UWG#058 ปราการมหาอาคม
ปัง!
กีอัสกระโจนไปด้านข้างเพื่อหลบอาวุธของยักษ์ที่ฟาดลงมาจากรอบทิศทาง
“หึ เราไม่คิดที่จะเสียเวลากับยักพวกนี้หรอก ทีมของเรากำลังอยู่ในสงคราม เราต้องรีบกลับไปช่วยเหลือพวกเขา” กีอัสคิด
เมื่อกระโจนฝ่าวงล้อมของยักษ์ออกมา เขาก็วิ่งออกจากสถานค่ายเล็กๆของพวกยักษ์ไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าแม้พวกยักษ์เหล่านั้นจะพยายามวิ่งไล่ตาม แต่ระยะห่างของพวกเขาก็ไกลขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดกีอัสก็หายลับไปจากสายตาของพวกยักษ์
ทิศทางที่เขาหนีมานั้น เป็นทิศทางที่เขาถูกหนึ่งในยักษ์พวกนั้นสังหาร เขาต้องการที่จะตรวจสอบเศษศิลาเวทย์มนต์จากคทาของบอสยักษ์ตัวเล็กตัวนั้น
เขาแปลกใจตกทีว่า บอสยักษ์ตัวเล็กนี้แข็งแกร่งอย่างมาก ทว่าเมื่อสังหารมันลงได้ กลับให้ไอเท็มเพียงน้อยนิด เป็นไปได้ว่า รางวัลที่แท้จริงอาจจะเป็นศิลาที่อยู่บนไม้เท้าของมัน
แม้ว่าเขาจะจำสถานที่ที่เขาถูกพวกยักษ์สังหารคร่าวๆได้ แต่พื้นที่บริเวณนั้นก็ยังกินพื้นที่กว้างขวางอยู่ ยากที่จะหาเศษศิลาชิ้นเล็กๆที่แตกกระจัดกระจายให้พบ
ศิลานั้นมีความสามารถในการต้านทานพลังเวทย์มนต์ เมื่อคิดได้เช่นนั้นกีอัสจึงใช้ทักษะเวทย์เพียงหนึ่งเดียวของเขา ‘สาดฟ้าฟาด’ ก้อนพลังสายฟ้าปรากฏอยู่บนฝ่ามือ
[นายวิ่งหนีพวกมันไปที่ไหนแล้วเนี่ย กลับมารับชั้นเดียวนี้ ชั้นกลับไม่ถูก] ยูเฟเรียส่งข้องความมาหาเขา
[รอผมอยู่ที่นั่นสักครู่ ผมกำลังจะไปรับเธอ] กีอัสตอบพร้อมกับประยุกต์พลังสายฟ้าในฝ่ามือให้กลายเป็นก้อนประจุไฟฟ้าขนาดเล็กจำนวนมาก และปล่อยไปตามอากาศและตกลงสู่พื้นรอบรอบทิศทาง รัศมีของมันกว้างกว่า10เมตร
หากมันเป็นไปตามที่เขาสันนิษฐาน ก้อนประจุไฟฟ้าขนาดเล็กพวกนั้นจะต้องสลายไปหากสัมผัสเข้ากับศิลาเวทย์มนต์ที่มีคุณสมบัติต้านพลังเวทย์
ฟู่ว!
มันเป็นไปตามที่เขาคิด ประจุสายฟ้าแตกสลายไปในทิศ 3 นาฬิกาห่างจากจุกที่เขายืนออกไป9เมตร เขาวิ่งไปยังบริเวณเพื่อตรวจสอบ
เขาพบกับเศษศิลาชิ้นเล็กๆก้อนหนึ่ง ขนาดของมันเหลือประมาณ 1ใน10 ของก้อนศิลาบนไม้เท้าของบอสยักษ์ และเศษฝุ่นผงสีม่วงดำมากมายที่คลุกเคล้าไปกับทราบและดูเหมือนว่าจะไม่สามารถนำมาใช้งานได้
กีอัสหยิบเศษศิลาเวทย์มนต์ชิ้นนั้นขึ้นมา
[ได้รับ ศิลาต้านเวทย์]
ความคิดของเขานั้นถูกต้อง มีไอเท็มอยู่จริงๆ มันจะต้องมีค่าอย่างมากเป็นแน่ เขาพยายามปัดพื้นหญ้าเพื่อค้นหาเศษของพวกมันอีกชั่วครู่ แต่ก็พบเพียงแต่ฝุ่นฝงสีม่วงดำที่เป็นส่วนที่ไร้ประโยชน์และไม่สามารถที่จะนำมาใช้งานได้
เขารีบวิ่งกลับไปหายูเฟเรีย เขาไม่ได้ห่างจากที่ๆเธอซ่อนอยู่มากนัก เพียง2-3นาทีเขาก็มาถึงที่ๆเธออยู่
“ทีมของผมกำลังต่อสู้อยู่กับอีกทีมหนึ่ง ผมต้องรีบกลับไปช่วยพวกเขา เธออยากลองดูการต่อสู้ประเภททีมของพวกเรามั้ย ?” กีอัสตอบ
“ก็ดีค่ะ ชั้นอยากจะรู้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันอย่างไร นายรีบกลับไปช่วยพวกเขาเถอะ ชั้นอยากรู้จักกับทีมของนายเหมือนกัน มันคงจะน่าสนุกดีหากชั้นจะได้ร่ายเวทย์อยู่ทร่ามกลางพวกเพื่อนๆ” ยูเฟเรียกล่าว
“อืม แน่นอน เมื่อได้ต่อสู้ร่วมกับเพื่อนๆ พวกเราก็จะมีแต่ความสุขและความสนุกสนาน” กีอีสยิ้มและพายูเฟเรียเดินทางกลับสู่เมือง
…
…
…
ณ ลานประลองอารีนา ในมิติ ลานประลองอเนกประสงค์ ซึ่งเป็นลานประลองมาตรฐานที่ใช้ในการต่อสู้
หลังจากคุรุรุกิอธิบายแผนการของเขาให้เพื่อนร่วมทีมได้ฟังผ่านข้อความส่วนต้วแล้ว เขาบังคับให้พยัคฆ์ขาวเก้าหางมุ่งไปด้านหน้า พร้อมกับฮิโนกิที่ตามมาติดๆจากด้านหลัง
“พวกแกมากันแค่5คนอย่างนั้นหรอกหรอ ทีมภาคีวิหกศักดิ์สิทธ์ช่างน่าผิดหวังเสียจริง แค่5คนจะมาทำอะไรทีมอันดับหนึ่งอย่างทีมปราการมหาอาคม ที่มีสมาชิกถึงเจ็ดคนของพวกเราได้”ยูซาคุกล่าวอย่างดูถูก
“อีกเดี๋ยวพวกแกก็จะได้รู้ ว่าพวกเราเพียง5คนจะขยี้พวกแกทั้ง7 ให้พินาศย่อยยับได้อย่างไร” คุรุรุกิตอบกลับไปอย่างห้าวหาญ
“หึหึ เพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบกันเกินไป ในเมื่อพวกเจ้ามีสมาชิกเพียง5คนและยังขาดไปอีก2คน ทีมอันดับหนึ่งอย่างพวกเราจะต่อให้พวกเจ้า ด้วยคนเพียง2คน!”ยูซาคุกล่าวด้วยความมั่นใจ
“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้งแกล้งรักความยุติธรรมเอาตอนนี้ แกหมายความว่าพวกแกจะสู้กับพวกเราแบบ5-5อย่างนั้นหรือ ไม่จำเป็น!!” คุรุรุกิตวาด
“ใช่แล้ว มันไม่จำเป็น ไม่จำเป็นต้องถึง5คน แค่2คนก็เกินพอ พวกเราออกจากสนาม ชั้นจะแสดงพลังแห่งทีมปราการมหาอาคมให้พวกหมาหน้าโง่นั่นให้เห็น”ยูซาคุยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
เมื่อได้ยินดังนั้น สมาชิกทั้งห้าก็หันหลังเดินลงจากลานประลองอเนกประสงค์ และถูกส่งกลับออกมายังเมืองดาวห้าแฉก บริเวณลานประลองอารีน่า เหลือไว้เพียงแต่ยูซาคุกับยูมิโกะเท่านั้นที่ยีงอยู่ในมิติการประลอง
“ดูสิ่งเดิมพันของพวกเขาทั้งสองทีมสิ มันมีมูลค่าโดยประมาณถึง2000เหรียญทอง แต่ทำไมทีมปราการมหาอาคมถึงได้ส่งสมาชิกออกจากสนามถึง5คน”หนึ่งในผู้คนรอบๆลานประลองที่ดูการต่อสู้ของพวกเขาอยู่จากภายนอกพูดด้วยความสงสัย
“ได้เป็นทีมอันดับหนึ่งแล้วช่างประมาทเสียจริง ผมรู้จักคุรุรุกิดี เขามีอาชีพพิเศษ ‘ดรากูน’ ซึ่งแข็งแกร่งอย่างมาก ต่อให้เป็น5-7ก็ไม่แน่ว่าเขาจะพ่ายแพ้ แต่นอนนี้ผลของการแข่งขันนั้นออกมาแล้ว อาชีพนักดาบกับนักเวทย์ธรรมดาๆสองเขาไม่มีทางสู้เขาได้แน่”ชายหนุ่มที่ยืนดูการประลองของพวกเขาอยู่วิจารย์ขึ้นมา เขาเคยร่วมมือกับคุรุรุกิในการล่าบอสขณะที่คุรุรุกิออกไปล่าสัตว์อสูรคนเดียว
ผู้คนโดยรอบต่างก็ตำหนิในความประมาทของทีมอันดับหนึ่งและมั่นใจว่าในสถานการณ์ต่อจากนี้ ทีมภาคีวิหกศักดิ์สิทธ์คงจะเป็นฝ่ายชนะ
“อ้าว เล่ห์เข้ามา เปิดรับเดิมพันขอรับ เดิมพันร้อยได้ร้อย พวกเรารับเดิมพันหากใครอยากจะเดิมพันว่าทีมภาคีวิหกศักดิ์สิทธ์จะเป็นฝ่ายชนะ หากทีมภาคีวิหกศักดิ์สิทธ์ชนะรับเงินสองเท่าคือไปได้เลย”สมาชิกในทีมปราการมหาอาคมทั้งห้าออกมาประกาศรับเดิมพันด้วยความมั่นใจ
มีหลายต่อหลายคนที่ลงเงินเดิมพันกับพวกเขา ใครๆต่างก็คิดว่าแม้จะเป็นทีมอันดับหนึ่ง แต่หากมีสมาชิกเพียงแค่สองคน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งห้าคนได้ บางคนถึงกับเดิมพันด้วยเงินทั้งหมดที่พวกเขามี
คุรุรุกิทะยานขึ้นไปกลางอากาศ!!
“ทักษะแห่งดรากูน ทะยานแทง”
คุรุรุกิใช้ทักษะกลางอากาศและดิ่งลงจู่โจมเป็นวงกว้างใส่สมาชิกทั้งสองคนของทีมปราการมหาอาคม
เป็นจังหวะเดียวกับทีฮิโนกิพุ่งเข้ามาแล้วใช้ กระบวนท่าฟันแทงเข้าใส่ยูมิโกะเพื่อจัดการกับจอมเวทย์ก่อนตามแผนของคุรุรกิที่มอบให้เธอ
ชินอิจิโรเองก็ร่ายเวทย์ สาดฟ้าฟาดจู่โจ้เข้าไปจากระยะไกลเป็นวงกว้าง
“ปราการพันธมิตร!!” ยูซาคุเรียกใช้ทักษะพรสวรรค์โดยฉับพลัน
ตู้มม! เปรี้ยง! ฟับ! ฟับ! 2530 293
0! 0! 0! 0! [ยูมิโกะ]
508! 438! 116! 118! [ยูซาคุรับความเสียหายแทนยูมิโกะ ความเสียหายถูกลดทอนลง10%]
564! 493! [ยูซาคุโดนสกิลหมู่]
เกิดความเสียหายกับทีมปราการมหาอาคมกว่า2237หน่วย การทียูซาคุใช้ทักษะ’ปราการพันธมิตร’ รับความเสียหายแทนยูมิโกะ เมื่อถูกโจมตีพร้อมกันทั้งสองคนทำให้ยูซาคุได้รับความเสียหายมากเป็นสองเท่า ทั้งความเสียหายที่รับแทนยูมิโกะและความเสียหายของตัวเขาเอง
ทว่าการที่เขาใช้ค่าพลังทั้งหมดไปเพิ่มค่าVIT ทำให้เขามีพลังชีวิตพื้นฐานมากถึง2530หน่วย และไอเท็มที่มีค่าพลังป้องกันและต้านเวทย์ที่สูงและยังเพิ่มค่าVITให้อีกบางส่วน ทำให้เขามีพลังชีวิตรวมๆแล้วกว่า3000หน่วย
ความเสียหายเพียงแค่2000ต้นๆไม่ได้ทำให้เขากังวลเลยแม้แต่น้อย ถึงมันจะทำให้เขาเจ็บพวกอยู่บ้างแต่เขาก็เคยชินกับมันแล้ว เพราะการที่ยูมิโกะนำค่าพลังทั้งหมดไปเพิ่มINT ทำให้เขาต้องใช้ ‘ปราการพันธมิตร’เพื่อปกป้องเธอที่มีพลังชีวิตเพียง25หน่วยอยู่ตลอดเวลา
“ได้แค่นี้เองงั้นหรือ เสียเวลาที่ชั้นต้องรอให้พวกแกได้แสดงฝีมือเสียจริง ฮิมิโกะจัดการพวกมันได้แล้ว ชั้นไม่ต้องการที่จะเสียเวลากับสวะไปมากกว่านี้” ยูซาคุกล่าว
“ได้ค่ะ” ยูมิโกะตอบพร้อมกับยกมหาคธาเจ็ดผลึกเวทย์ขึ้นมา
