ตอนที่ 13 ดูเหมือนว่าสวนแห่งนี้ จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
สู้ๆนะตัวผมตอนนี้ผมกำลังเจอกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหัน ซึ่งผมไม่เข้าใจมากนักว่าเกิดจากอะไร.. แล้วตอนนี้ ผมเลยพยายามที่จะให้กำลังใจตัวผมเองอะโซระมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มันกลายเป็นสถานที่ที่ยากจะเข้าใจได้มากขึ้นเรื่อยๆว้าว...ตรงสุดขอบฟ้าของอะโซระ.. ผมมองเห็นป่าไม้ที่มีสีดำสนิท
ก่อนหน้านี้ตรงนั้นเคยเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวมาก่อน.. ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีป่าไม้อื่นๆโผล่ขึ้นมายังบริเวณใกล้เคียงกับเต้นท์ของพวกเราอีกด้วยแล้วก็.. แม่น้ำที่ดูเหมือนว่าจะมีอยู่ที่นี่มาแต่แรกแล้ว ตอนนี้กำลังไหลลงมาอย่างชัดเจน.. แม่น้ำมันไหลผ่านหมู่บ้านของพวกออร์ค และยังคงไหลต่อไปยังที่ไหนสักแห่งหนึ่ง..
บางที อาจจะมีทะเลตรงส่วนปลายสุดของสายน้ำหล่ะมั้ง?นี่มันไม่ใช่ภาพลวงตา..ผมเริ่นต้นสำรวจอีกครั้ง.. แต่ดูเหมือนว่าภูมิประเทศจะขยายใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นเดียวกัน กำแพงหมอกซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปในอะโซระ ตอนนี้ผมกลับจำเป็นจะต้องใช้ [ซากาอิ] เพื่อที่จะมองเห็นได้ว่า มันอยู่ห่างออกไปไกลถึงเพียงไหน..
สายน้ำไหลผ่านกำแพงนั้นแล้วก็หายไป บางทีในอนาคตมันก็คงจะขยายใหญ่มากกว่านี้ขึ้นไปอีก..ขนาดของมันอาจเทียบเท่าได้กับฮอกไกโด.. ผมก็พูดไปตามสิ่งที่ผมคิดออกนั้นแหละ แต่ผมคิดว่า ที่แห่งนี้ก็ยังใหญ่เกินกว่าจะเรียกมันว่าอำเภอด้วยซ้ำจากทั้งอะโซระ.. ผมรู้สึกได้ว่าพืชพันธุ์กับแหล่งน้ำเองก็เพิ่มขึ้น
ผมเริ่มสงสัยแล้วว่ามันจะกลายเป็นแผ่นดินญี่ปุ่นทีละนิดๆ รึเปล่า? จริงอยู่ว่ามันไม่มีบ้านหรือทุ่งนาให้เห็นเลย.. แต่บรรยากาศแบบนี้ มันบ่งบอกได้ว่าที่นี่คือญี่ปุ่นทะ..ที่นี่มันจะไม่เสถียรไปถึงไหนกัน.. สถานที่แบบนี้.. มันจะยังเรียกได้ว่าปลอดภัยสำหรับการอยู่อาศัยจริงเหรอ?แต่สุดท้ายแล้ว.. ผมก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้น แล้วสูดอากาศเข้าไป
เพราะว่าที่แห่งนี้ มันมีบรรยากาศเหมือนกับญี่ปุ่น
ผมตื่นขึ้นมาที่เต้นท์ ที่ซึ่งพวกออร์คเตรียมไว้ให้กับผมตอนที่ผมตื่นขึ้นมา มีผู้หญิงผมสีดำอยู่ข้างๆกับผม แล้วก้มหัวลงพร้อมๆกับวางนิ้วมือสามนิ้วไว้กับพื้น*
[เป็นการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะกับคู่หมั้นของตัวเอง]
หลังจากความเงียบสงัดเข้าปกคลุมได้สักพักหนึ่ง.. หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้น
" ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ ท่านเจ้านาย.. ต้องขอบคุณท่านจริงๆ ที่ทำให้ฉันได้ลิ้มรสประสบการณ์ที่เรียกว่า อิ่มท้อง.. เป็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่ที่ฉันเกิดมาเลยค่ะ♫ "”
เธอพูดประโยคเหล่านั้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข และมีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อยผมไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ตอนนี้เลย
" รอเดี๋ยวก่อน รออยู่ตรงนั้นก่อนนะ "”
(มาโกโตะ)
ผมหลบเลี่ยงหญิงสาวผู้ซึ่งเมื่อกี้นี้พูดอะไรบางอย่าง และเดินออกมาจากเต้นท์ผมอยากที่จะทำให้ใจของผมสงบลง.. แต่เมื่อผมเดินออกมา จิตใจผมก็ยิ่งแตกกระเจิงบ้าจริงอะโซระ.. สนุกมากเหรอไงที่เอาแต่ไล่ต้อนให้ผมจนมุม.. ตอนนี้ผมตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสบสนพออยู่แล้ว แต่ถ้าหากอยู่ดีๆ อยากจะเปลี่ยนภูมิทัศน์ตามอำเภอใจหล่ะก็.. อย่างน้อยบอกผมก่อนก็ยังดี
แต่ดูเหมือนว่าผมจะหาหนทางหนีจากสถานการณ์นี้ไม่ได้แน่.. ตอนนี้เริ่มที่จะดึกแล้วรึ?ดูเหมือนว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เลยด้วยซ้ำ.. ผมไม่มีทางเลือก นอกจากเดินกลับไปหาหญิงสาวกลับก่อนละกัน
" ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ "”
คนคนเดียวที่ผมสามารถพูดคุยด้วยได้คือหญิงสาวผู้งดงามคนนี้.. มันไม่มีทางเลือกอื่นผมเลยตัดสินใจถามคำถามเธอหลายคำถามเลย ??ผู้หญิงคนนี้คือแมงมุมเธอคือเจ้าตัวสีดำสุดโรคจิตนั้น.. เจ้าตัวที่มันกินพลังเวทย์มนต์ และไม่ว่าผมจะตัดมันเท่าไหร่ มันก็งอกออกมาใหม่ได้เรื่อยๆ
สุดท้ายผมก็เลยจมปรักอยู่กับความทุกข์ทรมานยิ่งไปกว่านั้น เธอยังพูดเรื่องเข้าใจยากอย่างเช่น 'ฉันได้ทำสนธิสัญญาแล้วค่ะ' แล้วก็ก้มหัวของเธอลงสนธิสัญญา..
จากที่ผมได้ยินมา มันจำเป็นจะต้องได้รับการยินยอมจากทั้งสองฝ่าย แต่ว่า..ในความเป็นจริง ดูเหมือนมันไม่จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากทั้งสองฝ่ายก็ได้.. จริงๆ อาจจะทำสัญญาสำเร็จด้วยวิธีการอื่นอีกก็ได้.. แต่ยังไงผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีบางที.. เธออาจจะเอารอยนิ้วมือของผมไปในระหว่างที่ผมหลับ แล้วมันก็ดันสำเร็จขึ้นมาจริงๆก็ได้นะ?..
ผมหล่ะสงสัยกฏเกณฑ์ในโลกแห่งนี้จริงๆ.. อ่า จริงด้วยสิ.. ไอ่เทพธิดาบ้านั้นเป็นคนกำหนดกฎพวกนี้ขึ้นมานี่นา ฉะนั้นมันก็คงหมดหนทางเยียวยาอยู่ดีด้วยวิจารณญาณของผม ผมเริ่มที่จะเชื่อในสิ่งที่หญิงสาวคนนี้พูดผมรู้สึกได้ว่า เรื่องทุกเรื่องเริ่มที่จะปะติดปะต่อกันมากขึ้นเข้าใจหล่ะมาถึงขั้นนี้.. ผมก็คงไม่สามารถยกเลิกสนธิสัญญาณได้อีกแล้ว มันเป็นระบบที่ไม่น่ายินดีสำหรับตัวผมเลยจริงๆ
" ดังนั้น.. ถ้าหากให้พูดสรุปก็คือ ตัวฉันในตอนนี้ ในร่างกายของมนุษย์ และกำลังนั่งอยู่ข้างหน้าของท่าน.. เป็นเพราะว่าฉันได้รับการปฏิบัติที่ยากจะอธิบายได้จากท่านค่ะ กล่าวคือ ครั้งแรกในชีวิตที่ฉันได้สัมผัสสิ่งอื่น ซึ่งไม่ใช่ความหิวโหยค่ะ.. ฉะนั้นแล้ว ฉันขอถวายทั้งกายและใจเพื่อที่จะรับใช้ท่านตลอดทั้งชีวิตค่ะ "”
(แมงมุม)
มันจะต้องเป็นความรู้สึกจากใจจริงของเธออย่างแน่นอน.. ผมนึกไม่ออกเลยว่าตอนที่เธอเป็นแมงมุมแล้วถูกครอบงำด้วยสัญชาตญาณของเธอ เธอจะรู้สึกอย่างไรบ้าง.. แต่สิ่งที่เธอพูดในตอนนี้ต้องไม่ใช่คำโกหกอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น.. ถ้าหากบทสนทนามันเลวร้ายลง ใครจะรู้หล่ะว่าผมจะต้องเจอเหตุการณ์น่ากลัวอะไรอีกบ้าง กับหญิงสาวแสนหิวโหยคนนี้
ผมไม่อยากจะเจออะไรแบบนั้นอีกแล้ว ไม่อยากเจอเลยจริงๆ.. นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมเลย ที่ผมได้เจอกับสิ่งที่เรียกว่ารถแทรกเตอร์ผมก็เลยได้แต่พยักหน้า.. มันเป็นกฎเหล็กในการเอาชีวิตรอดในโลกความเป็นจริงอยู่แล้วอ๊ากกกก!! โลกนี้มันมีเหตุการณ์ภาคบังคับเยอะเกินไปแล้ว
แถมการดำเนินเรื่องมันยังเร็วเกินไปอีก!นี่มันแปลกมาก.. ผมมีความมั่นใจในเรื่องของทักษะการเอาชีวิตรอดนะแต่จริงๆแล้วมันก็แค่ความมั่นใจในสมัยมัธยมเท่านั้นแหละ ผมมันก็ไม่ต่างจาก 'กบในกะลา' หล่ะมั้ง?
" ว่าแต่ เช็นอยู่ไหนเหรอ? "”
(มาโกโตะ)
ผมรู้ว่าเต้นท์นี้ก็คือเต้นท์ของผมเอง ที่ซึ่งอยู่ในอะโซระและตอนนี้น่าจะดึกมากแล้วด้วยเช่นกันผมได้ยินมาว่า ช่วงเวลาในอะโซระนั้น ดำเนินไปพร้อมกันกับโลกข้างนอก.. ฉะนั้นตอนนี้ โลกด้านนอกเองก็คงจะมืดแล้วเช่นกัน
" ถ้าเป็นเช็นหล่ะก็ เธอกำลังรออยู่ข้างนอกค่ะ "”
เอ๋..? ผมมั่นใจแล้วนะว่าไม่มีจิตสังหารอยู่รอบๆ ตอนผมออกไปข้างนอกเมื่อกี้ แต่ว่า..ผมตรวจสอบรอบๆตัวอีกครั้งอยู่ดีๆก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหาร.. คนที่ปล่อยรังสีนี้ออกมาจากหน้าทางเข้าเต้นท์ จะต้องเป็นเช็นอย่างแน่นอนมันดึกขนาดนี้แล้ว.. แต่เธอกลับรออยู่ข้างนอกงั้นเหรอ? เธออาจะมีธุระกับผม แต่ผมมีรางสังหรณ์ไม่ดียังไงไม่รู้เพราะถ้านับช่วงเวลาที่เช็นทำให้ผมรู้สึกมีความสุขได้แล้วนั้น.. ทั้งหมดคือ 0 แต่ว่า การที่เธอยืนอยู่ที่นี่ และรอให้ผมตื่นนั้น.. ยังไงผมก็ทิ้งเธอไว้ข้างนอกไม่ได้อยู่ดี
" ไปเรียกเธอให้ผมหน่อยได้ไหม? "”
(มาโกโตะ)
" ได้ค่ะ ท่านเจ้าบ่าว "”
(แมงมุม)
" แค่ก!! "”
(มาโกโตะ)
ท่านเจ้าบ่าว?! ท่านเจ้าอะไรบ่าวนะ?!เมื่อกี้นี้เธอยังเรียกผมว่า ท่านเจ้านายอยู่เลยไม่ใช่เรอะ?!
ถึงผมจะไม่ชอบที่เธอเรียกผมแบบนั้นด้วยก็เถอะหญิงสาวลุกขึ้นโดยไม่ส่งเสียงใดๆ... เนื่องด้วยสาเหตุบางอย่าง เธอกำลังสวมเสื้อแปลกๆซึ่งเป็นสีดำโปร่งใส่ และกำลังเปิดเผยเลือนร่างของเธอให้ผมเห็น อืม~ กริยาท่าทางของเธอดูเป็นกุลสตรีดีนะ ว่าไหม?เดี๋ยวนะ.. จริงด้วยสิ!
ไม่ดีแน่.. ถ้าหากผมพาผู้ติดตามทั้งสองคนเข้าไปในเมืองสะดุดตามันจะต้องสะดุดตาเป็นอย่างมากแน่ๆผมปรับความรู้สึกอีกครั้ง..
แล้วมองไปยังพี่สาวผมดำซึ่งกำลังอยู่ที่หน้าทางเข้าเต้นท์ทรงผมบ๊อบสีดำเข้ม หางตายาวที่ถูกยกให้สูงขึ้นเล็กน้อยผิวสีขาวเนียน ที่อาจจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเครื่องเซลามิกลายครามได้ง่ายๆ แล้วก็มีริมฝีปากที่สง่างาม..เป็นหญิงสาวที่งดงาม และเรียกได้ว่าเหมือนกับคนญี่ปุ่นมาก และเธอก็สูงกว่าผมอีกแล้ว..
ถึงจะไม่สูงเท่ากับเช็นก็เถอะผมเริ่มคิดมาตั้งแต่ตอนที่เจอกับ'เช็น' รวมไปถึงเอม่าด้วย ว่าทำไมคนที่เข้ามาใกล้ผมกลับไม่ใช่มนุษย์เลยสักคน?
จริงด้วยสิ.. เธอทักทายผมด้วยการก้มหัว แต่ผมกลับยังไม่รู้แม้แต่ชื่อของเธอเลย..แบบนี้ผมเรียกเธอว่าผู้ไร้นามดีไหม? หรือเรียกเธอว่าหมายเลขสองดี?..
ส่วน'เช็น'ก็หมายเลขหนึ่งชื่อที่เหมาะกับหญิงสาวผู้สง่างามทั้งสองคน..
ไม่ใช่ชื่อที่จะมอบให้กับคนที่ทำให้ผมปวดหัวชื่อ.. ผมต้องคิดชื่อให้พวกเขาให้ได้ ถ้าหากผมยังเรียกพวกเขาแบบเดิมอยู่หล่ะก็ ตำแหน่งในอะโซระของพวกเขา จะต้องต่ำลงกว่าเดิมแน่ๆถ้าพูดถึงเรื่องของตำแหน่ง..
ถ้าหากเช็นพาศัตรูมาที่อะโซระแล้วบังคับให้ผมต้องสู้กับมันอีกหล่ะก็.. ผมจะต้องคิดถึงเรื่องสถานที่ที่เหมาะสมในการต่อสู้ จะได้ไม่ไปกระทบกับผู้อยู่อาศัยอื่นๆในอะโซระถ้าเช็นจะทำแบบนั้นอีก..
ผมคงจำเป็นจะต้องคุยกับเช็น ในเรื่องของอะโซระเป็นการส่วนตัวซะแล้วอีกประเด็นหนึ่งคือ.. เรื่องของการสร้างเมือง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ริเริ่มไปมากนัก แต่พวกเราก็วางแผนเตรียมไว้ในอนาคตแล้ว รวมไปถึงกำหนดขอบเขตของเมืองไว้แล้วด้วยเช่นกันมีหลายอย่างที่ต้องทำกองเป็นภูเขาเลยสินะแล้วก็อีกอย่างหนึ่ง..
กระเป๋าที่ผมพกติดตัวมาด้วย ตอนถูกย้ายมายังโลกแห่งนี้ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า มันช่วยอะไรไม่ได้เลยทำไมผมถึงขนหนังสือพวกนี้มา? ในเมื่อมีความสามารถของเช็นที่สามารถส่องความทรงจำของผม เพื่ออ่านหนังสือที่ผมเก็บไว้ในห้องได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว! ผมนึกว่าผมตัดสินใจถูกต้องแล้วซะอีก ที่นำหนังสือพวกนี้มา แต่ดูเหมือนว่าผมควรจะต้องร้องไห้สินะ
ฮือ..แต่ว่าพวกไดอารี่กับปากกา..
กำลังทำหน้าได้เป็นอย่างดีเลยหล่ะ แต่ว่าความจำเป็นของพวกมันก็อย่างที่คิด.. ค่อนข้างต่ำมากชื่อ - สำรวจโลก - อะโซระ - ชื่อ - สำรวจโลก - อะโซระ....ผมควรจะเลือกทำอันไหนก่อนดีนะ?สิ่งที่ควรทำในทันทีก็น่าจะเป็นชื่อสินะ..
เอาหล่ะ งั้นผมก็เริ่มจากคิดชื่อให้พวกเขาก่อนละกันและขณะที่ผมคิดชื่อให้พวกเขา.. ผมก็จะเดินไปสำรวจรอบๆอะโซระ และมองดูโครงสร้างของโลกแห่งนี้ เสร็จแล้วก็วางแผนสำหรับการสร้างเมืองเอาหล่ะ.. เริ่มต้นที่เขตของเหล่าออร์ค ผมคิดว่าถ้าเว้นช่องว่างไว้ระหว่างหมู่บ้านก็น่าจะโอเคแล้ว
ยังไม่จำเป็นต้องรีบอะไร ก่อนที่แผนก่อสร้างเมืองจะเป็นรูปเป็นร่างพวกออร์คเองก็กำลังยุ่งอยู่กับการปรับเสถียรภาพให้แก่หมู่บ้านของพวกเขา ใช่ไหม? เช็นไม่ได้สั่งอะไรเกินเลยใช่ไหม?
ยังไงก็เถอะ.. ผมคิดว่าถ้าหากผมมอบให้เช็นจัดการทุกอย่าง ผมรู้สึกได้ว่าเธอจะต้องการสร้างเมืองเอโดะ หรือไม่ก็โตเกียวเป็นแน่.. ซึ่งมันฟังดูน่ากลัวมากเหมือนกับในสมัยโบราณ หรือในช่วงยุคกลางในโลกของผม..
ที่เธอจะใช้งานพวกเขาอย่างกับม้า โดยไม่พิจารณาหรือไตร่ตรองอะไรเลยถ้าหากเกิดกบฎขึ้นในอะโซระหล่ะก็.. มันคงไม่ใช่เรื่องที่น่าขำแน่ๆ
" โอ้~ นายท่าน ท่านฟื้นแล้วหรือ "”
(เช็น)
" อ่าใช่ แต่ฟื้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกันนะ.. ดูเหมือนว่าผมจะทำสนธิสัญญาอันใหม่แล้วด้วย.. แต่ว่า.. ในตอนนั้นเธอทำอะไรอยู่? "”
(มาโกโตะ)
" แน่อยู่แล้ว ข้าก็ช่วยทำสนธิสัญญาด้วยเช่นกัน มันก็ยังดีกว่าถูกกินเยอะใช่ไหมหล่ะ? แล้วก็.. ถ้าหากพวกเราไม่ทำสนธิสัญญากับมัน หรือฆ่ามันทิ้ง.. แต่กลับปล่อยมันไว้เฉยๆ ใครจะไปรู้หล่ะว่าในอนาคต มันอาจจะกระโดดเข้าใส่พวกเราอีกก็ได้ "”
(เช็น)
เมื่อพูดเสร็จ 'เช็น'ก็ชี้นิ้วไปยังเจ้าแมงมุม ที่ซึ่งตอนนี้กลายเป็นหญิงสาวมันก็จริงที่ผมไม่อยากโดนมันกระโดดใส่อีกรอบ นั้นคือหนึ่งในเหตุผลที่ผมยอมรับสนธิสัญญาในครั้งนี้ดูเหมือนว่าเช็นจะเป็นคนจำพวก... อะไรจะเกิดมันก็เกิดสินะ
" ฉันถูกตั้งแต่ให้เป็นบริวารผู้ซื่อสัตย์ และฉันเองก็พอใจกับมันด้วยค่ะ "”
(แมงมุม)
'เช็น'ยิ้มเหมือนกับจะบอกว่า 'แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก' ขณะที่แมงมุมสาวพูดว่า 'ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ'พวกเขาไม่รู้สึกถึงจิตใจที่แถบจะป่วยของผมเลยสินะ..
" แล้ว เธอต้องการจะคุยเรื่องอะไรเหรอ? การที่เธอมายืนรอผมในช่วงกลางดึกแบบนี้.. เพราะว่าเธอมีธุระอะไรบางอย่างกับผม ใช่ไหม? "”
(มาโกโตะ)
" โอ้.. จริงด้วยสิ.. เฮ้ ออกมาได้แล้ว "”
(เช็น)
เธอมองไปยังหน้าทางเข้าเต้นท์และกวักมือเรียกใครสักคนคนที่เดินเข้ามาก็คือคนที่มีหนวดเครายาวไปทั่วทั้งตัว
โอ้~ ความสูงนี้ แล้วก็ร่างกายที่ดูกำยำ..เขาคือคนที่ตัวเตี้ยกว่าผม! และใบหน้าของเขาก็ปกติอีกด้วย! คิดว่านะ..!
โอ้ออ~ ในโลกนี้ยังมีคนที่ร่างกายดูปกติเหมือนผมอีกเหรอเนี่ยผมจำได้แล้ว.. เขาคือคนที่'เช็น'กำลังอุ้มอยู่ ในตอนที่แมงมุมนั่นปรากฎตัว
" เขาคือดวอร์ฟ? "”
(มาโกโตะ)
'เช็น' แมงมุมสาว และดวอร์ฟ(?) เปลี่ยนสีหน้าอย่างกระทันหัน
" ใช่แล้วหล่ะ.. นายท่านนี่รอบรู้จริงๆเลยน้า "”
(เช็น)
'เช็น'ทำหน้าที่เป็นตัวแทนและยกย่องผม.. ส่วนคุณ'ดวอร์ฟ'(?)เองก็มีสีหน้าตกใจเช่นกัน ที่ผมรู้จักเผ่าพันธุ์ของเขา ส่วนคุณแมงมุมก็แค่พยักหน้าหรือว่าเผ่าดวอร์ฟจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่หาได้ยาก?
" และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ใช่ดวอร์ฟธรรมดาทั่วไป! พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์โบราณที่สร้างสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ และอุปกรณ์ในตำนานต่างๆอีกด้วย พวกเขาคือเหล่าดวอร์ฟที่ถูกยกย่องและได้รับชื่อว่าผู้อาวุโสเลยน้า.. "”
(เช็น)
หือ?นั่นหมายความว่าพวกเขาเป็นดวอร์ฟที่พิเศษมากงั้นเหรอ?แต่ดูเหมือนว่าจะหายากนั้นแหละในตอนที่ผมกำลังใช้ความคิด.. คุณดวอร์ฟก็ก้าวมาข้างหน้า และดึงสติของผมกลับมาสู่ความเป็นจริง
" เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับท่าน.. และอย่างที่ท่านพูดมา ผมคือเผ่าดวอร์ฟครับ ผมรู้สึกขอบคุณอย่างมากที่ท่านได้ช่วยชีวิตผมไว้ "”
(ดวอร์ฟ)
" อ่า ไม่เป็นไรครับ.. ผมชื่อมิซุมิ มาโกโตะ.. ได้โปรดเรียกผมว่ามาโกโตะด้วยครับ.. อืม... "”
(มาโกโตะ)
" ขะ..ขอโทษที่ผมหยาบคายครับ!!!! ผมชื่อว่า เบเรน ครับผม!! "”
(เบเรน)
" ขอบคุณสำหรับมารยาทนะครับ.. อืม คุณเบเรนครับ ในส่วนที่ผมช่วยคุณ ถ้าหากความจำผมถูกต้อง คนที่ช่วยคุณคือเช็นไม่ใช่ผมนะครับ "”
(มาโกโตะ)
" เอ๋? ไม่ใช่แบบนั้น.. ข้าแค่เห็นว่าเขากำลังจะถูกกิน ข้าเลยพาเขามายังอะโซระก็แค่นั้นเอง "”
(เช็น)
'เช็น'ผู้ซึ่งเงียบและฟังบทสนทนามาตลอด.. อยู่ดีๆก็พูดแทรกเข้ามาแบบนั้นก็ถูกแล้วนิ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ที่จะคิดว่าคนที่ช่วยเหลือเขาก็คือเช็นนะ
" ใช่ครับ ท่านเช็นพาผมมาที่นี่เพื่อซ่อนตัวจากแมงมุมยักษ์นั้น แล้ว... "”
(เบเรน)
เขาหยุดพูดไปชั่วขณะแล้วมองไปยังหญิงสาว และทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก..
เขาถูกเธอโจมตีและเกือบจะถูกกิน ฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรในสีหน้านั้น ผมรู้สึกได้ว่าดวงตาของเขามองเธอเหมือนกับว่าเธอไม่ใช่คนที่ผิด.. ภายใต้ใบหน้าของเขา เขาแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขากำลังจ้องไปที่ คนที่พยายามจะกินตัวเขาเองเมื่อไม่นานมานี้ก็เถอะ
" และแมงมุมยักษ์นั้น ท่านก็ได้จัดการกับมันแล้ว.. ผมได้ยินมาว่าคำสาบในตัวมันได้ถูกคลายออก และเจ้าแมงมุมก็ได้กลายร่างเป็นหญิงสาวซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น "”
(เบเรน)
ฮัลโหล..ฮัลโหล??มันก็แค่แมงมุมที่กำลังหิวโหยอยู่ใช่ไหม? ทำไมมันถึงกลายเป็นนิทานปรัมปราแบบนั้นหล่ะเช็น?ผมพูดกับเช็นผ่านทางสายตาก็น้านายท่าน.. ถ้าหากพวกเราเล่าไปแบบนี้ เรื่องในคราวนี้ก็น่าจะจบลงได้ง่ายๆ จริงไหมหล่ะ? และยิ่งไปกว่านั้น.. พวกเราอาจจะได้เผ่าดวอร์ฟเหล่านี้เข้าเป็นพวกอีกด้วยน้าเฮ้อ..
เธอก็แค่อยากจะสร้างดาบคาตานะ จริงไหม?พวกเขาเกือบจะถูกกินอยู่แล้ว ฉะนั้นข้าไม่มีทางเลือกอื่นหรอก.. จบลงแบบนี้ก็ดีแล้วนี่นาการพูดด้วยสายตาจบลงอึก...
ช่างเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายจริงๆ ผมรู้สึกสงสารดวอร์ฟคนนี้นิดหน่อยพอผมมองกลับไปหาคุณเบเรน.. ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกตัวถึงสายตาของผม และเริ่มพูดต่อไป..
" แมงมุมตัวนั้น.. ตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว.. กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็หายไปอย่างเงียบๆ.. มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าภัยพิบัตเลยหล่ะครับ.. ในอดีต มันกินแม้กระทั้งเครื่องจักรของพวกเรา แล้วก็ของพวกออร์คด้วยเช่นกัน "”
(เบเรน)
เธอกินแม้กระทั่งเหล็กอย่างงั้นเหรอ! กินได้หมดทุกอย่างเลยใช่ไหม หืม!พอผมมองไปที่หญิงสาวผู้ซึ่งเคยเป็นแมงมุมมาก่อน.. หญิงสาวญี่ปุ่นแสนสวยก็ทำหน้าเขินอายในทันที..
แสดงว่าเป็นความจริงทั้งหมดสินะแต่ว่าเรื่องราวก็ควรจะให้มันจบลงแบบนิทานนั้นแหละ.. เพราะถ้าหากเหล่าดวอร์ฟจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ มันก็คงจะดีที่สุดแล้ว ที่จะทำให้พวกเขาคิดว่าเจ้าแมงมุมกลายเป็นดอกไม้ดอกใหม่ที่พึ่งผลิบานถ้าอย่างนั้นก็โอเคหล่ะนะ..ดูเหมือนว่าเขายังอยากจะพูดต่อไป มาฟังเขาต่อกัน
" ฉะนั้น ผมก็เลยมีเรื่องจะขอร้องท่านมาโกโตะ ผู้ซึ่งครอบครองดินแดนแห่งนี้.. "”
(เบเรน)
อะไรอีกเนี่ย? แฟล็กอีกแล้วเหรอ? ผมอยากจะเดินทางไปที่เมืองจะตายอยู่แล้วนะ
" เรื่องอะไรเหรอครับ? "”
(มาโกโตะ)
" พวกเราอาศัยอยู่ในดินแดนรกแล้ง และสร้างอุปกรณ์ให้กับผู้อาศัยอื่นๆ.. ซึ่งการที่พวกเราอาศัยอยู่ในดินแดนที่สุดแสนอันตรายแห่งนี้.. เป็นเพราะพวกเราต้องการจะปกป้องชิ้นงานที่พวกเราได้สร้างขึ้น จากผู้ช่วงชิงต่างๆ เช่นแมงมุมดำตัวนั้น แต่ว่าสถานที่แห่งนั้นมันแห้งแล้งเกินไป... "”
(เบเรน)
จะว่าที่แห่งนั้นปลอดภัย มันก็ปลอดภัยจริงๆนั้นแหละ.. เพราะที่แห่งนั้นมันยากที่จะหาเจอ และโอกาสที่จะมีใครสักคนมาบุกรุก ก็ต่ำมากด้วยเช่นกันฉะนั้นก็เลยมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ที่ต้องการขโมยของของพวกเขา.. และดูเหมือนว่าแม้แต่เช็นเอง ก็ไม่รู้ว่าพวกเขามีฐานที่มั่นอยู่ที่แห่งนั้นเช่นเดียวกันถ้าไม่นับว่าสถานที่แห่งนั้นแห้งแล้งหล่ะก็ มันค่อนข้างปลอดภัยเลยหล่ะ
" ใช่ครับ.. ทรัพย์สมบัติอาจจะปลอดภัย แต่ว่าเรื่องอาหารและวัตถุดิบน่าจะขาดแคลนพอสมควร "”
(มาโกโตะ)
" ครับผม และสิ่งที่ผมต้องการจะขอร้องก็คือ.. "”
(เบเรน)
ผมเงียบไว้.. แต่ถ้าดูจากทิศทางที่บทสนทนานี่จะไปแล้วหล่ะก็ ผมก็รู้แล้วหล่ะว่าเขาต้องการจะขออะไร..
" ได้โปรดให้พวกเราได้มาอาศัยที่นี่ด้วย ได้ไหมครับ? "”
(เบเรน)
ใช่แล้ว ถ้าเทียบกับดินแดนรกแล้งนั้น.. สถานที่แห่งนี้ หรือก็อะโซระ ทั้งปลอดภัยและมีวัตถุดิบมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคิดถึงอนาคตแล้ว.. ถ้าหากมีการโยกย้ายจากเผ่าพันธุ์อื่นมาเพิ่มด้วยหล่ะก็ ความรู้และผลผลิตต่างๆเองก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันและ.. ผู้ที่ดูแล รวมไปถึงควบคุมโลกแห่งนี้ คือเช็นและอดีตภัยคุกคามอย่างเจ้าแมงมุม..
รวมไปถึงตัวผมด้วยดังนั้นคำตอบก็น่าจะแน่นอนอยู่แล้ว'เช็น'ดูเหมือนจะดีใจเป็นอย่างมาก.. เพราะว่าเผ่าดวอร์ฟ จะไม่ได้อพยพมาแค่คนเดียว แต่จะอพยพกันทั้งเผ่าพันธุ์..ยังดีที่คุณเบเรนไม่รู้สึกถึงความคิดของ'เช็น'..
แต่ผมไม่เคยเห็นใบหน้าของเช็นที่ดูมีความสุขถึงขนาดนี้มาก่อนเลยส่วนหญิงสาวซึ่งมีรูปร่างเป็นคนญี่ปุ่น และมีท่าทางที่สงบเสงี่ยม.. กำลังใช้ลิ้นของเธอเลียริมฝีปากเล็กน้อย.. ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นว่ามันน่ากิน.. ผมหมายถึง เธอดูมีความสุขด้วยเช่นกัน..
แต่ดูเหมือนผมจะต้องไปบอกเธอล่วงหน้าว่าห้ามกินผลงานของพวกเขาเด็ดขาดนะ
" ตกลงครับ "”
(มาโกโตะ)
" ตัดสินใจทันทีเลยเหรอครับ?! "”
(เบเรน)
" อืม.. ยังไงพวกเราก็ยังมีที่ดินที่ว่างอยู่ แล้วก็ถ้าหากพวกคุณสามารถอยู่อาศัยร่วมกันกับพวกออร์คได้หล่ะก็ พวกคุณอยากจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ "”
(มาโกโตะ)
" นะ..นั่นมัน.. แน่นอนอยู่แล้วครับ "”
(เบเรน)สีหน้าของเขาเหมือนกับจะสื่อว่า 'ข้อตกลงมีแค่นั้นเนี่ยนะ?' แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าหากเป็นแค่การขออาศัยอยู่ที่นี่ มันก็ไม่ได้กระทบอะไรผมอยู่แล้ว
" แล้วก็ ช่วยเหลือพวกเราในการก่อสร้างเมืองด้วย.. จัดหาอุปกรณ์ต่างๆให้กับพวกเรา..และในอนาคตข้างหน้านี้ พวกเราจะต้องขอค่าเช่าที่ดินด้วยเช่นกัน..และขณะเดียวกัน ข้าก็ต้องการให้พวกเจ้าทราบว่า เจ้าของดินแดนแห่งนี้ก็คือเจ้านายของข้าด้วย "”
(เช็น)
'เช็น'เริ่มที่จะยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมอันแล้วอันเล่า..ดูเหมือนว่าเธอจะเตรียมเงื่อนไขพวกนี้มาก่อนจะเริ่มบทสนทนาอีกสินะ
" เมืองงั้นเหรอครับ? อุปกรณ์กับค่าเช่าที่ดินเป็นสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว.. ไม่มีปัญหาครับ "”
(เบเรน)
ดูเหมือนว่าดินแดนอะโซระแห่งนี้.. จะดูสุขสบายกับการอยู่อาศัยสำหรับเขามาก ในหัวของผมมีภาพของเหล่าดวอร์ฟซึ่งมีนิสัยหัวดื้อเอามากๆ แต่ดูเหมือว่าเบเรนที่อยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ จะไม่ได้เป็นคนแบบนั้น.. แต่เป็นบุคคลที่เข้าใจและยินยอมในเรื่องพวกนี้ได้ เขายอมรับเงื่อนไขทั้งหมดที่เช็นพูดออกมา
" ใช่แล้วหล่ะ พวกเราวางแผนที่จะก่อสร้างเมืองในอนาคต.. และก็แน่นอน ข้าไม่ถือสาอะไรหรอกนะ ถ้าหากพวกเจ้าอยากจะย้ายทั้งหมู่บ้านมาด้วย "”
(เช็น)
" มันฟังดู... น่าสนใจมากเลยครับ.. อีกด้านหนึ่งของหมอก คือดินแดนอันอุดมสมบูรณ์และเมืองงั้นรึ ฟังดูน่าสนใจจริงๆ! "”
(เบเรน)
ดูเหมือนว่าคุณ'เบเรน'จะสนใจแผนก่อสร้างเมืองมากเลยนะ.. 'เช็น'โชคดีจริงๆ
" สำหรับท่านทั้งสามคน แน่นอนว่าพวกเราจะสร้างอาวุธให้ และผมก็คิดจะสร้างชุดเกราะให้กับพวกท่านด้วย "”
(เบเรน)
ให้เจ้าแมงมุมด้วยเรอะ? เธอจะไม่ยิ่งเป็นตัวอันตรายสำหรับพวกเขาเข้าไปอีกงั้นเหรอ?ไม่สิ.. ยังไงเธอดูน่ากลัวอยู่ดีนั้นแหละสำหรับเธอที่พูดว่า 'อร่อยจัง' ใส่หน้าผม ขณะที่ตัวผมพยายามจะฆ่าเธอ..
นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยในอีกความหมายหนึ่ง มันจะต้องน่ากลัวสำหรับพวกดวอร์ฟด้วยเช่นกัน.. ที่พวกเขาอาจจะถูกเจ้าแมงมุมกลืนกินงานสร้างต่างๆ โดยที่ไม่ทันรู้ตัว..ยิ่งไปกว่านั้น สาเหตุทั้งหมดนั้นก็เกิดจากการที่เธอหิวอีกด้วย.. นี่มันน่ากลัวกว่าวายร้ายทั่วๆไปอีกนะเนี่ย
" หึๆ ถ้าอย่างนั้น.. เป็นอันตกลงที่เจ้าจะพาพี่น้องดวอร์ฟของเจ้ามายังที่แห่งนี้.. ข้าจะเตรียมทางไว้ให้ "”
(เช็น)
" ครับผม.. ถ้าอย่างนั้น ผมจะกลับมาในอีกวันถึงสองวัน ได้โปรดรอผมด้วยได้ไหมครับ? "”
(เบเรน)
" ได้เลย ถ้าหากพวกเจ้าขนของที่จำเป็นทั้งหมดเสร็จให้มาบอกข้า.. ถ้าข้าได้รับสัญญาณเมื่อไหร่ ข้าจะเคลื่อนย้ายทั้งหมู่บ้านของเจ้าในทันที "”
(เช็น)
อีกแล้วรึ.. เป็นวิธีการเคลื่อนย้ายหมู่บ้านที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ถึงมันจะเป็นวิธีที่ง่ายด้วยก็เถอะ.. การขนย้ายของเองก็ลดเวลาลงได้เยอะเช่นกันก็แค่ทิ้งของไว้ในบ้าน เสร็จแล้วก็เคลื่อนย้ายบ้านทั้งหลังงั้นเหรอ?ถ้าหากใช้อะโซระเป็นสื่อกลาง เธอสามารถทำอะไรสักอย่างที่คล้ายๆกับการเคลื่อนที่ชั่วพริบตาได้งั้นสินะ?
หึๆ.. เมื่อไปถึงสถานที่ที่พวกเราจะต้องไปเยือนบ่อยๆ อย่างเช่นเมืองของมหนุษย์ ต้องลองถามเช็นดูว่าจะสามารถสร้างประตูเชื่อมจากที่แห่งนั้นได้ไหม
" ถ้าอย่างนั้น!! "
(เบเรน)
คุณ'เบเรน'วิ่งออกไปด้วยความเร็วราวกับลูกกระสุน.. เหมือนอย่างที่คิดเลย
" ผมสามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างปกติ "”
(มาโกโตะ)
ผมไม่รู้สึกอึดอัดเลยเวลาพูดคุยกับคุณ'เบเรน'.. บางทีผมอาจจะต้องการแค่แรงกระตุ้นนิดหน่อยมาตั้งแต่แรกแล้วหล่ะมั้ง?ไม่สิ.. ดวอร์ฟเองก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ อาจจะหมายความว่าตัวเขาเข้าใจในภาษาของมนุษย์?
" สมกับเป็นนายท่านจริงๆเลยน้า "”
(เช็น)
" ใช่แล้ว เยี่ยมยอดมากค่ะ "”
(แมงมุม)
ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่แน่ๆ.. เพราะการที่ผมสามารถพูดคุยกับแมงมุมได้ ก็เป็นเรื่องที่ดูยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว ถึงจริงๆจะเรียกว่า 'การพูดคุย' ได้รึเปล่าก็เถอะ
" ดูเหมือนว่าท่านจะเข้าใจในภาษาของเจ้าแมงมุมตัวนี้ด้วยเช่นกัน ช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ "”
(เช็น)
" และพลังเวทย์ของท่านก็หวานมากด้วย ช่างสมกับเป็นสุภาพบุรุษจริงๆเลยค่ะ "”
(แมงมุม)
เฮือก! ผมไม่รู้สึกยินดีด้วยหรอกนะ!เพื่อนชายที่สามารถนำไปกินได้ ประโยคแบบนั้นมันจะต้องไม่ใช่เรื่องที่คนชอบกันแน่ๆ..
เนื้อมนุษย์? ผมไม่อยากจะกลายเป็นอาหารเลยจริงๆ
" เอาหล่ะ.. มีบางอย่างที่ข้าอยากจะขอร้องนายท่าน "”
(เช็น)
ที่มา:https://my.dek-d.com/hitomi-yuriko/writer/viewlongc.php?id=1474392&chapter=16