ตอนที่ 33 ผู้บุกรุก
“เห….นี่คือดันเจี้ยน [ถ้ำธรรมดาๆ] สินะ?”
นักผจญภัยหนุ่มเดินเข้ามายังถ้ำที่เป็นที่ตั้งของดันเจี้ยน คนอื่นๆในปาร์ตี้ค่อยๆเดินตามหลังเขาเข้ามา ปาร์ตี้ของเขาทั้งหมดมีด้วยกัน 3 คน พวกเขารับภารกิจระดับ F ที่ให้สำรวจดันเจี้ยน จากทางกิลมา
“เฮ๊ยๆๆ ระวังหน่อยสิ ถึงยังไงนี่มันก็เป็นดันเจี้ยนนะเฟร้ย! มันอาจจะมีกับดักหรืออันตรายอะไรอยู่ก็ได้นะ”
“ก็ทางกิลบอกเองไม่ใช่รึ ว่าไม่ต้องกังวล ดันเจี้ยนนี้มีแต่แกนกลางดันเจี้ยนตั้งอยู่เท่านั้นแหละ”
“นั่นมันก็ใช่หละนะ….”
ถึงแม้ว่าเพื่อนของนักผจญภัยหนุ่มจะทักท้วง แต่หมอนี่ก็ยังบุกเข้ามาในดันเจี้ยนแบบไม่ระวังอะไรเลยสักนิด ทางเดินในดันเจี้ยนแยกออกเป็นซ้ายและขวา แต่ถึงแม้จะสำรวจไปลึกแค่ไหน ก็ไม่พบอะไรนอกจากเศษซากบานประตูไม้ที่ไหม้เกรียม
“ท่าทางว่าจะไม่มีพวกโจรเหลือรอดอยู่เลยแฮะ”
“นายคิดว่าพวกอัศวินจะปล่อยให้พวกโจรรอดไปได้ยังงั้นหรือ? ตามรายงานที่ได้รับมา เห็นว่าพวกโจรสุมหัวกันที่นี่ร่วม 20 กว่าคนได้”
“โห…เยอะน่าดูเลยนะ แต่โดนเก็บเรียบแบบนี้ พวกนี้มันไม่มีโชคเอาซะเลยนะเนี่ย”
“ดูนั่นสิ ท่าทางจะมีห้องอยู่ข้างหน้านั่นนะ ไปดูกันเถอะ”
กลุ่มนักผจญภัยบุกเข้ามาในดันเจี้ยนโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ก็เป็นไปตามที่คาด ที่ถ้ำนี้ไม่มีทั้งกับดักและมอนสเตอร์อยู่เลย แต่พอเข้าไปถึงห้องที่อยู่ด้านในสุด จู่ๆก็มีก็อบลินสิบตัวโผล่ออกมา ตามภารกิจที่ได้รับมา หน้าที่ของนักผจญภัยกลุ่มนี้คือกลับไปรายงานว่ามีก็อบลินกี่ตัวที่โผล่ออกมาจากแกนกลางของดันเจี้ยนนี้
ภารกิจง่ายๆแบบนี้ให้รางวัลตั้ง 1 เหรียญเงินเลยนะเนี่ย มันก็คล้ายๆกับภารกิจล่าก็อบลินนั่นแหละนะ ปกติแล้วสำหรับนักผจญภัยระดับ F นั้น กะอีแค่รับมือก็อบลิน 5 ตัวเป็นเรื่องง่ายมาก นักผจญภัยกลุ่มนี้มีกัน 3 คน ดังนั้นแค่ก็อบลิน 10 ตัวจึงไม่ใช่ปัญหาเลย
สุดท้ายพวกนักผจญภัยจึงมาถึงจุดที่แกนกลางดันเจี้ยนติดตั้งอยู่ จากนั้นก็มีก็อบลินอีก 5 ตัวโผล่ออกมาอีก แน่นอน นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย เพียงแค่ตวัดดาบกัน 2-3 ทีพวกก็อบลินก็ถูกจัดการได้หมด
“ฟู่ววว…โผล่มาทีละ 5 ตัวสินะ”
“ภารกิจเสร็จสิ้นสินะ แล้วคราวนี้เอาไงต่อดีหละ?”
นักผจญภัยคนนึงเดินมาที่แกนกลางดันเจี้ยน
“นี่สินะ แกนกลางหนะ…”
“ใช่แล้วหละ”
“เฮ้ ทำไมเราไม่ทำลายแกนกลางซะหละ?”
“หืมม?...พูดเรื่องอะไรของนาย ทางกิลย้ำกับพวกเราแล้วนี่ ว่าห้ามทำอะไรแบบนั้น!!”
“มันก็ใช่นะ แต่ว่าแกเคยได้ยินเรื่องที่อัศวิน จะได้เลื่อนชั้นเป็นอัศวินชั้นสูง จากการทำลายแกนกลางดันเจี้ยนไหม? คือว่านะ ถ้าเกิดเราทำลายแกนกลางดันเจี้ยนบ้าง พวกเราอาจจะแข็งแกร่งขึ้นก็ได้นะ ไม่แน่นะ เราอาจจะกลายเป็นนักผจญภัยระดับ A แบบก้าวกระโดดไปเลยก็เป็นได้”
“ระดับ A งั้นรึ…..”
พวกนักผจญภัยกลืนน้ำลายดังเอื๊อก สำหรับนักผจญภัยแล้ว การได้เลื่อนชั้นเป็นระดับ A นั้นเป็นดังความไฝ่ฝันของหลายๆคน พวกนักผจญภัยระดับล่างๆอย่างระดับ F และ E นั้น จะโดยหาเงินทองจากการทำภารกิจ แต่สำหรับนักผจญภัยที่อยู่ระดับ D ขึ้นไปแล้ว เรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
พวกนี้ได้รับเงินจากภารกิจมากพอที่จะใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ยิ่งเป็นรางวัลจากภารกิจระดับ B ขึ้นไปนั้น ค่าตอบแทนต่อภารกิจจะได้มากกว่า 1 เหรียญทองเลยทีเดียว นักผจญภัยที่ได้เลื่อนชั้นเป็นระดับ A นั้น ชื่อเสียงจะโด่งดังจนคนรู้จักไปทั่วโลก เหนือกว่าระดับ A จะเป็นระดับเหนือมนุษย์อย่างระดับ S กล่าวกันว่า ระดับ S เพียงแค่ 1 คนนั้น สามารถทำให้สมดุลของกำลังรบของโลกนี้สั่นคลอนได้ เรียกได้ว่าหากนักผจญระดับ S เอาจริงก็เป็นภัยต่อประเทศเล็กๆได้ไม่ยากนัก แต่จนถึงเดี๋ยวนี้ ยังไม่มีใครเคยไปถึงระดับ S มาก่อนเลย
“ถ้าทำแบบนั้น แล้วเกิดว่ามีใครมาสำรวจดันเจี้ยนนี้แล้วจับได้ว่าแกนกลางโดนทำลายไปแล้ว พวกเราจะตอบทางกิลว่ายังไง? แบบนั้นเราจะไม่โดนยึดบัตรนักผจญภัยหรือไงกัน?”
“ง่ายมาก เราก็แค่ไปแจ้งกับทางกิลก่อนเลยว่า แกนกลางมันโดนทำลายไปตั้งแต่ตอนที่เรามาถึงแล้ว แบบนั้นทางกิลก็จะไปสงสัยพวกโจร หรือพวกอัศวินแทนใช่ไหมหละ? แต่ว่าในเมื่อพวกโจรมันก็ตายหมดแล้ว แถมพวกอัศวินก็ไม่ใช่สมาชิกของกิลอีก ดังนั้นการสืบสวนต่อก็คงเป็นไปไม่ได้ยังไงหละ”
“เฮ๊ย! นายนี่มันอัจฉริยะชัดๆ!!”
จริงๆถ้าเป็นแบบนั้น พวกนี้ก็โดนจับได้ด้วยเครื่องจับเท็จแหงมๆ แต่ท่าทางพวกมือใหม่อย่างนักผจญภัยกลุ่มนี้คงจะไม่เคยรู้ว่ามีอุปกรณ์แบบนั้นอยู่ หลังจากที่ตกลงกันได้ข้อสรุปในเวลาไม่นาน พวกนักผจญภัยชักดาบออกมา แล้วก็แทงเข้าใส่แกนกลางดันเจี้ยน หนึ่งดาบ!! สองดาบ!! แกนกลางดันเจี้ยนยังไม่เป็นอะไรและดาบก็กระเด็นกลับไป
เศษดาบที่แตกและบิ่นจากการแทงกระเด็นร่วงลงพื้น แต่พอนักผจญภัยลงดาบครั้งที่ 3 ในที่สุดดาบของนักผจญภัยก็สามารถแทงทะลุแกนกลางดันเจี้ยนได้สำเร็จ เสียงเหมือนกับแก้วแตกดังกระจายไปทั่ว แล้วแกนกลางดันเจี้ยนก็แตกเป็นเสี่ยงๆ…..
*!!!?*
ผมสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมา ….เหงื่อเย็นเฉียบไหลเปียกชุ่มไปทั่วร่างกายผมตั้งแต่หัวจรดเท้า …ผมฝันร้ายสินะ ในฝันนั้น แกนกลางดันเจี้ยนถูกทำลายลงได้ ภายใต้เงื้อมมือของนักผจญภัยมักง่าย แกนกลางของดันเจี้ยนก็แตกสลาย ให้ตายเถอะ มานอนกลางป่ามันก็แย่พออยู่แล้ว ดันมาฝันร้ายแบบนี้อีก
เนื่องจากว่าพวกผมไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก สัมภาระที่ได้เตรียมมาก็มีแค่น้ำและอาหารเพียงเท่านั้น ผมได้แต่สั่งให้โกเลมชุดผ้าคอยเฝ้าระวังและจัดการกับอะไรก็ตามที่มารบกวนการนอนของผม แต่ทว่า การนอนบนพื้นดินกลางป่าที่ทั้งแข็งและหนาวเย็นนี่มันแย่ชะมัดเลย
ผมและ'มีท' วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อที่จะกลับมายังดันเจี้ยน แต่ตอนที่ออกมาก็เริ่มจะค่ำแล้ว ถึงแม้ว่าพวกผมจะไม่เจอมอนสเตอร์หรืออุปสรรคอื่นๆระหว่างทางกลับ แต่การวิ่งในป่ามืดๆนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ใบหน้าของผมฟาดเข้ากับกิ่งไม้ตามทางเป็นระยะๆ
จนสุดท้ายผมก็ตัดสินใจยอมแพ้และหยุดพักมันกลางป่านี่แหละ จะว่าไป ไอ้โกเลมชุดผ้านี่มันมองเห็นได้หรือป่าวนะ? หรือมันทำงานได้โดยไม่ต้องมองอะไรมาตั้งแต่แรกหว่า? อย่างไรก็ตาม ผมมาทบทวนเกี่ยวกับความฝันที่ผมเห็น นักผจญภัยบางคนมาเป็นนักผจญภัยเพื่อชื่อเสียงและเงินทองของตัวเอง จึงไม่น่าแปลกหากจะมีใครยอมแหกกฏของกิลเพื่อตัวเองโดยไม่สนใจคำเตือนของคนรอบข้าง จะว่าไปถึงแม้จะไม่ได้รับภารกิจจากทางกิล
บางคนก็อาจจะเข้ามาและทำลายแกนกลางของดันเจี้ยนเองก็ได้นี่นา และถึงแม้จะทำผิดกฏของกิลนักผจญภัยที่เมืองนี้ สุดท้ายก็แค่หนีไปแล้วไปสมัครเป็นนักผจญภัยที่เมืองอื่นแบบนั้นก็ได้หรือป่าวนะ? ….สรุปว่า ที่ผมยังรอดชีวิตอยู่ได้ถึงตอนนี้ ถือว่าโชคดีมากๆแล้วหละ มันไม่มีอะไรที่จะรับประกันได้ว่า เรื่องที่ผมคิดเมื่อครู่นี้จะไม่เกิดขึ้น ซักวันใดวันหนึ่ง แกนกลางดันเจี้ยนของผมคงต้องถูกทำลายลง ความฝันนั้นอาจจะเป็นภาพในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น หากว่าผมยังปล่อยให้ดันเจี้ยนของผมอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
“….งืมมม….ป๊ะป๋าค่ะ…ขออีก…..งืมมม…”
ผมมองไปข้างๆผม ตอนนี้มีทกำลังนอนหลับโดยที่กอดแขนผมไว้อยู่ …ถึงแม้ว่าอาจจะโหดร้ายไปนิดที่จะต้องปลุกเด็กน้อยที่กำลังฝันดีแบบนี้ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นะ ตอนนี้เป็นเวลาเช้ามืดทำให้ผมเริ่มจะพอมองเห็นขึ้นมาบ้างแล้ว ผมใช้เวท[ชำระล้าง] กำจัดเหงื่อที่เปียกชุ่มจนหายเหนียวตัว จากนั้นผมก็ปลุก'มีท' เพื่อที่จะเดินทางต่อ ….อุ๊บ!!....ปวดไปทั้งตัวเลย!!...แย่ชะมัด
ตอนที่เราไปถึงที่ดันเจี้ยน ก็เป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี แม้จะใช้เวลาไปมากกว่าที่คิด แต่สุดท้ายผมก็กลับมาถึงดันเจี้ยนของผมแล้ว …ตอนที่เราโผล่ออกมาจากป่า พอมองไปยังปากทางเข้าถ้ำ ผมเห็นภาพที่ทำให้ต้องตกตะลึง มีเก้าอี้และโต๊ะสีขาวสวยหรูตั้งอยู่ ยัย'โรคุโกะ'กำลังเพลิดเพลินกับการดื่มชายามบ่ายกับคุณหนูผมขาวคนนึง ข้างๆคุณหนูผมขาวมีพ่อบบ้านผมบลอนใส่ชุดพ่อบ้านสีดำยืนอยู่ข้างๆ ไม่สิ…นั่นมันผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่แต่งชุดพ่อบ้านชายนี่นา…
“อ๊า!! เคมะ!! ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ กลับมาไวจังเลยนะเนี่ย”
“….นี่เธอ….กำลังทำอะไรอยู่หนะ!?”
“เอ๋?...ก็เห็นๆกันอยู่ว่านี่คือเวลาดื่มชากับของว่างยามบ่ายยังไงหละ”
ยัย'โรคุโกะ'ยืนขึ้นพูดด้วยควมามภาคภูมิใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากรู้เฟร้ย ไอ้ดื่มน้ำชามันก็เห็นๆกันอยู่ แต่นี่หล่อนมานั่งดื่มน้ำชากับใครที่หน้าปากทางเข้าถ้ำกันหละเนี่ย?
“ท่านพี่หมายเลย 89 แวะมาเยี่ยมหนะสิ”
“เห..89…..หมายเลข 89…..เดี๋ยวนะ เธอคนนี้ก็เป็นแกนกลางดันเจี้ยนงั้นรึ!???”
“ใช่แล้วค่า…ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ…คุณเคมะ สบายดีไหมคะ?”
คุณผู้หญิงผมขาวนั่งยิ้มพร้อมกับโบกมือทักทายผมด้วยท่าทีที่ดูสง่างามยิ่งนัก ถึงแม้ว่าเธอจะแสดงออกด้วยท่าทีที่สุภาพและเป็นมิตรแต่ทว่า…. ผมเสียวสันหลังวาบเลยแหละ….
ที่มา:https://my.dek-d.com/grit/writer/viewlongc.php?id=1472768&chapter=33