็ง หรือต้องมีการเจรจาต่อรองของประเทศอื่น วิธีที่ดีที่สุดที่จะคุกคามศัตรูของพวกเขาก็คือฝึกนักสู้ผู้แข็งแกร่งในท่ามกลางพวกเขาต่อไป เป็นทางที่ดีที่สุด
ขุนพลเฒ่าหม่ารู้ว่าปีกดำถันอู่ฟั่งเป็นคนเช่นไร เขาคือมนุษย์ปีศาจถันอู่ฟั่ง เขาเป็นมนุษย์ปีศาจปีกดำ เป็นหนึ่งใน 3 ปีศาจที่แตกต่างกันคือ ปีศาจฟ้า ปีศาจดิน ปีศาจมนุษย์ ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ อันดับ 108 ในวังปีศาจแห่งเขาทลายจองจำ มองผิวเผินดูเหมือนว่าเขาอ่อนแอ เพราะเขาไม่ถูกจัดในร้อยอันดับแรก อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เป็นเพราะเขามีทักษะหย่อนลงไป เป็นเพราะความสำเร็จของเขายังไม่พอ
ขุนพลเฒ่าหม่าคาดว่าปีกดำถันอู่ฟั่ง อาจอยู่ในร้อยอันดับแรกของนักสู้วังปีศาจ หรืออาจจะเป็นหนึ่งในห้าสิบคนแรกก็ได้
เรื่องเกี่ยวกับปีกดำถันอู่ฟั่ง ขุนพลเฒ่าหม่าคุ้นเคยอยู่มาก
เขาเป็นหนึ่งในพวกกบฏจากอาณาจักรเทียนหลัว ที่หลบหนีไปยังเขาทลายจองจำ ครั้งหนึ่งเขาบังอาจปลอมตัวเป็นโจรเข้าไปทำร้ายเจ้าหญิงแห่งต้าเซี่ยที่เดินทางมายังอาณาจักรเทียนหลัวเพื่ออภิเษกสมรส
เมื่อแผนล้มเหลว เขาจึงถูกไล่ล่าโดยนักสู้ผู้แข็งแกร่งทั้งจากอาณาจักรเทียนหลัวและต้าเซี่ย
เขาบาดเจ็บหนักเจียนตายหลายครั้ง แต่ก็หลบหนีมาจากสถานการณ์อันตรายได้ทุกครั้ง
ช่วงเวลาของเขายังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งในที่สุดอาณาจักรเทียนหลัวส่งหนึ่งในห้าผู้อาวุโสนักประดิษฐ์ นามว่านหลี่ซา ฉายาว่า “พายุทราย” ได้จับตัวเขานำมาตัดสินความผิดได้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่จะลงโทษประหารชีวิตเขา ปีศาจฟ้าที่แข็งแกร่งจากวังปีศาจ “มุกฟ้า” “กฎฟ้า” และ “แค้นฟ้า” ได้เข้ามาหลอกล่อและช่วยให้เขาหลบหนีไปได้ตามแผน ในประวัติศาสตร์ ปีกดำถันอู่ฟั่งเป็นเพียงนักโทษคนเดียวที่ทำให้ 3 ปีศาจฟ้าระดับสูงลงมือช่วยเขา เห็นได้ชัดว่าวังปีศาจต้องพึ่งพาความคิดของเขามากแค่ไหน
หลังจากฟื้นจากอาการบาดเจ็บปางตาย ถันอู่ฟั่งที่ตอนแรกเกือบจะกลายเป็นคนพิการแล้ว ก็ฟื้นคืนพลังต่อสู้เหมือนเมื่อก่อน และยังมีพลังก้าวหน้าอีกด้วย
ภายในไม่กี่ปี ระดับของนักสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งจากการต่อสู้นับไม่ถ้วน เอาชนะปีศาจได้หลายร้อยตน เขาเลื่อนอันดับจาก 3000 กว่า ไปเป็นอันดับที่ 108 ในที่สุดเขาเลื่อนระดับกลายเป็นหนึ่งในปีศาจฟ้า, ปีศาจดินและปีศาจมนุษย์ ความเร็วในการเลื่อนชั้นของเขาเกือบได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นการเลื่อนชั้นที่เร็วที่สุดของเขาทลายจองจำ ในฐานะผู้ครองสถิติผู้เลื่อนอันดับ 10 อันดับแรกจากนักสู้ปีศาจ 5000 ตนในเวลาแค่สองปี ในที่สุดก็แค่เป็นรองนักสู้ปีศาจฟ้าที่แข็งแกร่งมากอย่าง “หายนะฟ้า” เท่านั้น
แม้ว่าขุนพลเฒ่าหม่าจะไม่เคยสู้กับปีกดำถันอู่ฟั่งมาก่อน แต่เขารู้ว่าคนทรยศ กบฏของเทียนหลัวผู้นี้ฆ่าคนได้ง่ายดุจบี้แมลง ย่อมไม่อ่อนแอกว่าเขาแน่นอน
เขากังวลว่าเย่ว์หยางยังอายุเยาว์เกินไป ไม่มีประสบการณ์มากพอ อาจหลงกลของปีกดำถันอู่ฟั่งได้ง่าย
ดังนั้น เขาตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ ออกไปเผชิญหน้ากับปีกดำถันอู่ฟั่ง
“หม่าสิงคง ข้าไม่ต้องการสู้กับเจ้า เจ้าแก่เกินไปสำหรับข้า!”
ปีกดำถันอู่ฟั่งไม่ถือว่าขุนพลเฒ่าหม่าเป็นคู่ต่อสู้ ในความเป็นจริง ขุนพลเฒ่าหม่าไม่ได้แก่ขนาดนั้น เป็นแต่การแสดงออกของเขาเข้มงวดไปบ้างและเขาชอบขมวดคิ้วอยู่เสมอ เขามีความรู้และประสบการณ์มาก นอกจากนี้ เขายังรักทหารใต้บังคับบัญชาของเขาเหมือนกับเป็นลูกตนเอง ดังนั้น พวกทหารจึงให้สมญานามท่านว่าขุนพลผู้เฒ่า
“เปล่าประโยชน์ที่จะมากระตุ้นยั่วข้า”
ขุนพลเฒ่าหม่าไม่ได้รู้สึกกระทบกระเทือนอะไร เขาเดินก้าวเท้ายาวๆ ออกมาพลางเรียกอสูรเสริมพลังออกมา มันคือหมียักษ์ สำหรับเพิ่มพลังให้เขามากเป็นพิเศษ แขนของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นแขนของหมี
“เจ้าก็ยังคงโง่เหมือนเมื่อก่อน...”
ปีกดำถันอู่ฟั่งควักผลึกหินออกมาและเรียกหมอกประหลาดสีเทาออกมา
เมื่อลมภูเขากระโชกแรง เมฆหมอกสีเทาก็กระจายไปทั่ว
ทุกคนได้กลิ่นที่รุนแรงและกลิ่นที่หอมมากทันที แต่ไม่มีใครรู้สึกผิดปกติ แต่พวกเขารู้สึกว่าน้ำลายเริ่มสอเต็มปากพวกเขาขณะที่พวกเขารีบกลืนมันอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเจ้าอ้วนไห่ น้ำลายหกมากจนดูเหมือนน้ำตก
ขุนพลเฒ่าหม่า กำลังเดินตรงไปอย่างแน่วแน่มั่นคงราวกับภูเขาขนาดใหญ่ ทันใดนั้นเขาสบัดดาบและแทงลงไปในดิน
เขาพยายามใช้ดาบประคับประคองตนเอง แต่ว่าดาบเหล็กกลับงอและหักจากแรงกดทับของเขา
ภายใต้สายตาของสาธารณชน ขุนพลเฒ่าหม่าใช้แขนที่แปลงแล้วของตนขุดลึกลงไปในหิน
แม้ว่าสีหน้าของเขาไม่ได้มีความแตกต่างอะไร แต่ลึกๆ แล้วเขาขมวดคิ้วแน่น ทหารที่ช่างสังเกตก็จะสังเกตเห็นได้ในเวลานี้ หลังของขุนพลเฒ่าหม่าหลั่งเหงื่อเโชกไปหมด
แขนและขาของเขาแทงลึกลงไปในพื้นและยังสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดจากการลอบโจมตีของปีกดำถันอู่ฟั่ง ร่างของเขาเจ็บปวดสาหัส อย่างไรก็ตาม ขุนพลเฒ่าหม่ามีจิตตานุภาพแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า เขายังทนสู้ด้วยความสามารถทั้งหมดของเขา
ทันใดนั้น ปีกดำถันอู่ฟั่งมาปรากฏอยู่ต่อหน้าขุนพลเฒ่าหม่า
เขาใช้ทั้งสองขาเตะเข้าไปที่ตัวของขุนพลเฒ่าอย่างแรง เตะซ้ายสลับขวาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นย่ำไปบนหน้าที่เปรอะเลือดของขุนพลเฒ่าหม่าหัวเราะเย้ยหยันว่า
“หม่าสิงคง! หนึ่งในสิบยอดขุนพลของอาณาจักรเทียนหลัว เจ้าแข็งแกร่งไม่ใช่เหรอ? อย่างนั้นก็ลุกขึ้นมา มาทุบตีข้าให้ได้ ข้าเหยียบหน้าเจ้าไปแล้วครั้งหนึ่ง เจ้าไม่โกรธหรือ? เอาเลย โกรธเลย ระบายความโกรธออกมา ยกฝ่ามือของเจ้าและทำให้ข้ากลัวเจ้าให้ได้!”
“ข้าไม่โกรธแน่นอน อย่ามาคิดยั่วยุข้าดีกว่า”
หน้าของขุนพลเฒ่าหม่ายังคงเป็นรอยย่ำของปีกดำถันอู่ฟั่ง แต่สายตาของเขายังคมกริบเหมือนมีดและเย็นเยือกเหมือนน้ำแข็ง
“คนทรยศ! เจ้ากล้าทำร้ายท่านขุนพล! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
รองขุนพลที่เป็นนักสู้ระดับ 5 สองคนเข้าจู่โจมใส่โดยไม่คำนึงว่าพลังของพวกเขายังเป็นรองพลังของศัตรู พวกเขาไม่สามารถหักห้ามใจตนเองได้เมื่อเห็นว่าขุนพลผู้เฒ่าของพวกเขาเป็นรองแล้วยังก้าวเข้าไปเผชิญหน้ากับถันอู่ฟั่ง
“สวะที่น่ารำคาญ, ไสหัวไปซะ!”
ปีกดำถันอู่ฟั่งโบกมือและเรียกพายุทันที รองขุนพลทั้งสองกระเด็นห่างออกไป 10 เมตร ถึงกับกระอักเลือดเมื่อกระแทกกับพื้น
ทันใดนั้นขุนพลเฒ่าหม่าร้องโหยหวนขณะที่ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับเลือด ตลอดทั้งร่างของเขาค่อยเปลี่ยนเป็นหมี แต่เขาข่มความโกรธอย่างรวดเร็วและกลับคืนสู่ลักษณะเดิมของเขา
“ทุกคน, ถอยออกไป ข้าสามารถเอาชนะเจ้าคนทรยศนี่ได้”
จากนั้นเขาสั่งให้บริวารถอยออกไป
“งั้นกลายเป็นว่าเขาใช้หมอกผึ้งคลั่งเพื่อยั่วขุนพลเฒ่าหม่า นั่นมันของเด็กเล่นไม่ใช่เหรอ”
เย่ว์หยางใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 มองดูกลโกงของปีกดำถันอู่ฟั่ง
เจ้าผู้นี้เรียกอสูรหมอกผึ้งคลั่ง เป็นอสูรพิเศษที่หาได้ยากจริงๆ หมอกที่เขาปล่อยออกมา ความจริงตอนนี้เป็นแค่ผงน้ำผึ้งที่ผึ้งเหล่านั้นผลิตออกมา อสูรธรรมดาจะไม่ได้รับผลกระทบเมื่อได้กลิ่นของมัน
แต่อสูรประเภทหมีจะสูญเสียสัมปชัญญะและเป็นบ้าไปในทันที ปีกดำถันอู่ฟั่งนี้ จงใจเรียกอสูรที่เป็นดาวข่มของอสูรหมียักษ์ของขุนพลเฒ่าหม่า เขาต้องการกระตุ้นขุนพลเฒ่าหม่าให้เป็นบ้าเพราะความโกรธ
เปลี่ยนให้เขาเป็นเครื่องจักรนักฆ่าคอยฆ่าคนที่ปรากฏอยู่ในสายตาเหมือนกับทหารรับจ้างเหล่านั้นที่ไล่ฆ่ากันเองเหมือนคนบ้า เขาต้องการให้ขุนพลเฒ่าเป็นคนทำลายเมืองซือว่างทั้งหมด
สำหรับขุนพลเฒ่าหม่าแทนที่เขาจะถูกทุบตีจนโกรธยิ่งกว่าเก่า เขากลับกัดฟันและกล้ำกลืนความอัปยศอดสูของตนได้ เขายังคงต่อต้านกลิ่นของหมอกผึ้งคลั่งจนกระทั่งมันกระจายหายไปหมด
อสูรหมียักษ์ที่เป็นอสูรเสริมพลังของเขามีการป้องกันและพลังที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นการเตะของปีกดำถันอู่ฟั่งไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บ นี่เป็นเพียงความน่าอับอายจากการใช้คำพูดยั่วยุเพื่อให้เขาโกรธจนสูญเสียการควบคุมตัว
“หม่าสิงคง ดูสารรูปตัวเจ้าสิ เจ้ายังดูเหมือนสิบขุนพลผู้ยิ่งใหญ่หรือเปล่า? ทำไมเจ้าไม่เปลี่ยนชื่อเป็นหนอนอนาถาแทนเล่า?”
ปีกดำถันอู่ฟั่งยกขาเตะเข้าที่ใบหน้าของขุนพลเฒ่าหม่า เขาเยาะเย้ยขุนพลเฒ่ามากเท่าที่ตนพอใจ ด้วยคำพูดที่เสียดแทงใจไร้ความปราณี เขายังคงยั่วยุขุนพลเฒ่าต่อไป หวังว่าขุนพลเฒ่าหม่าจะคลุ้มคลั่งควบคุมตนเองไม่ได้ กลายเป็นหมีบ้าไล่ฆ่าผู้คนสุ่มสี่สุ่มห้า
“ข้าคิดว่าหนอนอนาถาเป็นชื่อเล่นที่เหมาะสมกับเจ้ามากกว่า!”
ทันใดนั้น เย่ว์หยางปรากฏตัวอยู่ด้านหลังปีกดำถันอู่ฟั่งโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“อะไรนะ?”
ปีกดำถันอู่ฟั่งถึงกับตัวแข็ง เมื่อมีคนลอบมาอยู่ข้างหลังเขาโดยไม่รู้ตัว
เรื่องหน้าด้านมากๆ ต้องยกให้เย่ว์หยาง คนโดยทั่วไปควรจะต้องพูดก่อนลงมือจู่โจม แต่ว่าเขาต่างจากคนทั่วไป เขาลงมือจู่โจมก่อนแล้วค่อยเตือนศัตรูทีหลัง เขาเตะเข้าที่ก้นของถันอู่ฟั่งจนปลิวกระเด็นก่อนที่จะบอกกล่าวตักเตือนด้วยท่าทีสบายๆ
“ให้ข้าสาธิตวิธีกระทืบหนอนอนาถาให้ตายหน่อยก็แล้วกัน”
ปีกดำถันอู่ฟั่งโกรธจัด เขาสลายแรงโจมตีของเย่ว์หยางในกลางอากาศและเตรียมตัวบินลงไปจู่โจมตอบโต้เย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น เย่ว์หยางไปปรากฏตัวที่ด้านหลังเขาอีกทันที
เย่ว์หยางประสานหมัดเข้าด้วยกันและทุบลงที่หลังของปีกดำถันอู่ฟั่งเต็มแรง
เมื่อคู่ต่อสู้ของเขาร่วงลงกระแทกพื้นเหมือนดาวตก เย่ว์หยางวาดขาเตะกวาดเข้าที่หลังของถันอู่ฟั่งซ้ำเข้าไปอีก
“ไอ้ตัวน่ารังเกียจ!”
ปีกดำถันอู่ฟั่งจมลงไปในพื้น มือเขาหักขณะกระแทกลงกับพื้น เขายังจมลึกลงไปในพื้นจากแรงกระแทกเพราะโดนเย่ว์หยางโจมตี โดยไม่ต้องรอให้ปีกดำถันอู่ฟั่งดิ้นรนลุกขึ้นมายืนได้
เย่ว์หยางลอยตัวลงมายืนที่พื้นต่อหน้าเขา สีหน้าของปีกดำถันอู่ฟั่งชะงักค้าง ความเคลื่อนไหวของเจ้าเด็กนี่เร็วเกินไปหรือเปล่า? เขาหล่นมากระแทกพื้น เย่ว์หยางก็ยังลอยตัวลงมาก่อนเขา เขาเรียกอสูรชนิดไหนออกมากันแน่ ที่ทำให้ความเร็วของเขาไวกว่าถันอู่ฟั่ง?
“เจ้าไม่เห็นน่ารังเกียจเลย!”
เย่ว์หยางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ทำให้ปีศาจสั่นสะท้านได้ ขณะที่เขายกขาเตะเข้าที่ปลายคางถันอู่ฟั่นอย่างแรง เย่ว์หยางเตะเขากลิ้งไปบนพื้นเหมือนกับเตะลูกบอล
ปีกดำถันอู่ฟั่งปลิวกระเด็นไปสิบเมตร แต่ทันใดนั้นเขาพุ่งกลับมาและคำรามอย่างดุร้าย ขณะที่หมุนตัวด้วยความเร็วที่เร็วกว่าพายุเฮอริเคนโจมตีใส่เย่ว์หยาง
บึ้ม!
หมัดของเขาต่อยใส่อากาศที่ว่างเปล่า เย่ว์หยางหายไปจากตำแหน่งเดิมแล้ว
โดยที่ปีกดำถันอู่ฟั่งไม่ทันได้รู้ตัว เย่ว์หยางไปปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของเขาโดยไร้เสียง
ขณะที่ปีกดำถันอู่ฟั่งปรากฏแววเหลือเชื่อบนใบหน้าเขา มือขวาเย่ว์หยางกดเข้าที่ด้านหลังศีรษะของถันอู่ฟั่ง ขณะที่เขาจับถันอู่ฟั่งกระแทกลงกับพื้นทั้งตัว
จากนั้นเย่ว์หยางผลักหน้าเขาลงกับพื้นและไสหน้าของถันอู่ฟั่นไปบนพื้นจนเกิดร่องลึกบนพื้นก่อนที่จะเอาหน้าของเขากระแทกกับผนัง ขณะที่ถันอู่ฟั่งพยายามตะเกียกตะกายให้หลุด เย่ว์หยางใช้มืออีกข้างหนึ่งจับขาซ้ายของปีกดำถันอู่ฟั่งยกขึ้นก่อนจะใช้ร่างทั้งร่างของเขาฟาดเข้ากับผนัง
“บึ้ม!” เสียงดังสะท้อนกึกก้อง
ผนังภูเขาทลายลงมาจนฝุ่นกระจาย ฝังร่างของปีกดำถันอู่ฟั่งไว้ข้างใน
ปีศาจมนุษย์ปีกดำถันอู่ฟั่งที่ทั้งเอาแต่ใจ ทั้งเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้โดนเย่ว์หยางทุบตีจนไม่รู้ทางไหนเหนือทางไหนใต้ พอเห็นเช่นนี้พวกทหารทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ระเบิดเสียงเชียร์สนั่น
ขวัญกำลังใจทหารที่กำลังตกลงกลับกลายเป็นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าทันที
“เย้.. สะใจโว้ย! ทุบตีได้ดีมาก ทุบตีเจ้าลูกหมาตัวนี้ให้หนักมือขึ้นไปอีก!”
เจ้าอ้วนไห่ตื่นเต้นมากจนหน้าแดง พอตระหนักได้ว่าอี้หนานและเย่ว์ปิงกำลังมองมาที่เขา เขารีบเปลี่ยนคำพูดให้สุภาพทันที
“เอิ่ม! จริงๆ แล้ว ข้าเป็นสุภาพบุรุษนะ ประโยคที่เพิ่งตะโกนไปเมื่อกี้นี้ ข้าตะโกนบอกเย่คงและเจ้าลิงแฝดที่การศึกษาไม่ดีเขาคุยกัน ข้าคงต้องใส่ใจตักเตือนเรื่องความประพฤติเสียบ้าง พวกเจ้าควรจะดูและแก้ไขมารยาททันที ข้าจะทำให้ดูเอง ข้าพูดจาสุภาพ ใจดี กระตือรือร้นห่วงใยคนอื่น สุภาพบุรุษที่ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรอย่างข้า จะไม่ยอมคุยให้พวกเจ้าฟังหรอกว่า ข้ายอมบริจาคค่าขนมของข้าทั้งหมดให้กับผู้ประสบภัยพิบัติตามธรรมชาติ ตั้งแต่ข้า 6 ขวบแล้ว โอ๊ย! ใครตีข้า?”
เขายังพูดไม่ทันจบก่อนที่เย่คงและพี่น้องสกุลหลี่ออกกำลังมือและเท้าตามตารางชีวิตประจำวันที่เคยเป็นมา
ในท่ามกลางความมืด ทันใดนั้นมีเสียงแหลมเยือกเย็นร้องออกมา
“เจ้าโง่! เขาเห็นจุดอ่อนของเจ้าตั้งแต่แรกหมดแล้ว ข้าบอกเจ้าไว้ก่อนแล้ว อย่าเรียกหมอกผึ้งคลั่งต่อหน้านักสู้ผู้แข็งแกร่ง วิธีนั้นจะทำให้พลังเจ้าลดลงอย่างมาก”
“ขอเวลาข้าอีกนิด แล้วข้าจะฆ่ามันด้วยตนเองให้ได้!”
ปีกดำถันอู่ฟั่งในสภาพน่าอนาถ ดึงตัวเองออกมาจากหินและพยายามระงับความโกรธขณะเจ้ามองเย่ว์หยาง
“อย่าให้ข้าเสียเวลารอนาน!”
เสียงเล็กแหลมคมเหมือนเข็มบ่นงึมงำก่อนจะหายไปในความมืด
“ทำเอาข้าตกใจหมด.. เฮ้ ... เจ้าคนเก่งลึกลับ อย่าออกตัวมากเกินไป เดี๋ยวเจ้าสะดุ้งเสียงฟ้าผ่าได้นะ!”
เย่ว์หยางเยาะเย้ยพลางชักดาบจันทร์เสี้ยวออกมา จากนั้นร่วมกับฮุยไท่หลางบุกโจมตีถันอู่ฟั่งทั้งซ้ายขวาตามลำดับ ท่าทีของเขาเหมือนกับจะบอกว่า
“จอมยุทธ์น้อยนี้เริ่มจะแสดงฝีมือที่แท้จริงแล้ว”
ปีกดำถันอู่ฟั่งตะลึงค้าง เขารีบเรียกกริฟฟินปีกเหล็กที่อยู่บนท้องฟ้าให้ลงมาเพื่อผสานร่างกับมัน
ร่างของเขากลายเป็นทนทานมากขึ้น กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นจนดูเป็นรอนคลื่น
ปีกเหล็กดำคู่หนึ่งปรากฏอยู่บนหลังของเขา และนิ้วมือของเขาเปลี่ยนกรงเล็บที่น่ากลัวสามารถจะตัดเหล็กให้ขาดได้ ในทันใดนั้น พลังต่อสู้ของเขาพุ่งขึ้นมามากกว่าเดิมเป็นสิบๆ เท่า
ตอนนี้ เจ้าผู้นี้อยู่ในสภาพที่ทรงพลังที่สุด ในที่สุดเขาก็กลายเป็นปีศาจมนุษย์ปีกดำ ถันอู่ฟั่งไปแล้ว
ขณะที่ปีกดำถันอู่ฟั่งบินเข้ามาหาด้วยความมั่นใจว่าจะฉีกเย่ว์หยางให้เป็นชิ้น เสียงที่แหลมราวกับเข็มก็ตะโกนออกมาอย่างเจาะจงอีกว่า
“รีบยกเลิกการอัญเชิญของเจ้า เร็วเข้า ยกเลิกการผสานร่างกับอสูรเสริมพลังของเจ้าสิ เจ้าโง่! เจ้าหลงเข้าไปในกับดักของมันแล้ว ในร่างของเจ้าเด็กนั่น มี..”
“สปอร์!”
เย่ว์หยางยิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ พลางช่วยพูดต่อจนจบประโยค
ขณะที่ทุกคนในตอนนี้พากันงุนงงกับคำพูดนี้อยู่ ทันใดนั้นปีกดำทันอู่ฟั่งรีบบินขึ้นไปบนฟ้าพลางตะโกนลั่น “อ๊าาาา!” และร่วงลงมาที่พื้นเหมือนกับท่อนซุง
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=166