บทที่ 4 - คำขอคุ้มกัน
ด้วยจุดประสงค์ 「คุ้มกัน」 ของ'โจอี้' เด็กสาวชี้ไปยังเส้นทางที่เกิดจากรอยล้อ
“อา ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว ฉันเชื่อว่าไม่หลงทางหรอก”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น... อา แต่สิ่งที่ฉันเห็น เธอไม่ใช่เด็กหรือไง? เธออายุแค่ 11 ปีเอง”
ด้วยคำพูดเช่นนั้น เด็กสาวยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและซับซ้อน
“….ฉันอายุ 13 ปีพอดี”
“-เอ๋ เป็นอย่างนั้นหรอ? อา ฉันผิดเอง”
เด็กสาวในวัยนี้มีอัตราการโตที่หลากหลาย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกเจาะจงลงไป ตัวอย่างเช่น เด็กสาวที่กำลังจะอายุ 15 ปีจะโมโหมากเมื่อถูกเข้าใจผิดว่าอายุ 13 ปี เพราะเข้าใจท่าทางของเด็กสาวว่าเป็นเช่นนั้น 'โจอี้'จึงโค้งขอโทษอย่างนุ่มนวล แม้แต่ผู้ชายยังต้องการจะมาถึงอายุประมาณนี้เลย ไม่ต้องพูดถึงเด็กสาวที่อายุถึง 13 ปี
ในหมู่บ้านที่'โจอี้'เกิด พวกเขาก็สามารถแต่งงานและมีลูกได้แล้ว..... ในขณะที่เขาคิดเช่นนั้น ในอกของเขาก็สั่นอย่างรวดเร็ว
(จริงสิ เธอไม่ใช่เด็กอีกแล้ว เมื่อเธออายุถึงประมาณนี้แล้ว เธอก็สามารถแต่งงานได้แล้ว)
ทันทีที่เขารู้สึกถึงมัน ริมฝีปากที่แสนยั่วยวน หน้าอกที่พอดี ขาที่เรียวงาม เขารีบถอนสายตาออกมาในทันที 'โจอี้'พยายามเตือนเธอด้วยวิธีง่ายๆ
“อย่างที่เธอว่า ฉันรู้ว่าเธอโตแล้ว แต่ถ้าเธอเดินไปอย่างนี้คนเดียว อาจจะมีคนที่ต้องการตัวเธอแล้วมัน... ก็จะเกิดเรื่องไม่ดี นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงอยากจะคุ้มครองเธอจนกว่าจะไปถึงเมือง”
“อา จริงสินะ มันอาจจะมีคนต้องการลักพาตัว ฆ่าหรือปล้นฉันสินะ?”
เด็กสาวดูจะเข้าใจสิ่งที่'โจอี้'ต้องการสื่อได้โดยง่าย เธอมองไปยังใบหน้าของ'โจอี้'ด้วยท่าทางเหมือนสงสัย
“แต่ไม่เป็นไรหรอ? ดูขากสภาพนายที่ยังไม่มีอะไรเลย ไม่ใช่ว่านายยังอยู่ระหว่างงานหรอกหรอ?”
“….ไม่เป็นไร ยังไงแผนกำจัดสุนัขคลั่งก็ไม่เข้าท่าอยู่แล้ว ฉันไม่คิดว่ามีอยู่ 2 ตัวถึงไม่ได้เตรียมสิ่งจำเป็นมา -ที่สำคัญ มันคงรู้สึกไม่ดีนักที่จะให้เธอไปจากที่นี้!”
เขาพูดออกมาเสียงดังในขณะที่เบือนหน้าหนีอย่างอับอาย เด็กสาวรู้สึกประหลาดใจและยิ้มออกมาอย่างยินดี
“นาย- เรียกว่า โจอี้-คุง ได้ใช่ไหม? นายเป็นคนดีจริงๆ”
“--อะ พูดอะไรอย่างนั้นกัน! เธอตั้งใจจะล้อกันหรือไง?!”
“ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น ขอโทษด้วยถ้าทำให้นายรู้สึกไม่ดี.... แต่ทว่าฉันคงรู้สึกไม่ดีถ้าฉันเอาเปรียบความตั้งใจดีของนาย-อืม ในกรณีของงาน ถ้าฉันจ้างนายคุ้มกันฉันไปที่เมืองและพาชมรอบๆได้ไหม? ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะเห็นกิลด์นักผจญภัยด้วย”
“งานหรอ หืม…”
“เอ๋? หรือว่าคำขอโดยตรงแบบนี้จะ ‘NG’?”
(TL: NG = not good or damedamedamedamedame น่าจะหมายถึง ไม่ได้ นั่นเอง จะเขียนย่อทำไมกัน..?)
“ได้สิ เพียงแต่จะไม่ได้คะแนนกิลด์ มันไม่ได้มีกฎข้อไหนห้ามไว้หรอก แต่ในกรณีแบบนี้มักจะจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าและตามปกติก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเมื่อเทียบกับคำขอทั่วไป...”
มันเป็นเรื่องปกติ พิจารณาจากโจอี้ที่เพิ่งจะมาเป็น Rank F ซึ่งได้ Rank G มาตอนที่ยังเป็นเด็กฝึกหัด เขาจึงไม่รู้ระดับรางวัลในคำขอคุ้มกันหรืออัตราค่าจ้างพิเศษ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าควรจะได้รับค่าจ้างเท่าไร แต่ในด้านของเด็กสาว เธอกำลังเข้าใจว่า'โจอี้'กำลังกังวลว่า 『เธอสามารถจ่ายได้ไหม? 』
มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นที่ด้านหลังเอวของเธอ –มันไม่ใช่โบสำหรับตกแต่งอันใหญ่แต่ดูเหมือนจะเป็นกระเป๋าแบบรูดเปิดปิดได้ใบหนึ่ง- เด็กสาวหยิบเหรียญออกมาหลายเหรียญ
“นี้เป็นอย่างไร?”
“เหรียญเงิน?”
สิ่งที่เขากำลังถือนั้นใหญ่ประมาณ 3 เท่าของเหรียญเงินปกติ เขามองดูแล้วรู้สึกเหมือนเห็นมันส่องแสงเป็นสีสายรุ้ง - ไม่ว่าอย่างไรมันก็ดูไม่เหมือนเงินเลย
“เหรียญสายรุ้งไม่ได้งั้นหรอ อืม- ฉันคิดว่าถ้าเป็นพวกเหรียญทองอาจจะดีกว่า”
พูดเช่นนั้นแล้วเธอก็วางเหรียญทอง 10เหรียญลงบนมือของ'โจอี้'
“…ฉันไม่เคยเห็นเหรียญทองมาก่อน มันใช้ได้ไหม?”
เนื่องจาก'โจอี้'ไม่เคยสัมผัสเหรียญทอง เขาเคยได้รับแต่เหรียญเงินและเหรียญทองแดงจากคนที่กิลด์ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่มองมันจนสุดความสามารถแล้วถอนหายใจ
“ฉันไม่แน่ใจ? อย่างร้ายที่สุดนายก็สามารถนำมันไปหลอมเป็นโลหะมีค่าแล้วขายมัน ในกรณีที่ต้องการเงินด่วน ฉันคิดว่านายน่าจะขายมันได้หรือว่าไง?”
พูดจบแล้ว เธอก็หยิบบางสิ่งขึ้นมาบนมือ แล้วเธอก็โชว์แท่งทองคำที่มีขนาดประมาณฝ่ามือของผู้ใหญ่คนหนึ่ง เห็นแบบนั้นแล้ว เด็กหนุ่มก็ทำหน้าตาซับซ้อน
“-ดะ เดี๋ยวสิ! นั่น นั่นมัน หรือว่าจะเป็น ไอเทมเวทมนต์ที่ไม่เปลี่ยนขนาดหรือน้ำหนักแม้ว่าจะใส่ของลงไป!?”
“ก็ใช่ -อา เข้าใจแล้ว นายสามารถเอามันไปด้วยก็ได้”
“เฮ้ นั่นมันขุมทรัพย์เลยนะ! แค่มันอย่างเดียวก็สามารถใช้ซื้อที่พักที่ดีสุดในเมืองได้แล้ว!”
“เอ้ ช่างตกใจจริงๆที่มันแพงขนาดนั้น อืม -อา ก็จริงละนะ มันก็ใช่เงินมากอยู่กว่าจะได้มา”
“ใช่แล้วละ อย่าเอาออกมาโชว์ง่ายๆในที่สาธารณะละ ให้ตายสิ เธอจะเป็นอันตรายมากนะถ้าไม่ระวังละก็ เธอนี่เหมือนเจ้าหญิงจริงๆเลย”
เมื่อถูกเรียกว่า 『เจ้าหญิง』 เธอก็ยกยิ้มราวกับจะเย้ยหยันตัวเอง ในตอนนั้นเอง
“-อา มาคิดดูอีกที ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลยสินะ ชื่อของฉันคือ 『ฮิยูกิ』ได้โปรดดูแลฉันด้วยนะ โจอี้-คุง”
เด็กสาวจับชายกระโปรงด้วยมือทั้งสองข้างและกระทำตามมารยาทเล็กน้อย
(การทักทายคือการไขว้เข่ามาด้านหลังและย่อตัวลงเล็กน้อย)
(TL: จับกระโปรงย่อตัวทักทายแบบยุโรป)
ภายในใจของ'โจอี้'สั่นระรัวเพราะท่าทางที่สง่างามของเธอ เขาหันไปทางอื่นในทันทีดังนั้นจึงไม่เห็นใบหน้าที่แดงฉ่าของเขา เขาเริ่มเดินไปทางต้นไม้ใหญ่ที่ไกลออกไปประมาณ 500 เมตร
“ฮิยูกิ อืม อา ฉันรู้จักแปลกนิดหน่อยที่ถูกเรียกว่า 「โจอี้-คุง」เรียกว่าโจอี้ก็พอ -อาใช่ ฮิยูกิ ฉันผูกอีมูของฉันเอาไว้ที่ต้นไม้นั่น ดังนั้นเดินนิดหน่อยนะ”
“อีมู?”
'ฮิยูกิ'ที่ไม่เข้าใจเอียงคออย่างสงสัย เธอเดินตาม'โจอี้'อย่างไม่แน่ใจเท่าไรนัก
“…อา เธอจะเข้าใจเมื่อได้เห็น”
เมื่อพูดเช่นนั้น เธอจึงเร่งฝีเท้าขึ้น
◆◇◆◇
『องค์หญิง ทำไมท่านจึงจ้างเจ้าเด็กหยาบคายนี่ เพียงกระผมผู้เดียวไม่พอที่จะปกป้องร่างกายที่ล้ำค่าของท่านจากภยันตรายหรือ?』 ในขณะนั้น ทางด้านผม เขา -แน่นอนไม่ใช่ใครอื่น 'เท็นไก'ส่งเสียงไม่พอใจมาจากข้างในตัวผม ในการต่อสู้ ด้วยการรวมร่างเข้ากับสัตว์เลี้ยงจะทำให้ได้รับสถานะและความสามารถของสัตว์เลี้ยงมา เรียกลักษณะแบบนี้ว่า 『Pet Unison』
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้โบนัสค่าสถานะสูงสุดก็คือ 3 เปอร์เซ็นต์ ถ้าผมคิดไม่ผิด แต่สถานะของผมในตอนนี้คือ
เผ่าพันธุ์: เจ้าหญิงแวมไพร์ {ผู้สืบทอดจากพระเจ้า} ชื่อ: ฮิยูกิ ฉายา: ท่านหญิงแห่งฟากฟ้า
HP: 61,312,800(+61,234,800)
MP:53,841,500(+53,746,000) ▼
นี่คือเงินดอลลาร์ของซิมบับเวย์? นี่มันเฟ้อเกินไปแล้ว! นี่ผมควรทำยังไงดี แบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมถูกเขียนทับด้วยสถานะของมังกรทองโดยสมบูรณ์หรือไง? ของอย่างค่าสถานะของผม มันบอบบางยิ่งกว่าเครื่องตกแต่งซาชิมิ และยิ่งกว่าดอกแดนดิไลออน แต่ไม่ว่าผมจะหลอมรวมหรือไม่ มันก็ไม่ให้ความรู้สึกแตกต่างเลย!?
(TL: แปลตามต้นฉบับ ส่วนคนแปลภาษาอังกฤษเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ > มันบอบบางยิ่งกว่ากระดาษและยิ่งกว่าทิชชู)
ผมหมายถึง ตั้งแต่ผมเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะนี้ ค่าสถานะแตกต่างจากปกติไปมาก จนตอนนี้น่ากลัวว่าผมคงทำไม่ได้แม้แต่ยิงเวทมนต์ ด้วยระดับนี้ ถ้าผมใช้「Fire ball」 จากสกิลไฟขั้นพื้นฐาน มันจะเพิ่มระดับขึ้นเป็นอะไรที่อันตรายมาก ดังนั้นถึงมันไม่ใช่『ระเบิดไฮโดรเจน』 แต่นี่เป็น『ระเบิดมือ』ชัดๆ
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงพยายามหลีกเลี่ยงใช้ความสามารถของผมเท่าที่เป็นไปได้ –ถึงแม้ว่าการออกเดินทางกับ'เท็นไก'ในการลาดตระเวนจะเป็นอะไรที่แย่ที่สุดก็เถอะ- ดังนั้นผมถึงพยายามทำทุกอย่างให้จบอย่างสันติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามผมก็ไม่คาดหวังหวังกับ'โจอี้'ที่ผมบังเอิญเจอนัก
ผมเดาว่า'เท็นไก'เคืองใจเพราะคิดว่าผมไม่เชื่อใจในความแข็งแกร่งของเขา ถ้าหลังจากนี้เขาจะทำอะไรประมาณ 「โปรดชมพลังของผม! 」 หรืออะไรก็ตามที่เขาคิดได้ บางทีประเทศนี้อาจหายไปคืนเดียว! แล้วผมไม่ทำอะไรเลยมีหวังจะต้องวิ่งหนีไปจากเนินนี้แน่ และบางทีอาจได้เดินไปบนทางราชาปีศาจแบบเต็มตัวด้วย แต่ไม่ว่ามันนำไปสู่อะไร
ผมก็ไม่ควรทำร้ายความภูมิใจของ'เท็นไก' ผมไม่สามารถไม่ทำให้กระจ่างได้
『 แน่นอน เท็นไก เราเชื่อในความสามารถและความจงรักภักดีของเจ้าอย่างยิ่ง แต่กระนั้นเราจะไม่ได้รับประโยชน์หากไม่เข้าหาผู้คน และเพื่อประโยชน์ของเรา เจ้าจะยอมไม่ได้หรือ?』
『…ที่ผมได้พูดล่วงเกินไป ต้องขออภัยด้วยขอรับ องค์หญิง ที่คนอย่างกระผมไม่อาจเข้าใจถึงแผนการอันกว้างขวางและลึกซึ้งขององค์หญิงได้ ที่สำคัญที่สุด ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งในความไม่บังควร-สรุปแล้ว มันไม่ใช่การว่าจ้างให้เด็กน้อยเช่นนั้นมาเป็นผู้คุ้มกัน แต่เป็นเพียงแค่....』
เมื่อเข้าใจได้แล้ว น้ำเสียงของ'เท็นไก'ก็สงบลง
『ใช่แล้ว มันเป็นเหตุผลส่วนตัวของเรา--』
『อาหารฉุกเฉินสินะขอรับ』
…ห๊ะ?!
『นั่นช่วยย้ำเตือนกระผมว่าองค์หญิงยังไม่ได้รับประทานอาหาร (ดูดเลือด) เลยตั้งแต่ที่ท่านได้ตื่นขึ้นมา กระผมและทุกคนต่างลืมเรื่องนี้ไปเลย นี่กระผมลืมไปได้อย่างไรกันนะ? …อา เขาช่างเป็นอาหารที่ดูไม่ดีเท่าไร แต่ดูเหมือนจะยังเวอร์จิ้นอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นอาหารที่หายากและน่าลิ้มลอง อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านสามารถรอต่อไปได้อีกสักพัก เขาคงไม่เป็นเพียงเจ้าหนูน้อยที่ดูไม่ดี แต่เป็นเลือดที่บริสุทธิ์และมีรสชาติที่ยอดเยี่ยม ใช่หรือไม่ขอรับ?』
อาหาร… เลือด… เวอร์จิ้น…. เด็กผู้ชาย…
คำพวกนั้นสะท้อนไปมาอยู่ในหัวผมคำต่อคำ อะ โอ ก็ผมเป็นเจ้าหญิงแวมไพร์ไม่ใช่หรอ!? พูดถึงเรื่องนี้ วันนี้ตอนที่ผมแอบลนลานตอนพูดคุยกับ'โจอี้' ด้วยความสัตย์จริง เมื่อผมเห็นแขนขาที่ดูสุขภาพดี หัวใจของผมมันก็เต้นระรัว ผมคิดว่าความรู้สึกนั้นมาจากการที่ผมกลายเป็นเด็กผู้หญิงเสียอีก
แต่ดูเหมือนว่าผมจะผิด นั้นเป็นเพียงแค่ความอยากอาหาร?! อันตรายจริงๆ!!
ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนี้เลยตอนที่ผมทำเรื่องขอให้'โจอี้'มาคุ้มครอง
แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนการอยู่ด้วยกันแบบนี้คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไรนัก ตะ แต่เมื่อผมรู้สึกถึงมัน คอที่ดูสุขภาพดีของ'โจอี้'และเส้นเลือดที่อยู่ในแขนขาของเขา ผมบังคับตัวเองให้ถอนสายตาออกมาจากสิ่งเหล่านั้น
End Author Note อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่'ฮิยูกิ'บอกว่าไอเทมพวกนั้นแพง เพราะเธอพิจารณามันเหมือนไอเทมกาชา ส่วนคุณค่าของมันในฐานะไอเทมเวทมนต์แบบที่'โจอี้'ว่านั้นไม่มีอยู่ในหัว เหตุผลสำคัญคือมีบางคนที่ได้ไอเทมพวกนี้มาอย่างง่ายๆจาก tutorial~.
ที่มา:https://my.dek-d.com/anom0206/writer/viewlongc.php?id=1475351&chapter=6