ตอนที่ 17 ความจริงอันน่าสิ้นหวัง เกี่ยวกับต้นกำเนิดของผม
ผมมองไปรอบๆ..เพื่อตรวจสอบสภาพและลักษณะของเมืองแห่งนี้ ผมขยับสายตามองไปรอบๆโดยไม่ได้ขยับ
หัวแม้แต่น้อยมันให้ความรู้สึกที่เหมือนกับค่าย ของผู้ลี้ภัยอย่างที่คิด.. คงจะยากที่จะเรียกที่แห่งนี้ว่าเมือง..
หรือที่นี้คือสถานที่ที่ซึ่งมหนุษย์ มารวมกันในดินแดนรกล้าง?สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ล้วนทำจากไม้แท้
(แท้ถึงขั้นที่บ้านถูกก่อขึ้นจากท่อนไม้เลยหล่ะ) ตรงนี้แล้วก็ตรงนั้น ต่างก็มีสิ่งก่อสร้างที่ผมคิดว่าเป็นบ้านคน
หรือไม่ก็ร้านค้าต่างๆ.. แล้วก็ยังมีสิ่งก็สร้างอีกชนิดหนึ่ง ที่ทำขึ้นมาจากหิน มีคนยืนคุ้มกันสิ่งก่อสร้างหินเหล่านั้น
ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่สำคัญอยู่ข้างในนั้น.. บางทีอาจจะเป็นสิ่งก่อสร้าง ที่มีไว้เพื่อเก็บทรัพยากรต่างๆก็
เป็นได้จากที่ผมฟังผู้เฝ้าประตูเมืองเล่ามา.. สถานที่แห่งนี้ ผู้คนส่วนใหญ่มักมาเพื่อฝึกฝน หรือรวบรวมและค้นหา
ทรัพยากรต่างๆ.. ถ้าหากไม่นับผู้ที่มาที่นี้เพื่อฝึกฝนแล้ว ผู้ที่มาเพื่อค้นหาทรัพยากร อาจจะมีวัตถุประสงค์อื่น
ซ่อนอยู่.. พวกเขาอาจจะกำลังคิดก่อเรื่องร้ายบางอย่าง เช่นการขโมยก็เป็นได้ ส่วนผมนั้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่
ได้เข้ามายังเมืองของมหนุษย์.. แต่ที่แห่งนี้กลับเป็นเมือง 'สุดท้าย' สำหรับคนอื่นๆ.. มันคงจะยาก ที่จะคิดถึง
ภาพชวนรื่นรมณ์ในเมืองแห่งนี้ ตัวอย่างเช่น ภาพของพวกเด็กๆ ซึ่งกำลังวิ่งเล่นไปมาอยู่รอบๆลานกว้าง มันก็
คงจะไม่เกิดขึ้นที่นี่ผมจะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากวันที่แสนสิ้นหวังคราวก่อนข้อสรุปก็คือ พวกเรา
สามารถเข้ามายังเมืองแห่งนี้ได้ผ่านทางประตูเมืองดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่คิดว่า ผมเป็นคนคนเดียวกันกับครั้ง
ก่อน.. อย่างที่คิดเลย หน้ากากนี่มันทรงอานุภาพจริงๆหน้ากากของผมนั้น ไม่ได้ปกปิดทั้งใบหน้า.. ถ้าพูดให้ชัด
อีกหน่อยก็คือ หน้ากากที่ผมใส่ในตอนนี้ มันก็ไม่ต่างจากผ้าปิดตามากนักผมแนะนำตัวอย่างครึ่งจิตครึ่งใจ
ออกไปว่า ผมเป็นทายาทของเจ้าของร้านค้าแห่งหนึ่ง 'จากการขายไปจนถึงการซื้อ.. พวกเราทำครอบคลุม
แถบทุกอย่าง' นั่นคือสิ่งที่ผมบอกไปกับคนดูแลประตูเมือง พวกเราเตรียมรถม้าอย่างเร่งรีบ ซึ่งบรรทุกไปด้วย
ของสัพเพเหระต่างๆมากมาย.. ตอนที่พวกเขาเจออะไรแปลกๆอยู่ข้างในนั้น พวกเขาไม่สงสัยหรือถามอะไรเลย
แม้แต่น้อย แต่กลับยินดีต้อนรับพวกเราอีกต่างหากดูเหมือนพวกเขาจะสนใจในตัวของผลไม้ซึ่งไม่เหี่ยว
เป็นพิเศษ.. พวกเรารวบรวมผลไม้เหล่านี้จากอะโซระ แล้วยัดมันใส่กล่องอย่างเร่งรีบ.. ผมเลยรู้สึกไม่ค่อยดี
เท่าไหร่ ที่พวกเขาสนใจมันมากกว่าอย่างอื่นมีเหล่าดวอร์ฟอาวุโสที่อาศัยอยู่ในอะโซระส่วนหนึ่ง เคยไปที่เมือง
ของมหนุษย์มาก่อน.. ผมเลยมีความรู้เรื่องราคาของสินค้าอยู่บ้าง แต่สถานที่แห่งนี้มันต่างออกไปจากที่ผม
ได้ยินมา.. สิ่งที่ผมรู้มาจาก 'ดวอร์ฟ' ค่อนข้างที่จะล้าสมัยไปพอสมควรแล้ว ผมเลยคิดว่ามันคงจะดีกว่า ที่จะหา
ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมด้วยตัวเองมันอาจจะเกี่ยวข้องกับการจัดการเรื่องของการขนส่ง หรือหมุนเวียนสินค้า.. แต่ดู
เหมือนว่ายามที่เฝ้าประตูเมืองเมื่อกี้นี้ จะเพ่งความสนใจไปที่พวกผลไม้ดิบและพืชผักนานาชนิดเป็นพิเศษในอีก
ความหมายหนึ่งก็คือ มันยากที่จะนำของสดข้ามผ่านดินแดนรกล้างมายังเมืองแห่งนี้ แถมอัตราการขายของมัน
ก็ยังสูงมากอีกด้วย.. ตัวผมเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันถึงแม้ผมจะบอกว่า ผมจะไม่อยู่ที่นี่นานมากก็เถอะ.. แต่ผม
ก็ไม่อยากทำให้เศรษฐกิจของที่นี้ต้องเละเทะเพราะคนนอกอย่างผมหรอก.. ผมไม่รู้หรอกว่าพ่อค้าคนอื่นจะทำ
อะไรบ้าง แต่มันคงจะอันตรายน่าดู ถ้าหากผมจะนำของมาขายตัดราคาพวกเขาโดยตรง แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้น
ไปแล้ว.. ผมก็คงจำเป็นต้องพูดด้วยความสัตย์จริงว่า ผมเป็นนักผจญภัย มันยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังไม่รู้
และถ้าให้พูดตามตรง.. มันค่อนข้างยากที่จะเดินเส้นทางสายผู้ประกอบการเพราะผมเคยตัดสินใจจะสมัคร
เป็นนักผจญภัยแล้วนี่นา.. กิลด์ของนักผจญภัย.. พวก 'ดวอร์ฟ' บอกผมว่า สิ่งที่เรียกว่า 'กิลด์(สมาคม)' นั้น
มีอยู่จริงในโลกแห่งนี้แต่ตอนนี้มันคงจะลำบาก ถ้าหากผมนำมันมาเป็นอาชีพหลักของผมในโลกใบนี้เมืองแห่งนี้
คือสถานที่ที่ผู้เลเวลสูงต่างพากันมาฝึกฝน.. ดังนั้น..ถ้าหากผมจะสมัครเข้ากิลด์ในฐานะมือใหม่ซึ่งมีเลเวล 1
แล้วหล่ะก็.. ผมคงจะไร้ตัวตนไปเลยในเมืองแห่งนี้ผมจะสมัครทิ้งไว้ เพื่อใช้อ้างอิงแล้วก็อนุมัติสิ่งต่างๆใน
อนาคตก็แล้วกัน.. ฉะนั้น ผมจะให้บอร์ดี้การ์ดของผมทั้งสองคนสมัครแทนตัวผม.. มันคงจะแย่ ถ้าเกิดผมไม่ได้
ทิ้งความประทับใจให้พวกเขาได้เห็น.. ไม่อย่างนั้นมันอาจจะส่งผลต่อความปลอดภัยในการเดินทางก็เป็นได้
ส่วนผมผู้ซึ่งเลเวล 1 นั้น.. ดูเหมือนจะเป็นบัค(ข้อผิดพลาด)สำหรับตัวผมคนเดียว.. ส่วนอีกสองคน ได้รับการ
ยืนยันจากออร์คภูเขาแล้วว่ามีเลเวลสูง..ยังไงก็ตามโลกแห่งนี้หน่ะ ระบบเลเวลนั้นไม่มีจุดสิ้นสุด.. ฉะนั้นมัน
จะสามารถเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆแบบไม่จำกัด.. ตอนที่ผมถามพวกดวอร์ฟว่า เลเวล 99 นั้นสูงสุดแล้วหรือยัง
พวกเขาตอบกลับมาว่า เคยเห็นใครบางคนที่มีเลเวลหลายร้อยขึ้นไปมาแล้ว... ส่วนผม.. ผู้ซึ่งเลเวล 1..
ผมมันติดบัคอะไรกันแน่เนี่ย?มันคือการคาดเดา.. แต่ทั้งสองคนนี้ จะต้องมีเลเวลเกินกว่าร้อยไม่ผิดแน่และ
ดูเหมือนว่า สำหรับมหนุษย์แล้ว เกินกว่าร้อยนั้นเป็นเลเวลที่สูงมากทีเดียว.. แต่ข้อมูลที่ผมได้มาจากพวก
'ดวอร์ฟ' นั้น เก่าแก่มาถึง 30 ปีแล้ว.. ปัญหาก็คือ...
" พวกเธอ.. ได้โปรดอย่าทำให้คนอื่นๆตกใจกลัว ด้วยเลเวลที่สูงเกินเหตุหล่ะ เข้าใจไหม? " (มาโกโตะ)”
นั้นคือปัญหา.. ผมรู้ว่าพวกเขามีเลเวลสูงมากกว่าร้อย แต่ถ้าพวกเขาเปิดเผยเลเวลเมื่อไหร่หล่ะก็
ผมรู้สึกได้เลยว่า มันจะต้องเกิดปัญหาขั้นวิกฤตขึ้นมาแน่.. ถึงแม้ว่าเลเวลสูง จะสามารถใช้เพื่อการข่มขู่
ได้ก็เถอะ.. แต่ขณะเดียวกัน มันก็ดึงดูดความสนใจที่ไม่จำเป็นได้เยอะมากทีเดียว
" อือ~ ยังไงก็ตาม พวกเราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ.. ถ้าพูดให้ถูกก็คือ เลเวลนั้นเป็นสิ่งที่ลี้ลับสำหรับพวกเรา.. มันอาจจะเป็นบางอย่างที่มหนุษย์กับดีม่อนรู้จักกันดีอยู่แล้วก็เถอะ.. แต่พวกเราไม่เคยสนใจมันเลยนี่นา "(โทโมเอะ)”
ที่พูดมานั้นก็ถูกนะ คุณ 'โทโมเอะ' .. แต่สำหรับเธอที่ไม่เคยมีตัวตนเป็นมหนุษย์ แล้วดันเดินเข้ามายังโลกของมหนุษย์... อย่าให้เลเวลมันสูงมากเกิน
ไปหล่ะ โอเคไหม?
" ใช่ค่ะ.. แต่พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ทำให้ฉันนึกอะไรบางอย่างได้.. เมื่อนานมาแล้ว มหนุษย์เลเวล 250 ถึง 300 จับกลุ่มกัน แล้วสามารถโค่นเด็กๆของฉันลงได้หนึ่งคน.. ดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดทีเดียว.. แล้วฉันก็ได้ยินอีกว่า มีมหนุษย์หลายคนตายในการต่อสู้ครั้งนั้นอีกด้วยค่ะ "(มิโอะ)”
เธอน่าจะกำลังพูดถึงเหตุการณ์ของญาติอาร์เกะของเธอ.. 'มิโอะ' กำลังพูดถึงเหตุการณ์นั้น ซึ่งสามารถ
นำมาใช้เป็นเกณฑ์ เพื่อใช้คำนวณระดับเลเวลของพวกเธอจริงเหรอเนี่ย? เดี๋ยวก่อนนะ.. บางทีพวกเราอาจจะ
ไม่ควรไปสมัครเข้าร่วมกิลด์.. เพราะพวกอาร์เกะหน่ะ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ผมรู้สึกได้ว่า แข็งแกร่งระดับบอสเลย
ทีเดียว.. แถมยังต้องใช้มหนุษย์หลายคนที่ซึ่งเลเวลถึง 300 ในการโค่นอาร์เกะตัวเดียวลงอีกด้วย.. ดังนั้น
ยืนยันได้เลยว่า.. ทั้ง 'มิโอะ' แล้วก็ 'โทโมเอะ' ต่างก็มีเลเวลซึ่งสูงกว่า 300 มาก อย่างแน่นอนสำหรับการอาศัย
อยู่ที่นี่ 1 เดือน และสำรวจเมืองแห่งนี้ไปพร้อมๆกัน.. เรียนรู้ราคาของสินค้าในตลาด และธุรกิจต่างๆ
รอบเมือง.. แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะรู้ด้วยว่า ผู้ที่เป็นนักผจญภัยต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง.. แต่ผมรู้สึก
ได้เลยว่า พวกเราสามคนจะต้องก่อเรื่องบางอย่างขึ้น และทำให้ทุกอย่างพังอย่างรวดเร็วแน่นอนยังไง
ก็ตาม..เมืองแห่งนี้มันดู..แปลก..จริงๆมันก็เป็นเมืองที่อยู่ในเขตชายแดนนี่นา.. ผมเข้าใจว่า ที่แห่งนี้มีเผ่าพันธุ์
หลายเผ่ามาอาศัยอยู่ร่วมกัน ผมรู้ว่ามหนุษย์กับดีม่อนในตอนนี้ กำลังอยู่ในภาวะสงครามกันอยู่..
แต่อะไรแบบนั้น มันไม่น่าจะมาถึงดินแดนซึ่งห่างไกลถึงขนาดนี้ได้หรอก ฉะนั้นมันก็ไม่แปลก ที่มหนุษย์กับ
ดีม่อนจะอาศัยอยู่ร่วมกันในเมืองแห่งนี้ได้.. พวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาต กัน.. แต่บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
นั้นแหละนะถ้าหากไม่สนใจพวกร้านค้าแล้ว ที่แห่งนี้มีแผงลอยข้างถนนอยู่เต็มไปหมด มีสินค้ามากมายตั้งเรียง
รายกันอยู่.. เมื่อคิดถึงจำนวนของสิ่งปลูกสร้างในเมืองนี้ แล้วก็ขนาดของทรัพยากรแล้วหล่ะก็.. มันถือได้ว่า
เป็นเมืองที่ค่อนข้างจะท้าทายสภาพแวดล้อมในดินแดนรกล้างมากเลย.. จริงๆผมก็ได้แค่พูดนั้นแหละนะ..
เพราะมันเป็นเมืองเมืองแรกที่ผมมาถึงนี่นาแต่ว่าทำไม?เมืองแห่งนี้..ทำไมถึง...มีแต่หนุ่มหล่อสาวสวยเดิน
อยู่เต็มไปหมด?
" นี่~ โทโมเอะ.. มิโอะ.. "(มาโกโตะ)
" มีอะไรเหรอนายน้อย? " (โทโมเอะ)
" นายน้อยเป็นกังวลอะไรเหรอค่ะ? " (มิโอะ)”
คนสองที่ซึ่งกำลังเดินอยู่ข้างๆผม หันหัวของพวกเขามามองผม.. ผมก็คิดนะว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคนที่
สวยมาก แต่ทำไมทั้งมังกรแล้วก็แมงมุม ต่างก็กลายมาเป็นสาวสวยแบบนี้หลังจากทำสนธิสัญญาแล้วนะ?..
แล้วตัวผมหล่ะ? ผมก็อยากได้สิทธิพิเศษหลังสนธิสัญญาแบบนี้บ้างเหมือนกันนะ
" ทำไมคนในเมืองนี้ ถึงมีผู้ชายที่หล่อ แล้วก็หญิงสาวที่สวยมากมาย? ที่นี่เป็นที่ที่มีแต่คนที่งดงามเท่านั้นถึงจะอาศัยอยู่ได้อย่างนั้นเหรอ? มันมีกฎไร้สาระพรรค์นั้นอยู่ด้วยเหรอ? " (มาโกโตะ)”
ใช่แล้ว..ที่นี่มีทั้งเด็ก.. วัยรุ่น.. ผู้ชาย.. หญิงสาว.. ทั้งมหนุษย์แล้วก็เผ่าพันธุ์อื่นอยู่ร่วมกันแต่ทุกๆคนกลับดูเท่ห์
สวย และงดงาม.. นี่มันเรื่องเหลือเชื่อชัดๆ?!ผมไม่ได้เป็นพวกมาโซคิสหรอกนะ แต่ถ้าหากให้เอาตัวผมไปเทียบ
กับคนพวกนี้แล้วหล่ะก็ ผมก็คงจะไม่ต่างกับออร์คในสายตาพวกเขาหล่ะมั้ง?เอ๋? นี่มันแปลกมากเลย.. น้ำตาที่
กำลังไหลอยู่ในใจ ตอนนี้มันอาจจะไหลออกมาจากดวงตาจริงๆก็เป็นได้ ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น?แต่ถ้าผมกลับมาคิด
ดูให้ดี.. ดูเหมือนว่าโทโมเอะกับมิโอะจะไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยพวกเขาก็เริ่มหันหัวมองไปรอบๆ
ตามคำถามของผม
" จริงเหรอ? ไม่เห็นจะมีใครที่ดูงดงามเกินหน้าเกินตาในสายตาข้าเลยนะ? " (โทโมเอะ)”
'โทโมเอะ' .. ตาของเธอยังปกติดีอยู่รึเปล่า? หญิงสาวที่น่าจะเป็นเอล์ฟ กำลังเดินผ่านข้างๆโทโมเอะไป
เธอเป็นงานแกะสลักระดับไหนกัน? แค่มองเธอก็รู้แล้วว่า รูปร่างหน้าตาของเธอ มีความละเอียดอ่อนเทียบ
เท่ากับงานศิลปะระดับโลกเลยนะรู้ไหม?
" เอ๋~? ฉันไม่เห็นผู้หญิงคนไหนที่สวย อยู่รอบๆเลยนะคะ? " (มิโอะ)”
'มิโอะ' .. ผู้ซึ่งกำลังมองไปรอบๆเพื่อหาหญิงงาม.. นี่พูดจริงเรอะ? คนที่ผมเห็นทั้งหมดนี้ เทียบเท่ากับระดับ
โมเดลในสายตาของผมได้เลยนะ
" นี่พูดจริงรึ? " (มาโกโตะ)”
พวกเขาทั้งสองพยักหน้าด้วยความงุนงง เพื่อยืนยันคำตอบของคำถามของผมบางทีในโลกใบนี้ รูปร่างหน้าตา
แบบนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติอย่างงั้นเหรอ? จะ..จริงเหรอเนี่ย???? อะ..อะไรเนี่ย นี่แสดงว่าหน้าตาของผมจัดอยู่
ในระดับไหนกันเนี่ย?!ดะ..เดี๋ยวนะ.. เดี๋ยวๆๆๆๆๆทำไมผมรู้สึกเหมือนกับว่า ผมรับรู้ถึงความจริงบางอย่างได้
แต่ขณะเดียวกันผมก็ไม่อยากรับรู้มัน?.. เอาหล่ะใจเย็น.. ใจเย็นก่อน...อย่างแรกคือ..พ่อกับแม่ของผม
เหมือนจะมาจากโลกแห่งนี้ในโลกของผม พวกเขาทั้งหล่อแล้วก็สวยทั้งคู่.. แต่สำหรับโลกแห่งนี้ นั้นมันหน้าตา
ระดับมาตรฐานสินะแล้วผมก็ยังมีพี่สาวกับน้องสาวอีกด้วย.. พวกเขาทั้งคู่ต่างก็จัดได้ว่าเป็นหญิงสาวที่
สวยงาม และมีร่างกายที่ดูบอบบาง.. อย่าเอาหน้าตาผมไปรวมกับพวกเขาเลย *ฮือออ*อึก.. นี่ผม...?ยังไงก็ตาม
การที่พ่อแม่ของผมเคยเป็นมหนุษย์มาก่อน แล้วก็ให้กำเนิดพวกเราทั้งสามคนในโลกใบเดิม.. ก็เท่ากับว่า
ตัวผมนั้น เป็นมหนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์อะ? เอ๋~~~~?ถ้าอย่างนั้น.. หน้าตาของผม.. ถ้าหากผมเป็นมหนุษย์
หน้าตาของผมก็อยู่ในระดับเด็กเก็บมาเลี้ยงอย่างงั้นเหรอ?แม่ของผมนอกใจพ่อของผม? หรือบางที
ผมอาจจะเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาจากใต้สะพาน? ไม่สิ.. ทั้งสองอย่างนั้นมันเป็นไปไม่ได้...
" นายน้อย.. ทำไมทำหน้าลำบากใจแบบนั้นหล่ะ? " (โทโมเอะ)
" รู้สึกไม่ดีตรงไหนรึเปล่าคะ? ถ้าอย่างนั้นเข้าไปนั่งพักในตัวอาคารก่อนไหมคะ? " (มิโอะ)”
ผมได้ยินเสียงที่บ่งบอกถึงความเป็นห่วง... ผมกำลังทำหน้าลำบากใจอยู่สินะใช่แล้ว!ตอนนี้ก็ช่างมันก่อน!!ถึง
แม้ว่าผมจะคิดถึงมันไป ยังไงผมก็คงหาข้อสรุปไม่ได้อยู่ดี!!!หยุด หยุด หยุดดด
" ไม่มีอะไรหรอก.. ยิ่งไปกว่านั้น... " (มาโกโตะ)”
ใช่แล้ว ตอนนี้ผมควรจะจดจ่ออยู่กับการศึกษาโลกใบใหม่ ซึ่งผมไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย.. ดีกว่าไปคิดถึง
อะไรแบบนั้น
" ผมอยากฟังความเห็นของพวกเธอนิดหน่อย.. โดยเฉพาะราคาของสินค้า กับการ.. ไม่สิ.. ตรวจสอบแค่สินค้ารอบๆก็พอแล้ว " (มาโกโตะ)”
ถ้าผมพูดถึงการจัดเรียงสินค้า 'โทโมเอะ' อาจจะเข้าใจ แต่ 'มิโอะ' อาจจะงงได้.. ผมควรจะเตรียมคำพูดที่
สามารถเข้าใจได้ง่ายในเวลาแบบนี้ [ผมไม่รู้ว่า line-up ในเชิงการค้าหมายถึงอะไรนะครับ แต่ไม่น่าจะใช่การจัดเรียงสินค้าใครรู้ก็บอกด้วยนะครับ]
" อือฮือ.. ฟังดูยุ่งยากจริงๆน้า " (โทโมเอะ)
"เข้าใจแล้วค่ะ " (มิโอะ)”
ถ้าหากพูดถึงบอร์ดี้การ์ด ก็ต้องเป็น 'โทโมเอะ' .. แต่ถ้าหากเป็นพนักงาน ก็ต้อง 'มิโอะ' หล่ะนะ..
" ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ เราไปที่กิลด์นักผจญภัยกันก่อนเถอะ... เดี๋ยวนะ มันเรียกว่ากิลด์นักผจญภัยใช่ไหม? อืม ช่างเถอะ.. ยังไงก็ไปยังที่แห่งนั้นก่อน.. 'โทโมเอะ' สอบถามให้ทีว่ามันตั้งอยู่ที่ไหน " (มาโกโตะ)”
ถ้าหากเป็นผม.. การพูดคุยกับคนอื่นก็คงจะไม่พ้นการสื่อสารด้วยการเขียนนั้นแหละนะ.. ตอนนี้ก็ด้วย ผมกำลัง
สื่อสารกับ 'โทโมเอะ' ด้วยการกระซิบ ด้วยวิธีที่จะไม่ทำให้คนรอบข้างสงสัยอือ.. ผมไม่จำเป็นจะต้องพูดคำ
ที่ต้องออกเสียง 'ก.ร.ล' ที่ไม่ต่างจากเสียงครวญครางของชายชรานั้นหรอก.. เพราะผมมีภาษาญี่ปุ่นที่สวยงาม
ยังไงหล่ะ!ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด
" ตามที่ท่านปราถนา " (โทโมเอะ)”
'โทโมเอะ' พูดแบบนั้นเสร็จ.. แล้วเธอก็เดินไปหาชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งกำลังตั้งร้านแผงลอยของเขา
เสร็จแล้วก็สอบถามข้อมูลจากเขา.. สำหรับตัวผมในตอนนี้ ให้คนอื่นช่วยถามสิ่งต่างๆน่าจะปลอดภัยที่สุด
แล้ว ถึงมันจะดูน่าเศร้าก็เถอะถ้าให้พูดตรงๆก็คือ การมีผู้ติดตามทั้งสองคนนั้น ค่อนข้างเป็นเรื่องน่ายินดีทีเดียว
" นายน้อย.. จากมุมตรงนั้น พวกเราต้องเลี้ยวขวาแล้วก็เดินไปจนสุดทางของถนน เสร็จแล้วพวกเราก็จะเจอกิลด์นักผจญภัย.. เขาบอกข้ามาแบบนั้น " (โทโมเอะ)”
การที่เธอไปถามเขาได้โดยไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น มันค่อนข้างทำให้ผมโล่งใจเอาหล่ะ ไปกันเถอะ----- ~ ไดอารี่
ของ 'มิซุมิ มาโกโตะ' : เมืองแรก ~โลกเดิมของผม..คงจะเป็นสถานที่ที่ผมจะไม่มีวันได้กลับไปอีกแล้ว..
แต่ในโลกใบใหม่นี้.. ผมก็ยังอด ที่จะนำความรู้ในโลกใบเดิมมาใช้ยังโลกใบใหม่ไม่ได้ แต่จริงๆมันก็ไร้
ความหมาย เพราะมันไม่มีค่าอะไรเลย ที่จะไปคิดถึงโลกใบเดิม ซึ่งผมไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว..
ในโลกใบเดิม ผมคิดว่าผมมีหน้าตาอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐานนิดหน่อย.. จริงๆ ผมรู้ตัวด้วยซ้ำ
ว่าผมเป็นแค่แกะดำคนหนึ่งในชมรมยิงธนู ที่ซึ่งเต็มไปด้วยคนที่หล่อแล้วก็สวยถ้าหากผมจบการศึกษาที่นั้น
แล้วโชว์ภาพถ่ายรวมของคนทั้งชมรม ให้กับเพื่อนใหม่ในมหาลัยดู.. ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขาจะถามคำถาม
เดียวกัน 'เอ๋? หน้าแบบนี้ไปยืนรวมกับพวกนั้นได้ยังไง?' โลกใบเดิมที่เต็มไปด้วยความสุขอันหลากหลาย..
หลังจากที่ผมฟังท่าน 'สึคุโยมิ' พูดมา.. ดูเหมือนว่าโลกใบเดิมของผมมันค่อนข้างจะโหดร้ายแล้วก็อาศัยอยู่
ได้ยาก แต่ผมไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิดโลกใบใหม่ที่ซึ่งสามารถทำให้คุณหวาดกลัวต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน
ได้.. อีกทั้งยังดูลึกลับ.. ถึงแม้ว่ามันจะโหดร้ายสำหรับผม แต่ขณะเดียวกันมันก็อ่อนโยนสำหรับคนอื่นสิ่งที่เรียก
ว่ามหนุษย์ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์.. แต่หน้าตากับสัดส่วนร่างกายของพวกเขา เรียกได้ว่างดงาม
จนเทียบกับมนุษย์ไม่ติดมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับ.. กำลังมองดูดาราชื่อดังยืนเรียงรายกันเลยทีเดียว
หรือไม่ก็งดงามเทียบได้เท่ากับภาพ CG ที่สร้างด้วยเทคโนโลยีรุ่นล่าสุด.. เพราะมันให้ความรู้สึกที่ปกติ
และไม่ปกติในเวลาเดียวกันยังไงก็ตาม.. ไม่ว่าจะมองไปที่ไหนก็จะเห็นแต่ผู้ชายหล่อเหลาแล้วก็ผู้หญิงสวยงาม
น่ารัก.. ผู้หญิงคนที่ผมเจอนอกเมือง ก็ไม่ต่างจากพวกเขาเลย แต่ถ้าหากเธอมาเดินรวมอยู่กับคนในเมืองแล้ว
ก็คงจะบอกได้ว่าความงามนั้น อยู่ในระดับที่เรียกว่ามาตรฐาน..ตอนนี้ผมรู้แล้ว.. ว่าทำไมผมถึงถูกเรียกว่า
อมนุษย์ หรือไม่ก็น่ารังเกียจบุคคลที่งดงามเหล่านี้ ต่างไม่สนใจภาพลักษณ์ภายนอกของตน แล้วก็ยังคงใช้ชีวิต
กันอย่างปกติเพื่อเอาตัวรอด.. ผมจะพูดอีกครั้ง ว่าในสายตาของผม ผมรู้สึกได้ว่ามันแปลกมากผมจะมีวันคุ้นเคย
กับภาพแปลกๆเหล่านี้ไหม?มีคนที่ผมมองแวบเดียวก็รู้เลยว่า จะต้องถูกตามตื้อไปเป็นดาราอย่างแน่นอน..
ตอนนี้กลับกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ในตรอกของถนน ด้วยดวงตาที่ไม่หลงเหลือแสงสว่างอีกแล้วบางทีมุมมอง
ของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ผมก็ยังขจัดความรู้สึกกังวลใจนี่ไม่ได้อยู่ดี.. ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเติบโต
มากับโลกที่มีความได้เปรียบแบบนี้ก็ตาม [ความได้เปรียบที่มาโกโตะพูด หมายถึงการคุ้มครองอันศักดิ์สิทธิ์
ของเทพธิดาครับ]จริงๆเลย...โลกแห่งนี้มันช่างเต็มไปด้วยความปริศนา..-----------------------------------------
ขอโทษที่หายไปนานนะครับ แต่ช่วงนี้เวลาว่างไม่ค่อยมีจริงๆ ฮ่าฮ่าขอบคุณกำลังใจจากทุกๆคอมเม้นท์
แล้วก็ทุกๆคนที่ติดตามครับผม ^^
ที่มา:https://my.dek-d.com/hitomi-yuriko/writer/viewlongc.php?id=1474392&chapter=20