ตอนที่ 138 ปลดผนึกอสุรกายดำ
วงกลมปลาแฝดหยินหยางที่'เย่ว์หยาง'ควบคุมด้วยมือของเขากลายเป็นมีพลังไฟฟ้า เมื่อมันตัดผ่านตรงหน้าของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น' เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวดจากความเจ็บปวดที่เกิดจากไฟฟ้าดูด และถูกหั่นด้วยพลังที่คม
หน้าของเขาถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจนเลือดไหลออกมา ขณะที่ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ยังคงดิ้นรนและเป็นอัมพาตจากความเจ็บปวดที่เกิดจากไฟดูด จู่ๆ แส้เพลิงก็ฟาดใส่คอของเขาและที่หลังของเขาจนสะดุ้ง นั่นเป็นทักษะใหม่ของนางพญากระหายเลือด แส้เพลิง
“เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้อย่างนี้? ฝันไปเถอะ”
ผู้เฒ่า'เทียนเจิ้น'จ้องมองอย่างขุ่นแค้นขณะที่เขาตะโกนใส่นางพญากระหายเลือด ผู้ลอบทำร้ายเขา
“แล้วท่านคิดหรือว่าท่านสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรอบได้?”
'เย่ว์หยาง'หัวเราะอย่างเย็นชา แม้ว่าเขาจะหวดใบหน้าผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ด้วยแส้เพลิง เมื่อผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'บิดตัวด้วยความเจ็บปวดจากการถูกแส้เพลิง ดาบวิเศษฮุยจินของ'เย่ว์หยาง'ก็ฟันใส่เขาพร้อมทั้งเปลวเพลิงสีม่วง
ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'โกรธเต็มที่ เขาไม่เคยเห็นผู้เยาว์ที่มีฝีมือ และมีวิทยายุทธสูงกว่าเขามาก่อน เขาไม่เคยประสบเหตุการณ์ถูกคู่ต่อสู้โค่นล้มมาก่อน แม้ว่าเจ้าเด็กที่อยู่ต่อหน้าเขาผู้นี้ยังอายุเยาว์อยู่มาก
แต่พลังฝีมือของเขากล้าแข็งลึกซึ้งทำให้คนอื่นรู้สึกไม่มีหวังที่จะเอาชนะได้ ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ตระหนักได้ว่า เขาคือปรมาจารย์มีฝีมือต่อสู้ที่ทรงเกียรติยังไม่มีโอกาสตั้งรับตอบโต้การโจมตีของเขาได้
เขาไม่สามารถหลบการจู่โจมของศัตรูของเขาได้ทั้งหมดจนทำให้ต้องเจ็บตัว ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'มีหมัดที่ทรงพลัง พลังหมัดของเขาเทียบเท่าพลังของทหารปกติถึงพันคน อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถตั้งหลักซัดหมัดใส่'เย่ว์หยาง'ได้เลย
ใจจริงเขาต้องการควงดาบยักษ์ของเขาตัดหัวเจ้าเด็กที่น่ารำคาญที่อยู่ต่อหน้าเขานี้ แต่มันตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเขาทั้งหมด 'เย่ว์หยาง'หายไปหายมาเหมือนกับเงา เขาไม่มีโอกาสได้ใช้ฝีมือของเขาอย่างเต็มที่ กลับโดนหมัด,ศอกและเข่าระดมใส่เขาเหมือนห่าฝนแทน...
สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'คั่งแค้นที่สุดก็คือ เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการเตะ'เย่ว์หยาง' เขาจะโดนเจ้าเด็กบ้านั่นทุ่มลงพื้นทุกครั้ง เห็นได้ว่า'เย่ว์หยาง'มีฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงขนาดจับคนทุ่มได้ มันสิ่งที่แทบไม่ต้องคิดเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเข้าควบคุมร่างกายของคู่ต่อสู้เพียงชั่วขณะ ทำให้สูญเสียสมดุลแล้วทุ่มลงพื้นให้หนักหน่วง
"เจ้าปีศาจงั่ง! มานี่เดี๋ยวนี้!"”
ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'เรียกทันที เมื่อเขาเห็นว่าโคเงาเถื่อนไม่ได้เสียเปรียบอะไรเลยทั้งที่อสูรศิลามีระดับสูงกว่าโคเงาถึงสองระดับ นางสามารถปฏิบัติการใช้วิทยายุทธของทหารทั่วไปต่อสู้ได้ทั้งรุกและรับได้แล้ว
การต่อสู้ที่โคเงาใช้ด้วยพลังถึกๆ ของนางยังไม่ส่งผลในระยะสั้น ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ไม่สามารถรอได้นานเกินไป เขาต้องการเวลา อย่างน้อย เขาต้องการเวลาพักหายใจสักเล็กน้อย เขาสั่งให้อสูรศิลาทิ้งคู่ต่อสู้ของมันและเข้ามาช่วยเขาจู่โจม'เย่ว์หยาง'พร้อมกัน ตราบใดที่เจ้าเด็กนี่ถอยแม้แต่นิดเดียวและให้โอกาสเขาได้สูดลมหายใจสักเล็กน้อย เขาจะเอาชนะได้แน่นอน
"มุกมังกรคู่!"”
จู่ๆ 'เย่ว์หยาง'ก็ใช้ท่าต่อสู้ที่ทื่อๆ ง่ายๆ เข้าจู่โจมนัยน์ตาของเขา มันเป็นท่าที่แม้แต่ทหารธรรมดาก็คิดว่าไร้ประโยชน์ ท่านี้มันเด่นชัดเกินไป ยิ่งกว่านั้น มันจะดีกว่านี้ ถ้าเขาไม่ตะโกนซะเสียงดังลั่น 'เย่ว์หยาง'กลับตะโกนว่า
"มุกมังกรคู่"”
เมื่อจะลงมือ นี่ก็เท่ากับว่าบอกคู่ต่อสู้ว่าเขาจะทิ่มตาของคู่ต่อสู้ ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'หัวเราะในใจอย่างเย็นชา มันคงเป็นเพราะ เขาถูกทำให้เป็นอัมพาตเพราะคลื่นเสียงกรีดร้องของนางพญากระหายเลือด
เจ้าเด็กแสบก็เลยใช้วงกลมหยินหยางเล่นงานเขาต่อ เจ้าเด็กนั่นคงจะฝันอยู่ว่าเขาต้องการจะปักหลักเผชิญหน้ากับสถานการณ์ธรรมดา แม้ว่าพวกอ่อนหัดจะไม่ยอมให้คนอื่นทิ่มตาของพวกเขาได้ง่ายนัก
นับประสาอะไรกับตัวเขาเองผู้เป็นปรมาจารย์ในการต่อสู้ ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'งอตัวกลับหลังหลบท่าดรรชนีที่แทงมาที่นัยน์ตาเขาได้ ในขณะเดียวกันเขาหงายฝ่ามือบังนัยน์ตาอยู่บนหน้าตน ป้องกันท่ารุกตามของ'เย่ว์หยาง'ไว้
'เย่ว์หยาง'รวบดรรชนีทั้งสองทันทีแล้วจิ้มลงตั้งใจว่าจะแทงให้ทะลุฝ่ามือของผู้เฒ่า'เทียนเจิ้น' ก่อนที่นิ้วมือจะแทงเข้าที่นัยน์ตาของเขา สีหน้าของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'เต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ยถากถาง
ก่อนที่พลังดรรชนีของ'เย่ว์หยาง'จะแทงทะลุฝ่ามือของเขาได้ ทันใดนั้นเขาตบฝ่ามือเข้าหากันอย่างหนักหน่วง หนีบล็อคนิ้วของ'เย่ว์หยาง'ไว้ ผู้เฒ่า'เทียนเจิ้น'หัวเราะอย่างเย็นชา
"ข้ารอให้เจ้าทำอย่างนี้มานานแล้ว เจ้าโง่"”
'เย่ว์หยาง'พยายามอย่างเต็มที่เพื่อแทงดรรชนี้เข้าไปในตาของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น' แต่นิ้วของเขาถูกประกบล็อคไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีทางหลบเลี่ยงได้
"ตายเสียเถอะ, เจ้าเด็กโง่"”
พอเห็นว่าเจ้าเด็กแสบพลาดท่าถูกเขาจับได้ก่อนเวลาอันควร ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ถึงกับลิงโลดในใจ
"คนที่โง่ ก็คือเจ้า"”
'เย่ว์หยาง'หัวเราะ ทันใดนั้น เขารวบนิ้วทั้งสองและเสียงดังฟุ่บขณะที่ยิงกระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดออกไป 2 ครั้ง พอผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
ไม่ว่าผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'จะปิดดวงตาแน่นหนาสักเพียงใดก็ตาม แต่กระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดที่ถูกยิงออกมา 2 ครั้งสามารถทำลายดวงตาทั้งสองของเขาได้อย่างง่ายดาย เลือดกระเด็นลงพื้นขณะที่ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างทรมาน
เขาอาศัยทักษะของเขาปล่อยหมัดสังหารออกไป เพื่อยันให้'เย่ว์หยาง'ถอยกลับไป ตอนนี้เขากลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว ขณะที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นอย่างทรมาน โดยไม่รอให้'เย่ว์หยาง'และนางพญากระหายเลือดจู่โจมใส่เขาอีก รีบโดดลุกขึ้นมาทันที
ข่มความเจ็บปวดเรียกคัมภีร์แพลตตินัมออกมา เลือดยังคงไหลออกจากดวงตาของเขาหยดลงบนคัมภีร์อัญเชิญชั้นแพลตตินัม ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'หาช่องทางอย่างดีที่สุดปล่อยพลังปราณและอัญเชิญอสูรพิทักษ์ของตนออกมา
ตรงข้ามกับที่'เย่ว์หยาง'คาดเอาไว้ อสูรพิทักษ์ของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'คืออสรพิษเหล็กดำ ระดับของมันยังไม่นับว่าสูง เป็นอสูรทองแดงระดับ 5 เมื่ออสรพิษเหล็กดำ อสูรสายเสริมพลังถูกเรียกออกมา มันผสานตัวเข้าด้วยกันกับร่างผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'
เนื่องจากระดับของมันยังต่ำอยู่ การเพิ่มพลังต่อสู้ให้ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'จึงมีข้อจำกัด อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'สามารถดึงเอาทักษะของอสรพิษเหล็กออกมาโดยรู้สึกถึงความร้อนของสิ่งมีชีวิตแทนดวงตาของเขาที่บาดเจ็บ
"มีเพียงกระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดเท่านั้นที่ทำร้ายข้าได้ นี่คือลมปราณกระบี่ระดับปราณก่อกำเนิด เจ้า...เจ้าเป็นนักสู้ระดับปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร? ใครเป็นอาจารย์เจ้า? ใครสอนวิทยายุทธ์ปราณก่อกำเนิดให้เจ้า?"”
ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ร่ำร้องเสียงลั่น เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความไม่พอใจ เขารู้แล้วว่าตนเองติดกับดักเข้าแล้ว เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่แค่เด็กธรรมดาที่มีจ้าวอสูรทองตนหนึ่งเท่านั้น เขามีแม้กระทั่งวิทยายุทธ์ระดับที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดพึงมี
และเขายังรู้วิธีปล่อยปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่ไม่มีอะไรป้องกันได้ ก่อนหน้านั้น เมื่อ'เย่ว์หยาง'ทำนักรบหัววัวตาบอด เขาก็ควรจะเตรียมป้องกันตัวได้แล้ว แต่'เย่ว์หยาง'ปกปิดมันไว้อย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนั้น เขาก็ยังไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิตเลยว่า เจ้าเด็กนี่จะบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดด้วยวัยเพียงขนาดนั้น เขาจำได้ว่าเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนที่ 7 แห่งอาณาจักรต้าเซี่ยอุบัติขึ้นแล้ว ทำให้เกิดโกลาหลไปทั้งอาณาจักร
ในตอนนั้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งชื่อ'หมิงซิน'จากนิกายตำหนักภูติจันทราแดนเหนือได้ทำนายไว้ว่า นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ซ่อนเร้นตนนี้เป็นผู้มีอายุเยาว์มาก การณ์กลับกลายเป็นว่านางพูดถึงเจ้าเด็กผู้นี้ เขาประมาทมากเกินไปจริงๆ
เขาส่งอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอย่างงูยักษ์ขาวออกไปโจมตีบุรุษตาอินทรี'เซี่ยหูเว่ยเลี่ย'ได้อย่างไร? ถ้าเขามีงูยักษ์ขาว อสูรเงินระดับ 8 อยู่ป้องกันเขา เขาคงไม่พบจุดจบอย่างอนาถหนักเพียงนี้ เขาตกเข้าไปในกับดักศัตรูที่จัดเตรียมการต่อสู้นี้รอไว้แล้ว
เขาประมาทมากเกินไป เจ้าเด็กนี่ตะโกนว่า
"มุกมังกรคู่"”
เพื่อกระตุ้นให้เขาโต้ตอบการโจมตีของเขา และหลังจากนั้นเมื่อเขาไม่รู้สึกถึงภยันตรายใดๆ เจ้าเด็กนี้ก็ลอบยิงปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เขาจะไม่สามารถใช้ปราณกระบี่เจาะนัยน์ตาของเขาได้เลย
"ฆ่าอสูรศิลาตัวนั้นซะ!"”
'เย่ว์หยาง'ไม่สนใจผู้เฒ่า'เทียนเจิ้น'ต่อไป ภายใต้คำสั่งของเขา นางพญากระหายเลือดปล่อยคลื่นเสียงที่บนหัวของอสูรศิลาทันที 'เย่ว์หยาง'ยิงปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เข้าที่หัวของอสูรศิลา เจาะศีรษะศิลามันเป็นรูๆ หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ศีรษะของอสูรศิลาใหญ่มาก ปราณกระบี่ที่ทำร้ายมันครั้งเดียว ดูเหมือนแทบจะไม่ทำให้มันบาดเจ็บเลย แม้ว่าเลือดเนื้อและมันสมองจะไหลออกมาจากรูแผลที่เจาะไว้ แต่เจ้าอสูรศิลาก็ยังไม่ตาย
มันยังคงเคลื่อนตัวที่ใหญ่งุ่มง่ามของมันไปรอบๆ ไล่ทุบรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นเสี่ยวเหวินหลีลอยออกมาด้วยรูปสายรุ้ง ขณะที่เธอใช้ดาบคู่ฟันใส่ขาของอสูรศิลาแช่แข็งขายักษ์ทั้งสองของมัน
อสูรศิลาล้มลงบนพื้นเสียงดังสนั่นขณะที่นางพญากระหายเลือดใช้มีดฆ่ามังกรแทงใส่มันอย่างไม่ปราณี อย่างไรก็ตามมันไม่มีผลมากนักกับอสูรศิลาที่เนื้อของมันหนาและแข็งมาก นางพญากระหายเลือดทำได้เพียงเพิ่มรูแผลที่ตัวของมันได้ไม่กี่แผล
เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารมันได้ในทันที 'เย่ว์หยาง'ดึงค้อนยักษ์ที่ยึดมาจากหุ่นเกราะทองแล้วทุบอสูรศิลาพร้อมกับโคเงา เมื่ออสูรศิลากำลังดิ้นรน ทันใดนั้นธนูทองแหลมคมก็เจาะเข้าที่หน้าผากของมันจนเป็นรู ความจริงนี่ก็คือแผนอย่างหนึ่งของ'เย่ว์หยาง'
เขารู้ว่าปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขาไม่พอที่จะฆ่าอสูรที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้สมองได้ในทันที เพื่อเอาชนะอสูรอย่างนั้น เขามีความคิดที่จะใช้ทักษะคำสาบหินของเมดูซ่า เพื่อทำให้ศัตรูกลายเป็นหิน
แม้ว่าหัวของมันจะป้องกันการเจาะทำลายได้ แต่มันจะสามารถทนทานต่อคำสาบให้กลายเป็นหินได้หรือ? ขณะที่หัวของมันเปลี่ยนเป็นหิน เจ้าอสูรนี่ยังจะสามารถเคลื่อนไหวได้ไหม?
ด้วยฤทธิ์ของธนูทอง หัวของอสูรศิลากลับกลายเป็นหินทันที (เดิมทีมีแต่ผิวที่เป็นหิน) อย่างไรก็ตาม อสูรศิลาค่อยๆ ยืนขึ้นช้าๆ ท่ามกลางความตื่นตะลึงของ'เย่ว์หยาง'จนพูดไม่ออก เสี่ยวเหวินหลีมองดูอย่างเหยียดหยามเล็กน้อยขณะที่เธอใช้ดาบคู่ตัดศีรษะอสูรศิลา หัวที่กลายเป็นหินของมันจนลอยไปหลายเมตร
โคเงาใช้ดาบของนางฟันใส่เต็มกำลัง แรงฟันสุดกำลังทำให้หัวที่แข็งเป็นหินขาดเป็นสองเสี่ยง การฟันหัวอสูรศิลาที่กลายเป็นหินแล้วเป็นเรื่องง่ายสำหรับนาง แต่ว่าหลังจากนั้น ร่างของอสูรศิลายังไม่ยอมล้ม ยังคงเดินต่อไปช้าๆ แม้ว่าจะไม่มีหัวก็ตาม
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะฤทธิ์แช่แข็งของดาบของเสี่ยวเหวินหลี ก็ยากจะพูดได้จริงๆ ว่ามันตายเมื่อไหร่ ในที่สุดอสูรศิลาซึ่งปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งตั้งแต่หัวยันเท้าก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังตุ้บ 'เย่ว์หยาง'กลัวว่ามันจะไม่ตายสนิท จึงหักแขนขาของมันอย่างอำมหิต
เขาไม่มีทางยอมให้อสูรจอมอึดนี้มีโอกาสฟื้นตัวอีก
“เกือบไป”
'เย่ว์หยาง'เอามือตบอก ดูเหมือนว่าจะอ่อนความรู้เรื่องชนิดสัตว์อสูร ถ้าผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ไม่ตาบอด เขาอาจไม่สามารถฆ่าอสูรศิลาที่เคลื่อนไหวได้ทั้งที่ไม่มีหัว
“ด้วงทองศักดิ์สิทธิ์..ฮ่า ฮ่า, ข้าไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าของอย่างนี้จะตกมาอยู่ในมือของข้า สวรรค์ไม่เคยปิดหนทางผู้คน นี่มันของจริงแท้แน่นอน”
ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'หยิบด้วงหยกขาวออกมาจากกระเป๋าหลังของ'เย่ว์หยาง'ทันที โดยที่'เย่ว์หยาง'ไม่รู้ตัวว่าเขาเอาไปเมื่อไหร่ เขาดูดกลืนพลังบริสุทธิ์ในตัวของมันอย่างบ้าคลั่ง เพื่อใช้รักษาอาการบาดเจ็บของเขา 'เย่ว์หยาง'แอบร่ำร้องในใจ
“โอว..พระเจ้า แล้วเวลาอย่างนี้ก็มาถึงจริงๆ จนได้”
เขาไม่กลัวผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ผู้ตาบอด แต่เขากลัวปีศาจที่น่ากลัวซึ่งถูกผนึกไว้ภายในด้วงหยกขาว ถ้ามีปีศาจที่น่ากลัวถูกผนึกไว้ภายในนั้นอย่างที่หมอหญิงชราพูดถึง อย่างนั้นก็จบกัน
ถ้าผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'ปลดผนึกอสูรที่แข็งแกร่งมากออกมาจริงๆ มันอาจเป็นอสูรที่แข็งแกร่งกว่าจ้าวปีศาจ มีพลังและความแข็งแกร่งไม่อาจหยั่งได้ เขาไม่สามารถจินตนาการถึงผลที่จะตามมาได้
“โอ๊ว!”
'เย่ว์หยาง'มองดูสิ่งที่เขากลัวปรากฏตัว แสงสว่างฉายออกมาจากตัวด้วยหยกขาว ขณะที่บาดแผลบาดเจ็บของผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'สมานตัวได้เร็วอย่างน่าอัศจรรย์ แม้แต่ดวงตาของเขาที่ถูกทำลายไปแล้ว ยังเริ่มฟื้นตัวช้าๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่แสงสว่างส่องฉายขึ้นไปบนท้องฟ้า รูปผนึกทองที่ลึกลับหมุนอย่างแรงปรากฏอยู่ในท้องฟ้า จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ จ้าวอสูรดำกำลังคืบคลานออกมา ทุกๆ ย่างก้าวดูเหมือนจะเป็นไปอย่างยากลำบาก
แสงทองที่ปล่อยออกมาโดยรูปทรงผนึกดูเหมือนจะสลายเงาให้หายไป ในขณะเดียวกันมันก็ชำระร่างอสุรกายดำอย่างต่อเนื่อง อสุรกายดำดูเหมือนจะยอมทิ้งชีวิตเพื่อออกมาให้ได้ แม้เมื่อร่างท่อนล่างของเขาจะถูกผนึกทองตัดก็ตาม
เขายอมสละกายท่อนล่างและออกมาด้วยร่างกายท่อนบน ถ้าผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'เห็นปีศาจที่น่ากลัวคืบคลานออกมาอยู่บนหัวเขา บางทีเขาอาจจะหยุดก็ได้ อย่างไรก็ตาม นัยน์ตาเขาบอด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นอะไรได้
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น' กังวลกับการรักษาดวงตาของเขาและการต่อสู้เสี่ยงตายกับ'เย่ว์หยาง'เขาเสียสติไปแล้วและไม่สนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น ในชีวิตของเขา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะต้องทำอย่างนี้
เขาเปิดประตูนรกและปล่อยปีศาจที่แข็งแกร่งมากและมีพลังที่คาดคำนวณไม่ได้ แสงของด้วงหยกขาวเป็นเหมือนเปลวไฟที่ละลายหิมะได้ มันทำลายร่างของอสุรกายดำ เมื่อกายท่อนบนของอสุรกายดำคืบคลานออกมาอยู่นอกรูปผนึกทองได้ในที่สุดแล้ว
ร่างท่อนล่างของเขาก็ถูกละลายไปโดยสิ้นเชิง และถูกทำลายไปด้วย 'เย่ว์หยาง'ต้องการใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ยิงใส่อสุรกายดำทันที แต่เสี่ยวเหวินหลีดึงแขนเขาไว้ให้อยู่ดูผลลัพธ์ก่อน หน้าของเธอเคร่งเครียดจริงจัง
ร่างน้อยๆ ของเธอเคลื่อนเบาๆ มาขวางอยู่หน้า'เย่ว์หยาง' ดูเหมือนว่าเด็กหญิงคนดีกำลังปกป้องบิดาของนางอย่างกล้าหาญและจริงจัง ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น'รู้สึกถึงอันตรายได้ในที่สุด แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะมาจากทางใด ตัวของเขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
ต่อหน้าอสุรกายดำชั้นทอง เขาตระหนักได้ว่าเขาเป็นแค่หนอนอ่อนแอที่สุด เขากลัวจัดจนเข่าอ่อนทันที และขว้างด้วงหยกขาวออกไปด้วยความตกใจ เขาขยับตัวทันทีและใช้ดาบเล่มใหญ่ฟาดฟันอย่างบ้าคลั่ง
“นี่เป็นการกระทำของเจ้าหรือ? จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ผู้อาวุโส'เทียนเจิ้น' ตะโกนอย่างตกใจ เหนือศีรษะของเขา อสุรกายดำลอยตัวอยู่เงียบๆ เตรียมจะยึดร่างกายของเขา....
*********************
”
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=138