ตอนที่แล้วตอนที่ 133 ด้วงหยกขาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 135 ทหารแก่วิญญาณนักรบที่ไม่มีวันตาย P2

ตอนที่ 134 ทหารแก่วิญญาณนักรบที่ไม่มีวันตาย P1


บนป้ายบันทึก จะมีชื่อสถาบันและนักเรียนถูกบันทึกไว้และจัดลำดับไว้  สำหรับทั้งสองอย่าง การจัดอันดับสถาบันและอันดับนักเรียน  สถาบันฉางจิงได้รับบันทึกไว้ว่าเป็นสถาบันสุดยอด สถาบันฉางจิงรวบรวมสมุนไพรได้ถึง 502 ต้นนำหน้าสถาบันอื่นขาดลอย

แม้จำนวนเก็บรวมโดยทีมเก็บสมุนไพรจะไม่สามารถวัดถึงโควต้าการเก็บรวมที่ทำโดยสถาบันฉางจิงก็ตาม นักเรียนที่ได้อันดับสูงสุดก็คือ'หยานโพ่จุน'  'เย่ว์หยาง'เห็นว่าเจ้าผู้นี้รวบรวมกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำได้ถึง 45 ต้น

ดูเหมือนเขาจะได้ศึกษาเรื่องสมุนไพรมามาก  คนต่อมาก็คือ'เฟิงชิชา' เก็บได้ 36 ต้น เป็นอันดับที่ 2 สำหรับ'เสวี่ยทันหลาง' 'เย่ว์หยาง'รู้ได้ว่า เขาเป็นพวกหลงใหลศิลปะต่อสู้  แต่มีความรู้เรื่องสมุนไพรอย่างจำกัด เขาเก็บมาได้เพียง 10 ต้นเกือบจะทำภารกิจไม่สำเร็จ

“หยานโพ่จุน..หยานโพ่จุนเก็บสมุนไพรได้ถึง 45 ต้นเชียวหรือ?”

นักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงแทบจะเข้าคิวกันส่งสมุนไพร ทำให้ได้อันดับมาได้ขนาดนี้จนเกิดโกลาหลทันที

“เยี่ยมมาก  สมกับที่เป็น 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ”

ชั่วเวลานั้น นัยน์ตาของสาวๆ ทุกคนก็เป็นประกายดุจดวงดาว

“เจ้านี่ มันหยิ่ง...”

เจ้าอ้วน'ไห่'อิจฉา

“พวกเจ้า 2-3 คนนั่น มามือเปล่าๆ ทำอะไรอยู่ตรงนี้?”

เด็กหนุ่มที่ถูกวิจารณ์เห็นว่า'เย่ว์หยาง', 'เย่คง'และเจ้าอ้วน'ไห่'มีมือเปล่าและทำอะไรไม่ได้แต่ก็ยังมาเยาะเย้ยพวกเขา

“พวกเจ้าไม่ได้มาเก็บสมุนไพรหรอกเหรอ? คาดว่าคงเป็นนักเรียนฉางชุนเฉิง จุ๊ จุ๊ จุ๊ นักเรียนของฉางชุนเฉิงฝีมือก็แค่พื้นๆ”

“พวกเราธรรมดา ไม่ว่าจะห่วยขนาดไหน แต่เราก็ไม่เคยโกง เจ้าคิดว่าพวกเจ้าในฐานะนักเรียนจากฉางจิงจะโดดเด่นขนาดนั้นหรือ? ดี พวกเจ้าทุกคนยอดเยี่ยมมาก  แต่ละคนเชี่ยวชาญในการโกงดีนี่”

เด็กผู้หญิงตัวสูงหัวเราะอย่างเย็นชา

“เจ้าพูดแบบนั้นได้อย่างไรกัน?”

พอได้ยินแบบนี้  เพื่อนนักเรียน 2 คนที่อยู่หลังเด็กหนุ่มคนนั้นดูเหมือนจะโต้ตอบ  ราวกับว่าโดนตอกเท้า พวกเขากำลังจ้องด้วยความโกรธ

“อยากมีเรื่องเหรอ?”

เด็กสาวชุดยาวที่เก็บสมุนไพรได้เร็วที่สุดเดินออกมา ใช้สายตาแหลมคมราวกับมีดจ้องมองนักเรียนจากสถาบันฉางจิง

“ข้าตอบสนองพวกเจ้าได้ทุกเวลา”

“พอเถอะ เมื่อส่งสมุนไพรเสร็จก็ไปได้แล้ว  อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่”

บุรุษตาอินทรีตะโกนเสียงแข็ง  ทันใดนั้น นักเรียนสถาบันฉางจิงล้อมพวกเขาอยู่ทุกด้านขวางทางลงอยู่  ก่อนที่จะจากไป  เด็กหนุ่มที่โกงทิ้งคำพูดอาฆาตไว้กับพวกเขา

“นักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงจำให้ดี  เราจะพบกันอีกครั้งในการแข่งขันยอดฝีมือร้อยโรงเรียน  ถึงเวลานั้นจะได้รู้กันว่าใครเก่ง ใครด้อย วันนี้พวกเจ้ามีครูคอยคุ้มครองปิดบังข้อบกพร่องของพวกเจ้า  เมื่อการแข่งขันมาถึง  มาดูกันซิว่าเขาจะปกป้องพวกเจ้าทุกคนได้อย่างไร  ตราบใดที่สวะอย่างพวกเจ้ากล้าที่จะย่างเท้าขึ้นเวที แล้วดูกันว่าข้าจะล้มพวกเจ้าทุกคนกันยังไง”

“เจ้านี่พล่ามมากเกินไปแล้ว พวกขี้โกงนี่ยังกล้าป้อไปป้อมาอยู่แถวนี้ได้อย่างไร?”

เจ้าอ้วน'ไห่'โกรธจัดจนหน้าบิดเบี้ยวเหยเก

“ข้าไม่อยากคุยกับสวะที่โดนทุบตีจนร่วงภายใน 10 วินาทีบนเวทีหรอก...”

เด็กหนุ่มตอบโต้เจ้าอ้วน'ไห่'อย่างชิงชัง จากนั้นเดินเชิดหน้าจากมา

“อย่าห้ามข้านะ ข้าต้องการทุบตีมัน พวกเจ้าทุกคนอย่าห้ามข้า”

เจ้าอ้วน'ไห่'ไม่พอใจ  เขาม้วนแขนเสื้อเตรียมสู้  ทำท่าเหมือนกับว่าจะวิ่งเข้าใส่สุดกำลังและต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม

“เจ้าหัวหมู ไม่ใช่ว่าข้าต้องการดูถูกเจ้าหรอกนะ แต่ประเมินความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว  เจ้าไม่สามารถเทียบกับเขาได้เลย  ข้าคิดว่าเจ้าจะต้านทานได้มากที่สุดก็ 10 วินาทีก่อนเจ้าจะล้มลงด้วยน้ำมือของเขา  ถ้าเจ้าต้องการหาที่ตายก็เอาเลย  เราจะไม่ห้ามเจ้า  อย่าห่วง เมื่อเจ้าตาย  ข้ารับรองว่าจะช่วยจัดการศพของเจ้าให้”

'เย่คง'ดูถูกเขาแบบไม่ไว้หน้า เมื่อเจ้าอ้วน'ไห่'ได้ยินแบบนี้ เขาก้มหน้ามองพื้น นี่เป็นเรื่องขายหน้าเกินไปสำหรับเขา  เขาเป็นลูกพี่ที่โดนลูกน้องดูถูก

“ไม่หรอก บางทีหลังจากฝึกพิเศษ เจ้าอ้วนไห่ยังคงมีโอกาสชนะ หากว่าเขาสู้จริงๆ”

'เย่ว์หยาง'สั่นศีรษะไม่เห็นด้วย

“ฝึกพิเศษเหรอ?”

เจ้าอ้วน'ไห่'เด้งขึ้นมาจากพื้นรวดเดียว

“การฝึกพิเศษนี้เป็นสิ่งท้าทายเล็กน้อย  คนธรรมดาบางทีไม่สามารถทำได้  ดังนั้นไม่เป็นไรหรอก”

เห็นได้ชัดว่า'เย่ว์หยาง'ดูถูกความสามารถของเจ้าอ้วน'ไห่'ว่าไม่สามารถทนต่อความยากลำบากได้

“เจ้าพูดอะไรกัน? ข้าเกิดมาในโลกนี้ก็เพื่อฝึกพิเศษ!  เจ้านึกว่าข้าเป็นคนธรรมดาหรือ?  คนธรรมดาทั่วไปจะมีร่างกายอ้วนกล้ามเนื้อสมบูรณ์ทั่วตัวเหมือนข้าหรือ?  ขอบอกให้เจ้าทราบไว้ว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ข้าต้าไห่ทำไม่ได้   บางครั้งเมื่อข้าเอาจริง อย่าว่าแต่คนอื่นเลย  แม้แแต่ตัวข้าเองยังกลัวฝีมือตัวเองเลย  กะอีแค่ฝึกพิเศษจะแค่ไหนกัน? สำหรับข้าแล้ว มันง่ายเหมือนขนม การฝึกพิเศษนี้ต้องให้ข้ากินเนื้อทอดวันละชามทุกวันหรือเปล่า?  ขอบอกเจ้าไว้เลยว่าแม้คิดว่าเรื่องแบบนี้จะยาก  ข้ากล้าตบอกและบอกเจ้าเลยว่าข้าไม่มีปัญหาอะไรกับมัน”

เจ้าอ้วน'ไห่'ตบอกจนไขมันกระเพื่อม

“ทำไมข้าถึงได้เป็นเพื่อนกับหมูได้นะ เสียใจกับเรื่องนี้จริงๆ”

'เย่คง'เอามือกุมศีรษะ ดูแล้วน่าหดหู่ใจมาก

“เจ้าหน้าโง่”

นักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงตีตัวออกห่างจากเจ้าอ้วน'ไห่' ในแง่ที่คนอื่นๆ เข้าใจผิดว่าพวกเขารู้จักเจ้าผู้นี้ดีแล้ว

“เพื่อนร่วมชั้นเรียนน้อยๆ   กล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำทั้งหมดนี้ที่พวกเจ้ารวบรวมมาทั้งที่เพิ่งจะบานหรือ?”

หัวหน้าหมอหญิงวัยกลางคนยิ้มอย่างใจเย็นตลอด นางทำอะไรไม่ถูก แต่ตื่นเต้นเมื่อเห็นองค์หญิง'ชี่หมิง'และองค์หญิงน้อย'เพ่ยเพ่ย'วางสมุนไพรของพวกเธอลง

“กล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำเหล่านี้งอกอยู่ด้วยกันเป็นร้อยเชียวเหรอ? แสดงว่าพวกเจ้าต้องเจอพุ่มหูดำมาแน่ๆ เด็กๆ!  พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมาก  สมุนไพรเหล่านี้มีคุณค่าทางยาที่มากกว่าปกติถึง 2 เท่า  ในนามของทหาร ข้าขอขอบคุณพวกเจ้า  เด็กๆ! เพราะความพยายามที่ยิ่งใหญ่ของพวกเจ้า  พวกเจ้าสามารถช่วยชีวิตทหารได้อีกมากมายยิ่งขึ้น”

“เวลานี้ พวกเจ้าโชคดีที่ทำงานสำเร็จ  แต่ถึงจะยกย่องยังไงก็ตาม ข้าก็ต้องตักเตือนพวกเจ้าเอาไว้  วิธีนี้มันอันตรายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ๆ พวกเจ้ามีพลังป้องกันตัวอย่างจำกัด การรอให้พุ่มหูดำบานเป็นข้อผิดพลาดอย่างหนึ่ง”

บุรุษตาอินทรีตำหนิองค์หญิง'ชี่หมิง'และพวก'ไม่ให้เหลิง'

“เด็กๆ!  แน่นอนว่าในแดนปีศาจซึ่งมีสมุนไพรหายากเบ่งบานหรือมีผลไม้พิเศษ มันจะดึงดูดสัตว์อสูรที่น่ากลัวออกมาหากิน  เด็กๆทั้งหลาย! การรอให้พุ่มหูดำเบ่งบานเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายมาก  พวกเจ้าคืออนาคตของประเทศ  แม้ว่าทหารของพวกเราจะต้องตาย  พวกเขาก็ไม่ปรารถนาจะเห็นเด็กน้อยอย่างพวกเจ้าต้องมาสละชีวิตไปก่อนเพื่อช่วยพวกเขา  จำเอาไว้นะเด็กๆ!  สิ่งที่พวกเจ้าต้องคิดก่อน ไม่ใช่เรื่องทำภารกิจของเราให้สำเร็จ  เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ  เรื่องที่ต้องคิดก่อนลงมือกระทำ  คือประเมินกำลังตัวเองว่าแข็งแกร่งพอหรือมีความสามารถพอที่จะทำเช่นนั้นได้หรือไม่  พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีก็จริง  แต่ก็ทำให้ข้าห่วงไปด้วย  ข้าไม่ต้องการจะดุด่าพวกเจ้าทุกคน แต่ก็ต้องเตือนพวกเจ้าทุกคนว่า  ในอนาคตพวกเจ้าทุกคนต้องระมัดระวังเมื่อจะให้จบภารกิจ  เวลาที่พวกเจ้าเข้าไปทำงานในแดนปีศาจที่อันตราย  พวกเจ้าต้องระมัดระวังเพิ่มเป็นร้อยเท่าพันเท่าต้องรอบคอบยิ่งกว่าปฏิบัติภารกิจปกติ”

หัวหน้าแพทย์หญิงวัยกลางคนจุมพิตหน้าเด็กๆ ทีละคน และคนสุดท้ายเป็นองค์หญิงน้อย'เพ่ยเพ่ย'  เธอสะกิดเบาๆ ว่า

“พวกเราได้พี่ๆ คอยปกป้องพวกเราไว้  พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเก็บสมุนไพรเหล่านี้มาได้”

“พวกเขาเหรอ? อย่างนั้นข้าก็คาดถูกแน่นอน”

หัวหน้าแพทย์หญิงชี้ตัว'เย่ว์หยาง', 'เย่คง', เจ้าอ้วน'ไห่'และพี่น้องตระกูลหลี่ได้อย่างถูกต้อง  ในที่สุดนางก็หันกลับไปมอง'เย่ว์หยาง'และค้อมหัวให้เล็กน้อย

“พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมาก  ข้าจะประเมินผลให้พวกเจ้าแต่ละคนทุกคนเลย นอกจากนี้ ข้าอยากจะบอกพวกเจ้าทุกคนว่า  ขอบคุณมากที่พวกเจ้ายอมลำบาก ผลงานของพวกเจ้าคู่ควรกับการได้รับยกย่องว่าเป็นยอดคน”

“……”

พอได้ยินเช่นนี้ เจ้าอ้วน'ไห่'ตื่นเต้นมากจนน้ำตาคลอเบ้า นี่เป็นครั้งแรกของเขา  ตัวเขาถูกเรียกเป็นสวะมาทั้งชีวิตมากกว่าการสรรเสริญยกย่อง  หัวใจของเขาพองโตจนเกือบจะร้องออกมาดังๆ

“……”

'เย่คง'และพี่น้องตระกูลหลี่ก็รู้สึกคล้ายๆ กันเลือดลูกผู้ชายที่เร่าร้อนถึงกับเดือดพล่าน เดิมทีพวกเขาคิดว่า พวกเขาจะต้องอดตายในหอทงเทียนเสียแล้ว พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากได้พบ'เย่ว์หยาง'

พวกเขานอกจากไม่ต้องอดตายแล้ว พวกเขายังเปลี่ยนสภาพจากขยะที่ไร้ประโยชน์กลายเป็นยอดคนไปได้ แน่นอนว่า พวกเขายังคงตระหนักได้ชัดว่า ยังมีความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขาและความแข็งแกร่งของยอดคน

ความน่าเชื่อถือทั้งหมดนี้เป็น'เย่ว์หยาง'สร้างมาอย่างยากลำบาก แต่การได้เป็นสมาชิกในทีมเล็กๆ ของ'เย่ว์หยาง' ทำให้พวกเขารู้สึกว่า มีเหตุผลที่พวกเขาจะภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติ แม้ว่าในปัจจุบัน พวกเขายังไม่ได้เป็นยอดคนก็ตาม

พวกเขาเชื่อว่าในที่สุด พวกเขาจะคู่ควรเป็นยอดคนในอนาตตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การนำของ'เย่ว์หยาง' พวกเขาแค่จำเป็นต้องก้าวตามรอยเท้าเขาให้ทันและพวกเขาจะสามารถไปอยู่แนวหน้าของคนชั้นหัวกะทิได้

'เย่คง'และพี่น้องตระกูลหลี่มองดู'เย่ว์หยาง'ด้วยความภาคภูมิใจที่ร้อนแรงปรากฏอยู่ในดวงตาของพวกเขาดุจเปลวเพลิงที่ร้อนแรง คำพูดเหล่านี้ พวกเขาไม่ได้พูดออกมา แต่พวกเขาสลักมันเอาไว้ในหัวใจของพวกเขาและจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อบรรลุมันให้ได้

“เอ่..สมุนไพรเหล่านี้ยังมีเพียงพอหรือ?”

'เย่ว์หยาง'ถามคำถามที่นักเรียนทุกคน รวมทั้ง 3 ดาวเพชรฆาตยังไม่กล้าจะถาม พอได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าหมอหญิงมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ในทางตรงกันข้าม สีหน้าของบุรุษเกราะดำ แสดงออกเหมือนกับว่าเป็นไปตามที่เขาคาด

เพราะเขามักแอบสังเกตดู'เย่ว์หยาง'เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการที่'เย่ว์หยาง'จับตาดูจำนวนคนบาดเจ็บ หรือดูป้ายบันทึก ผลสะท้อนที่ตามมา พฤติกรรมทุกอย่างอยู่ในสายตาบุรุษเกราะดำทั้งนั้น

ก่อนหน้านี้ในแดนปีศาจ บุรุษเกราะดำพบว่า 'เย่ว์หยาง'แตกต่างจากคนในกลุ่มอย่างสิ้นเชิง  ด้วยเหตุนี้จึงให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ เกี่ยวกับเรื่องที่'เย่ว์หยาง'สงสัย หมอหญิงชราพึมพำกับตัวเองเบาๆ จากนั้นส่ายหัวเล็กน้อย

“เดิมทีจำนวนสมุนไพรทั้งหมดมีไม่ถึงพัน พอเพิ่มกับจำนวนที่สถาบันฉางชุนเฉิงของเจ้าได้มาซึ่งก็ได้เพิ่มมาอีกสี่ร้อยกว่ารวมแล้วก็เป็น 1390 ต้น  ล่าสุดสมุนไพรที่พวกเจ้าส่งมาเพิ่มมีผลในการรักษามากกว่าสมุนไพรปกติถึง 2 เท่า  แต่ก็ยังช่วยชีวิตทหารได้เพียง 1500 คน  แต่จำนวนผู้ต้องพิษมีเกินกว่า 5000 คน  แม้แต่กลุ่มทหารที่พวกเจ้าเห็นตรงลานจัตุรัสก็มี 3000 คนแล้ว...”

“ทำไมไม่ส่งคนไปเก็บสมุนไพรเพิ่มล่ะ?”

'เย่ว์หยาง'คิดว่ามันแปลก ทำไมกองทัพไม่ส่งทหารไปเก็บสมุนไพรเพิ่ม?

“นอกจากหมอทหารแล้ว ทหารทั่วไปจะรู้วิธีเก็บสมุนไพรกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำได้อย่างไร?  มีกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำให้เก็บไม่มากนัก  การที่พวกเจ้าเก็บมาได้มากก็เป็นเรื่องน่าทึ่งอย่างคาดไม่ถึง  เพื่อจะช่วยคนเหล่านี้ เรารวบรวมนักเรียนชั้นหัวกะทิทั้งหมดมาจากเพียงไม่กี่สถาบัน  การแบกรับความเสี่ยงที่ร้ายแรงและต้องส่งพวกเจ้าไปในแดนปีศาจเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดแล้ว  บอกตามตรง  แม้ว่าข้าจะเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคนมามาก  ข้าไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้  เพราะเมื่อกองทัพปีศาจพบเรื่องนี้เข้า  พวกเจ้าทั้งหมดก็จะถูกกำจัด  พวกเจ้าทุกคนคืออนาคตของอาณาจักรต้าเซี่ย  เราไม่ควรใช้พวกเจ้าในฐานะเครื่องมือเดิมพัน  อย่างไรก็ตาม นี่เป็นราชโองการจากฝ่าบาท  ดังนั้นพวกเราจึงได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย  โชคดีที่พวกเจ้าทุกคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย  เด็กเอย! เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด  พวกเจ้าทุกคนทำได้ดีมากแล้ว  ทหารที่เราช่วยและครอบครัวของพวกเขา  จะขอบคุณความช่วยเหลือของเจ้าเป็นอย่างมาก  สำหรับทหารที่เหลือซึ่งช่วยอะไรไม่ได้  เราจะคิดหาทางดู   หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถช่วยพวกเขาให้มีชีวิตพอที่จะได้พบคนที่พวกเขารักสักครั้งก่อนตายได้”

เสียงของหมอหญิงสูงวัยเต็มไปด้วยความสลดหดหู่ เหมือนกับว่านางมองเห็นคนที่รักอยู่บนปากเหวแห่งความตาย

“สำหรับคนที่เหลืออีก 3000 คนผู้ที่เราช่วยเขาไม่ได้  เราจะเลือกพวกเขาได้อย่างไร? พวกเขาก็ยังคงเป็นทหารเหมือนกัน ยังจะมีการเห็นด้วยหรือคล้อยตามด้วยเหรอ?”

'เย่ว์หยาง'คิดว่า ไม่ว่าใครตาย ใครอยู่ มันเป็นคำถามที่เลือกยาก ใครยินดีจะตายในสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะช่วยเหลือได้? ใครยินดีจะมองดูคนอื่นได้รับความช่วยเหลือโดยทำอะไรไม่ได้ แต่ตนเองต้องตาย?

“มันยากจะเลือก แต่ตัวทหารเองก็ต้องตัดสินใจไว้ก่อนแล้ว  ทหารหนุ่มผู้เป็นลูกเพียงคนเดียวในครอบครัวของพวกเขา จะต้องอยู่สืบสกุลจะได้รับการรักษาก่อน  ทหารแก่ที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตมาในสนามรบยินดีจะเสียสละตนเองเพื่อเป็นแบบอย่างของเด็กรุ่นหลัง  เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดกับพวกเราเป็นครั้งแรก และก็จะไม่เป็นครั้งสุดท้าย  นักเรียนทุกคน! นี่คือจิตวิญญาณของชาวอาณาจักรต้าเซี่ย  จิตวิญญาณทหารจะไม่ตาย  มันเป็นเรื่องแท้แน่นอน เพราะคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าต่างก็เสียสละตนเองทั้งนั้น  ทหารแก่คืออาณาจักรต้าเซี่ยในวันนี้ และความหวังในวันพรุ่งนี้  เมื่อพวกเจ้าโตขึ้น มีความรู้และมีประสบการณ์หลายๆ อย่างมากขึ้น  ถึงตอนนั้น พวกเจ้าจะเข้าใจปณิธานของทหารแก่  ถ้ามนุษย์ชาวแผ่นดินมังกรทะยานเราไม่มีจิตวิญญาณในการเสียสละระดับสูงแล้ว บางทีเราคงพ่ายแพ้ให้กับพวกปีศาจไปแล้ว”

หมอหญิงสูงวัยพยักหน้าให้'เย่ว์หยาง'และพูดต่อว่า

“ก็เหมือนที่เจ้าเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเด็กๆ ที่เก็บสมุนไพรนั่นแหละ   พฤติกรรมของเจ้า กับทางเลือกของทหารแก่เป็นหลักการเดียวกัน”

****************

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=134

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด