ตอนที่ 127 ทุบตีจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์
'เย่ว์หยาง'ถึงกับเหงื่อตกหลังจากเห็นมังกรแม็กมาถึง 2 ตัว ถ้าไม่ใช่เขา แต่เป็นนักเรียนคนอื่นเข้ารับการทดสอบนี้แทน อย่างเช่น'เจ้าอ้วนไห่' เขาอาจถูกฆ่าตายทันที นักเรียนอื่นๆ จะสามารถสู้กับมังกรแม็กม่า อสูรทองแดงระดับ 6 ถึง 2 ตัวได้หรือ? และนี่คือม้วนเวทสีแดงความง่ายระดับ 1 ซึ่งง่ายที่สุดอีกด้วย
ถ้าเขาเปิดม้วนสีม่วง ซึ่งเป็นระดับ 7 แทนอาจจะมีอสูรในตำนานมังกร 3 หัวอสูรทองระดับ 3 รออยู่ก็เป็นได้? ยิ่ง'เย่ว์หยาง'คิด ก็ยิ่งโกรธขึ้น จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้จงใจทำแน่นอน เห็นได้ชัดว่าโดยทั่วไปจะใช้แก้วผลึกในการทดสอบ เขาต้องเป็นผู้จัดการให้มีการทดสอบที่ผิดปกติแน่ๆ มีนักเรียนกี่คนที่ต้องตายในเงื้อมมือของเขา? ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไม่มีนักเรียนมาเข้าเรียนสถาบันฉางชุนเฉิง ใครกันที่อยากจะมาตายที่นี่เล่า?
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขา ถูกเทเลพอร์ตส่งมาที่นี่แล้วและต้องมาพบกับมังกรบินแม็กม่าเหล่านี้ 'เย่ว์หยาง'ยังสามารถฆ่ามันได้ สู้กับอสูรทองแดงระดับ 6 ถึง 2 ตัวไม่ยากเกินไปสำหรับเขา ยิ่งไปกว่านั้นแก่นเวทของมังกรบินแม็กม่าเป็นที่รู้กันว่าเป็นแก่นเวทคุณภาพดี มีคุณสมบัติทางไฟ ถ้าเขาใช้มันเป็นหลักในการสร้างหุ่นอสูรที่มีคุณสมบัติทางไฟ มันจะกลายเป็นแก่นเวทที่ดีมาก แก่นหลอมเหลวของจ้าวอัคคีในดาบฮุยจินของเขาอาจจำเป็นต้องใช้วัสดุเหล่านี้เพื่อยกระดับกลายเป็นอาวุธระดับแพลตตินัมที่น่ากลัวจริงๆก็ได้
นอกจากนี้ยังมีตั๊กแตนอสูรทองตัวน้อย เมื่อมันฟักตัวจากไข่ มันอาจต้องการแก่นเวทของมังกรเพื่อการยกระดับ
“คิดว่าเจ้าฉลาดนักหรือ?”
เมื่อ'เย่ว์หยาง'มองเห็นมังกรบินแม็กมากำลังจู่โจมตรงมาที่เขา เขาไม่ได้ถอย แต่วิ่งเข้าหามันแทน ดาบวิเศษของเขาตัดผ่าอากาศเข้าหามัน เขาไม่เหมือนกับ'เจ้าอ้วนไห่' เจ้าคนขี้เกียจที่เอาแต่กินแล้วก็รอความตาย อย่าว่าแต่อสูรทองแดงระดับ 6 เลย ต่อให้เขาต้องเอาชนะสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก ก็อย่าคิดว่าเจ้าจะรังแกคนอื่นๆ ได้ตามใจตัวเองเลย กะอีแค่อสูรทองแดงระดับ 6 เจ้าต้องดูก่อนว่าเจอคนแบบไหน หากว่าเป็นคนอื่น เขาอาจทำอะไรไม่ถูกเมื่อเผชิญหน้ากับมังกรบินแม็กม่าที่ทั้งร่างถูกเปลวไฟห่อหุ้มตลอดเวลา
แต่'เย่ว์หยาง'เคยต่อสู้กับจ้าวอัคคีมาแล้ว รู้ดีถึงจุดอ่อนของอสูรไฟสายอัคคีดี แม้ว่าอสูรสายอัคคีจะทรงพลังมาก พวกมันก็ยังกลัวน้ำ ถ้าเขามีอสูรวาฬที่สามารถพ่นน้ำได้ แม้ว่าพวกมันเป็นอสูรระดับสามัญ ตราบใดที่ยังมีระดับต่างกันไม่มาก มังกรบินแม็กม่าก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะมันได้ จุดอ่อนที่ 2 คือ แก่นมังกรในหัวของมัน ผิวของมังกรบินแม็กม่าได้รับการปกป้องโดยเปลวไฟที่มีอุณหภูมิสูงจัด แต่มันไม่พยายามเสริมความแข็งแกร่งและปกป้องศีรษะมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่นเวทที่หน้าผากของมัน เนื่องจากดูดซับพลังไฟมาเป็นเวลานาน มันได้สะสมพลังงานมากเกินไปทำให้หน้าผากของมันนูนยื่นออกมามาก นี่เหมือนกับเป็นการชี้นำให้ศัตรูของมันโจมตีใส่มัน 'เย่ว์หยาง'กระโจนขึ้นไปในอากาศ ดาบวิเศษของเขาเล็งตรงจุดหน้าที่นูนออกมาของมัน
ตอนแรกเขาคิดว่า การจู่โจมครั้งนี้จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บหนัก ใครจะรู้กันว่ามังกรบินแม็กม่าก็รู้จักปกป้องตัวมันเอง มันหมอบตัวลง จากนั้นเอาปีกคลุมศีรษะของมัน ดาบวิเศษของ'เย่ว์หยาง'ตัดผ่านปีกทั้งสองของมันเหมือนกับเหล็กที่ฟันลงไปที่โคลน มังกรบินแม็กม่าสูญเสียความได้เปรียบทางอากาศ ร่างมันร่วงกระแทกพื้นอย่างแรงจนลาวากระเด็นไปทั่วบริเวณ 'เย่ว์หยาง'ฉากหลบกลางอากาศจากการโจมตีมังกรบินแม็กม่าอีกตัว เขาเตรียมจะฟันมังกรบินแม็กม่าตัวที่บาดเจ็บหนักอยู่บนพื้น ใครจะรู้กันว่าปีกทั้งสองของมังกรบินแม็กม่าตัวที่บาดเจ็บร่วงลงพื้น จะลอยขึ้นมาในอากาศได้เองอย่างแปลกประหลาด
จากนั้นมันก็โจมตีใส่'เย่ว์หยาง'คนที่โจมตีมันบนกลางอากาศ 'เย่ว์หยาง'หลบได้ แต่มันก็ยังไล่ตามเขาต่อไปอีกพยายามจะฟันใส่'เย่ว์หยาง'ซ้ำแล้วซ้ำอีก 'เย่ว์หยาง'ร่วงลงพื้นแล้วก็ยังต้องหลบซ้ายหลบขวาต่อไปอย่างลนลานเป็นครั้งที่ 2 มันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้ ปีกทั้งสองของมังกรบินได้รับบาดเจ็บไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วมันฟื้นคืนสภาพเดิมในเวลาครู่เดียวได้อย่างไร และยังไม่ปรากฏอาการบาดเจ็บเลยแม้แต่ที่เดียวด้วยเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามันกำลังไล่ตามเขา 'เย่ว์หยาง'อยากจะหาสมุดภาพสารานุกรมสัตว์อสูรเพื่อตรวจดูทักษะ,ลักษณะของมังกรบินแม็กม่า มันมีพลังคุ้มกันการโจมตีด้วยพลังวิทยายุทธได้อย่างไร
“คิดว่าเจ้าฉลาดนักหรือ? เจอไม้ตายของข้าหน่อยเป็นไร!”
พอเห็นว่าหัวมังกรยักษ์ที่น่าเกลียดมีเปลวไฟลุกโชติช่วงร้อนแรงดั่งดวงอาทิตย์กำลังอ้าปากกว้าง พุ่งตรงมาหาเขา 'เย่ว์หยาง'กระโจนอย่างว่องไว พลิกร่างกลางอากาศขณะหลบคมเขี้ยวของมัน เขาประกอบนิ้วชี้ทั้งสองเหมือนมีดและเล็งตั้งแต่ไกล ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ถูกยิงออกไปตรงไปกระทบที่หน้าผากของมัน มังกรบินแม็กม่าถูกพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์โจมตีเข้าอย่างจัง มันร้องอย่างทรมานกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เลือดที่เดือดเหมือนลาวาไหลออกจากหน้าผากของมัน 'เย่ว์หยาง'แอบพอใจฝีมือตนเอง เขาก็น่ากลัวไม่ใช่หรือ? ไม่ว่ามังกรบินจะมีพลังมากขนาดไหน มันจะมีพลังมากกว่าปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขาไปได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม การกระทำต่อมาของมังกรบินแม็กม่าทำให้เขางุนงงอีกครั้ง มังกรแม็กม่าตัวที่ได้รับบาดเจ็บนั้น เดินโซซัดโซเซลงไปในบ่อลาวา มังกรตัวก่อนที่มีอาการครึ่งเป็นครึ่งตาย ดูเหมือนจะกลิ้งไปมาอยู่ในบ่อลาวา อาการบาดเจ็บของพวกมันดูเหมือนจะดีขึ้นเมื่อมันกลิ้งตัวอยู่ในบ่อทุกครั้ง หนึ่งนาทีผ่านไป มันก็คลานออกมาอีกครั้ง ตลอดทั้งร่างของมันกลับหายดีเหมือนเมื่อก่อน มันสลัดลาวาออกจากตัว แล้วกระพือปีกบินขึ้นไปในอากาศ
“มันใช้วิธีนี้หรือ?”
เมื่อ'เย่ว์หยาง'ใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 เขาสามารถเห็นได้ชัดว่า อาการบาดเจ็บของมังกรบินแม็กม่ายังไม่หายดีเต็มที่ ดูเหมือนว่ามันจะหายแต่ภายนอกเท่านั้น สำหรับนักรบผู้ไม่มีปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ บ่อลาวาบนยอดเนินเขาคือหลักรับประกันว่ามังกรบินแม็กม่าทั้ง 2 ตัวจะไม่มีวันพ่ายแพ้ ภูมิประเทศที่ได้เปรียบถือเป็นฝันร้ายในการต่อสู้ของนักรบทั้งปวง 'เย่ว์หยาง'ปาดเหงื่อออกไป
“โชคดีที่เจ้าตัวที่เราเผชิญหน้ากับมันอยู่ไม่ใช่มังกรแม็กม่ายักษ์ อสูรทองระดับ 7 สองตัว แต่เป็นเพียงมังกรบินแม็กม่าอสูรทองแดงระดับ 6 ดีล่ะ..ได้เวลาปิดฉากจบเกมนี้เสียที..”
เขาเรียกนางพญากระหายเลือดออกมาและสั่งให้นางคอยโจมตีจากอากาศเพื่อกดดันมังกรบินแม็กม่าทั้งสองตัวที่กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศไม่ยอมลงมาอยู่บนพื้นด้วยแรงกดดันของจ้าวอสูรทองของนาง แม้ว่ามังกรบินแม็กม่าทั้งสองตัวที่บินอยู่อากาศจะมีระดับที่สูงกว่านางพญากระหายเลือดระดับ 3 ก็ตาม แต่นางพญากระหายเลือดก็ยังเป็นจ้าวอสูรทอง
ทันทีที่นางบินตรงไปหามัน มังกรบินแม็กม่าทั้งสองก็บินต่ำลงไม่กล้าเผชิญหน้ากับนาง มังกรบินตัวที่ยังบาดเจ็บจากปราณกระบี่ของ'เย่ว์หยาง'เคลื่อนไหวช้ากว่าเล็กน้อย นางพญากระหายเลือดมีประสาทรับรู้ที่เฉียบคมสังเกตออกจึงไล่ล่ามันทันที ดาบทองฆ่ามังกรในมือของนางคือดาวข่มของอสูรมังกรทั้งหมดรวมทั้งมังกรประเภทผีอมตะอีกด้วย ไม่เพียงแต่อสูรที่เป็นมังกรเท่านั้น ต่อให้เป็นจ้าวอสูรทองโดนทำร้ายจากมีดเล่มนี้ รวมทั้งนางพญากระหายเลือดผู้เคยถูกมีดเล่มนี้แทงหัวใจมาก่อน ก็ยังแทบทนมันไม่ได้ มังกรบินแม็กม่าตัวซ้ายมีความเร็วช้ากว่านางพญากระหายเลือดถึง 3 เท่า จึงโดนนางเล่นงานได้อย่างง่ายดาย
ดูเหมือนมันยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หันหัวมาพยายามงับนางพญากระหายเลือด นางบินหลบการถูกกัดได้ทันเวลาอย่างสง่างาม มีดทองฆ่ามังกรในมือนางปักเข้าที่หน้าผากนูนจุดที่มีแก่นเวทของมังกรบินแม็กม่า ในทันใดนั้นมังกรบินแม็กม่ากรีดร้องโหยหวน ขณะที่มันร่วงกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น กลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวดจนลาวากระจาย พอเห็นคู่หูของมันบาดเจ็บหนัก มังกรบินแม็กม่าอีกตัวรีบบินเข้ามาช่วย นางพญากระหายเลือดปล่อยคลื่นเสียงกระแทกจนทำให้มังกรบินแม็กม่าอีกตัวที่กำลังบินเข้ามาช่วยคู่หูของมัน ต้องเจอพลังโจมตีที่ทำให้มันรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าผ่าที่ตัวมัน พลังคลื่นเสียงทำให้มันช็อคจนร่วงลงกับพื้น
ทำไม'เย่ว์หยาง'ต้องสกัดกั้นอีกตัวไว้บนพื้นด้วยเล่า? เขาเอาค้อนยักษ์ที่หุ่นเกราะทองใช้ออกมาจากแหวนลิชก่อน จากนั้นก็ควงมันแล้วทุบเข้าที่หัวมังกรบินแม็กม่าอย่างโหดเหี้ยม เมื่อมังกรอีกตัวล้มลงแล้ว เขาชักดาบวิเศษฮุยจินกระโดดขึ้นไปทันทีที่มังกรบินแม็กม่าร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง เขากระโดดขึ้นไปด้วยความเร็วราวสายฟ้า ขณะที่เอามือแทงเข้าไปที่ศีรษะของมังกรบินแม็กม่า ในนาทีต่อมา มังกรบินแม็กม่าก็ตายลงในที่สุด
ครั้งนี้ตายสนิท การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว อีกด้านหนึ่ง นางพญากระหายเลือดแอบดูดซึมพลังของแก่นเวทของมังกรบินแม็กม่า แสงสว่างเหมือนเปลวไปคลุมไปทั้งตัวของนาง ปีกสีทองของนางสยายกว้าง ขนปีกนางค่อยๆ ติดไฟทีละเส้นๆ จนปีกนางทั้งคู่ถูกเปลวไฟโหมกระหน่ำ อย่างไรก็ตาม ผมสีแดงเพลิงของนางไม่ได้ติดไฟด้วย มันเปล่งประกายสดใสมากขึ้น สวยงามอย่างไม่มีอะไรเปรียบ
นางพญากระหายเลือดอยู่ในขอบเขตที่จะยกระดับแล้ว ก็ยกระดับขึ้นในที่สุดหลังจากดูดกลืนพลังรบทั้งหมดจากแก่นเวทของมังกร นางปรับระดับจากอสูรทองระดับ 3 ขึ้นเป็นอสูรทองระดับ 4 นางกางปีกภูตสีทองออก ความเร็วในการเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วกว่าเมื่อก่อนมากนัก 'เย่ว์หยาง'แทบจะมองเห็นร่างนางไม่ชัด หลังจากนางพญากระหายเลือดและเงาปีศาจของ'เย่ว์หยาง'ผสานรวมร่างกันก่อนนี้ แม้ว่าระดับของนางจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3 ก็ตาม
แต่เมื่อนางยกระดับขึ้นอีกครั้ง พลังรบของนางกลับกลายเป็นทรงพลังมากขึ้น ยิ่งกว่านั้น ความเร็วในการเคลื่อนไหวของนางไวขึ้น แม้ว่านางจะยังเป็นอสูรทองระดับ 4 ในตอนนี้ แต่ความแข็งแกร่งของนางเทียบเท่ากับความแข็งแกร่งเมื่อครั้งที่นางยังอยู่ในระดับ 5 นางมีความสุขมาก ขณะที่บินวนอยู่ในท้องฟ้าอย่างร่าเริง ส่งเสียงอย่างตื่นเต้นไม่ยอมหยุด ความจริง 'เย่ว์หยาง'ต้องการจะจับนางมาตีก้นเพราะกินแก่นเวทมังกรไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา
ปัญหาแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม พอเห็นอารมณ์ที่ดูปลื้มปิติของนางแล้ว 'เย่ว์หยาง'รู้สึกผิดถ้าจะไปทำลายอารมณ์ที่มีความสุขของนาง ช่างมันเถอะ ยังไงนางก็เป็นสตรี นางกินไปแล้วจะได้ช่วยงานเขาได้ดีขึ้น เมื่อ'เย่ว์หยาง'เห็นร่างกายที่เย้ายวน ขาวราวหิมะของนางพญากระหายเลือด รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ถ้าอี้หนานไม่รีบมาเร็วๆ เขาคงไม่สามารถทนได้อีกต่อไป นี่เขาจะต้องมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอสูรร่างมนุษย์จริงๆ หรือนี่? คิดๆ ดูแล้ว แม้ว่านางพญากระหายเลือดก็เป็นจ้าวอสูรทองตนหนึ่ง
แต่นางงดงามอย่างเห็นได้ชัด ดูยังไงก็ไม่เหมือนสัตว์อสูร นางเป็นแค่สาวงามมีปีกคู่พิเศษ ทำไมเขาจะทำอะไรนางไม่ได้ล่ะ? 'เย่ว์หยาง'เปิดคัมภีร์เงินดูเห็นว่านางยกระดับเป็นอสูรทองระดับ 4 แล้ว มีทักษะใหม่เพิ่มขึ้นมาก็คือ แส้เพลิง แปลกที่สุดก็คือว่า'เย่ว์หยาง'พบว่า แม้แต่ตัวเขาเองก็สามารถใช้แส้เพลิงนี้ได้เมื่อนางพญากระหายเลือดถูกเรียกออกมา มันตรงข้ามกับโซ่ล่องหนของ'เสี่ยวเหวินหลี'
อย่างไรก็ตาม เทียบกับทักษะธรรมชาติโซ่ล่องหนแล้ว พลังของแส้เพลิงยังไม่คู่ควรแก่การเอ่ยอ้าง แส้เพลิงอาจจะใช้ได้เมื่อสู้กับนักรบหรืออสูรชั้นสามัญ แต่เมื่อต้องเจอกับนักรบหรืออสูรที่แข็งแกร่ง มันก็เหมือนไปเการ่างกายของพวกเขาให้หายคัน โซ่ล่องหนแตกต่างออกไป เมื่อตอนที่เขาสู้กับจ้าวปีศาจ'ฮาซิน'ในเมืองไป๋ฉือ หรือตอนที่สู้กับพ่อมดปีศาจ'ซัวจ์'เมื่อไม่กี่วันนี้ เขาใช้ประโยชน์จากโซ่ล่องหนมากมาย ที่สำคัญยิ่งกว่าทักษะธรรมชาติโซ่ล่องหนของ'เสี่ยวเหวินหลี'สามารถยกระดับได้อีกมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะที่ทรงพลังดังกล่าว พ่อมดปีศาจซัวจ์คงไม่พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถภายใต้การร่วมโจมตีของ'เย่ว์หยาง'กับ'เสี่ยวเหวินหลี' ทันใดนั้น ร่างของ'เย่ว์หยาง'มีลำแสงปรากฏขึ้นมา ตอนแรกมีขนาดเล็ก แต่มันขยายกว้างอย่างรวดเร็ว เมื่อ'เย่ว์หยาง'ขยับตัว ลำแสงก็ขยับตามเขามาด้วย ดูเหมือนนี่เป็นเวทเทเลพอร์ตของจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่เริ่มทำงานหลังจากผ่านไป 10 นาที
'เย่ว์หยาง'รีบยัดแก่นเวทของมังกรบินแม็กม่าที่เขาแซะออกมาใส่ไว้ในแหวนลิช แล้วยังยัดซากมังกรบินแม็กม่าไว้ในแหวนด้วย และเรียกนางพญากระหายเลือดกลับเข้ามาในคัมภีร์ วินาทีต่อมาลำแสงเทเลพอร์ตก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าเหมือนยิงลำแสงสีขาวออกไป หลังจากนั้น 10 วินาที 'เย่ว์หยาง'เทเลพอร์ตกลับมาอยู่ต่อหน้าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อีกครั้ง โดยไม่รอให้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ได้พูดอะไร 'เย่ว์หยาง'ต่อยเขาทันที ส่งผลให้ร่างกายที่ผอมแห้งของเขากระเด็นไปทันที
“ท่านเพิ่มบันทึกไปด้วยเลยว่า ข้าคือนักเรียนคนแรกที่เพิ่งลงทะเบียนที่นี่ได้ทุบตีรองครูใหญ่นี้จนฟกช้ำดำเขียว”
'เย่ว์หยาง'รี่เข้าใส่จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่เตรียมรวบรวมข้อมูล ทั้งเตะทั้งต่อยทุบตีเขาอย่างหนัก เขายกก้อนหินใหญ่คิดจะทุ่มใส่ตาเฒ่าให้แบนเป็นกระดาษ เขาคาดไม่ถึงเลยว่าพอเขาเงยหน้าขึ้น มีคนราวๆ 50-60 คนกำลังจ้องมองเขาตกตะลึงจนปากอ้านัยน์ตาค้าง หลายคนในนั้นลดอาวุธลง ปากยังอ้าค้างจนแทบยัดฮิปโปโปเตมัสเข้าไปได้ทั้งตัว ในกลุ่มคนเหล่านั้น 'เจ้าอ้วนไห่', 'เย่คง'และคนอื่นๆ กระโดดเข้ามาทันที เจ้าอ้วนไห่รวบเขามากอดไว้แน่นอย่างตื่นเต้น ขณะที่'เย่คง'รีบแย่งก้อนหินออกจากมือของเขาและทุ่มออกไปทางอื่น
“ทำไมพวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เล่า?”
'เย่ว์หยาง'สับสน คนพวกนี้ไม่ได้เฉลิมฉลองปีใหม่ตามจันทรคติหรือ? พวกนี้มาถึงก่อนเขาได้อย่างไร?
“ที่บ้านไม่ค่อยมีเรื่องสนุกมากนัก อยู่ที่โรงเรียนสนุกกว่าเยอะ ข้ารอเจ้ามา 2 วันแล้ว อ่า, รองครูใหญ่ โปรดอย่าอารมณ์เสีย น้องชายข้ายังไม่รู้อะไรมากนัก ในฐานะลูกพี่ของเขา ข้าจะว่ากล่าวเขาทีหลังเอง ข้ารับรองได้ว่า เขาจะไม่ใจร้อนใช้ความรุนแรงในอนาคตแน่ ตอนนี้รีบเผ่นก่อนเถอะ ผู้เฒ่านี่จะระบายอารมณ์โกรธในอีกไม่ช้านี้แล้ว”
ดูเหมือนจมูกของจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์จะบิดจนผิดรูปเพราะโดนหมัดของ'เย่ว์หยาง' และนั่นเองทำให้เขาโกรธจนควันแทบออกจากหู 'เจ้าอ้วนไห่'กลัวมาก จนยอมทิ้ง'เย่ว์หยาง'และเริ่มเผ่นทันที
“เมื่อเย่ว์ปิงมาถึง เราจะไปที่ทุ่งราบม้าป่ากัน โรงเรียนนี้มีเรื่องสนุกเยอะแยะทั้งยังผ่อนปรนและให้เสรีภาพมากอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันเจ้าก็ยังสามารถเรียนรู้ได้หลายอย่าง”
ขณะที่หนีไป'เย่คง'ถือโอกาสแนะนำสถาบันฉางชุนเฉิงให้'เย่ว์หยาง'รู้จัก
“จริงเหรอ? เจ้ายังเรียนรู้จากโรงเรียนขุมนรกนี้ได้ด้วยเหรอ?”
'เย่ว์หยาง'สับสน 'เย่คง'ไม่น่าจะโกหกเขา
“ไตตัน! ไอ้เด็กเปรต! บังอาจทุบตีข้าเหรอ? ถ้าข้าไม่คิดบัญชีเจ้าเป็นร้อยเท่า ข้าคงสงบใจไม่ได้แน่”
จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ไม่สามารถจะไล่ตามเย่ว์หยางได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแสดงอาการฟาดงวงฟาดงาไล่หลังเขาเท่านั้น พอเห็นว่า'เย่ว์หยาง'ไม่สนใจ เขาหันไปรอบๆ และเตือนนักเรียนและครูที่มามุงดูทั้งหมด
“ทุกคน! ห้ามพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับใครๆ เด็ดขาด พวกเจ้าต้องลืมเรื่องในวันนี้ไปให้หมด ถ้าข้าได้ยินว่ามีคนพูดเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าเป็นรองครูใหญ่คนแรกในประวัติศาสตร์ 3 พันปีของโรงเรียนเรา ที่โดนนักเรียนที่เพิ่งจะลงทะเบียนซ้อมทุบตี ข้าจะลงโทษให้หมดทั้งโรงเรียน ข้าจะให้ทุกคนได้พบกับนรกเทียมของโรงเรียน”
“…”
เมื่อกลุ่มครูและนักเรียนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาพูดไม่ออก เจ้าผู้นี้ เผด็จการโดยแท้ ดูเหมือนว่าเขาคงจะต้องโดนทุบตีอีกในเร็ววันนี้แน่
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=127