ตอนที่แล้วชินจอมเวทย์เกมส์เมอร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปไร้ธาตุ

โลกใหม่


โลกมนุษย์ได้ถึงคราวล่มสลาย เหตุการณ์ประหลาดได้เกิดขึ้นทั่วโลก ได้เกิดปรากฏการล่มสลาย ทำให้สิ่งมีชีวิตที่เป็นเพียงในนิยาย ได้ปรากฏขึ้นทั่วโลก เหล่าหมู่บ้านมอนสเตอร์ รวมไปถึงดันเจี้ยนต่างๆได้ปรากฏขึ้นมากมาย มนุษย์ได้เกิดมาพร้อมกับเหล่าพลังพิเศษต่างๆ อาวุธของมนุษย์ได้ถูกพัฒนาเพื่อใช้ต่อกรกับสิ่งที่เหนือจินตนาการ มังกรไฟที่มีพลังที่หน้ากลัว แม้แต่ปืนกลยังไม่อาจทำให้ผิวหนังของมันระคายเคือง หยดเลือดของสิ่งที่มาจากต่างโลกช่วยให้มนุษย์ทลายขีดจำกัด ไอเทมเวทมนต์เป็นที่ต้องการมากของเหล่ามนุษย์ เพราะมันมีพลังที่เกินจะคาดเดา นี้คือสิ่งที่เกิดกับโลกมนุษย์

“เฮ้อ” เสียงหายใจของผม พร้อมกับหนังสือที่ถูกปิดลง ตอนนี้โลกของเราได้เกิดเหตุการณ์ที่แปลกประหลาด ทำให้ทั่วโลกมีสิ่งมีชีวิตที่มีเพียงในนิยายปรากฎออกมา ตอนนี้มนุษย์เหลือเมืองไม่มากนัก กำแพงสูงใหญ่ของเมืองกรีนแลน หนึ่งในเมืองของเหล่ามนุษย์ที่ยังคงเหลืออยู่ เมืองกรีนแลนเป็นเมืองใหญ่ของมนุษย์ที่ตั้งอยู่ในทวีปกรีนแลน อาวุธปืนกลายเป็นสิ่งที่หายากเนื่องการพื้นที่ ที่อาศัยอยู่มีน้อย นอกกำแพงเมืองเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ดุร้าย มีเพียงสถานที่ ที่ถูกปกป้องจากเหล่าเทพเท่านั้น ที่มีข่ายมนต์ตรา คอยขว้างกันเหล่ามอนสเตอร์

ผมมีนามว่าชิน ส่วนนามสกุลยังไม่มี ผมต้องหาเลือดของสิ่งมีชีวิตให้ได้ก่อน เพียงแค่ผมได้รับเลือดของสิ่งมีชีวิต มันจะทำให้ผมได้รับนามสกุลของเลือดที่ผมได้ ยิ่งได้รับเลือดของสิ่งมีชีวติที่ยิ่งใหญ่เท่าใด ยิ่งได้รับพลังมากเท่านั้น

วันนี้เป็นวันที่ผมอายุครบ10ปี เป็นวันที่ผมจะได้รู้ว่าผมมีความสามารถแบบไหน สองเท้าของผมลุกเดินออกจากห้องนอน เพื่อเตรียมตัวทำการทดสอบพลังธาตุของผม

ธาตุของคนเราก็แบ่งตามธาตุหลัก คือดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุพิเศษ น้ำแข็ง สายฟ้า ความมืด แสงสว่าง

ผมลืมบอก แท้จริงแล้วผมไม่ใช่คนของโลกนี้ หรือพูดให้ถูกผมเป็นทหารรับจ้างของประเทศหนึ่ง แต่กลับถูกสังหารลง เมื่อผมรู้สึกตัวก็ดันกลับมาเกิดใหม่ในร่างของเด็กคนหนึ่ง พ่อของผมเขาบอกว่าเก็บผมมาจากแม่น้ำ ในตอนนั้นผมมีอายุได้7ปีเท่านั้น นั้นก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกตัวในร่างของเด็กอายุ7ขวบ ผมก็อาศัยอยู่กับพวกท่านมาจนมาถึงทุกวันนี้

พ่อของผมเป็นทหารยศพันเอกประจำเมืองหน้าด่าน ที่ติดอยู่กับชายแดนของเมืองกรีนแลน เมืองกรีนแลนเป็นเมืองหลวงของประเทศนี้ รอบๆเมืองต่างเต็มไปด้วยป้อมหน้าด่าน กำแพงป้อมสูงนับ5เมตร ภายในป้อมแห่งนี้มีทหาร300นาย บ้านเรือนของชาวเมืองอีก60หลังคาเรือน อาชีพของผู้คนส่วนใหญ่จะเป็นทหารรับจ้าง หรือนายพรานเป็นหลัก

พ่อของผมเป็นหัวหน้าป้อมแห่งนี้มีนามว่าโอเว่น นามสกุลดูริน ท่านมีพลังธาตุไฟเป็นธาตุหลัก เมื่อนั้นท่านเลยเลือกจะดื่มเลือดของคนแคระ ทำให้ร่างกายของท่านมีพลังกล้าแข็งขึ้น ขนาดยกค้อนเหล็กที่มีขนาดใหญ่ได้ด้วยมือข้างเดียว หลังจากที่ดื่มเลือดของคนแคระเข้าไป ร่างกายของท่านก็ไม่ได้เตี้ยเหมือนคนแคระ มีเพียงผมที่กลายเป็นสีแดงเหมือนคนแคระเพียงเท่านั้น

ผมเดินลงจากห้องนอนของปราสาทที่อยู่ภายในป้อมของเมืองหน้าด่าน เพื่อลงมาทานอาหารเช้า วันนี้ผมจะได้รู้เสียที ว่าผมจะได้รับธาตุอะไร เมื่อคนในโลกนี้อายุครบ10ขวบก็จะสามารถวัดได้ว่าตัวตนของเรานั้นจะมีธาตุใด สองเท้าก้าวลงบันไดวน สองข้างทางใช้ผนึกเวทย์ทำหน้าที่ส่องแสงไฟ

เบื้องหน้าของผมเป็นห้องอาหารประจำป้อม ภาพของเหล่าหญิงสาวที่หน้าตางดงามจำนวน7คนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร แท้จริงแล้วคือเหล่าพี่ๆของผม

ผมเดินเข้าไปนั่งโต๊ะทานอาหาร ในที่ประจำ วันนี้หัวโต๊ะยังคงว่างอยู่เช่นเดิม สายตาที่ผมมองไปยังหัวโต๊ะ เรียกให้หญิงสาวผู้มีหน้าตางดงามหันมาพร้อมกับรอยยิ้ม

“วันนี้ท่านพ่อไปทำหน้าที่ลาดตะเวน” เสียงของหญิงสาวผู้เป็นมารดาของผมในโลกนี้ ถึงจะไม่ได้เป็นผู้ร่วมสายเลือดแต่ผมก็รักท่านเหมือนแม่แท้ๆของผม หญิงสาวผู้ที่ผมเรียกว่าแม่ นางเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสวยดวงตาสีฟ้า มีหูแหลมเหมือนเอลฟ์ มาเรียคือชื่อแม่ของผมในโลกนี้ เธอเป็นหญิงสาวผู้ที่มีพลังธาตุน้ำแข็ง เลือดของเธอที่ได้รับนั้นเป็นเลือดของเลฟ์ ซึ่งมีระดับชนชั้นองครักษ์ เลยทำให้เธอได้รับพลังรวมไปถึงรูปร่างใกล้เคียงกับเอลฟ์มากเป็นพิเศษ

ผมนั่งลงที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับสายตาของเหล่าพี่ๆทั้งหลาย ผมมีพี่น้องสองคน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นหญิงสาวทั้งคู่ ทั้งสองล้วนแล้วแต่มีสายเลือดเดียวกับพ่อแม่ มีเพียงผมเท่านั้นที่เป็นลูกบุญธรรม

พี่สาวคนโตมีนามว่าลินดา หญิงสาวอายุ13ดวงตาสีแดงเพลิง ธาตุหลักของลินดาคือไฟ สายเลือดของลินดาเผ่าสัตว์ หญิงสาวเลือกจะใช้นามสกุลเดียวกับพ่อ ทีแรกพี่สาวของผมก็หน้าตาเหมือนชาวมนุษย์ทั่วไป แต่หลังจากที่นางได้ดื่มเลือดของเผ่าจิ้งจอกข้าไป ทำให้หูของหญิงสาวกลายเป็นหูจิ้งจอกผู้มีผมสีแดง หางกลางหลังได้จอกออกมาเป็นหางจิ้งจอกที่ดูหน้ารักหน้าช่าง ลินดาถือเป็นขวัญใจของเหล่าชายในเมืองหน้าด่านแห่งนี้เลยก็ได้

พี่สาวคนรองมีนามว่าแอนอายุ12 นางเลือกใช้นามสกุลเดียวกับพ่อ มีเพียงผมที่ยังไม่ตัดสินใจใช้นามสกุลเดียวกับพ่อ ทำไมนะหรือ ผมกลัวเมื่อตราบใดที่ผมยังอายุไม่ถึง10ขวบผมก็ไม่กล้าใช้นามสกุลของท่าน ผมกลัวตัวเองเป็นพวกไร้ธาตุ มันจะทำลายชื่อเสียงตระกูลของท่าน

พี่สาวคนรองของผมผู้มีผมสีเขียว มีใบหูแหลมดุจดั่งท่านแม่ ธาตุหลังของแอนคือลม พร้อมสายเลือดของเอลฟ์

“วันนี้ลูกต้องไปทดสอบวัดธาตุที่ศิลาประจำหมู่บ้าน อยากให้แม่ไปด้วยไหม” หญิงสาวผู้เป็นแม่เอ่ย พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ผู้เป็นลูกสบายใจได้ทันที

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง ผมไม่อยากรบกวนเวลาของแม่ครับ” ตั้งแต่ผมฟื้นสติหลังจากมาโลกนี้ ผมก็เดินเล่นจนทั่วเมืองหน้าด่านแห่งนี้แล้ว ภายในเมืองหน้าด่านแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากมายจนเกินไป

“หรือจะให้พวกพี่ๆพาไปด้วยดีไหม”

“ก็ดีนะค่ะ หนูเห็นด้วย”

“หนูก็เห็นด้วย” เสียงของสองสาวพูดไล่เลี่ยกัน

“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองได้”

“คิดสะว่าไปเดทกันเป็นยังไง ลูกตัดสินใจจะแต่งกับใครดี หรือจะทั้งสองคน”

สิ้นคำพูดของมาเรียผู้เป็นแม่ คนทั้งสามคนที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ตอนนี้ถึงผมจะเป็นเด็ก แต่ก่อนที่ผมจะมาอยู่โลกนี้ ผมก็มีอายุ35เข้าไปแล้วนะครับ

“แต่เราเป็นพี่น้องกันนะครับ” ผมรีบพูดออกไปทันที

“ไม่เห็นเป็นไรนิ พวกลูกก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันเสียหน่อย”

“หรือน้องชายที่หน้ารักไม่ชอบพี่คนนี้” พี่สาวคนโตนามว่าลินดา เข้ามากอดแขนพร้อมเบียดชินไปด้วย

เมื่อแอนเห็นเช่นนั้นก็เข้ามาเบียดแขนชินอีกข้าง กลายเป็นตอนนี้เก้าอี้เดียวมีคนนั่งถึง3คน ส่วนผู้เป็นแม่ก็หัวเราะอย่างมีความสุข กว่าผมจะหนีพ้นออกจากวงล้อมของพี่สาวทั้งสองได้ก็แทบแย่เหมือนกัน

ผมออกจากปราสาทวิ่งไปตามทางถนน เข้าสู่ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ตั้งของศิลาประจำหมู่บ้าน

ศิลาสีขาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน แต่แท้จริงแล้วศิลาตั้งอยู่ภายในโดมอีกครา ที่ตั้งศิลานี้ ใครๆก็สามารถใช้ได้ โดมสิ่งก่อสร้างครอบสถานที่ซึ่งภายในมีศิลาติดตั้งอยู่ มีเพียงทางเข้าเดียว ซึ่งเป็นประตูไม้บานใหญ่ สองเท้าเล็กๆของชินกำลังก้าวเข้าสู่การทดสอบ

...........................................

เบื้อหน้าของป้อมหน้าด่าน มีพื้นที่ราบเรียบ ไกลจากสถานที่แห่งนี้ไม่ไกล เป็นเศษซากของเมืองเก่าสมัยยุคการล่มสลาย ต่างกับป้อมหน้าด่านที่สร้างในรูปแบบยุคกลาง เหล่าคนตายได้เดินออกจากเมือง มุ่งหน้าเข้าสู่เขตพื้นที่ราบ

เสียงกองทหารม้าได้วิ่งเข้าสู่เขตป้อม ผู้ที่นำหน้าคือชายผู้มีสีผมรวมถึงเคราสีแดง นายทหารยศพันโอเว่น

ประตูขนาดใหญ่ได้ถูกปิดลง สะพานแควนได้ถูกยกขึ้น กองทหารได้ประจำที่ ชาวบ้านที่ไม่มีกำลังต่อสู้ ได้เข้าหลบไปยังที่ซ่อน กองไฟแห่งกรีนแลน ได้ถูกจุดขึ้นบนยอดปราสาทของเมืองหน้าด่าน ก่องไฟตามยอดเขาได้ถูกจุดขึ้นอีกเป็นทอดๆ มีเพียงสถานการณ์ที่ร้ายแรงมากเท่านั้น กองไฟแห่งกรีนแลนถึงจะถูกจุดขึ้น

แต่เรื่องนี้ชินไม่อาจทราบได้ ข้างในโดมหอคอยมีเพียงผู้ที่จะเข้ารับทดสอบธาตุเท่านั้นถึงจะเข้าได้ อีกทั้งการเข้าก็สามารถเข้าได้ครั้งระคนเท่านั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด