ตอนที่ 124 โจรนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่
หลังจากเอาชนะพ่อมดปีศาจ'ซัวจ์' 'เย่ว์หยาง'ก็ยังไม่ประมาท ขณะที่ยังมีตั๊กแตนมรณะ อสูรทองระดับ 7 อยู่ด้วย แม้ว่าในตอนนี้ตั๊กแตนมรณะจะอ่อนกำลังลงมากก็ตาม อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นอสูรทอง ระดับ 7 ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามันกำลังจะเป็นแม่ มังกรเยือกแข็งยักษ์ที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างมังกรอสุภกับอสูรน้ำแข็งก็จะไม่มีทางต้านทานมันได้เลย
มิฉะนั้นสถานการณ์คงไม่ลงเอยอย่างเลวร้ายแบบนี้ 'เย่ว์หยาง'มองดูมันอย่างระมัดระวัง และตั๊กแตนมรณะก็ทำเหมือนกัน มันรู้สึกได้ถึงอันตรายที่แผ่มาจาก'เย่ว์หยาง'ได้แต่แรกแล้ว มันไม่ได้ตั้งใจแต่แรกที่จะโจมตีใส่'เย่ว์หยาง'ราวกับว่ามันประเมินความแข็งแกร่งของเย่ว์หยางได้ มันรู้สึกว่ามนุษย์ตัวน้อยผู้นี้แปลก ไม่ใช่เหยื่อที่มันจะล่ามาเป็นอาหาร
หลังจากพ้นสภาวะแช่แข็งแล้ว ตั๊กแตนมรณะยังไม่จากไปทันที แต่มันล้มลงบนพื้นอย่างเจ็บปวดและเริ่มปล่อยสารสีขาวเหมือนโฟม ในสารสีขาวเหมือนโฟม จะมีไข่สีทองเป็นจำนวนมาก แต่ไข่สีทองแตกหมดแล้ว แม่ตั๊กแตนมรณะพยายามหาดูครั้งแล้วครั้งเล่า หวังว่าจะพบไข่ที่ไม่แตกสักใบ ในทันใดนั้น มันเป็นเหมือนมารดาจ้องมองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดสิ้นหวังที่ลูกของมันต้องเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร มันใช้แขนอย่างระมัดระวังค้นหาภายในโฟมสีขาวอีกครั้ง หวังอยู่เต็มเปี่ยมว่าจะพบไข่ที่ปลอดภัยและไม่แตก
แต่...ไข่ทองทั้งหมด มีรอยแตกร้าว ไม่มีสักใบที่อยู่ในสภาพดี แม่ตั๊กแตนมรณะยังไม่ยอมแพ้และเริ่มหาดูในโฟมใหม่อีกครั้ง อารมณ์คลั่งของมันดูเหมือนจะก่อกวนอารมณ์ของ'เย่ว์หยาง' ตอนแรกเขาคิดจะถือโอกาสฆ่าตั๊กแตนมรณะเพื่อเอาแก่นปีศาจ แต่พอเขาเห็นความสิ้นหวังและความเศร้าโศกในดวงตามัน เขาก็ทนทำเช่นนั้นไม่ได้ แน่นอนว่า'เย่ว์หยาง'ไม่ใช่คนประเภทใจอ่อนเหมือนเต้าหู้
แม้จะมีซากศพกองเต็มพื้น เขาเชื่อว่าเขาคงไม่สนอะไรมากนัก อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์หยาง'มองดูแม่ตั๊กแตนมรณะ ผ่านไปถึงธรรมชาติของมันที่จะต้องกินตั๊กแตนมรณะตัวผู้เป็นอาหารหลังจากผสมพันธุ์กัน เขาไม่คาดคิดเลยว่ามันจะดูหมดอาลัยตายอยากและเสียใจขนาดนั้น มันพยายามหาไข่ที่ไม่ถูกแช่แข็งจนตาย
'เย่ว์หยาง'สัมผัสได้ถึงฉากรันทดนี้ มีคนบางจำพวก แม้จะเป็นมนุษย์ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับแม่ตั๊กแตนมรณะได้ ในที่สุดตั๊กแตนมรณะก็ละทิ้งความหวังทั้งหมด และร้องออกมาจนเสียงดังเสียดแทงหูจนมนุษย์แทบจะฟังไม่ได้ ร่างของมันสั่นเทิ้มด้วยความเสียใจ ก่อนที่มันจะบินขึ้นไปในอากาศบินวนรอบกองโฟมอยู่ 3 รอบ จากนั้นก็ร้องเสียงแสบแก้วหู แล้วกระพือปีกสีทองบินหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย
“น่าสงสาร...”
'เย่ว์หยาง'เห็นว่าอย่างน้อยมีไข่โหลหรือ 2 โหลมีขนาดเท่าลูกปิงปอง นี่คือไข่ของตั๊กแตนมรณะ อสูรระดับทอง ตอนนี้ ขณะที่พวกมันถูกอสูรน้ำแข็งแช่แข็งไว้ ไข่ทุกใบจึงมีรอยร้าว หลังจากตั๊กแตนมรณะบินหายไปแล้ว 'เย่ว์หยาง'ไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป เขาผ่อนลมหายใจและเก็บแหวนลิชขึ้นมาใส่ทันที หลังจากสวมอย่างระมัดระวังมันแล้ว ตอนนี้เขาต้องการลบความรับรู้ที่เหลืออยู่ของซัวจ์และสัญญากับมันโดยเขาใช้ปราณกระบี่ก่อนที่เขาจะใช้แหวนนี้
'เย่ว์หยาง'คาดว่าแม้ว่าเขาจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ก็คงใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันเพื่อลบสำนึกที่เหลืออยู่ของ'ซัวจ์' แต่เขาต้องการใช้มันตอนนี้ เขาจะทำแบบนั้นได้อย่างไร? เขาเห็นว่าเจ้าอสูรทองน้อยกำลังลากแก่นเวทของมังกรเยือกแข็งยักษ์กลับมา ท้องของมันก็โตขึ้นตอนกลับมาด้วยแล้ว ทันใดนั้น มันกระโจนเข้าหาแหวนลิช
“ช่วยข้าสักหน่อยนะ ช่วยหาวิธีลบสัญญาความเชื่อมโยงระหว่างซัวจ์กับแหวนลิชด้วย ข้าขอเตือนเจ้านะ ถ้าเจ้าบังอาจกินมัน ข้าจะทุบเจ้าแล้วขายชิ้นส่วนโลหะของเจ้าซะ”
อสูรทองทำท่าเหมือนกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของ'เย่ว์หยาง' มันอ้าปากและกลืนแหวนลงไปทั้งวงทันที
“เจ้ากำลังบังคับให้ข้าทำจริงๆ สินะ ดูซิว่าข้าจะทุบตีเจ้าให้ตายได้ไหม?”
'เย่ว์หยาง'โกรธจัดจริงๆ และเตรียมจะใช้หมัดทีอัดพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ลงไปเตรียมฆ่าอสูรจอมตะกละทันที
“ป้ะ..ป้ะ..ป้ะ”
อสูรทองน้อยอ้าปากของมันและคายแหวนลิชออกมาและยังบ้วนน้ำลายออกมาอีกมากราวกับว่ามันกินของที่น่าสะอิดสะเอียนเข้าไป
“ฮ่า ฮ่า, เมื่อกี๊ข้าพูดผิดไป, ความจริงข้ากำลังจะชมเจ้าว่าเป็นเด็กดีต่างหากเล่า, ไม่เลวเลย ผลงานของเจ้าแค่เป็นรองเสี่ยวเหวินหลี ขณะที่เธอเชื่อฟังมากกว่า ดังนั้นเสี่ยวเหวินหลีจึงมีผลงานยอดเยี่ยมเป็นอันดับที่ 1 ไมสิ ต้องยอดเยี่ยมที่สุด”
'เย่ว์หยาง'มองดูยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุขขณะมองดูแหวน ซึ่งไม่มีร่องรอยการรับรู้ทำสัญญากับ'ซัวจ์'เหลืออยู่แล้ว สัญญาเดิมที่ได้ทำไว้ ได้หายไปแล้ว เขาเริ่มใช้คำพูดหลอกเด็กยกย่องเจ้าอสูรทองน้อยและยื่นมือออกมาลูบหัวมัน ถ้าเจ้าอสูรทองน้อยพูดได้ มันคงบอก'เย่ว์หยาง'อย่างไม่ลังเลเลยว่า
“ข้าเกลียดเจ้า, ข้าไม่เคยคิดจะฟังเจ้าของอย่างเจ้า”
น่าเสียดายที่มันไม่สามารถพูดและแสดงอาการรังเกียจของมัน
ในที่สุด มันก็เปลี่ยนร่างกลับไปเป็นปลอกแขนอยู่บนแขนของ'เย่ว์หยาง' ต่างจากเดิมที่ตอนนี้พุงมันกางกว่าเดิม มีเจ้านายอย่าง'เย่ว์หยาง' นับเป็นเรื่องซวยในชีวิตมัน ทันใดนั้น'เย่ว์หยาง'สวมแหวนลิชทันที เขาใช้ใจสื่อความรู้สึกถึงตัวแหวน พบว่ามีพื้นที่หลายสิบคิวบิคอยู่ในนั้น เต็มไปด้วยศพและโครงกระดูกต่างๆ 'เย่ว์หยาง'รังเกียจของเหล่านั้นมาก เขาเริ่มโยนมันทิ้งไปทันที ของที่โยนทิ้งไปนั้นเหมือนกับภูเขาย่อมๆ
หลังจากลังเลใจชั่วขณะ เขาตัดเขา, ฟัน และเล็บของมังกรเยือกแข็งเก็บไว้ในแหวน ผิวของมังกรเน่าเปื่อยเกินไป มิฉะนั้น เย่ว์หยางก็คงเก็บชิ้นส่วนนั้นเช่นกัน มังกรบินพิษหัวขาด ก็ยังเก็บไว้ในแหวนด้วย เขาสามารถใช้ผิวสดๆ ของมังกรบินพิษไปทดแทนการขาดหายไปของผิวหนังของมังกรเยือกแข็ง 'เย่ว์หยาง'ใช้แหวนลิช ซึ่งมันทำให้เขาสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเขาเก็บเข้ามาในแหวนลิช
ตัวอย่างเช่น ดาบยักษ์ของปีศาจไร้หัว, ค้อนทองของหุ่นเกราะทอง, และศพกับขวานของทหารปีศาจเลือด ของทั้งหมดนี้จับยัดใส่ลงในแหวนวงเดียว ถ้าเขาไม่สามารถใช้มันได้เอง เขาสามารถขายให้เจ้าอ้วนไห่ต้าฟู่ กรรโชกเอาเงินจากเขาก็ไม่น่ามีปัญหา อาวุธปีศาจชั้นทองแดงทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ของที่จะหาพบตามแผงลอยริมถนนได้ จากนั้น เขายังเก็บกะโหลกของ'ซัวจ์'และลูเบนไว้ในแหวนอีกด้วย
ในทางทฤษฎี เจ้าสองคนนี้ตายไปแล้ว แต่เนื่องจากร่างกายของพวกมันเป็นผีอมตะ ตราบใดที่'เย่ว์หยาง'ไปโรงเรียนและเรียนรู้เคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีถอดรหัสความทรงจำของพวกผีอมตะ อย่างนั้นความลับทั้งหมดที่เก็บไว้ในกะโหลกของทั้งสองนี้ก็จะรายงาน'เย่ว์หยาง'ทีละอย่างๆ 'เย่ว์หยาง'ตัดสินใจว่า เขาจะเก็บโฟมสีขาวที่เริ่มแข็งตัวหรือไม่ ถ้าเขาเก็บเจ้าของนี้ไปให้ฮุยไท่หลางกิน บางทีมันอาจจะกลายเป็นยาชูกำลังก็ได้ แต่ ทันทีที่เขาคิดถึงความโศกเศร้าของตั๊กแตนมรณะแล้ว
'เย่ว์หยาง'ตัดใจทำไม่ได้ ปล่อยมันไว้อย่างนั้นดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตั๊กแตนมรณะ การเอาศพลูกของมันมาเป็นอาหารดูเหมือนจะเป็นการไม่ยุติธรรมเลย อย่างไรก็ตาม จู่ๆ 'เสี่ยวเหวินหลี'ลนลานเข้ามาและเก็บไข่ทองที่ร้าวขึ้นมาใบหนึ่ง ส่งให้'เย่ว์หยาง'ขณะที่กระพริบตากลมโตของเธอปริบๆ เหมือนกับว่าอยากจะบอกอะไรบางอย่าง
“เจ้าจะบอกว่าพวกมันยังสามารถช่วยได้หรือ?”
ใจ'เย่ว์หยาง'เริ่มเต้นรัวและเขาดีใจแทบเป็นบ้าทันที ขณะที่ถามอย่างใจจดจ่อ
“อือ อือ”
'เสี่ยวเหวินหลี'พยักหน้าอย่างน่าเอ็นดู (เสี่ยวเหวินหลีพูดไม่ได้เพราะสถานะที่แท้จริงยังเป็นทารกอยู่)
“เจ้าช่างเป็นเด็กดีจริงๆ!”
'เย่ว์หยาง'มองดูมันและประหลาดใจแกมดีใจ เขาคว้า'เสี่ยวเหวินหลี'และหอมแก้มน้อยๆ สีชมพูของเธอ ไข่ใบนี้อาจจะได้รับความเสียหาย แต่ก็ไม่รุนแรงอะไร เขายังคงมีปราณก่อกำเนิด ดังนั้นอาจจะช่วยเหลือมันได้ ตอนนั้นเอง 'เย่ว์หยาง'ไม่ได้หวงลมปราณเลย พยายามที่จะใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาถ่ายเทเข้าไปในไข่ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีผลอะไรมากนัก
ขณะที่ัมันไม่มีผลตอบสนองอะไร มันดูเหมือนว่าความเข้มแข็งในปัจจุบันของเขาตอนนี้ ยังไม่พอที่จะช่วยเหลือไข่ร้าวใบนี้ แม้ว่าปราณก่อกำเนิดจะช่วยรักษาชีวิตของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ได้ แต่ผลของมันยังไม่พอจะช่วยรักษาฟื้นฟูไข่ร้าวได้
ยิ่งไปกว่านั้น 'เย่ว์หยาง'แทบจะไม่เหลือปราณอยู่ในตัวแล้วหลังจากการต่อสู้ ที่สำคัญที่สุด 'เย่ว์หยาง'ชำนาญการใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาในการต่อสู้มากกว่าการรักษา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร ถ้าเป็นหญิงงามในฝันของเขา บางทีนางอาจจะช่วยไข่ใบนี้ได้ 'เสี่ยวเหวินหลี'มองดู'เย่ว์หยาง'มีเหงื่อออกเต็มตัวพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาเป็นเวลานาน ก็ยังไม่มีผลลัพธ์อะไร
เธอยกดาบโค้งคู่ของเธอแล้วกรีดที่นิ้วชี้ของ'เย่ว์หยาง'เบาๆ ปล่อยให้เลือดซึมออกผ่านปลายนิ้วของเขาหลายหยด ทันใดนั้นปรากฏสัญญาณที่น่าอัศจรรย์ ทันทีที่ไข่ของตั๊กแตนมรณะทำสัญญากับเลือดของ'เย่ว์หยาง' มันเหมือนกับว่าจะกลับมามีชีวิตและเริ่มดูดซึมเลือด จากนั้นผ่านไป 3 วินาที ไข่ก็ถูกย้อมเป็นสีชมพูจากการดูดซึมเลือดและเริ่มเปล่งแสงสีทอง รอยแตกร้าวที่ไข่หายไปทันทีกลายเป็นไข่ที่สมบูรณ์เหมือนเดิม 'เย่ว์หยาง'มึนงง เขาไม่รู้ว่าเลือดของเขาจะนำมาใช้งานได้อย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้ นางพญากระหายเลือดมองดูอยากรู้อยากเห็นและดูเหมือนจะไม่สามารถละสายตาจากนิ้วที่บาดเจ็บของ'เย่ว์หยาง'ได้ นางคว้ามือ'เย่ว์หยาง'และดูดเลือดจากแผลที่บาดเจ็บทันที
“เจ้า..ยัยผีดูดเลือด..”
'เย่ว์หยาง'รู้สึกว่านางกำลังจะดูดเลือดเขาจนแห้ง เลือดของเขาและปราณกระบี่ถูกดูดผ่านรอยแผลอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาเตะนางจนกระเด็นขึ้นไปอากาศและสลัดแขนของเขาหลุดมาได้ จากนั้นเขาเห็นว่านางพญากระหายเลือดที่กำลังบินอยู่ในอากาศเริ่มเปล่งแสงสีทอง เหมือนกับว่านางมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก นางบินไปมาอย่างตื่นเต้น เหมือนกับว่าได้รับสมบัติที่ล้ำค่า แม้ว่าระดับของนางจะยังไม่เพิ่มขึ้น
แต่'เย่ว์หยาง'สามารถเห็นได้ว่านางพญากระหายเลือดดูดเลือดเขาไป ความแข็งแกร่งของนางได้เพิ่มขึ้นมาก จนเกือบจะย่างเข้าขอบเขตอสูรทองระดับ 4 แต่จะปล่อยให้นางยกระดับโดยใช้เลือดของเขา 'เย่ว์หยาง'ไม่ยอมสละแน่ จากนั้นเขารีบใช้ปราณก่อกำเนิดรักษารอยกรีดและเก็บไข่สีทองกับโฟมสีขาวซึ่งเริ่มจะจับก้อนห่อมันเข้าด้วยกัน เขาหวังว่าเมื่อมันฟักตัวออกมาจากการบ่มเพาะ มันจะกลายเป็นตั๊กแตนมรณะตัวน้อยที่น่ารัก
'เย่ว์หยาง'ประสบผลสำเร็จอย่างงามในการช่วยเหลือชีวิตๆ หนึ่ง แม้จะไม่ใช่มนุษย์ แต่มันก็ยังเป็นเด็กอ่อน 'เย่ว์หยาง'จัดการสะสางทุกอย่าง ตอนนี้สนามรบตามที่เขาตั้งใจได้จัดการเสร็จแล้ว คัมภีร์เงินฉายลำแสงสูงขึ้นไปราวๆ 10 เมตร แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นการเลื่อนชั้นคัมภีร์อัญเชิญชั้นเงิน แต่เป็นการปรับระดับของ'เย่ว์หยาง'จากนักสู้ระดับ 1 (มือใหม่) ชั้นสูงไปเป็นระดับ 2 (ผู้กล้า) ชั้นต้น การเลื่อนระดับครั้งนี้มีความหมายมาก
ขณะที่'เย่ว์หยาง'สามารถอัญเชิญอสูร (จากคัมภีร์) ได้วันละตัว แต่ตอนนี้เขาได้เลื่อนระดับแล้ว เขาสามารถเรียกอสูรได้ครั้งละ 2 ตัว ที่สำคัญยิ่งกว่า ขณะที่'เย่ว์หยาง'เลื่อนระดับนักสู้ ทักษะญาณทิพย์ของเขาก็ยังคงเลื่อนระดับไปด้วย ทักษะญาณทิพย์ของเขาเลื่อนเป็นเป็นระดับ 3 'เย่ว์หยาง'มีความสุขมาก เป้าหมายของเขาในการใช้ทักษะญาณทิพย์เอ๊กซเรย์ผ่านชุดของสาวๆ ใกล้เข้ามาแล้ว
หลังจากเรียกนางพญากระหายเลือดที่กำลังบินไปบินมา, 'เสี่ยวเหวินหลี'เข้าไปพักอย่างว่าง่าย 'เย่ว์หยาง'พลิกตรวจดูศพรอบๆ เห็นว่าไม่มีอะไรใช้ประโยชน์ได้ เขารู้สึกผิดหวังนิดหน่อย ในที่สุดเขาเก็บแก่นเครื่องกลของหุ่นเกราะทองซึ่งได้รับความเสียหายมากมาย อย่างไม่เต็มใจ ต่อให้มีคนขี้เหนียวที่สุดแวะผ่านมาสำรวจสภาพสนามรบในตอนนี้ เขาจะไม่มีทางหาสิ่งที่เป็นประโยชน์เจอเลย 'เย่ว์หยาง'ยังคงถอนหายใจต่อไป เพราะเขาเสียดายหนังมังกรเยือกแข็งซึ่งมันเน่าแล้วและกระดูกของมันไม่พอดีกับแหวนลิช มันก็ดีแล้ว ถ้าเขาไม่สามารถนำมันไปได้ มันก็จะเสียของเปล่าๆ
หลังจากผ่านไป 5 นาที ก่อนที่ประกายแสงสีม่วงจะส่องขึ้นในพื้นที่ว่าง องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ปรากฏตัวอยู่เหนือซากศพ ขณะที่นางถือศีรษะบุรุษชุดเทาที่ห่อผ้าทับไว้ นางแปลกใจอย่างมากเมื่อเห็นสภาพเหตุการณ์หน้านาง และถามว่า
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เรื่องมันยาว”
'เย่ว์หยาง'มองดูนาง ชุดของนางยังคงเรียบร้อย ผมของนางก็ยังไม่ยุ่งเหยิง จึงถามว่า
“องค์หญิง! ท่านคงไม่ยอมให้คนลามกใดๆ ถือวิสาสะกับท่านมิใช่หรือ?”
“เจ้าพูดถึงเขาหรือ? หลังจากข้าเข้าไปในสนามรบ ข้าไม่รอให้เขาเรียกอสูรออกมา ตวัดดาบฟันทีเดียวข้าก็ฆ่าเขาได้แล้ว แต่เจ้านั่นอ่อนแอมาก มันน่าเสียดายที่เข้าไปในสนามต่อสู้ และเป็นพื้นที่ๆ มีเวลาจำกัดซึ่งอนุญาตให้เจ้ากลับมาได้หลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ข้าจึงเลือกใช้ลูกบอลเทเลพอร์ตออกมา แต่ข้าเลือกจะรอแทนที่จะไปดูการต่อสู้ของเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะประสบเจอการต่อสู้ที่ดุเดือดสินะ? มีแม้กระทั่งมังกรเยือกแข็งยักษ์ด้วย ไม่เลวเลย ถึงเจ้าจะลามกบ้าง แต่เจ้าก็ฝีมือยอดเยี่ยม แล้วผลึกมังกรอยู่ไหนล่ะ?”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ถามอย่างสงสัย
“อะไรนะ? เจ้ายังถามถึงผลึกมังกรด้วยเหรอ? มันโดนตั๊กแตนมรณะฆ่า แล้วเจ้ายังถามข้าถึงผลึกมังกรด้วยเหรอ? ข้าไม่ได้เอามา”
'เย่ว์หยาง'พูดจริงทุกคำ
แน่นอนว่า เป็นตั๊กแตนมรณะฆ่ามังกรเยือกแข็ง และเขาก็ไม่ได้เอาผลึกมังกรไป ผู้ที่เอาผลึกมังกรไปก็คืออสูรทองน้อย ขณะที่องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ฟังเขา นางรู้สึกได้ว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้โกหกนาง เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงได้ปลอบว่า
“ไม่ต้องหงุดหงิดนักก็ได้ ถ้าเจ้าไม่มีผลึกมังกร ก็ช่างมันเถอะ ต่อไปเจ้าค่อยหาโอกาสอื่นก็ได้ ข้าจะแอบเม้มผลึกมังกรมาจากท้องพระคลังเอามาชดเชยให้เจ้า แต่เจ้าต้องเก็บไว้เป็นความลับด้วยนะ เจ้านี่เก่งจริงๆ นะ กองศพผีดิบและโครงกระดูกผี เจ้าฆ่าหมดเลยหรือ? ไม่เลวเลย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าหมอผีชุดดำจะเรียกอสูรประเภทผีอมตะออกมาได้มากมาย ยิ่งไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถจัดการได้ เอาล่ะเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ไม่ว่าก่อนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะลืมมันซะ”
“ข้าบอกท่านแล้ว ที่เผลอจับอกท่านมันเป็นปฏิกิริยาของลูกผู้ชาย ข้าไม่ได้ตั้งใจเลย..”
'เย่ว์หยาง'ถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ดูเหมือนนางจะไม่ขุ่นแค้นอีกต่อไป
“ว่าไงนะ? ข้าแค่ยกโทษให้เจ้าที่จู่ๆ ก็มาจับมือถือแขนข้าแล้วยังไม่รู้ตัวอีก.. เรื่องจับหน้าอกข้า ไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่ยกโทษให้เจ้า เจ้าเจตนาทำแน่ๆ ไม่ต้องพูดถึงหรือเฉไฉเป็นอย่างอื่น ข้าจะไม่เลิกโกรธและจะไม่ยอมระงับความคิดที่จะตัดหัวเจ้าด้วย”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'อารมณ์เสียจนอยากจะทุบตี'เย่ว์หยาง'ทุกครั้งเมื่อนึกถึงเจ้าคนมือสกปรกและรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเจ้าเด็กแสบผู้นี้
“ถ้าเจ้าเกลียดข้าจริงๆ เจ้าจะผลักข้าลงนอนก็ได้นะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ต่อต้านขัดขืนเลย...”
'เย่ว์หยาง'พูดเสียงนุ่ม
“เจ้าว่ากระไรนะ?”
โสตขององค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'อ่อนไหวพอที่จะจับคำพูดที่'เย่ว์หยาง'บ่นได้ชัดเจน แต่นางทำเป็นเหมือนว่าได้ยินไม่ชัด
“ข้าบอกว่าท่านยิ่งดูก็ยิ่งงามน่ารักกว่าบุปผา ทั้งท่านก็ยังฉลาดพอๆ กับควมงาม รูปร่างก็ยิ่งสุดยอด สูงโปร่ง กำลังดี ไม่อ้วนไม่ผอมไป และท่านยังงามเหมือนกับพลอยม่วง และมีนิสัยอ่อนหวานและนำรอยยิ้มมาให้ทุกคนที่ท่านสนทนาด้วย”
ความสามารถของ'เย่ว์หยาง'อีกอย่างก็คือสามารถพูดได้ต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักจนใครก็ตามที่ยินได้แต่กรอกลูกตาอย่างเดียว
“มันยากจะจินตนาการได้จริงๆ นะ ข้าได้ฟังมาจากเย่ว์ปิงว่า เจ้าเป็นคนเก็บตัวมีปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวก็น้อยและทำตัวเหมือนเป็นคนใบ้มาเป็นเวลานานสิบกว่าปี เจ้าเปลี่ยนไปมากขนาดนั้นได้อย่างไร?”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ต้องการจะตำหนิเขาแรงๆ แต่ขณะที่นางนึกขึ้นได้ว่า เจ้าเด็กนี่สนุกกับการพูดและชอบยิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ ราวกับว่าเขาไม่สามารถเก็บรอยยิ้มตนเองได้
“เจ้าตั้งใจจะทำอะไรต่อไป? จะไปฝึกฝีมือที่หอทงเทียนหรือ? ทำไมเราไม่ร่วมทีมกันแล้วไปพิชิตภารกิจโลกพฤกษากันล่ะ?”
“อภัยให้ข้าเถิด องค์หญิงผู้น่ารัก, ข้ายังไม่รู้หนังสือและยังไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อน ข้าอยากจะศึกษาในโรงเรียนสัก 2 ปี ถ้าไม่อย่างนั้น แม้ข้าอยากจะเขียนจดหมายสารภาพรักถึงท่าน ข้าก็ไม่สามารถทำได้ ก็ยังยังจับปากกาไม่เป็นเลยนี่”
'เย่ว์หยาง'ตั้งใจจะเข้าโรงเรียนจริงจังเพื่อปรับปรุงความรู้พื้นฐานของเขา ปัจจุบันนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีความแข็งแกร่งอะไร แต่เขาขาดพื้นฐานที่เหมาะสมมากกว่า 'เย่ว์หยาง'สามารถฆ่าพ่อมดปีศาจได้ในตอนนี้ แต่สมุนไพรตามข้างทางแม้กระทั่งอสูรที่อยู่รอบๆ เขาก็ไม่รู้จักพวกมัน การอ่อนเรื่องความรู้พื้นฐานจะขัดขวางความก้าวหน้าของเขา
ตัวอย่างเช่น ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้ว่าอสูรน้ำแข็งสามารถผสานร่างกับมังกรอสุภและวิวัฒนาการเป็นมังกรเยือกแข็งยักษ์ อย่างนั้นเขาอาจตัดสินใจฆ่ามังกรอสุภกับตั๊กแตนมรณะเร็วขึ้นด้วยพลังของเขาทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องตัดคือของมัน วิธีนี้แม้ว่ามันจะวิวัฒนาการมาจากมังกรอสุภ มันก็เป็นได้เพียงมังกรเยือกแข็งไร้หัว ยิ่งไปกว่านั้น 'เย่ว์หยาง'ยังมีความคิดอยู่ในหัวเขา แต่เนื่องจากความรู้พื้นฐานน้อย
เขาจึงไม่สามารถก้าวหน้าเพื่อการวิจัยค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเองได้ ยกตัวอย่างเช่น เขารู้ว่ามียาที่มีประสิทธิภาพมากกว่ายาปลุกพลังสัตว์อสูร แต่กับชื่อสมุนไพร ส่วนผสมและใบสั่งยาทั้งหมด 'เย่ว์หยาง'จับเค้าเงื่อนไม่ได้เลย แม้ว่าเขาจะรู้ แต่ว่าเขาไม่มีทางปรุงมันได้ ใช้เวลาไม่กี่เดือนในโรงเรียนเพื่อหาความรู้พื้นฐานใส่หัวเขา 'เย่ว์หยาง'เชื่อว่าเรื่องนี้จะช่วยให้มีความก้าวหน้าอย่างมาก สำหรับโรงเรียน
เขาไม่ได้สนใจสาวสวยที่นั่นเลยจริงๆ ถ้าโรงเรียนมีดาราคนงามประจำโรงเรียน อย่างนั้นในเบื้องต้นสันนิษฐานว่านางเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่ถ้านางมีอะไรๆ กับชายอื่น อย่างนั้น'เย่ว์หยาง'ก็จะไม่สนใจ แม้ว่าจะไม่มีนักเรียนสวยๆ ก็ยังไม่เป็นไรเหมือนกัน เขาสามารถควงสาวสวยได้ ยกตัวอย่างเช่น เขาสามารถชวนแม่นาง'อี้หนาน' พานางมาเล่าเรียนด้วยกันก็ได้ สองเรานั่งอยู่ใต้แสงจันทร์ขณะที่เขานอนหนุนตักนางสอนความรู้พื้นฐานไปพร้อมกัน และในเวลาเดียวกันเขาก็สามารถเอื้อมมือไป
“สัมผัส....สัมผัส”
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=124