ตอนที่ 139 ไฟอมฤต
ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'รู้สึกถึงอสุรกายดำได้ทันทีโดยใช้ความสามารถของสัตว์อสูรของเขาที่รู้สึกจากความร้อน เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่อันตรายอยู่เหนือศีรษะของเขา เขาร้องลั่นขณะใช้พลังทั้งหมดของเขา
ด้วยทักษะที่เพิ่มขึ้นมาจากอสูรสายเสริมพลังที่มีพลังไฟฟ้า ดาบใหญ่ของเขากระพริบแสงและดังกึกก้องด้วยสายฟ้าอย่างต่อเนื่อง สายฟ้านับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ไม่สนใจว่าเจ้าสิ่งที่โฉบเฉี่ยวอยู่นี้จะเป็น'เย่ว์หยาง', นางพญากระหายเลือด หรืออสูรอื่นๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาปล่อยพลังโจมตีที่จะทำให้ทุกคนตายไปกับเขา ดาบของเขาผ่าได้ทั้งสวรรค์และโลก
“ไม่ศัตรูก็ข้าจะต้องพินาศไป”
เขามุ่งมั่นที่จะโจมตีออกไป 'เย่ว์หยาง'ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ประหลาดใจกับการกระทำนี้ ถ้ามีคนพูดว่านิสัยของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'นี้ก็คือขยะในหมู่ขยะ 'เย่ว์หยาง'คงเห็นด้วยแน่นอน อย่างไรก็ตาม ถ้าตอนนี้มีคนพูดว่าฝีมือต่อสู้ของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'นั้นย่ำแย่
'เย่ว์หยาง'คงไม่ค่อยเห็นด้วย ผู้เฒ่า'เทียนเจิ้น'ผู้นี้ มีวิทยายุทธ์แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่'เย่ว์หยาง'เคยเจอมา ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการสั่งสอนจากพี่สาวคนสวยในดินแดนฝันของเขา บางที'เย่ว์หยาง'อาจไม่สามารถต่อสู้กับเขาได้ง่ายๆ
เหมือนอย่างตอนนี้ วิทยายุทธ์ของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ลึกซึ้งมาก อย่างไรก็ตามเทียบกับฝีมือของพี่สาวคนสวยแล้ว คนหนึ่งเปรียบเสมือนนั่งวัวเทียมเกวียน อีกคนหนึ่งเปรียบเหมือนนั่งรถเฟอรารี แม้ว่าทั้งสองจะเป็นรถมีล้อเหมือนกัน แต่ระดับยังต่างกันไกล
นั่นคือเหตุผลที่'เย่ว์หยาง'ที่โดนพี่สาวคนสวยทุบตีในความดินแดนฝันจนขนาดที่เขาไปไม่ถูก แต่ก็ยังสามารถต่อสู้กับผู้เฒ่า'เทียนเจิ้น'ได้ง่าย แน่นอนว่า'เย่ว์หยาง'ถูกพลังที่เหลือเชื่อของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'โจมตีใส่
แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม อสุรกายดำไม่สนใจแรงระเบิด ดาบที่มีไฟหลายร้อยโวลต์ผ่านร่างลวงตาของอสุรกายดำ ตอนนี้ร่างท่อนล่างของมันถูกผนึกทำลายไปแล้ว อสุรกายดำขยับร่างเล็กน้อยก็ป้องกันดาบยักษ์ที่ฟันลงมาได้
พลังดาบสุดยอดที่สามารถตัดฟ้าดินจนขาดจากกันได้ฟันใส่ร่างของอสุรกายดำ แต่ดาบกลับจมหายเข้าไปในร่างอสุรกายดำ มันไร้ผลโดยสิ้นเชิง 'เย่ว์หยาง'มองดูปรากฏการณ์นี่อย่างเงียบงัน หัวใจของเขาเต้นดังตึกตักเกิดอาการขนลุกชูชันจนถึงปลายเส้นผม
เจ้านี่น่ากลัวเกินไปแล้ว... ดาบสุดยอดที่จู่โจมอย่างสุดกำลังของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ใช้ต่อต้านอสุรกายดำกลับไร้ผลโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม รูปผนึกทองยังสามารถหลอมละลายร่างของมันได้โดยง่าย
ถ้าจะเทียบพลังทั้งสองอย่างแล้ว ความแตกต่างของพลังทั้งสองก็ต่างกันไม่มากไม่ใช่หรือ? นักสู้แบบไหนกันที่สร้างผนึกทองรูปแบบอย่างนี้ได้? ผนึกทองรูปแบบนี้สามารถผนึกปีศาจมาได้เป็นเวลานาน และมันก็ยังมีพลังมาก ยากจะจินตนาการได้จริงๆ
ตอนนี้อสุรกายดำเริ่มการโจมตีของมันบ้างแล้ว เพียงแค่อสุรกายดำจู่โจมเพียงครั้งเดียว ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'เป็นเหมือนเรือลำน้อยที่ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ อ่อนแอจนหาอะไรเปรียบมิได้ เขาปลิวกระเด็นและกระแทกพื้นอยู่หลายตลบ
อสุรกายดำยังคงมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวเหลืออยู่ แม้จะสูญเสียร่างกายท่อนล่างไป มันลงพื้นอย่างช้าๆ จากนั้นเรียกบางสิ่งที่ไม่รู้จักแล้วโยนไปที่ตัวของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ทำให้ร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ
ร่างของเขาไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิ้วเดียวก่อนที่เขาจะถูกอสุรกายดำสังหาร 'เย่ว์หยาง'เห็นอสุรกายดำยื่นมือออกไปควักอสูรเสริมพลังทั้งสองตัวจากร่างที่ยังมีชีวิตอยู่ของผู้เฒ่า'เทียนเจิ้น' มีแสงสีดำวาบขึ้นมาก่อนที่อสูรสายเสริมพลังทั้งสองจะถูกฆ่าทันที
มีเสียงดังปัง 2 ครั้ง อสูรสายเสริมพลังทั้งสองตัวไม่สามารถจะฟื้นฟูร่างของมันได้เอง ขณะที่พวกมันระเบิดเป็น 2 เสี่ยงเลือดเนื้อหนังขาดวิ่น สำหรับอสูรพิทักษ์ของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น' อสุรกายดำดูเหมือนจะไม่สามารถดึงมันออกมาได้และเขาไม่พยายามทำเป็นครั้งที่สอง บางทีเขาคิดว่าอสูรระดับต่ำไม่เป็นภัยคุกคามต่อเขา เขาจับคอหอยผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ด้วยมือข้างหนึ่ง
ในขณะที่ใช้มืออีกข้างหนึ่งล้วงลึกลงไปในคอจากทางปากของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น' ไม่มีใครรู้ว่าเขาพยายามจะทำอะไร หรือจะเป็นว่าเขาคิดจะชิงร่างของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'เพื่อการเกิดใหม่? ถ้าเจ้านี่สามารถเกิดใหม่ได้จริง
เขาจะมีพลังกลับคืนมาได้มากขนาดไหน? ชั่วเวลาต่อไป'เย่ว์หยาง'จะสู้กับเขาได้อย่างไร? นี่เป็นศัตรูที่มีระดับความแข็งแกร่งที่'เย่ว์หยาง'ไม่คุ้นเคยและไม่รู้จัก ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นศัตรูที่ถูกผนึกไว้โดยนักสู้ระดับสูง การต่อสู้ครั้งนี้
แม้'เย่ว์หยาง'จะคิดว่า มันค่อนข้างจะเป็นไปไม่ได้.. อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณของลูกผู้ชายที่ปฏิญาณไว้ว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ในการต่อสู้ได้ถูกจุดขึ้นแล้วในส่วนลึกของใจของเขา 'เย่ว์หยาง'หวังอยู่เสมอว่าจะสามารถพบคู่ต่อสู้ที่จะทดสอบขีดจำกัดของเขาได้
ถ้าเขาเพียงแต่สู้กับคู่ต่อสู้อย่าง'เยี่ยนฉือ', 'อูอี้'และ'เสียหั่ว' 'เย่ว์หยาง'คงไม่พอใจหรือรู้สึกว่าเขาประสบความสำเร็จบางอย่าง เขาต้องการรู้สึกพอใจที่ได้ก้าวขึ้นไปอยู่จุดเบื้องบนแม้คู่ต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งกว่าก็ตาม
เป้าหมายแรกของเขาก็คือจ้าวปีศาจ.. แต่ดูเหมือนอสุรกายดำที่อยู่ต่อหน้าเขา จะไม่อ่อนแอกว่าจ้าวปีศาจ โชคดีที่อสุรกายตนนี้ไม่มีร่างกาย มิฉะนั้น'เย่ว์หยาง'คงไม่คิดจะเริ่มต่อสู้แน่
'เย่ว์หยาง'สงสัยว่าเขาจะสามารถใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 ตรวจสอบจุดอ่อนของเจ้านี่ดู หากมันจะชิงร่างของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น' เขาเตรียมอัญเชิญคัมภีร์เทพฤทธิ์ของเขาและเตรียมโล่ป้องกันไว้ก่อนคิดหาวิธีต่อสู้กับอสุรกายดำ ผู้ถูกผนึกเอาไว้เป็นเวลานาน
มีแต่เทพเท่านั้นที่รู้ว่านานแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะเริ่มยกมือ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าง่วงนอน ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหาว
“เอ๊ะ?”
ทำไมเขาถึงง่วงได้? 'เย่ว์หยาง'รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขามองไปที่อสุรกายดำ ดวงตาของมันกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับดวงดาว กระพริบส่องแสงเรืองรอง
ในทันใดนั้น มีความรู้สึกเหมือนชาวประมงกำลังร้องเพลงในท่ามกลางแสงสลัวยามค่ำคืนที่สงบ เสียงฟังดูเหมือนลมโชยพัดอ่อนลูบไล้ผู้คนที่เดินอยู่บนฝั่งอย่างแผ่วเบา สิ่งสุดท้ายที่'เย่ว์หยาง'ได้ยินก็คือเสียงที่น่ารักที่ร้องเรียกอยู่ในใจของเขา เหมือนจะเชิญชวนเขาให้ก้าวไปข้างหน้า
“ฟ่อ!”
เสี่ยวเหวินหลีรู้สึกถึงสิ่งที่ผิดปกติได้ทันทีจากนั้นปรากฏลำแสงรัศมีเป็นพันงดงามฉายคลุมตัว'เย่ว์หยาง'ไว้ทันที มีโล่ปกป้อง'เย่ว์หยาง'ไว้ เธอเห็นว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่ในร่างกายของ'เย่ว์หยาง' มันดิ้นรนส่งเสียงดังเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเหวินหลี เพิ่มความเข้มข้นของพลังที่บริสุทธิ์ของเธอและทำลายมันอย่างรวดเร็วโดยไม่เหลือร่องรอยใดๆ แม้ว่าปีศาจแปลกประหลาดที่แอบเข้ามาทำร้าย'เย่ว์หยาง'โดยไม่มีใครตระหนักถึงมันจะถูกเสี่ยวเหวินหลีใช้พลังที่บริสุทธิ์ฆ่ามันไปแล้ว
แต่'เย่ว์หยาง'ยังคงล้มลงกับพื้นเสียงดังตุ้บ จิตสำนึกของเขายังชัดเจนอยู่ แต่เหมือนกับว่าร่างกายของเขาถูกสะกดจิตให้นอนหลับ จนเขาไม่สามารถควบคุมมันได้ทั้งหมด เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรที่อยู่ข้างหน้าของเขา
ในห้วงความมืดไม่มีที่สิ้นสุด เขาแค่รู้สึกอยู่ในใจว่าเสี่ยวเหวินหลีพยายามช่วยเขาอย่างสุดฝีมือของเธอ ดูเหมือนว่าเธอกำลังใช้พลังบริสุทธิ์ของเธอชำระร่างของเขา เป็นเรื่องแปลกก็คือร่างกายของ'เย่ว์หยาง'ยังทำงานเป็นปกติ
ปราณธรรมชาติของเขายังไหลเวียนไม่ติดขัด และเจ้าตัวที่ลอบทำร้ายเขาจนเป็นต้นเหตุให้เขาหลับล้มลง ก็ถูกทำลายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เขายังไม่สามารถลืมตาได้และยังไม่สามารถตื่นขึ้นได้ 'เย่ว์หยาง'กังวลในใจจริงๆ แล้ว เขาแน่ใจ 100% ว่านี่เป็นฝีมือการกระทำของอสุรกายดำ แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าอสุรกายดำโจมตีเขาเมื่อใด ไม่รู้ว่าด้วยวิธีใด
แต่'เย่ว์หยาง'ก็ยังติดอยู่ในกับดักของอสุรกายดำ อสูรชนิดใดที่สามารถสะกดจิตเขาได้โดยไร้เสียง? มันทำได้โดยที่แม้แต่เสี่ยวเหวินหลีไม่ทันรู้ตัวได้อย่างไร?
'เย่ว์หยาง'สับสนอย่างมาก สิ่งที่เขารู้สึกในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ต่างจากการเข้าไปอยู่ในดินแดนฝัน ที่ต่างกันก็คือในดินแดนแห่งความฝัน เขายังควบคุมตนเองได้อย่างอิสระ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้...
เขาจะต้องทำยังไง ถึงจะสั่งให้ร่างเขาตื่นขึ้นมาได้? เป็นไปได้ไหมว่า เขาเข้าดินแดนแห่งความฝันของเขาจากสภาพแบบนี้ ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมและออกจากดินแดนแห่งความฝันได้?
ใจของ'เย่ว์หยาง'ว่องไวประดุจสายฟ้าขณะที่เขาคิดหาวิธีต่างๆ ที่จะตอบโต้การโจมตีนี้ เทียบกับ'เย่ว์หยาง' ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ที่แข็งแกร่งมากยังมีสภาพน่าเอน็จอนาถกว่าในตอนนี้ เขาเป็นเหมือนหนอนน้อยที่อยู่ในเงื้อมมือของอสุรกายดำ
ในตอนแรกอสุรกายดำต้องการจะขยี้ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ให้แหลกเป็นชิ้นๆ แต่พอเห็นว่าเสี่ยวเหวินหลีอัญเชิญคัมภีร์เพชรขึ้นมาปกป้อง'เย่ว์หยาง' สีหน้าของมันเปลี่ยนไป มันหยุดและวางผู้เฒ่า'เทียนเจิ้น'ทันที
ก่อนจะเอื้อมมือที่เหมือนเงาเขามันล้วงเข้าไปในหัวของผู้เฒ่า'เทียนเจิ้น'ราวกับว่าร่อนหาความทรงจำที่อยู่ภายใน ยิ่งมันหาความทรงจำลึกลงไปมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะสร้างความแปลกใจให้อสุรกายดำมาก มันไม่มีปาก แต่สร้างแรงสั่นสะเทือนในอากาศก็สามารถสร้างเสียงแปลกๆ ออกมาในลักษณะคำพูดได้
“เป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์เด็กขนาดนี้จะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด? แปลกจริงๆ ปีศาจอสรพิษน้อย นายของเจ้ามีแค่เพียงคัมภีร์อัญเชิญชั้นเงิน ขณะที่อสูรพิทักษ์ของเขา เจ้ามีคัมภีร์เพชรได้อย่างไร? นั่นเป็นระดับที่สูงกว่าเจ้านายตนไม่ใช่หรือ? นี่ช่างเหนื่อยใจจริงๆ... ผ่านไปเพียงพันปีแต่ทุกอย่างกลายเป็นสับสนเหลือเกิน ดูดีๆ พวกเจ้าทั้งสามแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็เป็นอสูรพิทักษ์กันทั้งหมด นี่ช่างนึกไม่ออกเลยจริงๆ เจ้าเด็กนี่แปลกจริงๆ ข้าควรจะเรียกวิญญาณเขาออกมาได้แล้ว อ้าว.. ล้มเหลวได้อย่างไร? ข้าไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน เป็นไปได้หรือว่าเจ้าเด็กมนุษย์ผู้นี้สามารถจะสู้กับข้าได้ดังใจเขา? เป็นไปได้หรือว่ามนุษย์ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วหลังจากผ่านมาหลายพันปีนี้? หลายพันปีมานี้เกิดอะไรขึ้น? ข้ากำลังหลับอยู่หรือเปล่า?”
อสุรกายดำประหลาดใจเต็มที่ขณะที่มันพึมพำกับตัวเองพลางส่ายศีรษะไม่หยุด ดูเหมือนเขากำลังเดือดร้อนจริงๆ เขาไม่สามารถเข้าใจร่างที่ลึกลับและประหลาดอย่าง'เย่ว์หยาง'แม้แต่น้อย ในที่สุด, อสุรกายดำก็ส่ายศีรษะ
“ช่างมันเถอะ ข้าเลิกคิดดีกว่า ข้าจะฟื้นฟูร่างกายข้าก่อนแล้วค่อยฆ่าเจ้าเด็กอันตรายนั่นโดยเร็ว เขาอันตรายจริงๆ ถ้าเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งที่อายุยังเยาว์วัยเท่านั้น เมื่อโตขึ้นเขาจะเป็นเช่นไร?”
ร่างท่อนบนของมันค่อยๆ หลอมรวมเข้าไปในร่างของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น' ถ้า'เย่ว์หยาง'ตื่น เขาอาจเห็นว่าผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ยังไม่ตาย และจิตสำนึกของเขายังชัดเจน แม้ว่าผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ยังไม่ตาย
แต่ร่างของเขาถูกควบคุมโดยคนอื่น ตลอดทั้งร่างของเขาถูกอสุรกายดำรุกล้ำครอบงำเข้ามา มันเริ่มควบคุมทุกอย่าง มีเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่และยังไม่ถูกควบคุมก็คือหน้าของเขา หน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ, กลัว, หมดหวัง, ทำอะไรไม่ถูก มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์สลับเปลี่ยนไปมาซึ่งทำให้คนที่เห็นหวาดผวาได้
อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์หยาง'ไม่สามารถได้ยินคำพูดของอสุรกายดำในตอนนี้ ทั้งมองไม่เห็นสีหน้าของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น' เขาดิ้นรนอย่างแข็งขันที่จะหนีออกจากความฝันให้ได้ แม้ว่าศัตรูของเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังระดับสุดยอด
เขาก็จะไม่งอมืองอเท้ารอความตาย ตื่นขึ้น! ต่อสู้กับความตายด้วยตัวเขาเอง 'เย่ว์หยาง'ร้องออกมาจากส่วนลึกในจิตใจ ตื่นเร็วๆ เข้า สู้ สู้มัน! นายต้องไม่หลับอีกต่อไปขณะที่ศัตรูของนายสามารถฆ่านายได้ง่ายๆ ลุกขึ้นมาสู้! ฆ่ามัน,
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ต่อให้มันมีพลังแข็งแกร่งแค่ไหน นายต้องฆ่ามันให้ได้.. ตื่นขึ้นเร็วๆ เหมือนกับว่าพวกนางรู้สึกถึงเสียงร่ำร้องในหัวใจ'เย่ว์หยาง' นางพญากระหายเลือดและโคเงาเข้าต่อต้านแรงกดดันที่น่ากลัวของอสูรดำและรุกคืบเข้าไปแทนที่จะถอยออกมา จิตวิญญาณพลังต่อสู้ของพวกนางระเบิดเป็นพลังพวยพุ่งขึ้นฟ้าขณะที่พวกนางปกป้องอยู่ข้างตัว'เย่ว์หยาง'
ปราณก่อกำเนิดของ'เย่ว์หยาง'ไหลเวียนไปทั่วร่างอย่างบ้าคลั่ง ด้วยพลังการไหลเวียนอย่างทั่วถึง 'เย่ว์หยาง'กู้การควบคุมร่างของตนมาได้ทีละน้อยๆ จิตใจและปฏิกิริยาของร่างกายเขายังคงแข็งแกร่งขึ้นอีก ทันใดนั้น เสี่ยวเหวินหลีเปลี่ยนเป็นสายรุ้งหายไปในทันที
“เป็นไปได้ไงที่อสูรพิทักษ์จะทิ้งการต่อสู้? ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้”
อสุรกายดำที่หลอมตัวเข้าไปในร่างของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'และเตรียมจะรวมร่างกับผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'อย่างสมบูรณ์ขณะที่ร่างนั้นตะโกนออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ เปลือกตา'เย่ว์หยาง'เริ่มขยับเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเขากำลังจะตื่นในอีกไม่นานแล้ว
จิตวิญญาณของเขาจุดประกายพลังที่แข็งแกร่ง ขณะที่เขาร้องตะโกนออกมามากยิ่งขึ้นในความฝันของเขา และแล้วในทันใดนั้น พลังที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็ระเบิดออกมา หน้าของอสุรกายดำเริ่มจะบิดเบี้ยว ราวกับว่าโกรธต่อ'เย่ว์หยาง'ที่มีพลังต่อต้านจิตตานุภาพของเขา และเปลี่ยนสถานการณ์ต่อสู้โดยรอบได้ ทั้งกลับมาควบคุมร่างกายตนเองได้
เจ้ามนุษย์อ่อนแอบังอาจต่อต้านเขาได้อย่างไร? ทันใดนั้น แสงเจ็ดสีสว่างเจิดจ้าถูกยิงขึ้นไปสู่ท้องฟ้า คัมภีร์อัญเชิญที่มีประกายโปร่งแสงเหมือนแก้วผลึกปรากฏต่อหน้า'เย่ว์หยาง'เปล่งรังสีนับพันสว่างเจิดจ้าสดใส
แสงสายรุ้งกระจายไปทั่วร่างของ'เย่ว์หยาง'ในรูปแบบโล่สายรุ้ง ลายเส้นแสงสายรุ้งนับไม่ถ้วนไหลหลอมรวมเป็นโล่แสงสีทองขนาดใหญ่ขยายครอบคลุมทั้งร่าง'เย่ว์หยาง' พลังของมันเหมือนดวงอาทิตย์ฉายแสง เหมือนดวงดาวส่องสว่างตลอดพื้นที่ทั้งหมดในทันที อสุรกายดำโดดถอยด้วยความตกใจเมื่อมองเห็นสิ่งนี้ มันร้องคร่ำครวญโหยหวน
“ข้าช่างซวยจริงๆ มันกลายเป็นคัมภีร์เทพฤทธิ์ไปได้อย่างไร? ซวยแท้ๆ เป็นคัมภีร์เทพฤทธิ์ได้อย่างไร... เขามีคัมภีร์อัญเชิญ 2 เล่มได้อย่างไร? ไม่, โกงกันนี่หว่า.. เขาไม่ควรได้เป็นเจ้าของคัมภีร์เทพฤทธิ์...อ๊าาาาาาา”
ทันใดนั้น, สายเพลิงขนาดยักษ์ยิงออกจากคัมภีร์เทพฤทธิ์ขึ้นไปในท้องฟ้า เปลวเพลิงหมุนอย่างต่อเนื่องขึ้นไป แผ่กระจายกว้างขึ้น ในทันใดนั้น มีสิ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ในสนามต่อสู้ ก็คือเปลวเพลิง มันคือเปลวเพลิงที่สามารถเผาผลาญกระทั่งชั้นฟ้า
ในท่ามกลางเปลวเพลิงที่บริสุทธิ์และทรงพลังดังกล่าว ร่างของนางพญากระหายเลือดและโคเงาเริ่มวิวัฒนาการ พวกนางปรับโครงสร้างและวิวัฒนาการซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในด้านตรงกันข้าม อสุรกายดำรีบทิ้งร่างของผู้อาวุโสเทียนเจิ้นและกลับเข้าไปในด้วงหยกขาวเรียกโล่สีดำออกมาอย่างจนมุม อย่างไรก็ตามในท่ามกลางเปลวเพลิงบริสุทธิ์และรุนแรงดังกล่าว
โล่ดำที่เป็นเหมือนควันที่ไร้พลัง แตกทำลายทันทีและถูกเพลิงชำระเรียบ ปรากฏว่ามีสิ่งมีชีวิตที่งดงามคู่หนึ่งหมุนวนรอบกันและกันอยู่ภายในเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ในพื้นที่มิติที่เปลวเพลิงเริ่มเผาผลาญ ก็เผาผลาญเข้มข้นยิ่งขึ้น
มันเผารุนแรงขึ้น 10 เท่าหรือ 100 เท่าเหมือนกับเพลิงในตำนานที่น่ากลัวที่สุด เพลิงอมฤต มันเผาทุกสิ่งทุกอย่างจนเหลือแต่พื้น อสุรกายดำผู้ที่แข็งแกร่งเกินจะเปรียบเทียบในตอนแรก ยังไม่สามารถทนได้เกิน 3 วินาที
ขณะที่ร่างของมันถูกชำระในท่ามกลางความสิ้นหวังของมัน ในที่สุด ก็มีวิญญาณเพียงดวงเดียวที่เหลืออยู่ในเปลวเพลิง อสุรกายดำยังคงต่อสู้กับความเจ็บปวดต่อไป สิ่งมีชีวิตที่ลึกลับทั้งสองร้องออกมา
เสียงของมันเป็นธรรมชาติชัดเจน สะท้อนผ่านพื้นได้ ก่อนที่พวกมันจะกลับเข้าไปในคัมภีร์เทพ เสียงร้องครั้งนี้มีเหตุผลเพียงเพราะเมื่อวิญญาณที่ถูกเผาผลาญอยู่ในเปลวเพลิงดูเหมือนว่ามันจะถึงขีดจำกัด
แล้วและแตกออกเป็นสะเก็ดแสงพันเสี่ยงกระจายไปทั่วทุกทิศทาง แม้แต่วิญญาณของมันก็ถูกกวาดล้างไปโดยสิ้นเชิง เหลือแต่เพียงมุกโปร่งแสงตกอยู่บนพื้น นอกนั้นแล้ว ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
“อ๊าาา!”
'เย่ว์หยาง'ตะโกนออกมาดังๆ ขณะที่เขาโดดสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนมังกรผงาด เขาทำลายโซ่วิญญาณที่ล่ามวิญญาณเขาได้และควบคุมร่างกายเขาสำเร็จ และในชั่วขณะเขาก็รู้สึกได้ว่าเขาได้ควบคุมชีวิตตนเองได้อย่างแท้จริง
เพราะการอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทำให้เขารู้สึกตัวและเอาชนะอุปสรรคได้ นั่นคือชัยชนะที่แท้จริง เมื่อ'เย่ว์หยาง'ปลดปล่อยความภูมิใจที่ควบคุมความรู้สึกในชีวิตเขาได้กลับคืนมา เขาแทบจะล้มลงกับพื้นเมื่อได้เห็นพื้นที่โดยรอบ
“ทุกอย่างมันจบลงได้อย่างไรกัน? ข้ายังไม่ได้เริ่มสู้ด้วยซ้ำ? ใครทำเรื่องนี้?”
*************************
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=139