ตอนที่ 129 ชั้นเรียนมรณะ
เมื่อ'เย่คง', 'เจ้าอ้วนไห่'และพี่น้องตระกูลหลี่กลับมาถึง ต่างพากันตกใจจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นสาวงามนอนอยู่บนเตียงของ'เย่ว์หยาง' ข้างหน้าเตียงมีเด็กหญิงแพนด้ากระดิกเท้านั่งกินขนมอย่างสบายอารมณ์
"เกิดอะไรขึ้นกันนี่?"”
'เย่คง'จ้องมองภาพข้างหน้าอย่างว่างเปล่า 'เย่ว์หยาง'เอาชนะพี่สาวคนนี้ได้หรือ? เร็วขนาดนี้ น่าอัศจรรย์จริงๆ
"ข้าอุ้มนางมาจากริมถนน"”
'เย่ว์หยาง'อธิบายอย่างไม่ใส่ใจ
"ศิษย์น้อง! เจ้าเก็บนางมาจากถนนไหนเหรอ?"”
ฟังน้ำเสียงของ'เจ้าอ้วนไห่'แล้ว ดูเหมือนเขาจะไปหาเก็บมาบ้าง
"ก็ตรงบันได"”
'เย่ว์หยาง'พูดจริงอย่างยากลำบาก
"ข้าไม่อยากอยู่ในโลกนี้ต่อไปอีกแล้ว ข้าอยากตาย..."”
'เจ้าอ้วนไห่'น้ำตานองหน้า เขาเอาหัวโขกผนังห้อง รู้สึกว่าตนเองเสียเวลาในโรงเรียนไปถึง 2 ปี ใน 2 ปีที่ผ่านมานี้ เขายังไม่เคยเก็บผู้หญิงมาจากข้างถนนได้เลย อย่างไรก็ตาม เจ้านี่โชคดีอะไรอย่างนี้ ภายในวันเดียวที่มาถึงที่นี่ เขาเก็บผู้หญิงมาได้ 2 คน คนหนึ่งสาวใหญ่ อีกคนหนึ่งเป็นเด็กหญิง พอเทียบกับคนอื่นๆ มีแต่จะทำให้เขาโกรธ
'เจ้าอ้วนไห่'รู้สึกว่า ถ้าเขาอยู่กับเจ้านี่อีกต่อไป แม้ว่าเขาจะไม่คลั่งใจตาย เขาคงตายเพราะร้องไห้เสียน้ำตาเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นความตายที่เกิดจากการขาดน้ำเพราะร้องไห้มากเกินไป โชคของเจ้าผู้นี้ดีมากจนทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยกว่า เป็นได้ว่าเขาเป็นเจ้าเด็กแสบที่โชคทางสตรีกระนั้นหรือ? โชคดีหมดทั้งโลกไปรวมอยู่ในตัวเขาคนเดียวเหรอ?
'เจ้าอ้วนใหญ่'ต้องการหาน้ำส้มสายชูมาวางไว้หน้าเขา 3 ชามและดื่มให้หมดในรวดเดียว บางทีถ้าเขาทำอย่างนั้น ตอนนี้หัวใจของเขาคงจะไม่เปรี้ยวเกินไปก็ได้ และเขาคงรู้สึกดีขึ้นบ้างเล็กน้อย เด็กหญิงแพนด้าดูดนิ้วของเธออย่างน่ารัก และลูบเปลือกตาของเธอขณะมองดู'เจ้าอ้วนไห่' ทันใดนั้น เธอพูดประโยคที่น่าทึ่ง
"พี่ชาย! เจ้าอ้วนนี่ เป็นคนโง่นี่นา"
"อ๋า..เธอพูดได้เหรอนี่?””
'เย่คง'แทบจะเป็นลม ยังมีอสูรอีกตนหนึ่งที่พูดได้หรือ?
“ข้าไม่ใช่คนงี่เง่านะ ขอบอกไว้ก่อน ข้าฉลาดล้ำ พอตอนอายุ 8 ขวบข้าก็สามารถนับได้ถึงร้อยแล้ว, เขียนชื่อตัวเองได้ตอนอายุ 9 ขวบ พอหลังจาก 10 ขวบเป็นต้นมา ข้าก็ไม่เคยฉี่รดที่นอนอีกเลย เป็นไงเล่า? น่าทึ่งใช่ปะ? ยัยหนูน้อย พี่นี้มีนามว่าไห่ต้าฟู่ แต่ทุกคนเรียกข้าว่าต้าไห่ ข้าจึงนับว่าเป็นลูกพี่ของเจ้าด้วย, รู้ไว้ด้วยนะ, มาเถอะ มา ข้าจะให้ลูกอมเจ้าด้วยเหมือนกัน!”
บังเอิญ 'ไห่ต้าฟู่'ก็พกลูกอมข้าวมอลต์มาด้วยเหมือนกัน ของเหล่านี้เขาซื้อมาเพื่อเอาใจ'เย่ว์ปิง'โดยเฉพาะ หนูน้อยแพนด้ามองดูลูกอมมอลท์สีเหลืองอำพันอย่างหลงใหลเล็กน้อย แต่ในที่สุด เธอก็สั่นศีรษะ
“แม่บอกข้าว่า อย่ากินของที่คนงี่เง่าให้ มิฉะนั้นข้าจะติดเชื้องี่เง่าของเขามาด้วย หนิวหนิวไม่อยากกลายเป็นคนงี่เง่า”
'เจ้าอ้วนไห่'ล้มกับพื้นดังตุ้บ แรงคารมโต้ตอบครั้งนี้ หนักหนายิ่งนัก ถ้าไม่ใช่เพราะพี่น้องตระกูลหลี่ห้ามเขาไว้ เขาคงจะโดดตึกตาย เย่คงหัวเราะจนน้ำตาเล็ด เขายกย่องเธอต่อเนื่อง
“ถูกต้อง, เจ้าพูดถูกที่สุด ความโง่เขลาเป็นโรคติดต่อ! ก๊าก!”
เด็กหญิงแพนด้าแสดงอาการหวาดกลัวมากออกมาทันที ดูเหมือนเธอกลัวว่าจะติดเชื้อโง่เขลามาจาก'เจ้าอ้วนไห่'จริงๆ 'เย่ว์หยาง'รีบปลอบเพราะกลัวเธอจะร้องไห้
“พี่เย่คงคนนี้เขาแค่หยอกเจ้าเล่น อย่าห่วงเลยนะ ความงี่เง่าไม่ใช่โรคติดต่อ หนิวหนิวอย่ากลัวเลยนะ เอ้านี่ลูกอม”
พอเห็นเป็นลูกอมมอลท์ที่'เย่ว์หยาง'ยื่นให้ เด็กหญิงคว้ามันทันทีและใส่ปากกินอย่างสบายอารมณ์ หลังจากเคี้ยวกินไปได้สักครู่ เธอเอียงคอถามอย่างระแวงว่า
“ความงี่เง่าไม่ใช่โรคติดต่อเหรอ?”
'เจ้าอ้วนไห่'ร้องไห้ลั่น
“แง้..... ต่อให้ความงี่เง่าเป็นโรคติดต่อ แต่ข้าก็ไม่ใช่คนโง่นะ.. ข้าไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว...”
ที่หน้าประตู จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์พา'เย่ว์ปิง'เข้ามา เขายิ้ม
“นักเรียนทุกคน! พวกเจ้าคุยเรื่องอะไรกันอยู่? ที่นี่ดูครึกครื้นกันจริงๆ อ่า..หนิวหนิว ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?”
เด็กหญิงแพนด้าโดดผางลงจากเตียงตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ แยกเขี้ยวน้อยๆ ของเธอเตือนเขาว่า
“ตาเฒ่าลามก! อยู่ห่างๆ จากแม่ข้าเลยนะ ตาแก่หัวงูอย่างท่านชอบแอบมองคนอื่นเปลี่ยนเสื้อผ้า คนแบบนี้ข้าเกลียดที่สุด”
ทุกคนพากันมองดูจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ เหมือนกับว่ากำลังมองคนบ้าลามกที่สุดในโลก จิ้งจอกเฒ่าขายหน้าจนแทบจะมุดดินหนี โชคดีที่เขาเป็นคนหน้าหนาเสมอต้นเสมอปลาย มิฉะนั้น เขาคงจะกอด'เจ้าอ้วนไห่'ขณะโวยวายด้วยกันไปแล้ว
“เฮ้ย..นั่นเป็นการเข้าใจผิดจริงๆ คนที่ตรงไปตรงมาอย่างข้าจะทำเรื่องที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายแบบนี้ได้อย่างไร? คนดีๆ อย่างข้าระมัดระวังเรื่องที่จะตกเป็นขี้ปากคนทั่วไปอยู่แล้ว อย่าว่าแต่เรื่องแอบดูเลย แม้แต่เมื่อเราพูดคุยถึงเรื่องกิจวัตรประจำวันก็เหมือนกัน เราทุกคนระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เพื่อที่ว่าเราจะได้ทำหน้าที่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พวกนักเรียน!”
ก่อนที่จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์จะพูดจบ 'เย่ว์หยาง'ก็ล้วงเอาหนังสือโป๊ปกสีออกมาจากชุดของจิ้งจอกเฒ่า
“รองอาจารย์ใหญ่ผู้แสนดี! แล้วท่านจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรดี?”
'เย่ว์หยาง'ถามซื่อๆ
“นี่เป็นหนังสือที่ข้ายึดมาได้จากนักเรียน!”
จิ้งจอกเฒ่าโต้ตอบได้ฉับพลัน หนังหน้าของเขาหนามาก สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยขณะกำลังโกหก
“แล้วเรื่องชุดชั้นในของสตรีนางนี้เล่า?”
'เย่ว์หยาง'หยิบชุดชั้นในสตรีสีชมพูออกมาจากแขนเสื้อจิ้งจอกเฒ่าอีก
“มันถูกลมแรงพัดมาตกพื้น ข้าก็แค่เก็บมันไปคืนให้คนที่ทำหาย”
ปฏิกิริยาของจิ้งจอกเฒ่าเป็นไปอย่างธรรมชาติยิ่งนัก ใบหน้าของเขามีเค้าหน้าเที่ยงธรรม เหมือนกับว่าใครที่บังอาจสงสัยเขาก็เท่ากับก่อบาปสร้างกรรมเป็นทวีคูณ
“รองอาจารย์ใหญ่ ช่างเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับนักเรียนอย่างพวกเราจริงๆ สุดยอด!”
'เย่ว์หยาง'ยกหัวแม่มือให้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ จิ้งจอกเฒ่าโบกมือส่ายศีรษะกล่าวว่า
“นั่นมันแค่ในนาม ในฐานะที่เป็นแบบอย่างข้าไม่ชอบเรื่องทุจริต เอาเปรียบในสังคม มันเป็นเรื่องเจ็บปวดมากสำหรับข้า ที่ต้องมาดูผู้เยาว์รุ่นหลังกลายเป็นพวกที่เอาเปรียบสังคมมากไปตามเวลา ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่ความสามารถของข้ามีจำกัด ข้าเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้ไม่มากนัก ข้าสามารถทำได้เพียงทำตัวเป็นตัวอย่างโดยหวังว่าจะส่งผลต่อคนหมู่มาก วันนี้ นอกจากพานักเรียนเย่ว์ปิงมาแสดงตัวแล้ว ข้ามีเรื่องอยากมาแจ้งให้เจ้าทราบ นักเรียนไตตัน! สืบเนื่องมาจากผลการทดสอบที่โดดเด่นของเจ้า เจ้านับว่าประสบผลสำเร็จ ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในสมาชิก”ท่องอเวจี“ของชั้นเรียนมรณะ ข้าหวังว่าเจ้าจะเพลิดเพลินกับกระบวนการเรียนรู้ของเจ้านะ” “นี่มันเป็นการลุแก่อำนาจและท่านก็ประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าจะแก้แค้นข้าไม่ใช่หรือ?”
'เย่ว์หยา'งยิ้มกว้างพลางถามเขา
“ความจริง มันเป็นความปรารถนาอย่างจริงใจของข้าที่ต้องการให้เจ้าได้มีความก้าวหน้า ถ้าเจ้าเป็นแค่สวะเหมือนเจ้าอ้วนไห่ ข้าจะไม่สนเลยว่าเจ้าจะเป็นหรือตาย”
จิ้งจอกเฒ่ายิ้มจริงใจเหมือนแต่ก่อน
“ข้าน่ะเหรอ? เป็นสวะ”
'เจ้าอ้วนไห่'ชักจะโกรธ
“ไม่, ข้าผิดไปแล้ว เจ้าไม่ใช่สวะ”
ขณะที่จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์พูดคำนี้ สีหน้าของเจ้าอ้วนไห่ค่อยดีขึ้นบ้าง เขาไม่คาดว่าประโยคต่อมาของจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์จะทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟยิ่งกว่า ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาพูดว่า
“เจ้าไม่ใช่สวะ เจ้าจะเป็นสวะไปได้อย่างไร? แม้แต่ขยะก็ยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าเป็นร้อยเท่า เจ้ามันเป็นเศษของเศษขยะที่ห่วยที่สุด ถ้าข้าไม่ใช่อาจารย์ผู้สอนของเจ้า ข้าคงจับเจ้าโยนลงแดนอเวจีและปล่อยให้เจ้ากลายเป็นอาหารของหนอนปีศาจไปแล้ว”
“เจ้าแก่ตัณหากลับ, เป็นท่านไม่ใช่เหรอที่บอกให้เราสนุกกับความสะดวกสบายในชีวิต”
'เจ้าอ้วนไห่'โกรธราวกับหมาบ้า เขาอยากจะฟัดตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ให้ตาย
“ข้ากำลังบอกให้เจ้าไปตาย ทำไมเจ้าถึงไม่ทำเช่นนั้นเล่า?”
จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ไม่แยแสและยักไหล่ใส่เขา
“ถ้าเจ้าต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าเจ้าไม่ใช่สวะ อย่างนั้นก็เข้าชั้นเรียนมรณะกับนักเรียนไตตันเข้าร่วมหลักสูตรท่องนรกกับเขาในปีนี้ เป็นอย่างไรล่ะ? เจ้ากล้าพอจะทำอย่างนี้หรือเปล่า เจ้าสวะในสวะ? ช่างมันเถอะ ข้าไม่อยากคุยกับคนขี้ขลาด ไปอยู่ห่างๆ จากข้าดีกว่า”
“เจ้าแก่ตัณหากลับ ก็แค่ชั้นเรียนนรกไม่ใช่เหรอ? ยังมีที่ไหนที่ข้าไม่กล้ามีส่วนร่วมด้วยเล่า?”
'เจ้าอ้วนไห่'โกรธจนบ้าไปแล้ว
“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่กลายเป็นหนอนปีศาจอยู่ในโลกนี้ต่อไปหรอกนะ...”
หลังจากจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์พูดจบแล้ว เขาปั้นยิ้มแล้วรีบตรงไปหา'เย่ว์ปิง'พูดว่า
“นักเรียนเย่ว์ปิง, จากนี้ไปเจ้าจะต้องเข้าเรียนกับแม่เฒ่าอู่เถิง นางเป็นปรมาจารย์อสูรสายพฤกษาที่มีชื่อเสียง ข้าเชิญแม่เฒ่าผู้นี้มาสอนเจ้าเป็นพิเศษเจ้าต้องตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด”
“แต่...ค่ะ ข้าจะตั้งใจเรียนอย่างดีที่สุด”
ความจริง 'เย่ว์ปิง'ตั้งใจจะฝึกกับ'เย่ว์หยาง'แทน
“พวกเขาเป็นสวะ ต่อให้ตายเป็นร้อยก็ไม่น่าเสียดาย แต่เจ้าเป็นอัจฉริยะ ดังนั้นเจ้าจะตายก่อนที่เจ้าจะเปล่งศักยภาพสูงสุดไม่ได้ เจ้าต้องพยายามให้หนักเพื่อกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งให้ได้ อย่าทำให้ทุกคนที่คาดหวังกับเจ้าต้องผิดหวังเสียล่ะ”
คำพูดของจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ทำให้เย่คงและคนอื่นๆ เหงื่อตกไปตามๆ กัน เป็นไปได้อย่างไรกัน พอเพศแตกต่าง วิธีปฏิบัติก็แตกต่างไปด้วย ตลอดทวีปมังกรทะยานสิ้นเป็นสังคมที่มีบุรุษเป็นใหญ่ อย่างไรก็ตาม สถาบันฉางชุนเฉิงแห่งนี้กลับตรงกันข้าม ให้ความสำคัญกับสตรีไว้เหนือบุรุษ พวกเขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ที่เข้ามาเรียนในสถาบันแห่งนี้
แม้แต่'เย่ว์หยาง'ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ เขารู้สึกว่าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นี้ ไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญบุรุษอยู่เหนือสตรี แต่กลับสอนให้สอดคล้องกับทักษะความสามารถของนักเรียนแทน ยกตัวอย่างเช่น เขาหาอาจารย์ที่ดีที่สุดมาสอนเพื่อจะให้'เย่ว์ปิง'ได้เรียนอย่างเคารพ ตราบใดที่นางได้รับการดูแลสั่งสอนเป็นอย่างดี นางก็จะประสบความสำเร็จ
ขณะที่'เจ้าอ้วนไห่'ที่เอาแต่หาเรื่องสนุกพอๆ กับเย่คงและคนอื่นๆ ก็จะมีความถือตัวในความเป็นลูกผู้ชายอย่างสูง เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีที่เด็ดขาดรุนแรงกับพวกเขาแทน คำพูดกระด้างไร้น้ำใจของจิ้งจอกเฒ่า สามารถปั่นหัว'เจ้าอ้วนไห่' 'เย่คง'และคนอื่นๆ ที่เอาแต่ภูมิใจว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายได้
สถาบันฉางชุนเฉิงแห่งนี้ ไม่ใช่ที่ไร้ค่าเหมือนที่คนธรรมดาคิดว่ามันเป็น สำหรับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่ดูผิวเผินเหมือนเป็นตาเฒ่าหัวงูนั้น พอ'เย่ว์หยาง'ใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 ตรวจดูก็พบว่า เขาไม่สามารถวิเคราะห์ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจิ้งจอกเฒ่าได้ มีนักสู้เพียง 2 คนที่'เย่ว์หยาง'เคยพบแล้วเขาไม่สามารถใช้ทักษะญาณทิพย์วิเคราะห์ความสามารถของพวกเขาออกมาได้ คนแรกก็คือชายชราชุดปอที่สมาคมนักล่าค่าหัว และอีกคนก็คือจิ้งจอกเฒ่าที่อยู่ต่อหน้าเขา
นอกจาก 2 คนนี้แล้ว ก็คงจะเป็น'จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้'แห่งอาณาจักรต้าเซี่ย, ผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'และเหล่านักสู้ที่คล้ายพวกเขาที่มีชื่อเสียง 'เย่ว์หยาง'ยังมองเห็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้น ต่างจากชายชราชุดปอและจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ซึ่งเขาไม่สามารถจะวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของพวกเขาได้เลย
“หนิวหนิว! ตาจะออกไปแล้วนะ เมื่อแม่เจ้าตื่นขึ้นบอกนางด้วยว่าให้ไปพบอาจารย์ใหญ่พี่สาวของนาง”
จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เหยียดแขนตรง ประกายแสงแว่บออกจากตัวเขาและเขาก็หายไปจากตำแหน่งที่เขายืนทันที
“…”
'เย่คง'และคนอื่นๆ อาจจะไม่รู้อะไร แต่'เย่ว์หยาง'ตะลึงอยู่ในใจ ความเร็วในการเทเลพอร์ตสูงมาก มันไวกว่าลูกบอลเทเลพอร์ตของแดนปีศาจเสียอีก ชายชราที่ดูเหมือนตาเฒ่าหัวงูผู้นี้เข้าใจวิธีการเทเลพอร์ตได้ลึกซึ้งเป็นอย่างดี สถาบันฉางชุนเฉิงไม่สามารถสู้สถาบันฉางจิงได้มาถึง 3 พันปีแล้ว ดูเหมือนว่าการเข้าเรียนหลักสูตรท่องอเวจีจะเป็นเรื่องโชคดีโดยบังเอิญงั้นหรือ? บางทีชั้นเรียนนี้อาจน่าสนใจมากก็ได้
ขณะที่'เย่ว์หยาง'คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้น พี่สาวขี้เมาก็สร่างเมาตื่นขึ้นมา นางกลายเป็นอีกคนที่แตกต่างสิ้นเชิง เมื่อนางตื่นขึ้นมา นางใช้พลังแข็งแกร่งที่น่ากลัวทุบตีทุกคนที่อยู่ในสายตานาง เหตุเกิดตอนที่'เย่ว์หยาง'ไม่อยู่ที่นั่น เขากำลังเรียนความรู้พื้นฐานจากหนังสือสารานุกรมสัตว์อสูรกับ'เย่ว์ปิง'
เมื่อเขากลับมาถึง เขาพบว่าหนุ่มๆ ทุกคนในอาคารถูกทุบตีจนล้มกับพื้นเกลื่อนกราด มีนักเรียนที่ครวญครางจากอาการบาดเจ็บอยู่ทุกที่ 'เจ้าอ้วนไห่'ก็โดนทุบตีจนหัวแทบเหมือนหัวหมู บวมปูดจนตามองไม่เห็น 'เย่คง'ถูกซัดจนตัวห้อยอยู่ชั้นวางเสื้อผ้า เขามอบเศษกระดาษให้'เย่ว์หยาง' นี่ไม่ใช่กระดาษของเจ๊แมวขี้เมาเขียน แต่เป็นสิ่งที่เด็กหญิงแพนด้าหนิวหนิวมอบให้เขา มีตราประทับอุ้งมือแพนด้าน่ารักอยู่บนนั้น เธอยังเขียนไม่เป็น แต่ก็ยังไม่ลืมประทับอุ้งมือน้อยๆ ไว้ให้'เย่ว์หยาง' พี่ชายใจดีได้เห็น
ขณะที่'เย่ว์หยาง'เห็นทั้งต้องการร้องไห้และหัวเราะพร้อมๆ กัน เขามีเสน่ห์ต่อเด็กหญิงตัวน้อยด้วยหรือนี่? ก่อนที่'เย่ว์หยาง'จะมีเวลาซ่อมแซมความเสียหายในห้องของเขา ทันใดนั้นมีเสียงแฝงรังสีอำมหิตดังลั่นมาจากบันไดชั้นล่าง
“นักเรียนทุกคนจากชั้นเรียนมรณะมารวมตัวกันเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าทุกคนต้องไปให้ถึงจตุรัสหินดำภายใน 5 นาที พวกที่มาสายจะต้องถูกลงโทษทุกๆ นาทีตามกฎกองทัพ ถ้าใครไม่เชื่อฟังคำสั่งนี้ จะต้องถูกจัดการเหมือนกับทหารในสนามรบ”
“ต้องเข้มงวดขนาดนี้ด้วยเหรอ?”
'เย่ว์หยาง'สงสัย สถาบันฉางชุนเฉิงเป็นที่ที่ปล่อยให้นักเรียนได้สนุกกับชีวิตไม่ใช่เหรอ? ทันใดนั้น เขานึกถึงคำพูดของจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ได้ว่า สถาบันฉางชุนเฉิงเป็นที่ทำนักเรียนที่โดดเด่นให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไป และทำนักเรียนที่แย่ ให้แย่ยิ่งขึ้นไปอีก นี่คือนรกสำหรับนักเรียนดีเด่น แต่เป็นสวรรค์สำหรับนักเรียนสวะ นี่เขากลายเป็นนักเรียนโดดเด่นยอดเยี่ยมตั้งแต่เมื่อไหร? เมื่อ'เจ้าอ้วนไห่'ที่ปกตินอนเหยียดยาวปางตายอยู่บนพื้น พอได้ยินคำสั่งให้ปฏิบัติการ เขาโดดผางลุกขึ้นยืนทันทีและฉุดเย่ว์หยางตามไปด้วย
“เร็วเข้า ไปกันเถอะ รีบด่วน, นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ, ท่านผู้นั้นเป็นพวกบ้าเลือดเสียด้วย ร่ำลือกันว่าครั้งหนึ่ง เขาเคยฆ่านักเรียนที่มาสาย 10 คนกับมือเขาเอง”
“เขาน่ากลัวขนาดนั้นเหรอ? แล้วเจ้ามาร่วมกับเราทำไม ถ้าเจ้าเห็นว่ามันเป็นเรื่องยากลำบากขนาดนี้?”
'เย่คง'ยังรู้สึกหวิวๆ ในใจเมื่อได้ยินแบบนี้
“อย่าพูดไร้สาระ, ถ้าเราจะตาย เราก็ตายด้วยกัน เราทุกคนเป็นพี่น้องกันแล้ว”
'เจ้าอ้วนไห่'ตอบหน้าตาเฉย
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=129