ตอนที่ 153 เรียนรู้ทักษะเคลื่อนย้ายเฉพาะที่
ความจริงในใจเย่ว์หยางต้องการถามว่าหญิงงามลึกลับเป็นใคร ทำไมนางจึงตามเขามา? เหตุใดนางจึงช่วยเขา? แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่จะทำให้นางตายก็ตาม ทำไมนางช่วยเขาสู้กับสื่อจินโหว? นางเป็นใครกันแน่?
หญิงสาวผู้นี้ ลึกลับมากจริงๆ
นางทำให้เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็น เขาต้องการตรวจสอบนางอย่างชัดเจน
หญิงงามลึกลับนี้แตกต่างจากอี้หนาน แม้ว่าอี้หนานนางนั้นจะลึกลับไปหน่อย แต่เย่ว์หยางก็ยังคาดเดาสถานะของนางได้เล็กน้อย แต่หญิงงามลึกลับข้างหน้านี้กลับตรงกันข้าม เขาไม่สามารถหาอะไรเจอแม้แต่อย่างเดียว แม้แต่เหตุผลที่นางต้องการช่วยเขา
เย่ว์หยางไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ปกติสำหรับคนอย่างสหายผู้น่าสงสารที่ไม่สนิทกับลุงๆ ของเขา ไม่สนิทกับย่าและไม่มีใครให้ความสนใจนอกจากแม่สี่ ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะมีโชคทางสตรี สำหรับเขา แม้ว่าเขาจะเป็นต้นเหตุวุ่นวายในตระกูลเย่ว์เพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากเขาเดินทางมาโลกนี้ เขาไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงเกินไป ดังนั้นทำไมนางต้องมาตามจับตาเขา?
นางยังคุ้นเคยกับนิสัยของเขา พฤติกรรม คำพูด และการกระทำ
นี่มันแปลกมากจริงๆ
“ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว เจ้าควรขอให้พี่อี้หนานของเจ้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้นะ”
หญิงงามลึกลับรู้จักแม้แต่ชื่ออี้หนาน ตอนนี้ถึงกับทำให้เย่ว์หยางเหงื่อตก
“พี่อี้หนานเป็นบุรุษ เขาไม่มาอำนวยความสะดวกให้ข้าได้หรอก!”
เห็นได้ชัดว่าเย่ว์หยางไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเจ้าชู้
“เจ้าพยายามจะหลอกใครอยู่!”
หญิงงามลึกลับกรอกตาไปมาน่ารัก ท่าทางเหมือนเด็กสาวและอาการกระเง้ากระงอดก็เหมือนการทำคะแนนในหัวใจเย่ว์หยางนั่นเอง ทำให้เขาใจเต้นรัว ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาพบว่าดูเหมือนเขาจะชอบหญิงงามลึกลับผู้ที่เขาไม่เคยเห็นใบหน้านางมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ความชอบนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา
แม้ว่ามันจะไม่มาก แต่ความรู้สึกที่เขามีต่อหญิงงามลึกลับ ไม่ได้น้อยไปกว่าอี้หนานแน่นอน เย่ว์หยางต้องการจะเอื้อมมือไปดึงผ้าคลุมที่บังหน้านางเปิดดู ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องการจะจูบริมฝีปากดุจผลเชอรีของนาง ต้องการจะปราบพยศนาง
เย่ว์หยางต้องการเชิดหน้าขึ้นส่งเสียงหอนแบบหมาป่า แล้วกระโดดกอดนางในที่นี้
แน่นอน มันเป็นเรื่องคิดเพ้อเจ้อเหลวไหล
ในตอนแรก เขาไม่ได้คิดว่าหญิงงามลึกลับจะตอบโต้หรือไม่ สถานที่นี้ยังคงเป็นหน้าบ้านของแม่เฒ่าฉือ ถ้าเย่ว์หยางกระโดดกอดหญิงงามลึกลับ เขากลัวว่าแม่เฒ่าฉืออาจจะทำเป็นผ่านออกมามองดูพวกเขาอย่างตกใจก็ได้
“ตอนนี้ข้าจะไปจริงๆ แล้วนะ...”
หญิงงามลึกลับพูดออกมาจากปากก็จริง แต่ขาของนางไม่ได้ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
“ข้าจะส่งเจ้าเอง”
เย่ว์หยางใส่ใจนางอย่างยิ่ง
“ส่งหัวเจ้าน่ะสิ ลิ้นคนกระล่อนอย่างเจ้า ใช้กับข้าไม่ได้หรอก”
หญิงงามลึกลับหัวเราะทันที เสียงหัวเราะของนางไม่เหมือนกับใคร สำหรับเย่ว์หยางแล้ว เสียงหัวเราะของเจ้าเมืองโล่วฮัว บ่งบอกถึงนิสัยของนาง เสียงดังไม่มียั้ง เมื่อนางหัวเราะ ไหล่ที่ละเอียดอ่อนของนางจะสั่นไหวไปทั้งหมด และนางจะวางตัวด้วยความคึกคะนอง การหัวเราะของอี้หนานจะตรงกันข้าม นางหัวเราะน่ารักแต่ก็ไว้ตัวอยู่ในที นางมักจะปิดปากน้อยๆ
ขณะที่หัวเราะ ส่วนการหัวเราะของหญิงงามลึกลับนี้ ยิ่งไม่ซ้ำกับสองคนที่ว่ามา นางเหมือนหัวเราะด้วยนัยน์ตา คิ้วของนางเหมือนกับจะยิ้มได้ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวนางเอง มันดูไม่เหมือนที่นางหัวเราะออกมาให้เห็นภายนอก แต่ยิ้มของนางที่ให้เขานี้ รู้สึกได้เลยว่าเป็นการยิ้มจากก้นบึ้งหัวใจนาง
ขณะที่นางเปิดม้วนเทเลพอร์ต อยู่ๆ เย่ว์หยางก็ตะโกนไปที่นาง
“อยู่ที่นี่กับข้าเถอะ ข้าจะดูแลเจ้าทั้งชีวิตเลย”
หญิงงามลึกลับโบกมือที่ยังถือหนังสือโบราณให้เขา 2-3 ครั้งเป็นการบอกอำลา
เย่ว์หยางมองดูนางจากไปด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจ
เขาต้องการวิ่งเข้าไปหานางและกอดนางไว้แน่นๆ ห้ามไม่ให้นางไปจากเขา อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจว่า ถ้าเขาต้องการเก็บนางไว้ในใจ เขาไม่ควรแสดงความห่วงกังวลต่อนาง ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ควรห้าวเกินไป จะกลายเป็นว่าเขาทำให้นางกลัว
ตามจีบสาวๆ ต้องใช้ความอดทน
เขาต้องค่อยเป็นค่อยไป นี่คือการศึกที่มีเป้าหมายเอาชนะใจนางเพื่อให้นางยอมรับทั้งกายและใจตลอดไป เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้เวลาเพียงเท่านี้ นอกจากนี้ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ตราบใดที่นางยังคอยติดตามเขา ในอนาคต เขายังมีโอกาส เขาเชื่อว่าหลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ นางย่อมมีความคิดเห็นที่ดีต่อเขา... เย่ว์หยางเปลี่ยนท่าที จากมือที่ตั้งท่าจะคว้านาง กลายมาเป็นโบกมืออำลานางอย่างง่ายดาย
หญิงงามลึกลับชำเลืองมองและหันกลับไปจ้องเย่ว์หยางโดยเฉพาะด้วยดวงตาใสกระจ่าง ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าประตูเทเลพอร์ตจากไป
นัยน์ตางามคู่นั้นเหมือนส่งกระแสไฟฟ้าแรงสูงผ่านเข้าร่างกายของเย่ว์หยาง
“สวรรค์! สาวๆ สวยๆ เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้จริง!”
เย่ว์หยางตระหนักว่า เขารู้สึกเหมือนเพิ่งจะถูกฟ้าผ่า เขารู้สึกอึดอัดและก็รู้สึกสะดวกสบายมากในขณะเดียวกัน รู้สึกอิ่มเอมในใจจนพรรณนาไม่ถูก เมื่อไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยหอนเสียงดังเหมือนหมาป่า
จากนั้นเขามองไปที่ปีศาจเคียวโลหิตที่ยังคงดิ้นรนอยู่ แม้ว่าจะไม่สามารถหลบหนีได้ แต่ปีศาจน้อยดอกหนามก็ยังคงจับกินได้อย่างลำบาก
เย่ว์หยางต้องการใช้ดาบฮุยจินตัดฟันมันให้ขาดเป็น 18 เสี่ยงเพื่อให้ย่อยได้ง่ายขึ้น แต่เขาเปลี่ยนใจ บางทีมันอาจเป็นวิธีการพิเศษบางอย่างก็ได้
ยกตัวอย่างเช่น กลิ่นดอกหอมนิทรา
แน่นอนว่า เมื่อเย่ว์หยางเทน้ำหอมดอกนิทราลงมันหัวปีศาจเคียวโลหิต เดิมทีปีศาจเคียวโลหิตก็โดนทุบตีและเสียเลือดไปแล้ว แสดงปฏิกิริยาที่แปลกประหลาด ร่างของมันสูญเสียการควบคุม เหมือนกับว่าถูกความง่วงครอบงำ การดิ้นรนของปีศาจเคียวโลหิตกลายเป็นช้าลงๆ แม้ว่าจะพยายามต่อต้านความง่วงด้วยพลังทั้งหมดของมันก็ตาม แต่ผลของดอกหอมนิทราก็ครอบงำมันได้ในที่สุด
ขณะที่แรงต่อต้านของมันอ่อนลง ดอกหนามนับไม่ถ้วนก็ถือโอกาสดูดซึมพลังงานของมัน
ดอกหนามปีศาจสองต้นที่รัดปีศาจเคียวโลหิตไว้ทั้งร่างก็ค่อยๆ ย่อยมันในความฝันของปีศาจเคียวโลหิตช้าๆ และในที่สุดปีศาจเคียวโลหิต อสูรทองระดับ 7 ที่แข็งแกร่งมากๆ ก็พบจุดจบอย่างน่าสงสาร
เวลานี้ ปีศาจน้อยดอกหนาม เธอกำลังหลับอยู่บนพื้นระเบียงดอกหนาม แต่ตอนนี้เธอตื่นขึ้นแล้วโดยเย่ว์หยางไม่รู้ตัว
เธอจับตาสังเกตดูเย่ว์หยาง เจ้านายของเธอ เหมือนว่าเธออยากรู้อยากเห็นเรื่องของเขามาก
เย่ว์หยางก็ไม่ได้สนใจเธอ เขากลับไปงมเคียวโลหิตออกมาจากก้นทะเลสาบแทน และเริ่มสำรวจดูพื้นที่ต่อสู้ ขณะเดียวกัน เขายังคงคิดถึงการต่อสู้ของเขาและพยายามเลียนแบบทักษะ “เคลื่อนย้ายเฉพาะที่” ของสื่อจินโหว
เขาอิจฉาความสามารถเคลื่อนย้ายเฉพาะที่มาก เมื่อสื่อจินโหวทำมาถึงตอนนี้แล้ว เขาใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 นี้ ตามดูโดยเฉพาะเจาะจงอย่างชัดเจน เขาต้องการแอบเรียนรู้ ทักษะเคลื่อนย้ายเฉพาะที่นี้ เพื่อที่ว่าเอาไว้ใช้เป็นไม้ตายตอนลอบทำร้ายในอนาคต
ในความเป็นจริง เย่ว์หยางรับรู้หัวใจธรรมชาติมานานแล้ว ทำให้เขารู้สึกถึงธรรมชาติได้ชัดเจน, ทั้งพื้นที่ ช่องว่าง, และธาตุอื่นๆ
นอกจากนี้ เขายังมีความรู้สึกพิเศษเมื่อใช้ม้วนเทเลพอร์ตตามปกติ เมื่อเขาเข้าไปในสนามดวลมรณะและในแดนปีศาจ เย่ว์หยางมีความตั้งใจอยู่แล้วที่จะคลี่คลายความลับของพื้นที่ช่องว่าง
เมื่อเขาถูกจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์หลอกให้เข้าไปทดสอบในมิติที่เขาสร้างเอาไว้ เย่ว์หยางให้ความสนใจเรื่องช่องว่างและมิติเพิ่มขึ้นอย่างมาก การได้เข้าไปในมิติใต้น้ำของแม่เฒ่าฉือทำให้เขารู้ได้ว่า ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเชี่ยวชาญในเรื่องมิติ เขาจำเป็นต้องดำเนินการให้ถูกวิธีเพื่อเรียนรู้ให้ชำนาญ
ดังนั้น เย่ว์หยางรวบรวมความรับรู้และความเข้าใจของร่างกายเขาทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลที่เขาได้มาจากการสังเกตทักษะเคลื่อนย้ายเฉพาะที่ของสื่อจินโหว และเริ่มหัดสร้างช่องว่างและลองเคลื่อนย้ายดู...
แม้ว่าจำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดดำเนินการด้วยความระมัดระวังมากว่าการสร้างวงกลมหยินหยาง และต้องใช้ความประณีตมากกว่า
ตอนแรกเขาสร้างลูกกลมด้วยปราณก่อกำเนิดในช่องว่างที่เป็นกระแสหมุนวน เปลี่ยนช่องว่างให้เป็นใจกลางกระแสก่อเป็นรูปเหมือนอ่างน้ำวน ก่อเป็นรูปทางผ่าน
เย่ว์หยางระงับความตื่นเต้นในใจตนเองและดำเนินการฝึกต่อไป เขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็พยายามเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง และมีความก้าวหน้าทีละน้อยทุกครั้งที่ทดลอง ทุกครั้งที่เขาล้มเหลว เขาก็จะเข้าใจพื้นที่ช่องว่างได้มากยิ่งขึ้น และรู้สึกถึงช่องว่างใหม่ความรู้ใหม่...
หลังจากล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนในก่อนหน้านี้ เย่ว์หยางใช้ปราณที่เหลือน้อยนิดจนหมด ในที่สุดก็สร้างกระแสหมุนวนเฉพาะที่ได้
ขนาดของกระแสหมุนวนที่เขาสร้างยังไม่ใหญ่เท่ากับที่สื่อจินโหวสร้าง ความเร็วในการหมุนของมันยังคงเร็วกว่า ดังนั้นระยะเวลาที่มันคงอยู่จึงสั้นมาก
แต่ก็ถือว่าเย่ว์หยางประสบความสำเร็จแล้ว
เขาไม่อาจรอต่อไปได้ จึงกระโจนเข้าไปในนั้นเพื่อลองการเคลื่อนย้าย ผลที่ออกมาก็คือ เขาถูกเคลื่อนย้ายออกมาตรงทางผ่าน และเขาพบว่าร่างของเขามาปรากฏอยู่เหนือน้ำ.... การเคลื่อนย้ายของเขาล้มเหลว เขาพลาดเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไป 10 เมตร โดยห่างออกไปหลายสิบเมตร ไปอยู่กลางทะเลสาบ
ตูม!
เย่ว์หยางหล่นลงไปในทะเลสาบ ทำให้เปียกไปทั้งตัว
“อื๋อ?”
ขณะรอให้เย่ว์หยางว่ายน้ำกลับมาขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล ปีศาจน้อยดอกหนามถูกการกระทำของเขาดึงดูดความสนใจ อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเธอดูเหมือนจะสับสนมากกว่า ขณะที่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายของเธอถึงได้อยู่ๆ ก็กระโจนลงไปในทะเลสาบเอง
“ทักษะเคลื่อนย้ายเฉพาะที่ฝึกให้ชำนาญได้ยากกว่าทักษะทั่วไปเสียอีก”
เย่ว์หยางถอนหายใจ
ถ้าสื่อจินโหวได้ยินคำพูดของเขา บางทีคงได้คลั่งใจจนกระอักเลือด
สื่อจินโหวที่ได้รับยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะคนหนึ่ง เกิดมาพร้อมกับทักษะธรรมชาติควบคุมมิติ ยังต้องใช้เวลาฝึกหลายปีก่อนที่จะได้เรียนทักษะเทเลพอร์ต เขาใช้เวลาถึง 50 ปีเต็มก่อนที่จะชำนาญเทเลพอร์ตในวันนี้
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางได้แอบเรียนรู้ทักษะจากการสู้กับเขาชั่วระยะหนึ่ง เรื่องแบบนี้ ถือเป็นเรื่องโชคดีที่สื่อจินโหวไม่รู้เรื่องแบบนี้ มิฉะนั้น บางทีเขาอาจจะคลั่งแค้นจนกระอักโลหิตตายไปก็ได้
ขณะที่เย่ว์หยางฝึกทักษะเทเลพอร์ตอยู่นั้น ปีศาจน้อยดอกหนามมองดูเขาอย่างตื่นเต้นด้วยความสนใจ
แน่นอนว่า ขณะมองดูเย่ว์หยาง เธอไม่ได้หยุดกินของขบเคี้ยวของเธอ
อสุรกายอัปลักษณ์ อสูรเงินระดับ 6 เป็นเหมือนของขบเคี้ยวของเธอ เธอยืดก้านรองที่มีขนาดเท่าถังน้ำออกไปและกินมันทั้งตัวไม่เว้นแม้กระทั่งดาบยักษ์
“เจ้ามองอะไรกัน? เป็นเด็กเป็นเล็กต้องรีบนอนแต่หัวค่ำ เข้าใจไหม!”
เย่ว์หยางตระหนักว่าปีศาจน้อยดอกหนามที่ยังเปลือยกายอยู่นี้ มองดูเขาแบบไม่ละสายตาแม้แต่ครู่เดียว เย่ว์หยางกลายเป็นลนลานขณะที่เขาเผลอปล่อยให้เธอเห็นช่วงเวลาที่น่าอับอายของเขา
ดังนั้นเขาเลยถือโอกาสใช้อำนาจในฐานะเจ้านายของเธอ ปีศาจน้อยดอกหนามกลัวว่าเขาจะโกรธทันทีที่เธอได้ยินเขา เธอรีบไปที่ระเบียงดอกไม้เอาผืนดอกไม้มาคลุมตัวแล้วนอนหลับอย่างว่าง่าย
เมื่อเวลาผ่านไป เธอจะตื่นขึ้นอีกจนได้ ต้นดอกหนามปีศาจคงย่อยปีศาจเคียวโลหิตอสูรทองระดับ 7 จนหมดแล้ว
เวลานั้น บางทีเธออาจจะวิวัฒนาการเป็นปีศาจดอกหนาม อสูรทองระดับ 1 เย่ว์หยางคาดว่าบางทีเธอคงค่อยๆ โตขึ้น และจะกลายเป็นสาวสวย เป็นไปได้ไหมว่า เธอจะกลายเป็นสาวสวย เป็นผู้หญิงที่มีชีวิตเมื่อกลายเป็นนางพญาดอกหนาม
เย่ว์หยางเริ่มคันยิบในหัวใจ
นอกจากผลมังกรเปลือกแข็งที่ทหารรับจ้างเก็บมา อีกสองผลก็ยังไม่สุก พวกมันยังใช้ประโยชน์ไม่ได้แม้ว่าจะเก็บเกี่ยวมันไปก็ตาม ดังนั้นหลังจากที่เย่ว์หยางสร้างจุดเทเลพอร์ตสถานที่นี้ไว้กับม้วนเทเลพอร์ตของเขาแล้ว เขาตัดสินใจกลับไปที่ค่ายพักแรมไปรวมตัวกับเย่ว์ปิง เขาจะมาที่นี่อีกในอนาคตเพื่อเก็บผลมังกรเหล่านั้นเมื่อถึงเวลา
และด้วยสารานุกรมยา เย่ว์หยางตัดสินใจศึกษาการปรุงยาเป็นเป้าหมายระยะสั้นในตอนนี้ ขณะเดียวกัน เขายังต้องการเรียนรู้เรื่องทักษะเคลื่อนย้ายเฉพาะที่จากอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์
เขาตระหนักได้ว่า ยังคงมีหลายสิ่งที่เขาสามารถเรียนรู้ได้จากโรงเรียนนี้
เย่ว์หยางที่ตอนนี้สนับสนุนทัศนคติแบบนักเรียนมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ทิศทางใหม่และเป้าหมายใหม่เอาไว้เพื่อทำงานอย่างหนัก
เย่ว์หยางมีความสุขและความยินดีหลังจากชัยชนะที่ยิ่งใหญ่จากการต่อสู้ที่หนักหน่วง เขาเรียกปีศาจน้อยดอกหนามกลับเข้าคัมภีร์และเปิดม้วนเทเลพอร์ตของเขา เทเลพอร์ตกลับไปค่ายพักแรม
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะยืนหยัดได้มั่น มีดาบเล่มหนึ่งฟันลงมาที่หน้าของเขากะทันหัน ที่ด้านหลังมีขวานเล่มหนึ่งฟันขวางใส่เขา ทำให้เขาตกใจ เขาตวัดดาบจันทร์เสี้ยวขึ้นรับไว้ และปัดอาวุธทั้งสองที่มุ่งร้ายชีวิตเขา จากนั้นหมุนตัวเตะราวกับสายฟ้าใส่คนที่ลอบทำร้ายเขาจนกระเด็นและมีเสียงดังบึ้ม
ขณะที่เขาจะถามถึงเหตุผลที่ศัตรูลอบทำร้ายเขา ทันใดนั้นเย่ว์หยางตระหนักได้ทันทีว่า ค่ายพักแรมทั้งหมด ตกอยู่ในหายนะแล้ว
มีศพเกลื่อนอยู่บนพื้น
มีทหารรับจ้างที่ถูกตัดศีรษะและอาวุธที่เปื้อนเลือดหล่นเกลื่อนทุกที่
ที่ค่ายใหญ่มีไฟโหมไหม้ ทหารรับจ้างทุกคนเหมือนกับบ้าคลั่ง สัตว์อสูรบ้าฆ่าทุกคนที่มันเห็น
เย่ว์หยางตกตะลึงกับภาพที่เห็น ความรู้สึกไม่สบายใจถาโถมเข้ามาในใจ เป็นไปได้ไหมว่า กลุ่มทหารรับจ้างที่ครอบครองไข่มดทองกลับมาแล้วและเปิดศึกกับทหารรับจ้างที่ต้องการขโมยไข่เหล่านั้น?
มองดูสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนทุกคนในค่ายจะมีส่วนร่วมสังหารหมู่เพื่อชิงทรัพย์สินเหล่านี้ ไม่มีใครควบคุมตนเองได้อีกต่อไป เมื่อเย่ว์หยางคิดห่วงว่าเย่ว์ปิงที่รออยู่นอกโพรงมดจะเป็นอย่างไร อาจมีส่วนเกี่ยวข้องก็ได้ จู่ๆ เขาก็กังวลขึ้นมา เขาคำรามลั่นและตะบึงไปที่ทางออกโพรงมดด้วยความเร็วราวสายฟ้า
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเย่ว์ปิง เขาจะอธิบายให้แม่สี่ได้อย่างไรกัน?
ไม่, นางต้องไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อยแน่ๆ นางเป็นน้องสาวที่ฉลาดที่สุด และเชื่อฟังเขาที่สุด
“ใครหลีกข้า..รอด ใครขวางข้า...ตาย!”
เย่ว์หยางคิด เขาจงใจถือดาบจันทร์เสี้ยวด้วยมือซ้ายและดาบฮุยจินมือขวา เขาผ่านไปที่กลุ่มคน ร่างของเขาเคลื่อนไปเหมือนพายุหมุนรูปไฟสีม่วง ทหารรับจ้างแต่ละคนที่โจมตีใส่เขา หรือขวางทางเขาล้วนถูกสังหารคาที่ทันที
ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=158