บทที่ 2 - การคลำทางในเงามืด
“โอ๊ส---! องค์หญิงทรงพระเจริญ-!!”
“ความรุ่งโรจน์แห่งจักรวรรดิสีเลือด!!”
“ชัยชนะแต่นายเหนือหัวฮิยูกิ!!”
“----แด่ชัยชนะ!!”
เสียงร้องตะโกนเชียร์ดังขึ้นจากทั่วโถงพระโรง ในที่สุดก็ตะโกนกันเสียทุกคน…ทำไมพวกผู้บัญชาการปีศาจถึงได้ถูกชักจูงได้ง่ายแบบนี้ละ?!
(TL: พวกนั้นอยากสู้มานานแต่ต้องเก็บกดไว้ พอได้รับอนุญาตก็เลยดีใจ แต่เรื่องนี้เจ้าตัวไม่รู้ว่าพูดตรงจุด)
ขณะที่ผมกำลังคิด สถานการณ์ก็หลุดออกนอกการควบคุมไปแล้ว
(อา แต่ตั้งแต่แรกผมก็ไม่คิดจะควบคุมหรอกนะ)
ใครบางคนขยับเข้ามาใกล้ขณะที่ผมกำลังเรียกสติตัวเองกลับมา
“สมกับเป็นองค์หญิง เป็นถ้อยคำที่ประทับใจอย่างยิ่ง”
'มิโคโตะ'ยิ้มปลาบปลื้ม
“โอ ช่างเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แม้ว่าอยู่ต่อหน้าผู้บัญชาการปีศาจจำนวนมากถึงเพียงนี้ ก็ไม่มีแต่จะกระพริบตา สมแล้วที่เป็นบุคคลที่เราผู้นี้ยกย่อง”
'อุสึโฮะ'ที่ปกปิดริมฝีปากด้วยพัดด้ามจิ๋วยิ้มด้วยท่าทางมีจริตมารยา
“……”
ผมเลี่ยงสายตาของผมออกไป ผมพูดถ้อยคำพวกนั้นออกไปด้วยวิญญาณและสลบไปในครึ่งหลัง... ผมจะไม่มีวันบอกใครเกี่ยวกับมันแน่ก่อนที่ผมจะรู้ตัว พวกผู้บัญชาการปีศาจก็เริ่มถกเถียงกันถึงหัวข้อที่แสนจะอันตรายเช่น... จะไปทำลายเมืองไหนก่อนดี? ใครจะออกรบคนแรก? ใครจะบาดเจ็บเป็นคนแรก? จะเหลือประชากรเอาไว้เท่าไร?
พวกเขาควรจะถูกห้าม แต่ทว่าเมื่อพวกเขารวมกลุ่มกันแบบนี้แม้แต่ผู้เล่นระดับสูงใน ‘Eternal Horizon Online’ มาร่วมกันต่อกรก็อย่าหวังเลยว่าจะหยุดพวกเขาได้!ในกรณีนี้ ทางเลือกที่เป็นไปได้มากสุดในการหยุดพวกนี้ก็คงเป็นตั้งเป้าไปที่หัวหน้า...
และถ้าผมคิดไม่ผิด หัวหน้าที่ว่านั้นก็คือผมนั่นแหละ เพราะฉะนั้นมันก็ล้มเหลวสินะ!? แต่ว่าผมจะคิดยังไง ผมก็แพ้ทางเดียวเลย เข้าใจกันไหม?!นี่ผมเผลอทำอะไรผิดไปหรือเปล่า มันต้องมีบางอย่างผิดพลาดเกี่ยวกับสามัญสำนึกของพวกนี้แน่ๆ!นายเหนือหัวของพวกเราฟื้นคืนกลับมาหลังจากที่หายไปอย่างยาวนาน ช่างดีงามยิ่ง!
เท่านี้บ้านเมืองก็สามารถก้าวเดินไปอย่างเช่นที่ผ่านมาได้แล้ว เอาละ มาเริ่มสงครามและยึดครองโลกกันเถอะ!!…นี่มันปกติหรือไง!? ทำไมจู่ๆก็ได้ข้อสรุปออกมาแบบนี้กัน?!?
“สีหน้าท่านดูแปลกไป ไม่ทราบว่ามีอะไรรบกวนใจท่านหรือขอรับ? องค์หญิง”
“-อา เราอยากได้คำอธิบายสิ่งที่เจ้ารู้”
ผมดีดคำถามที่ค้างคาอยู่ในความคิดออกไปให้'เท็นไก'ที่ขยับเข้ามาถามผมเกี่ยวกับสีหน้าเป็นกังวลของผล'เท็นไก'คุกเข่าก้มหน้าชิดกับเข่าด้วยความตกใจ
“ต้องขอประทานอภัยด้วย กระผมดีใจเกินไปกับการหวนคืนของท่านจนลืมอธิบายสิ่งสำคัญไป กระผมยินดีรับการลงทัณฑ์ตามแต่ท่านจะเห็นสมควรขอรับ”
“ไว้ค่อยขอโทษทีหลัง อธิบายมาได้แล้ว”
ได้โปรด- ผมกลืนคำสุดท้ายลงไปด้วยความหวาดกลัว
'เท็นไก'โค้งครั้งหนึ่งปล้วลุกขึ้น เขาหันไปทางพวกปีศาจที่กำลังอยู่ในการอภิปายอย่างอบอุ่น
(ถึงแม้ว่าจะมีหินและลูกไฟและวงแหวนเวทบินไปรอบๆ ดูท่าการอภิปรายจะสายเกินไปที่จะหยุดด้วยคำพูดแล้ว)
“จงเงียบซะ เจ้าพวกโง่ พวกเจ้าอยู่เบื้องหน้าองค์หญิงนะ!!”
มันเป็นเสียงที่ดังเหมือนสายฟ้าผ่า
อา มีฟ้าผ่าออกมาจริงๆด้วยละ…ถ้าเป็นการโจมตีตรงๆผมคงตายในทันทีเลยละและด้วยคลื่นเสียงนั้น HP ของผมก็ลดลงไปทันทีไม่น้อยกว่า 3% เมื่อผมลองตรวจสอบดู ผมแอบร่ายเวทรักษาตัวเองเงียบๆ ชีวิตของผมตอนนี้เป็นคบไฟที่ล้ำค่ากว่าอะไรทั้งสิ้นและด้วยเหตุเดียวกัน
พวกมอนเตอร์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เพราะพวกเขาได้รับการโจมตีโดยตรง การอภิปายจึงถูกโยนลงน้ำ และจมลงสู่ความเงียบอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจนัก
“สุภาพบุรุษทั้งหลาย ความจริงที่ผมเชิญทุกท่านมาก็เพื่อพูดคุยกันในเรื่องการกลับคืนชีพขององค์หญิงและถวายรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน... ไม่สิ สถานการณ์ภายในปราสาทหยกโลหิตแด่องค์หญิงซึ่งเพิ่งฟื้นขึ้นมา”
หลังจากที่เขาพูดเช่นนั้น 'เท็นไก'ก็ย้ายจากชั้นบนสุดไปยังชั้นล่างสุดของบันไดตรงหน้าบังลังก์ เขาแสดงความเคารพแล้วโค้งคำนับให้ผม
“องค์หญิง หลังจากที่ท่านได้หลับใหลไปเมื่อ 100 ปีก่อน แม้ว่าเป็นเพียงความอวดดีของกระผมแต่โปรดให้กระผมได้อธิบายถึงสถานการณ์ในตอนนี้ด้วยเถิด”
100 ปี หืม... ในมุมมองของมนุษย์แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานอยู่นะ ผมละสงสัยจริงว่าสามัญสำนึกของบนโลกนี้จะเป็นยังไงกัน?
“ขณะที่องค์หญิงหลับใหล พวกเราต่างพยายามลองใช้ทุกเวทมนต์ และลองดื่มยาทุกชนิดที่มีในปราสาทแล้ว แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบสนองเลย-”
“….เดี๋ยวนะ ให้เราที่นอนอยู่ดื่มยาหมายความว่ายังไง?”
“ขออภัยด้วยที่เสียมารยาท แต่กระผมจำเป็นต้องใช้วิธีจุมพิต”
“……”
อา มันช่วยไม่ได้นี่ใช่ไหม? ก็มันเป็นเรื่องฉุกเฉินละนะเหมือนกับเครื่องช่วยหายใจไง นอกจากนี้ยังโชคดีอีกที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายเซ็กซี่....
ขณะที่ผมคิดแบบนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนบางอย่างที่สำคัญในจิตใจของผมกำลังปริแตก
“จากนั้น เมื่อองค์หญิงเข้าสู่สภาวะหลับใหล ปราสาทหยกโลหิตก็ลอยตัวขึ้นสูงเหนือกลุ่มเมฆ”
อา ก็เป็นเรื่องปกติละนะที่ไม่สามารถควบคุมมันได้ถ้าไม่ใช่เจ้าของ ตัวอย่างเช่น สมาชิกในกิลด์
“แล้วสมาชิกในกิลด์คนอื่นละ... อย่าง ลุโปกกุ-ซังกับทาเมโกโระ-ซังไม่ได้อยู่ด้วยหรือ?”
ผมพูดชื่อของรองหัวหน้ากิลด์ทั้งสอง
“ท่านที่เป็นเสมือนพระเจ้าเหล่านั้นหรือขอรับ? ช่างเสียดาย ไม่ขอรับ บนเกาะนี้ไม่สามารถใช้แท่นวาปและเวทวาปหรืออะไรทำนองนั้นได้เลย แม้แต่จะบินหนีออกไปก็เป็นไปไม่ได้ขอรับ”
เหล่ามอนเตอร์ที่สามารถใช้เวทวาปกับเวทมนต์มิติได้พากันยืนยันด้วยอีกเสียง นอกเหนือจากนั้นมอนเตอร์ที่สามารถกระโจนข้ามสายลมได้ก็พูดถึงสิ่งที่พวกเขาเจอเช่นกัน ตามที่พวกเขากล่าว สิ่งที่เกิดกับปราสาทหยกโลหิตดูเหมือนจะไม่ใช่คำสาปเวทมนต์ เพราะสามารถเคลื่อนย้ายไปมาภายในสวนลอยฟ้าได้
แต่มันจะไร้ผลเมื่อพวกเขาพยายามจะออกไปที่อื่นจากที่พวกนั้นว่า เมื่อบินออกนอกปราสาทหยกโลหิตก็จะถูกความมืดรอบๆสวนลอยฟ้ากลืนไปและก่อนที่จะรู้ตัวก็วกกลับมาที่เดิมเสียแล้ว
(ดูเหมือนว่าแม้แต่เท็นไกก็ยังผ่านมันไปไม่ได้)
ด้วยเหตุนั้น พวกเขาจึงล้มเลิกที่จะหนีออกไปจากสวนลอยฟ้า เพื่อหาอะไรทำปีศาจทั้ง 86,789 ตน
(ปีศาจชนิดเดียวกันสามารถเก็บไว้ในคลังได้ 99 ตนต่อ 1 ช่อง ดังนั้นจึงมีปีศาจจำนวนไม่น้อยในคลังเก็บของ แต่ตอนนี้ดูจะถูกปล่อยออกมาหมดแล้ว)
รวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือ และดูเหมือนผลที่ได้คือการตั้งสภาขึ้นชั่วคราว
(TL: นั่นคือสภาโต๊ะกลมนั่นเอง)
โดยประกอบด้วย 4 ราชามารสวรรค์ 7 สัตว์ร้ายแห่งภัยพิบัติ และ 13 แม่ทัพปีศาจและตอนนี้ นับจากที่ผมหลับใหลไปรวมปีนี้ด้วยก็ 100 ปี ก็ดูเหมือนจะเกิดเหตุการณ์แปลกๆขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งที่มี ในที่สุดก็มีปีศาจสามารถทะลุผ่านความมืดออกไปได้อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาได้เห็นนั้น
“…มันแตกต่าง ทั้งชนิดของปีศาจ เมืองและภูมิประเทศล้วนแตกต่างไปจากที่พวกเราเคยรู้จัก”
ดังนั้นหลังจากสอบถามกันหลายต่อหลายหน สภาโต๊ะกลมก็ได้ข้อสรุปออกมา นี้คือต่างโลกที่คล้ายคลึงกับโลกที่เรารู้จัก
(TL: โลกเกม)
End Author Notes ฉันคิดว่าคนที่อ่านส่วนใหญ่คงรู้บ้างแล้ว กิลด์มาสเตอร์แห่ง『กิลด์แมวสามสี』คือตัวเอกและเกี่ยวกับ 『7 สัตว์ร้ายแห่งภัยพิบัติ』 พวกเขานั้นเป็นบุคลที่ถือครองความสามารถที่เจ๋งกว่าบอสทั่วไป
ได้มาจากผลสรุปของการสร้างฝูงสายพันธุ์มอนเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นจึงเรียกกันว่า 「ทหารผ่านศึก」 『13 แม่ทัพปีศาจ』นั้นเป็นบอสในดันเจี้ยนมาตั้งแต่แรก จึงเป็นเหมือน 「ทหารชั้นยอด」
ที่มา:https://my.dek-d.com/anom0206/writer/viewlongc.php?id=1475351&chapter=4